ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้องอุปจาระ สมาธิ ก็เป็นพื้นฐานสำคัญ ( ถอดจิตได้ แยกกายทิพย์ได้ )  (อ่าน 6740 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
  ทุกอย่างที่ทำอธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าก่อนวิชาธาตุปีติ ยุคล สุข       

    ๑.ธาตุปีติ ยุคล สุข รวมกัน เรียกว่า ธาตุธรรมกาย ใช้ทำเป็นพื้นฐานแห่งอภิญญา จิตแก่กล้าใช้ตติยฌาน(สุข)ได้เลย ถ้ายังไม่แก่กล้าใช้ถึงจตุถะอรูปฌาน ถอยมา ตติยฌาน(สุข)
   
   
    ๒.ธาตุปีติอย่างเดียว เรียกว่า ธาตุปีติวิมุติธรรม  ทำให้กิเลสทั้งปวงหลุด  พิจารณาโดยวิธี บริกัมว่า นิพพาน 
 
    ๓.ธาตุธาตุยุคลหก เรียกว่าธาตุกายอมตะ ประโยชน์ใช้ทำจิตให้สงบจากกิเลส  พิจารณาว่า สงบ
   
    ๔. ธาตุสุขสมาธิเรียกว่า ธาตุสุขนิโรธธัม  ประโยชน์ ทางสุขอยู่ในความว่าง เอาพระนิพพานเป็นอารมณ์
   
    ธาตุปีติทั้งห้า (ธาตุเทวดา) ใช้ได้ทุกอย่างแล้วแต่จิต   

    ธาตุยุคล(ธาตุพรหม) ใช้ทางเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
   
    ธาตุสุข(ธาตุพระพุทธเจ้า)


    ธาตุกายสุข จิตสุข  มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ทำจิตเป็นสุข สยบกิเลส ธาตุ อุปจารพุทธานุสติ ใช้สยบมารทั้งภายนอก ภายใน ใช้สยบภายในภายนอก






ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญ สำหรับผู้ที่เจริญ ยุคคลธรรมหกประการ

ในกรรมฐาน จบในตัวทุกขั้น สมาธิ มีอานุภาพ ทุกขั้นสมาธิ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 20, 2010, 09:52:13 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ข้อความที่ปรากฏ นั้นเป็นข้อความ จากวิชากรรมฐาน หลวงปู่

เรียบเรียงโดย พระครูสิทธิสังวร

รายละเอียดศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม นะจ๊ะ

เจริญพร

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
  ๑.ธาตุปีติ ยุคล สุข รวมกัน เรียกว่า ธาตุธรรมกาย ใช้ทำเป็นพื้นฐานแห่งอภิญญา จิตแก่กล้าใช้ตติยฌาน(สุข)ได้เลย ถ้ายังไม่แก่กล้าใช้ถึงจตุถะอรูปฌาน ถอยมา ตติยฌาน(สุข)

จากข้อความ นั้นเป็นการสอน วิชชาธรรมกาย แบบวัดปากน้ำ หรือ วัดธรรมกาย หรือป่าวคะ

อีกอย่าง จะทำให้ถอด กาย และ จิต ได้อย่างไร คะ อ่านแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจ


 :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อ้างถึง
จากข้อความ นั้นเป็นการสอน วิชชาธรรมกาย แบบวัดปากน้ำ หรือ วัดธรรมกาย หรือป่าวคะ

ไม่ใช่ วิชาธรรมกาย ของวัดปากน้ำ หรือ วัดธรรมกาย

แต่เป็นวิชา ที่ถูกบันทึก ไว้ในวิชา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ที่แสดงโดย พระครูสิทธิสังวร

เจ้าคณะ 5 วัดราชสิทธาราม ชื่อวิชานี้ชื่อว่า วิชา ปีติ ยุคล สุข รายละเอียดการศึกษาหรือ ปฏิบัติวิชานี้

ก็เชิญที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม นะจ๊ะ

อ้างถึง
อีกอย่าง จะทำให้ถอด กาย และ จิต ได้อย่างไร คะ อ่านแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจ

ถ้าจะให้ถึงถอดกาย และ จิต ได้นั้น ถ้ายังไม่ขึ้นกรรมฐาน ก็ไม่มีคำตอบจ้า

ถึงขั้นกรรมฐานแล้ว ก็ต้องอยู่ที่ความพากเพียร

แต่พระอาจารย์สอนเอง จะไม่เน้นเรื่องพวกนี้ เน้นเรื่องเดียว คือการสละกิเลส นะจ๊ะ

แต่ผู้ฝึก ก็มีปณิธาน มาแตกต่างกัน บ้างก็ฝึก เพื่อสุขภาพ บ้างก็ฝึก เพื่อมีพลังจิต บ้างก็ฝึกเพื่อพระนิพพาน

แต่จะฝึกเพื่อปณิธาน ใด ๆ ก็ตาม ก็สอนการฝึกแบบเดียวกัน

สิ่งสำคัญ คือการวางอารมณ์ ในกรรมฐาน ว่า

    อยากได้ ก็คือ ไม่ได้ ไม่อยากได้ ก็คือ ไม่ได้ ต้องวางอารมณ์เป็นกลาง

  เป้าหมาย เพื่อการสละ จางคลาย จากกิเลส ไม่ใช่ เพื่อเป็นอย่างนั้น หรือ อย่างนี้ นะจ๊ะ
   

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Jojo

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 237
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
น่าสนใจมากคะ อยากให้อธิบายเพิ่มเติม มากเลยคะเรื่องนี้

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ฉันมาเพราะเธอนะ ยายกบ มาศึกษาธรรมะบ้าง ยินดีที่รู้จักทุกท่านคะ
ช่วยเมตตา แนะนำด้วยมิตรภาพ นะคะ

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เคยได้ยินว่าถ้าสมาธิแก่กล้ามากๆ บางวันนั่งสมาธิจะสามารถถอดจิตได้ อยากทราบว่ามีจริงไหม
การถอดจิตมันคืออะไร จ๊ะ มีการพิสูจน์ได้หรือไม่ จ๊ะ ว่าถอดจิตได้จริง ๆ

ปัจจุบันมีผู้ชำนาญด้านการถอดจิต กี่ท่านแล้วคะ ที่พอจะคุยกันได้คะ

  :25:
บันทึกการเข้า

kindman

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 272
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นำที่เขาเ่ล่ามาประกอบให้อ่านนะครับ


ผมเคยเป็นตอนฝึกเดินจงกรมนั่งสมาธิใหม่ ๆ
ตอนแรกผมไม่ได้สนใจเรียนว่าพระพุทธศาสนาสอนอะไร เพราะไม่เข้าใจในหลักคำสอนที่อาจารย์เอามาให้อ่านแต่หัวข้อ อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แถมยังน่าเบื่ออีกต่างหาก เวลาก็เริ่มผ่านไปมาจนถึงก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาจารย์มัลลิกา คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาคณิตศาสตร์(ข้าพเจ้าขอกราบในน้ำใจอันประเสริฐของท่าน) ได้พาน้องใหม่ปีหนึ่งไปเข้า คอร์สฝึกอบรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นระยะเวลา 7 วัน ที่วัดร่ำเปิง ในวันแรกท่านพระครูได้สอนกรรมฐานให้เราภาวนาพุทโธ 30 นาที ตามด้วยการเดินจงกรม 30 นาทีสลับกับไปมาอยู่อย่างนี้ทั้งวัน ไม่ให้คุยกัน ตอนนั้นท่านสอนอะไรมาเราก็ทำตามหมด บอกให้ไม่พูดก็ไม่พูด บอกให้มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาก็ทำ ในสองวันแรกร่างกายของผมเหมือนกับว่าจะหลุดออกจากกันให้ได้เพราะควาเมื่อยล้า และอยากจะหนีออกจากค่ายเป็นที่สุด แต่เมื่อผมเห็นคนอื่นยังทำกันได้ เราก็เลยอดทนต่อไป ในวันที่สามของการปฏิบัติ ผมต้องตื่นนอนตั้งแต่ ตีห้ามาสวดมนต์ จากนั้นเดินจงกรมนั่งสมาธิต่อจนถึง 7 โมง ช่วงระหว่าง 7-8 โมงเป็นเวลาพักรับประทานอาหารเช้า แต่ตัวข้าพเจ้าเองไม่อยากไปมาก เพราะเหนื่อยมากอยากนอนต่ออีกหนึ่งชั่วโมง และเราก็ไม่ค่อยหิวข้าวเช้าเท่าไหร่ จึงขึ้นไปนอนในห้องโถงบนตึกคนเดียว ก่อนที่จะนอนก็คิดในใจว่า เรามีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเอง จะทำอย่างไรให้เราหลับได้นะ ผมก็ได้นึกถึงคำสอนเราการภาวนาพุทโธ คิดว่าบางทีการภาวนาอาจจะทำให้เราหลับได้อย่างรวดเร็ว ผมจึงล้มตัวนอนลงและบริกรรมคำว่าพุทโธไปด้วย เนื่องด้วยร่างกายที่ได้รับการพักผ่อนทำให้กายเบาและจิตเบา ผมรู้สึกว่าวิญญาณตัวเองได้ค่อย ๆ หมุน และลอยขึ้น ลอยขึ้น จนในที่สุดหลุดออกจากร่างกาย หลังจากหลุดออกจากร่างกาย วิญญานของผมก็ได้ยืนอยู่ที่ปลายเท้าของตนเอง และได้มองเห็นร่างกายของตนเองนอนอยู่ ภาพที่เห็นมืดเหมือนตอนรุ่งสาง ไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจะมองเห็นได้ว่า มีใครบางคนยืนพึงกำแพง บ้างก็นั่งพิงกำแพง บ้างก็นั่งกอดเขา จิตจึงถามว่า พวกเขาไปใครก็ได้คำตอบว่า นี่ผีนี่หว่า จึงที่เกิดความกลัวมาก ๆ จึงกระโดดเข้าไปในร่างกาย และสดุ้งขึ้นมา ผมบอกได้เลยว่าผมมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และระยะเวลาที่จิตออกไปจากร่ายกายจนถึงกลับเข้ามาใหม่ประมาณ 6 วินาที ซึ่งไม่นานเลยสำหรับผม ตอนนั้นผมมีคำถามมากมายเกิดขึ้นภายในจิตใจว่าปรากฎการณ์ทางจิตที่เกิดขึ้นมันคืออะไร และเหตุการณ์นี้คือจุดเริ่มต้นของการแสวงหาคำตอบของผม

จากคุณ : พงศกร (pongsakorn28287)
บันทึกการเข้า