ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: Re:ผู้ปราถนานิพพานอันเกษม มิยอมพรากจากครูผู้บอกทาง  (อ่าน 1752 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
       โดยเฉพาะ ครูที่สอน มรรคผล นิพพาน ได้ ด้วยแล้วปัจจุบันหายาก  และบอกได้ยาก ก็ต้องแล้วแต่บุญวาสนา
             ครูอาจารย์ส่วนใหญ่ หลีกเร้นเก็บตัวจึงพบยาก   นั่นก็เป็นเรื่องของปฏิปทาในผู้ปฏิบัติชอบที่คือครู ครูผู้อุทิศตัวเพื่อพระพุทธศาสนา  ที่ไม่เคยทิ้งปณิธาน  ส่วนใหญ่่ มิได้ต้องการโด่งดัง และไม่ได้ต้องการแข่งอะไรกับใคร
            ท่านก็ต้องทํางาน ตามคําสั่งที่ได้รับมาจากครูอาจารย์ ทางนิมิต
     ซึ่งปัจจุบัน การจาริก.....ของผู้ประพฤติดีเหล่านี้  มิได้ใช้การเดินธุดงค์ เพราะปัจจุบัน มีรถโดยสาร ปัจจุบันมีร้านขายอาหาร  บางทีท่านก็ต้องใช้ร่วมกับคนทุกคน
        เพราะพระพุทธองค์ให้อยู่กับปัจจุบัน  ซึ่งก็คือ ปัจจุบันมีอะไรก็ใช้สิ่งนั้น ใช้ได้ทั้งหมด ที่มีในปัจจุบัน ใช้ได้ตามบัญญัติที่โลกมี
         ส่วนที่หลายคนรู้สึก        ว่าพระปฏิบัติใช้ร่วมกับคนไม่ได้ นั่น เป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เพราะอยู่ในโลก ผู้ปฏิบัติ หรือพระปฏิบัติ หรือคนธรรมดา ก็ต้องตามบัญญัติทั้งนั้น
        เพราะเราต้องใช้ไปตามโลก

            อย่าไปสร้างภาพอะไรไว้มาก ว่าพระปฏิบัติท่านต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เข้าใจผิด
 พระปฏิบัติท่านก็มีกายเนื้อเป็นมนุษย์ ท่านไม่ได้ถือตัวว่าคือผู้วิเศษซักหน่อย
      บางทีโลกไปยึดถืออายตนะที่เราไปตั้งกฏเกณฑ์เอาไว้เอง
  พระก็คือมนุษย์ต้องกินข้าว และต้องใช้ชีวิตแบบมนุษย์ เพราะท่านไม่ใช่ผู้วิเศษ จะได้เสกๆ เป่าๆ เอาได้ เข้าใจใหม

        ส่วนเรื่องปรมัตถ์ ก็เป็นเรื่องธรรมของตัวท่านเหล่านั้น เพราะเรื่องนี้เป็นธรรมภายใน จึงไม่สามารถไปอธิบายของท่านได้ แต่ท่านสอนบอกทางให้เราได้ก็เป็นพอ

        เป็นพระปฏิบัติก็ต้องใช้ชีวิต
                 เป็นคนธรรมดาก็ต้องใช้ชีวิต

            พระปฏิบัติกับคนธรรมดา ก็ต้องเดินสวนกันได้ ใช้ของทุกสิ่งได้เหมือนกัน ไม่มีแบ่งแยก

          เพราะพระพุทธองค์สอนสาวกให้อยู่กับปัจจุบัน คือไม่ได้ฝืน หรือขัดต่อโลก ตามโลก

 ก็ต้องอยู่ไปตามความเป็นจริง  ตามที่มี ตามที่เป็น ตามที่เกิด.........ตามปัจจุบันที่มี
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
          ครูอาจารย์ ท่านก็ยังต้องดํารงค์ชีวิต คือ เลี้ยงชีพ เพื่อดํารงค์ขันธ์ เหมือนกับคนทุกคน
   ท่านก็ต้อง การปัจจัยทั้งสี่ เป็นหลักใหญ่ เป็นเรื่องปกติ
                     เพื่อมีเรี่ยวแรงและกําลังที่จะต้องไปต่อ ทํางานต่อตาม ศรัทธา ตามปณิธานที่ท่านได้มุ่งมาศ มุ่งหมายเอาไว้

           พระที่สร้าง สร้าง สร้าง อย่างเดียวแต่ไม่ได้ สอนธรรมก็มี
                        พระที่ สอนธรรม แต่ไม่เน้นเรื่อง สร้าง สร้างก็มี

       บางทีเราอย่าไปเอาวสี คือความชํานาญ ในความถนัด ของพระสองแบบมารวมกัน มันจะทําให้เราเห็น ว่าอันนั้น ไม่ดี อันนี้ไม่ควรทํา ต้องเป็นอย่างนั้น เป็นแบบนี้ เราไปกําหนด จริตกรรมของพระทุกองค์ที่อยู่ในศาสนา เราไปกําหนดกฏเกณฑ์ ให้ท่านไม่ได้.......เพราะไม่ใช่เรา

           เพราะเห็นทําให้เป็นทุกข์  และเป็นสุข สุขก็ทุกข์ เพราะโดยขัดความสุขก็ทุกข์ เรามาปฏิบัติ เมื่อเราทั้งหลายมาประพฤติ ปฏิบัติภาวนา ก็เพื่อละ ตัวเห็น ดับธาตุที่เห็นทั้งหลาย ตามกระบวนการลําดับ ที่ท่านผู้รู้ทั้งหลาย สั่งสมภูิมปัญญาญาของท่านมา และสั่งสอนได้

           เพราะการอยู่ในโลกนี้ ทําให้เห็น ว่าทําอย่างไรเราควรจะตัด วงจร ที่ต้องมาเห็นแบบนี้ซํ้าซาก

 คือวงจรของวัฏจักรทั้งหลาย

         วัฏจักร ก็คือวัฏจักรธาตุ หรือวัฏจักรธรรม นี้เอง

       เราจึงต้องมาเรียน ธรรม และภาวนา เพื่อรู้ธาตุ เเละ เข้าถึงธาตุเข้าถึงธรรม เหตุก็เพราะต้องการ เพื่อตัดวงจรแห่งวัฏจักร................ก็คือไม่ต้องการมาเห็น........มาเกิด......หรือโผล่ขึ้นมาตรงที่มี ความร้อนในโลกนี้อีก

         บางทีตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้า นึกบ่น ว่าทําไมมันต้องอยู่ตรงนี้อีก ตื่นมาก็ต้องเห็นต้องรู้
  ความรู้เป็นทุกข์ ไม่รู้อะไรเลยได้ใหม

        พอรู้แล้ว ก็ต้องสลัดกาย อาบนํ้าเพื่อไป เผชิญ ในตารางสอนกรรมที่จิตวางไว้และ ก็ต้องไปทําซะด้วย

        นอนอยู่เฉยๆ แล้วมีกิน มีมั๊ย เลือกได้คงจะดี

                 ถ้าลูกไม่ร้องขอตังค์ ถ้าเมียไม่บ่น แต่ใครก็คงนอนไม่ได้หรอก เพราะมันเห็น ว่าต้องไป ต้องตื่น ออกไปทํางาน

            พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูอาจารย์ และพระธรรมคําสอน และการภาวนา จึงมีอํานาจแทรกอยู่ ตลอดเวลาในบัญญัติ ที่เป็นกิจโลกทั้งหลาย ที่เราต้องดํารงค์ชีวิตเลี้ยงชีพ

       อีกครึ่งหนึ่ง ก็คือเรานักภาวนาทั้งหลาย ไม่ย่อท้อ ต่อการภาวนา เพื่อละ ความเห็น ทั้งหลาย

      เพราะพระพุทธองค์ ตรัสไว้ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีควาบดับไปเป็นธรรมดา อย่างไม่ต้องสงสัย....ท่านทั้งหลายจงยัง ความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด

               
                         
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์