ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - paisalee
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
161  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ไหว้สักการะ หลวงพ่อองค์ดำ วัดหน้าพระลาน สระบุรี เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 05:37:41 pm
วัดหน้าพระลาน
          วัดหน้าพระลาน ตั้งอยู่เลขที่ ๑๔๘ บ้านหน้าพระลาน หมู่ที่ ๑ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๒ งาน ๘๐ ตารางวา โฉนดเลขที่ ๗๒๓๙ อาณาเขต ทิศเหนือยาว ๑๒๑ ยาว ติดต่อกับตลาดสุขาภิบาลหน้าพระลาน และทิศใต้ยาว ๔๖ วา ติดต่อกับตลาดหน้าพระลาน ทิศตะวันออกยาว ๕๐ วา ติดต่อกับถนนพหลโยธิน สายลพบุรี – กรุงเทพ ทิศตะวันตกยาว ๔๖ วา ติดต่อกับบ้านเรือนของประชาชน

          กุฎีสงฆ์ จำนวน ๑๓ หลัง เป็นอาคารไม้ตึก และครึ่งตึกครึ่งไม้ นอกจากนี้มีฌาปนสถาน และศาลาปรกด้วย สำหรับปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถ ขนาดพระเพลากว้าง ๓ ศอก ๙ นิ้ว ที่วิหารมีหลวงพ่อ       ศิลาแล นอกจากนี้มีอีกหลายองค์

          วัดหน้าพระลาน สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ โดยมีนายสุวรรณ ฉ่ำใจหาญ เป็นผู้ดำเนินการสร้างวัด เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๕ เมตร ได้ผูกพัทธสีมา วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๓ ทางวัดมีการสอนปริยัติธรรม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็นต้นมา

สมเด็จพระพุทธองค์ดำ

           ถ้าหากท่านเคยไปที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ นาลันทา เมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย นอกจากท่านจะเห็นซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยสงฆ์แล้ว ท่านยังจะได้เห็นพระพุทธรุปองค์หนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเขตรั้วของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทางด้านทิศตะวันตก ภายใต้  เพิงหลังคาและฝากั้นพอคุ้มแดดกันฝนได้ อยู่อย่างโดดเดี่ยวแทบจะไม่มีใครเหลียวแล เพราะอยู่ท่ามกลางชนศาสนาอื่น เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินสีดำ หน้าตักกว้าง 60 นิ้ว พระเกตุทรงบัวตูม   ปางสมาธิ องคุลีของพระหัตถ์ขวาทั้งหมดชี้ลงธรณี แม้บางคงคุลีและพระนาสิกจะหักบิ่นไป แต่ก็ยังทรงความงดงามอยู่มิได้จืดจาง

          จากบันทึกของปิลาชิง ทำให้เราได้ทราบว่า พระพุทธรูปพระพุทธองค์ดำ นี้ สร้างเมื่อสมัยพระเจ้าเทวปาล คือ ระหว่าง พ.ศ.1353-1393 และเมื่อปี พ.ศ.1766 นั้น คนศาสนาหนึ่งเผยแผ่ศาสนาโดยใช้กำลังอาวุธ ใครไม่นับถือศาสนาของตนจะต้องโดนทำร้าย จะต้องถูกทำร้าย โดยเฉพาะผุ้ที่นับถือศาสนาพุทธ ถือว่าเป็นศัตรูตัวสำคัญ จะต้องถูกทำลายไม่ว่าจะเป็นคนหรือสมบัติทางศาสนา จนกระทั่งยึดครองดิน แดนชมพูทวีปฝ่ายเหนือทั้งหมดนั้น ซึ่งมี           อิคเทียร์ซิลจิ เป็นหัวหน้าพาสมัครพรรคพวกถืออาวุธเข้าห้ำหั่น ชาวพุทธ ทุบทำลายเผา ตำรับ ตำรา สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ที่เมือง       ราชคฤห์ ก็ต้องตกเป็นเป้าหมายของการทำลายโดย มิได้ละเว้น พระพุทธรูปก็ถูกทุบทำลายไม่ให้เหลือ เป็นการเผยแผ่ศาสนาของตนด้วยการทำลายศาสนาอื่น ใช้อำนาจ อาวุธ และกำลังคนที่เหนือกว่าเป็นการบังคับให้คนอื่นศรัทธาในศาสนาตน เมื่อได้ทำลายจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ยกกองทัพกลับไป เหลือไว้แต่ซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาและเศษศาสนวัตถุอื่น ๆ เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก

           จากการบันทึกของท่าน ตารนาท ธรรมสวามิน ปราชญ์ เขียนเอาไว้ว่า พอกองทัพศาสนานั้นยกกลับไปแล้ว พระนักศึกษาและพระอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเหลืออยู่ประมาณเจ็ดสิบรูป ก็พากันออกมาจากที่ซ่อน ทำการสำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่รวบรวมเท่าที่จะหาได้ ปฏิสังขรณ์ตัดทอนกันเข้า ก็พอได้ใช้สอยกันต่อมา และท่านมุทิตาภัทร รัฐมนตรีของกษัตริย์ในสมัยนั้นได้จัดทุนทรัพย์ในทศวรรษหนึ่งส่งไปจากมคธ เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่นาลันทาขึ้นมาใหม่ แต่ก็ทำได้บางส่วนเท่านั้น ก็ยังดีที่ยังคงดำรงเป็นวัดอยู่ต่อมา

           จนกระทั่ง    เมื่อชาวอังกฤษเข้ายึดครองอินเดีย ได้มีนักโบราณคดี ชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อท่าน เซอร์คัมนิ่งแฮม ได้อ่านบันทึกของพระถังซำจั๋ง  ซึ่งเป็นพระจีนที่เคยเดินทางจากประเทศจีนไปศึกษาพระพุทธ ศาสนา ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาถึงสิบสี่ปี ได้บันทึกเหตุการณ์และสถานที่สำคัญต่าง ๆ เอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งเมื่อ เซอร์คัมมิ่งแฮม ได้อ่านดูแล้ว ก็ให้เกิดความอยากเห็นข้อเท็จจริงตามนิสัยของนักโบราณคดี จึงได้มอบหมายให้  เอ เอ็ม พรอดเล่ย์ และดอกเตอร์สปูนเนอร์ สองสหายไปทำการขุดค้นหาปูชนียวัตถุตามบันทึกนั้น ก็ปรากฏว่าได้พระพุทธ รูปมากมายหลายองค์ ส่วนมากจะเสียหายหักบิ่นจากการถูกทำลายของ มาร ดังกล่าว จึงส่งเข้าไปรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประเทศอังกฤษ

          ส่วนพระพุทธรูป สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ดำนั้น ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงไม่ถูกส่งไปอังกฤษด้วย และเป็นพระพุทธรูป องค์เดียวที่ยังคงความสมบูรณ์ที่สุด จะมีหักบิ่นนิดหน่อยเฉพาะที่พระนาสิก และพระองคุลีข้างขวาเท่านั้น สรุปแล้วก็คือ เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้น ที่เหลือรอดจากการถูกทำลายของมาร และไม่ถูกอังกฤษยึดไป นับเป็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งนัก จึงทำให้ประชาชนผู้ทราบข่าวต่างมากราบไหว้บูชา ขอบารมีช่วยคุ้มครองดลบันดาลให้ประสพโชคดีตามที่ปรารถนาจำนง

          บางคนก็นับถือศรัทธาว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ เวลาลูกไม่สบายก็พากันเอาน้ำมันเนยมาทาที่องค์พระท่านก่อน แล้วลูบเอาน้ำมันเนยนั้นกลับมาทาตัวลูกอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ลูกหายเจ็บป่วย หายงอแง กินข้าวได้ อ้วนท้วนสมบูรณ์ จนหลายคนขนานนามท่านว่า หลวงพ่อน้ำมัน หรือภาษาอินเดียว่า เตลิยะบาบา และบางคนก็ขนานนามท่านว่า หลวงพ่ออ้วน หรือภาษาอินเดียว่าโมต้าบาบา

           ใกล้ ๆ กันนั้นมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่งหรือภาษาอินเดียว่า โมต้าบาบา และเอาน้ำในบ่ออาบกายตน ทำให้โชคดีมีสุข และเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของพระพุทธรูป สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ดำ องค์นี้ ก็เลยพากันมาบนและแก้บน โดยเอาน้ำมันเนยมาทาลูบไล้ และดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา เอาข้าวสารมาไหว้ถวาย ซึ่งถือว่าเป็นการเคารพและศรัทธา จนขณะนี้ ข่าวความศักดิ์สิทธิ์แพร่กระจายออกไปทั่ว แม้กระทั่งคนไทยในเมืองไทย ว่าถ้าไปอินเดียต้องไม่เว้นที่จะไปแวะกราบไหว้นมัสการท่าน ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา เมืองราชคฤห์นี้ ส่วนผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ไป ก็กระหายที่จะกราบไหว้บูชาท่านเพียงแต่ขอบารมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้ ๆ

          ครั้งหนึ่ง พระครูสิริภัทรกิจ เจ้าคณะอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรีได้เดินทางไปประเทศอินเดียและได้ไปนมัสการพระพุทธรูป สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ดำ ได้เห็นพระพุทธลักษณะอันงดงาม ถูกต้องตาม

          พระมหาปุริสลักษณอสีตยานุพยัญชนะทุกประการ ช่างเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก พร้อมทั้งได้ทราบถึงความศรัทธาของประชาชนทั่วทุกสารทิศที่มีต่อท่าน จึงคิดว่าน่าจะจำลองแบบมาหล่อที่เมืองไทย และสวดพุทธาภิเษก โดยพระเถรานุเถระจำนวนมาก แล้วส่งกระจายไปประดิษฐานตามวัดวาอารามต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ให้คนได้กราบไหว้บูชา โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงประเทศอินเดีย ก็คงจะให้ผลเหมือนไปกราบท่านถึงที่นาลันทา เพราะจิตใจเรามุ่งมั่นจดจ่อศรัทาต่อพระองค์ท่านอยู่แล้ว ดังนั้น

          จึงได้ทำการหล่อจำลองทั้งลักษณะและขนาดเหมือนองค์จริงทุกประการ ทั้งยังได้รับพระราชทาน

          ตราพระราชสัญจกรณ์ หาสิบปีกาญจนาภิเษก สถิตไว้ที่ผ้าทิพย์กึ่งกลางฐาน จำนวน 999 องค์ และยังหล่อขนาดรอง ๆ ลงมาอีก ซึ่งขณะนี้ได้นำไปประดิษฐานตามที่ต่าง ๆ แล้วจำนวนหลายร้อยองค์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, เยอรมันนี, อินโดนีเซีย, บังคลาเทศ, มาเลเซีย, เนปาล, ธิเบต, อินเดีย, เขมร, สาธารัฐประชาธิปไตประชาชนลาว, สหภาพเมียนม่าร์, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน และ ประเทศศรีลังกายังความเลื่อมใสศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ที่หลั่งไหลไปแจ้งความจำนงขอเป็นเจ้าภาพร่วมสร้าง  พระพุทธรูปพระพุทธองค์เจ้าดำ
162  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมปฏิบัติธรรม วัดท่าพง สระบุรี ได้ทุกวันนะจ๊ะ เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 05:26:30 pm
   

การขอยก วัดท่าพง (ร้าง) จังหวัดสระบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๗/๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๑ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระบุรีได้มีบันทึกข้อความ ที่ พศ ๐๐๖๙/๔๙๔ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๘ แจ้งว่า ได้ส่งรายงานการขอยก วัดท่าพง (ร้าง) ตำบลตะกุด อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา โดย พระราชรัตนสุธี ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา-แห่งชาติ คือ นางฐิติรัตน์ ลำดวน นายอภินันท์ สิทธิสินธิ์ และนางสาลี่ รัตนวรรณวิมล ได้ไปตรวจสอบแล้ว มีความเห็นสรุปดังนี้
วัดท่าพง (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ บ้านท่าพง หมู่ที่ ๕ ตำบลตะกุด อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ที่ดินของวัดมีจำนวน ๑๖ ไร่ ๒ งาน ๔๗ ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๒๔๒๓ แต่มีหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เลขที่ ๔ จำนวนเนื้อที่ ๒๔ ไร่ ๓ งาน
อาคารเสนาสนะที่สร้างแล้ว คือ ศาลาปฏิบัติธรรม กุฏิสงฆ์ ๗ หลัง และห้องน้ำ ๒ หลัง จำนวน ๑๓ ห้อง
มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ๕ รูป
ระยะห่างจากวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาในละแวกใกล้เคียง
- ทิศเหนือ ห่างจากวัดผึ้งรวง ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร
- ทิศใต้ ห่างจากวัดแก่งขนุน ประมาณ ๔ กิโลเมตร
- ทิศตะวันออก ห่างจากวัดตะกุด ประมาณ ๔ กิโลเมตร
- ทิศตะวันตก ห่างจากวัดบ้านกล้วย ประมาณ ๒ กิโลเมตร
มีประชาชนให้การสนับสนุนทำนุบำรุงวัดประมาณ ๑,๒๐๐ คน
การขอยก วัดท่าพง (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองและเจ้าคณะพระสังฆาธิการ เจ้าสังกัดตามลำดับ จนถึงเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และพระพรหมเวทีผู้พิจารณากลั่นกรองการขอยกวัดร้างฯ ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว พร้อมกับมีบัญชาให้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา
ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบให้ยก วัดท่าพง (ร้าง) ตำบลตะกุด อำเภอเมือง-สระบุรี จังหวัดสระบุรี ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา




จึงขอเชิญ พุทธศาสนิกชน ที่มีความสนใจในธรรม พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ในสายวัดหนองป่าพง

มาร่วมปฏิบัติธรรมภาวนาเจริญจิต ได้ทุกวัน มีสถานที่พัก สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม








163  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / วัดเก่าแก่ ของสระบุรี มีประวัติเป็นเมืองเก่า ของสระบุรี เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 05:12:59 pm
ไปดูจิตรกรรมวัดจันทบุรี ที่อยู่ในเมืองสระบุรี

สงสัยไหมว่าชื่อวัดจันทบุรี แล้วทำไมไปอยู่ในจังหวัดสระบุรี



วัด จันทบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ตำบลเมืองเก่า อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยไหน  เหตุที่ชื่อว่าวัดจันทบุรีสันนิษฐานได้ว่าชุมชมเก่าแก่ที่อยู่ล้อมรอบวัด แห่งนี้น่าจะเป็นชาวลาวที่อพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ราวรัชกาลที่ 3 ชื่อ "จันทบุรี" จึงน่าจะเป็นการตั้งชื่อตามเมืองเวียงจันทน์เพื่อเป็นที่ระลึกถึงนั่นเอง

ทุก วันนี้ถ้าเราจะไปชมความงามของพระอุโบสถแห่งนี้ อาจดูได้แต่เฉพาะด้านนอกเนื่องจากตัวอาคารชำรุดมาก  ผนังด้านหลังพระประธานแทบจะดีดตัวออกจากกัน เห็นเป็นรอยแยกอย่างเด่นชัด  อาคารหลังนี้ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานโดยปิดตายรอการอนุรักษ์จากกรมศิลปากร 


รอยแตกร้าวของผนังหลังพระประธานด้านนอก

ลักษณะ ของพระอุโบสถเป็นอาคารขนาดไม่ใหญ่นัก รูปทรงสอบขึ้นด้านบน มีงานปูนปั้นประดับเครื่องถ้วยแบบจีนปรากฏให้เห็นที่บริเวณหน้าบัน  ไม่ปรากฏช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ซึ่งคงรับอิทธิพลศิลปะจีนซึ่งเป็นอาคารแบบพระราชนิยมรูปแบบหนึ่งในสมัย รัชกาลที่ 3  ภายในเป็นอาคารโถง ไม่ปรากฏแนวเสา  มีงานปูนปั้นประดับกรอบประตูหน้าต่างแบบเดียวกันกับหน้าบัน

บริเวณ ภายในพระอุโบสถมีงานจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบ  ซึ่งอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างชำรุดอย่างมาก  ร่องรอยของภาพเขียนเริ่มปรากฏราว 80 เซนติเมตรจากพื้นล่าง ที่น่าสนใจคือการเขียนลายผ้าม่านด้านหลังพระประธาน ลายดอกไม้ร่วง และเทพชุมนุม งดงามไม่แพ้ที่อื่นๆ 



จิตรกรรมภายในพระอุโบสถที่มีสภาพชำรุดอย่างมาก

เนื้อหา ในงานจิตรกรรมโดยทั่วไปเหมือนกับวัดอื่นๆ คือนิยมแสดงเรื่องพุทธประวัติ และชาดกต่างๆ เพื่อบอกเล่าคำสอนทางพุทธศาสนา เช่น พุทธประวัติตอนออกบวช  มารผจญ ฯลฯ ชาดกที่นำมาเล่ามักอยู่ในกลุ่มทศชาติชาดก เช่น เตมียชาดก พระมหาชนกชาดก เป็นต้น 




พุทธประวัติตอนออกบวช หรือ มหาภินษกรมณ์



พระมหาชนกชาดก ที่ปรากฏเป็นภาพเรือแตกท่ามกลางมหาสมุทร โดยพระชนกได้รับการช่วยเหลือบริเวณมุมบนซ้ายของภาพ สังเกตวิธีการเขียนน้ำของคนโบราณที่เขียนเป็นลายเส้นแบบเกล็ดปลา

 

จิตรกรรม ที่นี่มักได้รับการอ้างอิงในการกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนหลากหลาย ชาติพันธุ์ในภาคกลางสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่น ลาว จีน ไทยวน ไทสยาม ฯลฯ  ซึ่งทุกวันนี้แทบจะไม่ปรากฏเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์ใด ๆ ให้เห็นอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ทรงผม ความเชื่อ สภาพบ้านเรือน ฯลฯ แม้กระทั่งภาษาพูด



ตัวอย่างชาวไทยวนกำลังเดิน ทางไปทำบุญที่วัด ที่ระบุว่าเป็นชาวไทยวนให้ดูการนุ่งซิ่นยาว และไว้ผมยาวมุ่นมวยที่ท้ายทอยซึ่งต่างจากชาวไทยสยาม

 

งาน จิตรกรรมแห่งนี้นอกจากจะมีประโยชน์ในการเล่าเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ในชุมชนแห่งนี้แล้ว ยังมีคุณค่าในการบันทึกวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในสมัยต้นรัตน โกสินทร์อีกด้วย 

ณ วันนี้ถ้าเผื่อมีใครผ่านไปผ่านมาแถวตัวเมืองเก่า อำเภอเสาไห้ สระบุรี เห็นชื่อวัดแล้วก็อย่าแปลกใจ ให้รู้ไว้ว่ายังมีคนชาติพันธุ์อื่นๆ อีกมากมายที่ร่วมกันเป็นชาวไทยทุกวันนี้ อย่างน้อยก็ชาวลาวเวียงจันทน์ ที่เป็นเพื่อนบ้านของเรานี่เอง

ที่มาครับ

http://mblog.manager.co.th/leknuaon/th-77507/
164  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระกรุ วัดดาวเสด้จ ขึ้นชื่อนะครับ คนสระบุรีควรรู้จักครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 05:07:03 pm
สระบุรี" เป็นจังหวัดสำคัญในด้านโบราณสถานทางพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ และประเพณี โดยมีวัดอันเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ คือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาท ศูนย์รวมแห่งพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่


 ด้วย เหตุที่ จ.สระบุรี เป็นหัวเมืองสำคัญหนึ่งในประวัติศาสตร์ มีการขุดพบพระกรุในจังหวัดอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญ พระในแต่ละกรุล้วนมีศิลปะเชิงช่างที่คลาสสิก งดงามตามสมัย รวมทั้งสูงด้วยพุทธคุณ และมากด้วยประสบการณ์ พระกรุสำคัญๆ ของสระบุรี มีดังนี้

 กรุวัดดาวเสด็จ เป็นกรุพระใหญ่ที่สุดของ จ.สระบุรี พบทั้งเนื้อดินและเนื้อชินบรรจุอยู่ในกรุ ทั้งนี้ กรุวัดดาวเสด็จตั้งอยู่บริเวณตัวเมือง จ.สระบุรี (ริมแม่น้ำป่าสัก) ใกล้ๆ กับ ร.ร.อนุบาลสระบุรี มีตำนานเล่าถึงพระกรุนี้ไว้ว่า

 แต่ก่อนนั้น บริเวณวัดมีเจดีย์ใหญ่ ก่อสร้างจากศิลาแลง เมื่อถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนา ผู้คนที่อยู่ย่านนั้นจะเห็นแสงไฟสว่างเป็นดวงๆ  สว่างพุ่งลงมาจากฟ้า ลงสู่เจดีย์ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงความอัศจรรย์นี้กันทั่ว จึงเป็นที่มาของชื่อวัดที่ว่า “วัดดาวเสด็จ”

 อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ได้มีการขุดพระเครื่องได้จากเจดีย์องค์ดังกล่าวแล้ว ก็ไม่มีใครพบความมหัศจรรย์แห่งแสงนั้นอีกเลย

 พระ กรุวัดดาวเสด็จนี้ ที่เป็นพระเนื้อดิน และนิยมมาก คือ พระนางพญา วัดดาวเสด็จ เป็นพระเครื่องที่มีรูปทรงสามเหลี่ยม เช่นเดียวกับพระนางพญาจังหวัดอื่นๆ มีขนาดประมาณ ๒.๕ ซม.

 พุทธ ลักษณะ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งทรงมารวิชัย ลอยเด่นอยู่กึ่งกลางพระทรงสามเหลี่ยม แสดงถึงศิลปะช่างอยุธยายุคต้น อย่างโดดเด่น และงดงาม มีพุทธคุณสูงทั้งด้านค้าขายและคงกระพัน เป็นที่กล่าวขวัญและหวงแหนของคนสระบุรีเป็นอย่างยิ่ง

 ขณะเดียวกัน ยังพบพระเนื้อดินพิมพ์อื่นๆ ปนอยู่ด้วย เช่น พระนารายณ์ทรงปืน พระแผงนาคปรก ส่วนพระเนื้อชินที่พบนั้น มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้กรุอื่นๆ เลย

 พระ ที่พบส่วนใหญ่ เป็นพระปางปรกโพธิ์ มีหลายขนาด ที่สำคัญคือ  ลักษณะขององค์พระไม่ว่าจะเป็นแบบใด จะมีพุทธลักษณะทรวดทรงเป็นมารวิชัย แบบทรงเครื่องเดียวกันทั้งหมด

 นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการฝากไว้ในกรุและวัดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย เช่น วัดชุ้ง และวัดเพชร ซึ่งมีพุทธลักษณะแตกต่างออกไปเล็กน้อย

 กรุวัดต้นตาล พระที่พบในกรุนี้ เป็นพระเครื่องเนื้อชิน ที่มีพิมพ์ทรงใกล้เคียงกับพระกรุยอดขุนพลของ จ.กาญจนบุรี นั่นคือ “พระท่ากระดาน” แต่มีขนาดย่อมกว่าเล็กน้อย

 พระกรุวัดต้นตาล เป็นพระที่แตกกรุมาประมาณ พ.ศ.๒๕๐๔ แต่ด้วยอายุการสร้างสมัยอยุธยา พระที่พบจะเป็นเนื้อตะกั่วสนิมไขขาว ไม่ปรากฏสนิมแดงจัด เหมือนกับพระท่ากระดาน จ.กาญจนบุรี

 พระกรุของ จ.สระบุรี นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายกรุ เช่น กรุวัดเพชร กรุวัดมะกรูด กรุวัดสมุหะ กรุวัดบ้านกล้วย กรุวัดม่วงงาม กรุวัดขอนชะโงก และกรุวัดหนองแซงใหญ่ เป็นต้น
165  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชมความยิ่งใหญ่ของเรือยาว ศิลปะภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยที่ตำนานเทพนรสิงห์ ในวัดเสาไห้ เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 05:04:24 pm
ชมความยิ่งใหญ่ของเรือยาว ศิลปะภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยที่ตำนานเทพนรสิงห์ ในวัดเสาไห้

คน ไทยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับสายน้ำธรรมชาติ และมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติมายาวนาน ในเทศกาลบุญผ้าป่า บุญทอดกฐินในเทศกาลออกพรรษา และเลยไปถึงงานลอยกระทง จึงนำเรือซึ่งเป็นพาหนะสำคัญในการสัญจรมาแต่อดีต อัญเชิญผ้าป่า ผ้าห่ม หรือกฐิน ไปทอดถวายตามคุ้มวัดต่างๆ ที่อยู่ริมน้ำทั่วไป ระหว่างนี้เองจึงมีการประลองฝีพายของคุ้มบ้านและคุ้มวัดต่างๆ ก่อกำเนิดเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามบนสายน้ำ และวิวัฒนาการมาเป็นการแข่งขันเรือยาวประเพณี อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรในวิถีชีวิตของชาวไทย สืบทอดกันมาจวบจนปัจจุบัน

ใน สนามแข่งขันของเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นสนามหน้าวัดของท้องถิ่นนั้น ๆ ที่วัดเสาไห้ก็เช่นกัน เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านการแข่งเรือยาวมาช้านาน และตลอดย่านลำน้ำป่าสักที่ทอดยาวมาหลายจังหวัด คงจะไม่มีใครไม่เคยได้ยิน กิตติศัพท์ความฉกาจฉกรรจ์ของเรือ เทพนรสิงห์ และเรือ เทพนรสิงห์ 88 ซึ่งเป็นเรือตำนานอมตะ ที่ทำชื่อเสียงให้แก่อำเภอเสาไห้ และจังหวัดสระบุรีเป็นอย่างมาก กวาดรางวัลชนะเลิศประเพณีการแข่งเรือยาวต่าง ๆ มาแล้วมากมายทั่วประเทศ ถือว่าเป็นเรือที่ดุดันทั้งฝีฝายและตัวเรือที่สวยงามยิ่งใหญ่

ความ ยิ่งใหญ่ของตำนานเรือยาวเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก เทพนสิงห์แห่งวัดเสาไห้ ถ้าใครเคยดูประเพณีแข่งขันเรือยาวของเมืองไทยต้องรู้จักชื่อของเรือเทพ นรสิงห์เป็นแน่แท้ เพราะถือว่าเป็นเจ้าแห่งสายน้ำในหลายสนามของไทย มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วคุ้งน้ำในหลายจังหวัด เป็นเรือที่สรรค์สร้างโดยช่างฝีมือชาวบ้าน ซึ่งรักและผูกพันกับการสร้างเรือมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือ ช่างดำแห่งอ.หลังสวน จังหวัดชุมพรซึ่งเป็นช่างขุดเรือแบบโบราณชาวบ้าน ฝีมือเอกท่านหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว





166  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญทำบุญกราบไหว้ หลวงพ่อสมปรารถนา วัดโนนสภาราม สระบุรี เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 05:01:06 pm
กราบไหว้ หลวงพ่อสมปรารถนา สมใจทุกประการ

วัดโนนสภาราม ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี

หลวงพ่อสมปรารถนา พระทรงเครื่องแห่งจังหวัดสระบุรี

 พระศักดิ์สิทธิ์ที่ญาติโยมหลั่งไหลกราบสักการะ

จากความศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหารย์ที่ท่านเมตตา ปากต่อปากที่บอกกล่าว จนมีผู้มากราบขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย

ปิดทองพระประจำวัน กราบหลวงพ่อปรารถนา

 ขอเชิญได้ที่วัดโนนสภารามทุกวัน หรือโทรศัพท์ถามเส้นทางได้ที่

เจ้าอาวาส 083 - 1097797

เลขาเจ้าอาวาส 087 - 5320891

และเชิญขอโชคขอลาภจากเจ้าแม่ตะเคียนทอง

อายุกว่า 100 ปี

การเดินทางสดวกมาก

วัดโนนสภาราม ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี

ถนนเลี่ยงเมือง สระบุรี - ราชสีมา




167  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ข่าวบอกบุญ แวดวงเสาไห้ สระบุรี เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 04:56:40 pm

ข่าวบอกบุญ 


     ขอเชิญร่วมงานบวชชีพราหมณ์  ณ  วัดสมุหประดิษฐาราม  ต.สวนดอกไม้  อ.เสาไห้  จ.สระบุรี  วันที่ 3-6 ธ.ค. 2553

 
   วัดป่าสัก   ขอเชิญสาธุชนร่วมบริจาคเงินสร้างอุโบสถ     ณ.วัดป่าสัก  ต.ศาลารีไทย  อ.เสาไห้  จ.สระบุรี  ติดต่อร่วมเป็นเจ้าภาพโทร.๐๘  ๖๑๐๓  ๔๐๑๒

----------------------------------------------------------

วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร

ขอเจริญพรร่วมถวายทาน  รักษาศีล  เจริญจิตภาวนา  ครั้งต่อไปมีกำหนดดังต่อไปนี้

    วันที่   ๑-๑๐    ธันวาคม  ๒๕๕๓

เริ่มถวายสังฆทาน รักษาศีล  และฟังธรรม เวลา  ๐๗.๐๐  น. ณ อุทยานการศึกษา และปฏิบัติธรรมประชานาท (ป่าช้าตาลอย)


ติดตามรายละัเอียดได้ที่

http://www.igetweb.com/www/saohaimonk/index.php
168  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สยอง! รถติดแก๊สระเบิดไฟท่วม หวิดย่างสดเจ้าอาวาส เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 04:35:05 pm

จ.บุรีรัมย์ (14 ก.ย.) เกิดเหตุระทึกภายในบริเวณปั้มแก๊ส ปตท. หลังจากที่รถตู้ยี่ห้อโฟล์คสวาเกน สีบรอนด์ทอง ทะเบียน นค-4039 นครราชสีมา มา เติมแก๊ส LPG เต็มถัง ระหว่างที่คนขับรถกำลังสตาร์ทรถเพื่อติดเครื่อง ได้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นบริเวณห้องเครื่องด้านหน้าไฟลุกท่วม โชคดีเด็กปั้มรีบปิดหัวจ่ายแก๊สทั้งหมด เพราะรถตู้คันดังกล่าวอยู่ห่างจากหัวจ่ายเพียง 2 เมตรเท่านั้น และในขณะเดียวกันนั้นเจ้าอาวาสเจ้าของรถและคนขับรถเกิดอาการตกใจไม่สามารถออกจากรถได้ เด็กปั้มจึงต้องเข้ามาช่วยเหลือ

จากสอบถาม นายสนิท อิ่มเอม อายุ 50 ปี คนขับรถ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถพาพระครูเกษม โชติธรรม เจ้าอาวาสวัดหนองจิก มาเติมแก๊ส LPG ที่ปั้มระหว่างที่ขับมากลางทางรถไม่มีสิ่งบอกอาการผิดปกติใด ๆ แต่มีความรู้สึกว่ารถใข้น้ำมันมากผิดปกติ แต่ตนไม่ได้คิดอะไร จึง ได้เข้ามาเติมแก๊สเต็มถัง หลังจ่ายเงินเสร็จได้สตาร์ทรถเพื่อจะเดินทางต่อ จังหวะเครื่องสตาร์ทติดประมาณ 20 วินาที ได้เกิดระเบิดเสียงดังและไฟลุกท่วมตามมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

ด้าน พระครูเกษม กล่าวว่า นำรถไปติดแก๊สที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา มีวิศวกรรับประกันอย่างดี กรมขนส่งทางบกจดทะเบียนถูกต้อง สำหรับสาเหตุที่แน่ชัดต้องนำรถไปซ่อมและตรวจสอบหาสาเหตุของการไฟไหม้อีก ครั้ง
169  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมทำบุญผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต 25 ธ.ค. 53 ถึง วันที่ 2 ม.ค. 54 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 04:25:12 pm
ขอเชิญร่วมทำบุญผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ส่งท้ายปีเก่า - ต้องรับปีใหม่ ณ วัดหนองจิกรี
ม.2 ต.สร้องละคร อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์


ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ถึง วันที่ 2 มกราคม 2554 รวมงาน 9 วัน 9 คืน

ชม!! หมอลำ ลิเก รำวงย้อนยุค ทุกคืน และการแสดงอื่นๆ อีกมากมาย

วันที่ 25 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง สาลี่  ขนิษฐา  (วงใหญ่)
วันที่ 26 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง ศิริพร  อำไพพงษ์  (วงใหญ่)
วันที่ 27 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง สุนารี  ราชสีมา  (วงใหญ่)
วันที่ 28 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง บิ๊กวัน  จันทรักษ์  (วงใหญ่)
วันที่ 29 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง สุดา  ศรีลำดวน  (วงใหญ่)
วันที่ 30 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง รุ่ง  สุริยา  (วงใหญ่)
วันที่ 31 ธันวาคม 2553  ชม นักร้อง พรศักดิ์  ส่องแสง  (วงใหญ่)
วันที่ 1  มกราคม 2554  ชม นักร้อง แดง  จิตรกร  (วงใหญ่)
วันที่ 2  มกราคม 2254  ชม นักร้อง บัวผัน  ถังโส   (วงใหญ่)

องค์ประธานอุปถัมภ์วัดหนองจิกรี
พระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

พระมหาพินิจ  ฐานิสฺสโร
เจ้าอาวาสวันหนองจิกรี

ประธานฝ่ายฆาราวาส
นายกรี  กิตติสถาพร  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์

จองมีดตัวหวายลูกนิมิต โทร. 089-2724756
วันที่ 2 มกราคม 2554 เวลา 24.09 น. พิธีตัดหวายลูกนิมิต

จองร้านค้าวันที่ 19 พฤศจิกายน 2553 โทร. 089-8588418

ท่านที่อยู่ต่างจังหวัดสอบถามเส้่นทางได้ที่ คุณตั้ม 083-1663079
หน้า: 1 ... 3 4 [5]