ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุและผลในการอธิฐานและการเลื่อนฐานจิตในพระกรรมฐาน  (อ่าน 1885 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
บางท่านที่ยังไม่ใช่ ศิาย์พระกรรมฐานอาจมีข้อสงสัยมาก ว่าทําไมจึงมีการอธิฐานมากจัง และการเลื่อนฐานขึ้น ๆ ลง ด้วยมากจัง ตรงนี้ขออธิบายไว้หน่อยว่าทุกอย่างมีเหตุและผล และผลนั้นเริมจากเหตุดี และตําราพระกรรมฐานนั้นมิได้มาเขียนขึ้นใหม่ตํารานั้นมีมาใช้มาแล้วตั้งแต่ยังไม่เกิด คําว่า พ.ศ. เรื่องการเดินจิตเลื่อนจิต อุปมา เหมือนนักกีฬาออกกําลังกาย เล่นกีฬาประเภทหนึ่งต้องการไปแข่งเพื่อชนะ ต้องมีการฟิตซ้อมเป็นอย่างดี อีกกตัวอย่าง ก็เหมือนการเรียนประถมมัธยม ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ครูที่สอนก็ต้องมี แบบเรียน ตํารา วิชชา ที่จะสอนเรา และมีอุบายมากมายที่จะให้เราสําเร็จ เพื่อให้เด็กนักเรียนสอบได้ที่ดีๆ จึงต้องมีการทบทวน เข้มงวด ในวิชชาการ ให้เด็กนักเรียนมีความชํานาญ มีวสี คือความชํานาญแคล่วคล่อง ว่องไว จนกระทั่ง เด็กนักเรียน ที่ได้ถูกฝึกฝน เก่ง และไม่กลัวอุปสรรค อะไร มีใจตั้งมั่น ในการเรียน การสอบ การแข่งขัน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มีเหตุและผล มีที่มาและมีทางไป ในพระกรรมฐาน จึงต้องมีวสี ในการอธิฐาน ฝึกฝน เหมือนดั่งการเรียน วิชชาโลกทั่วไป แม้กระทั่งเรื่องการประกอบอาชีพก็เช่นกัน ก็ต้องมีความชํานาญ และมี วสี ประสบการณ์ เรื่องพระกรรมฐาน ครูบาอาจารย์ ก็ได้นําแบบแผน ท่านก็สืบทอดมาจาก ตําราของเดิม เรื่องการเดินจิตเรื่องการอธิฐานเป็นต้นแบบเดิมทั้งหมด เพื่อผู้ศึกษาที่มีความตั้งใจปฏิบัติ ได้เรียนรู้ และปล่อยวาง ได้ชัดเจนจริง ตามแบบที่ครูบาอาจารย์ มุ่งหมายให้ผู้ปฏิบัติมีความสําเร็จตามที่อธิฐานต้องการ นักกีฬาฟิตซ้อมก็เพื่อชนะในการแข่งขัน จิตก็เช่นกัน จิตก็ต้องออกกําลังกาย เพื่อความรู้และปล่อยวาง เพื่อความสําเร็จในวิชชา จิตที่ตกเป็นทาสของความคิดก็คือตกเป็นทาสของกิเลสนั่นเอง ความคิดกับปัญญาคนละอันกัน ในที่นี้กล่าวถึงปัญญาญาณในภาวนามัย หากใช้ความคิดก็คงไม่พ้นโลกียะ ความคิดเป็นเหมือนดั่งลมพัด พัดไปเรื่อยๆ ถ้าลมหยุดพัดก็ลมหยุด ลมดับ ดับลม ดับรู้บรรดาพระอริยะทั้งหลาย ชอบบอกใบ้เอาไว้ ความคิดของมนุษย์ผู้ปฏิบัติ กับคําว่าปัญญา ที่พระอริยะเทศนา คนละอันกันอย่าได้ไปกล่าวให้เป็นอันเดียวกัน ไปยึดถือว่าความคิดของเราคือปัญญานั่นเป็นปัญญามันไม่ใช่ ถูกกิเลสอุปทานจิตหรอกให้ติดอยู่ในโลก.....เก็บมา..จํามาเล่าฝากกัน ขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสําเร็จ..กันทุกคน.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2011, 11:02:05 am โดย suchin_tum »
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

เสริมสุข

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 223
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สรุปแล้ว กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ผมวิเคราะห์ จากคำว่า แบบลำดับ ก็แสดงว่าต้องมีขั้นตอน ปกติ บางคนคิดว่าในชีวิตนั้นไม่มีขั้นตอนก็น่าจะใช่เพราะว่าชีวิตที่ถูกใช้กันอย่างไม่มีกำหนด นั้นเป็นการใช้ชีวิตมีขั้นตอน แต่ไม่ได้กำหนด นั่นเอง

  เช่น เวลาทานข้าว ต้อง ตักกับข้าว ราดที่ข้าว ช้อนตักใส่ปาก เคี้ยว กลืน เป็นต้น แต่ขั้นตอนพวกนี้มีอยู่ มิใช่ไม่มี
แต่ก็มีการปฏิบัติตามขั้นตอนบ้าง ไม่มีขั้นตอนบ้าง

  บางครั้งการกำหนดขั้นตอนมากมาย เกินไป ก็จะทำให้เหนื่อย และเกิดภาระ สุดท้ายก็จะไปจบที่การยึดถือขั้นตอนนั้น ๆ และผิดจากขั้นตอนนั้น ๆ ไม่ได้

  แต่การภาวนาเป็นสิ่งที่วัดออกมา เป็นขั้นตอนนั้นลำบาก ก็ต้องขอบคุณพระอาจารย์ต่าง ๆที่ทำการบันทึกวิชา
ที่เรียกว่ากรรมฐาน ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียน ได้อ่าน ได้ศึกษา ปฏิบัติภาวนาตามกันเพื่อความสินไปแห่งทุกข์ได้

  โดยเฉพาะพระอาจารย์ราหุล และศิษย์สายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ ทัี้งหมดในยุคนี้ ก็ หลวงปู่สุก
ที่สืบทอดไว้และผู้ที่ทำการเผยแผ่ อยู่

  สรุปแล้ว กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐาน ที่มีขั้นตอน อย่างชัดเจน ครับ

  :25: :13: :13:
บันทึกการเข้า
อยากได้รับความสุข จาก ธรรมะ อยากได้รับ ..... แหมก็อยากนี้จ๊ะ