ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - chatchay
หน้า: 1 ... 4 5 [6]
201  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อิทธิคุณ อิทธิเจ อิทธิฤทธิ์ ใครอธิบายได้บ้าง เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:23:35 pm
อ้างถึง
พระพุทธคุณทั้ง 9

อย่างนั้น ช่วยเพิ่ม พระพุทธคุณให้อ่านได้หรือไม่ ครับ
202  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อนัตตา มีความหมายอย่างไร คะ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:22:03 pm
ข้อที่ 4 น่าจะเป็น

   4. ประักอบด้วย อนิจจัง และ ทุกขัง


( ปล่อยไก่หรือป่าวนี่ ) :13:
203  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / วิธีการสร้างบารมี มีขั้นตอนง่าย ๆ ทำอย่างไรครับ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 10:20:32 pm
ผมเคยฟัง เรื่องบารมีของพระโพธิสัตว์ แต่มีขั้นตอนง่าย ๆ ในการสร้างบารมี

แบบพระัโพธิสัตว์หรือไม่ครับ


 :25: ;)
204  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ควรทำอย่างไร ถ้าเราเจอ ผี หรือ วิญญาณ เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 10:14:16 pm
โดยส่วนตัว ผมเองก็เป็นคน กล้วผี หรือ วิญญาณ อยู่แล้ว

ถึงจะไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ

จนกระทั่ง มีเพื่อน ผมคนหนึ่งทำงาน กะดึก บอกว่าเจอผี มาหลอก 3 ครั้งแล้ว

ก็มาถามผมว่า ถ้ามีมาหลอก อีก จะทำยังไง

เจ้าเพื่อนคนนี้ เวลาไปทำงานตรงจุดที่โดนหลอก ไม่อยากไป ต้องชวนคนไปเป็นเพื่อน รู้สึกจะกล้วมาก ๆ

เพื่อนสมาชิก ใครมีประสพการณ์ เจอผี แล้ว ทำอย่างไรไม่ให้ ผีมาหลอก มาหลอนเราครับ
205  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มหาสุบิน พุทธทำนาย ที่ปรากฏในพระไตรปิฏก เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 10:04:30 pm
 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 217

                         อรรถกถามหาสุบินชาดกที่  ๗

        พระบรมศาสดาเมื่อประทับอยู่    ณ   พระเชตวันมหาวิหาร  ทรงปรารภมหาสุบิน

๑๖  ข้อ  ตรัสพระธรรมเทศนานี้   มีคำเริ่มต้นว่า  ลาวูนิ   สีทนฺติ   ดังนี้.

        ดังได้สดับมา     วันหนึ่งพระเจ้าโกศลมหาราช   เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์  ในราตรี

กาล  ในปัจฉิมยาม ทอดพระเนตรเห็น  พระสุบินนิมิตรอันใหญ่หลวง    ๑๖    ประการ   

ทรงตระหนกพระทัยตื่นพระบรรทม  ทรงพระดำริว่า    เพราะเราเห็นสุบินนิมิตรเหล่านี้ 

จักมีอะไรแก่เราบ้างหนอ    เป็นผู้อันความสะดุ้งต่อมรณภัยคุกคามแล้ว    ทรงประทับ

เหนือพระแท่นที่ไสยาสน์นั่นแล    จนล่วงราตรีกาล......

       ....................................................ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า   ขอพระองค์ได้

ทรงพระกรุณาโปรดทำนายผลแห่งสุบินของหม่อมฉันเหล่านั้นเถิด     พระเจ้าข้า.   

พระศาสดาตรัสว่าขอถวายพระพร  เป็นเช่นนั้นทีเดียวมหาบพิตร  ในโลกทั้งเทวโลก

เว้นตถาคตเสียแล้ว     ผู้อื่นที่จะได้ชื่อว่าสามารถรู้เหตุ   หรือผลของพระสุบินเหล่านี้   

ไม่มีเลย  ตถาคตจักทำนายให้มหาบพิตร ก็แต่ว่ามหาบพิตรจงตรัสบอกพระสุบินตาม

ทำนองที่ทรงเห็นนั้นเถิด.  พระราชาทรงรับพระพุทธดำรัสว่า  ดีละ   พระพุทธเจ้าข้า

เริ่มกราบทูลพระสุบิน      ตามทำนองที่ทรงเห็นอย่างถี่ถ้วน      โดยทรงวางหัวข้อไว้

ดังนี้  ว่า

                " โคอุสุภราชทั้งหลาย    ต้นไม้ทั้งหลาย  ๑

        แม่โคทั้งหลาย  ๑  โคทั้งหลาย  ๑  ม้า ๑  ถาดทอง  ๑

               สุนัขจิ้งจอก  ๑   หม้อน้ำ   ๑    สระโบกขรณี   ๑

          ข้าวไม่สุก  ๑  แก่นจันทน์  ๑   น้ำเต้าจม  ๑   ศิลาลอย  ๑

          เขียดขยอกงู    ๑   หงส์ทองล้อมกา   ๑   เสือกลัวแพะ   ๑ "
206  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เกี่ยวกับ พระศรีอริยะเมตตรัย จากพุทธองค์ เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 10:02:03 pm
นั่นสินะ ผมก็จินตนาการไม่ออก ทั้งที่วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เจริญก้าวหน้ามาก ๆ


ผมยังคิดไปไกลด้วยว่า ในอนาคต มนุษย์ จะสามารถ หายใจในน้ำได้ หรือเดินทางโดยยาน ที่ไม่ต้องใช้ล้อ

อจินตรัย จริง ๆ ครับ

 :25:
207  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ทำไมคนยุค ปัจจุบัน และ อนาคต จึงมีปัญญาน้อย เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2010, 09:59:36 pm
ใน พันปีแรก  ยังมี พระอรหันต์  ที่ทรงปฏิสัมภิทา  ( คือมีฤทธิ์ เช่น เหาะได้  ตาทิพย์  หู

                   ทิพย์ เป็นต้น )

ใน พันปีที่สอง  พ.ศ.1001-2000  ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระอรหันต์ทีเป็นสุกขวิปัสส-

                  กะ ( คือ ไม่ทรงปฏิสัมภิทา )

ใน พันปีที่สาม  ตั้งแต่  พ.ศ.2001-3000 (คือในยุคนี้ )   ผู้มีคุณธรรมสูงสุด   เป็นเพียง

                  พระอนาคามีบุคคล

ใน พันปีที่สี่  พ.ศ.3001-4000  ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระสกทาคามี

ใน พันปีที่ห้า พ.ศ.4001-5000  ผู้มีคุณธรรมสูงสุด คือ พระโสดาบัน

ดังนั้น เลย พ.ศ.5000  จึงไม่มีพระอริยบุคคล   แม้จะมีหนังสือพระไตรปิฎกอยู่   แต่ไม่มี

                   ผู้เข้าใจ  จึงกล่าวว่า พุทธศาสนา ก็หมดสิ้นไปด้วย    แต่ บนสวรรค์ทั้ง 6

                   ชั้น และ พรหมโลก  ยังมีพระอริยบุคคล อยู่ ครับ


จากข้อความพระไตรปิฏก จักกวัติสูตร

ผมก็มาพิจารณา ดูแล้ว ว่า ในยุคนี้ ก็มองเห็นว่าการพัฒนา ทางด้านตำรา ความเข้าใจของมนุษย์นั้น มีความ
ฉลาดกว่าคนยุคก่อนมาก แต่ทำไมจึงไม่มีผู้บรรลุธรรมขั้นสูง

ทั้งที่ผมมองอย่างปัจจุบัน นี้เช่น พระไตรปิฏก นั้นมีทั้งที่เป็น ซีดี ข้อความ หนังสือ สืื่อต่าง ๆ ซึ่งคนหาอ่านง่าย

ถ้าเทียบกับสมัยก่อน ๆ โน้น แค่พระไตรปิฏก นี้ก็แทบหาอ่านไม่ได้แล้ว ไ่ม่ต้องไปกล่าวเรื่องได้ยิน

ในยุคก่อน ๆ โน้น ก็เป็นยุคของคนหลง เชื่อ เรื่องไสยศาสตร์ สิ่งลึกลับ แต่ยุคปัจจุบันนั้น กับเป็นยุคที่ปรากฏ

ไปในแนววิทยาศาสตร์ ซึ่งที่จริงแล้วผมกับมองว่าในยุคปัจจุับันนี้ คนเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี กว่าเมื่อก่อนอีก

แต่ทำไม คนมีความฉลาด และมีิสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษา มากขนาดนี้ ทำไมจึงปรากฏข้อความ

การเป็น พระอริยบุคคลสูงสุด แค่ พระอนาคามี


ซึ่งผมดูจากข้อความขัดแย้ง กับพระพุทธพจน์ ที่ว่า

  ตราบใดที่มียังมีผู้ปฏิบัติ ตามอริยมรรค ตราบนั้นโลกนี้ก็จักไม่ว่างจากพระอรหันต์


--------------------------------------------------------------------

ผมเองก็คาดหวัง ไว้ว่า ในยุคนี้ น่าจะมีพระอรหันต์ อยู่นะครับ


========================================================

208  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: มัชฌิมา นี้มีสาเหตุมาจาก พระอินทร์ใช่ไหมคะ เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2010, 10:03:06 pm
อ้างถึง
ท่านผู้รจนาคัมภีร์เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า  ได้แต่งเรื่องสาธกให้เห็นเป็นปุคคลธิษฐานประกอบเข้า

อ้างถึง
ทรงทดลองดูแล้วก็ทรง ประจักษ์ความจริง  ความจริงที่ว่านี้  กวีท่านแต่งเป็นปุคคลาธิษฐาน
คือ  พระอินทร์ถือพิณสามสายมาทรงดีดให้ฟัง  สายพิณที่หนึ่งลวดขึงตึงเกินไปเลยขาด  สายที่สองหย่อน
เกินไปดีดไม่ดัง  สายที่สามไม่หย่อนไม่ตึงนัก  ดีดดัง

ถ้าอย่างนั้น พระอินทร์ พระพรหม นั้น ไม่มีจริงใช่ หรือป่าวครับ

รวมถึง เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในพระพุทธประวัติ นี้ก็ไม่มีจริงใช่ไหมครับ

อย่างเช่น ตอนที่พระพุทธเจ้า เปิดโลก , โปรดพุทธมารดา ,ลอยถาด ,ปราบชฏิลด้วยฤทธิ์แสดง ยมกปาฏิหาริย์

รุกขเทวดาเข้าเฝ้า แสดงธรรมโปรดเทวดา ในทุกวัน

ที่จิรงผมเอง ก็เป็นศิษย์สวนโมก ฯ อ่านพุทธประวัติจากพระโอษฏ์ ของหลวงพ่อพุทธทาส และก็มีความเห็นว่า

เทวดา นรก ไม่มีจริง เป็นแต่ บุคคลาธิษฐาน เป็น กลบท ในวิธีการสอนของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

ผมมีความคิดว่า โลกหน้าไม่มีจริง มีแต่โลกนี้ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะพิจารณาด้วยปัญญาของผมเองแล้ว

ไม่มีความเป็นไปได้ ที่มีเรื่องเหลือเชื่อ บรรดาเทวดา และ เทวฑูต ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เป็น กลอุบายในการสอน ของพระสงฆ์ และ พระพุทธเจ้า เพื่อน้อมให้ศรัทธา

จนกระทั่ง วันหนึ่งนั้นผมได้ฟังการบรรยายธรรม บนศาลาปฏิบัติธรรม และ ถามตอบ ปัญหา กับพระอาจารย์

จึงได้ทราบ และ คิดได้ว่า เราเข้าใจผิด

ถึงแม้ผมจะยังไม่ได้ ขึ้นกรรมฐาน แต่วันนั้น ผมได้ปฏิบัติกรรมฐาน เป็นครั้งแรกในชีิวิต ที่ผมนั่งกรรมฐาน ได้ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง กับคณะบนศาลาได้ ทั้งที่ตอนแรก ไม่มั่นใจเลย ว่าจะทำ

หลังจากได้สนทนากับ พระอาจารย์ จึงรู้่ได้ว่า

ถ้าเราเชื่อมั่น ในพระพุทธองค์ ก็ต้องเชื่อมั่นในการตรัสรู้ ของพระพุทธองค์

การเชื่อมั่น ( ศรัทธา ) ต้องเชื่อใน โลกหน้า และ โลกหลัง ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ

และเชื่อเรื่อง กรรม คือ มุญจิตุกัมยตาญาณ

และเชื่อในธรรม คือ อาสวักขยญาณ



 :25: :25: :08:



ข้อความในพระไตรปิฏก ช่วงที่พระองค์ได้ละจากการบำเพ็ญ ทุกกรกิริยา ไม่มีการกล่าวถึงพระอินทร์

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ - หน้าที่ 321

[๔๒๔] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรามีความดำริว่า ถ้ากระไร เราพึงกินอาหารให้น้อยลงๆ 
เพียงซองมือหนึ่งๆ บ้าง เท่าเยื่อในเม็ดถั่วเขียวบ้าง เท่าเยื่อในเม็ดถั่วพูบ้าง เท่าเยื่อในเม็ดถั่วดำ   
บ้าง เท่าเยื่อในเม็ดบัวบ้าง. เราก็กินอาหารให้น้อยลงๆ ดังนั้นจนมีร่างกายซูบผอมยิ่งนัก เพราะเป็น
ผู้มีอาหารน้อยนั้น เหลือแต่อวัยวะใหญ่น้อย เหมือนเถาวัลย์ที่มีข้อมาก หรือเถาวัลย์ที่มีข้อดำ     
เนื้อตะโพกก็ลีบเหมือนกีบอูฐ กระดูกสันหลังก็ผุดเป็นหนาม เหมือนเถาวัลย์ [หนามรอบข้อ]     
ซี่โครงทั้ง ๒ ข้าง ขึ้นสะพรั่ง เหมือนกลอนศาลาเก่าที่สะพรั่งอยู่ ดวงตาทั้ง ๒ ก็ลึกเข้าไปในเบ้า 
ตาเหมือนดวงดาวในบ่อน้ำอันลึก ปรากฏอยู่ หนังศีรษะบนศีรษะก็เหี่ยวหดหู่ เหมือนลูกน้ำเต้า 
ที่เขาตัดมายังดิบ ต้องลมและแดดเข้าก็เหี่ยวไป. เรานึกว่าจะลูบพื้นท้องก็จับถึงกระดูกสันหลัง     
เมื่อนึกว่า จะลูบกระดูกสันหลัง ก็จับถึงพื้นท้อง เพราะพื้นท้องของเราติดแนบถึงกระดูกสันหลัง     
เมื่อนึกว่า จะถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ก็ซวนแซล้มลง ณ ที่นั้น. เมื่อจะให้กายสบายบ้าง เอา
ฝ่ามือลูบตัวเข้า ขนทั้งหลายที่มีรากเน่าก็หลุดร่วงจากกายเพราะเป็นผู้มีอาหารน้อย. มนุษย์ทั้งหลาย
เห็นเราเข้าแล้วก็กล่าวว่า พระสมณโคดมดำไป บางพวกก็พูดว่า พระสมณโคดมไม่ดำ เป็นแต่
คล้ำไป บางพวกก็พูดว่า ไม่ดำ ไม่คล้ำ เป็นแต่พร้อยไป. เรามีผิวพรรณบริสุทธิ์เปล่งปลั่ง   
แต่เสียผิวไป ก็เพราะเป็นผู้มีอาหารน้อยเท่านั้น.
         [๔๒๕] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรามีความดำริว่า สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง   
ในอดีต ในอนาคต หรือในปัจจุบันนี้ ที่เสวยทุกขเวทนากล้า หยาบ เผ็ดร้อน ที่เกิดขึ้นเพราะ   
ความเพียร ทุกขเวทนานั้น อย่างยิ่งก็เพียรเท่านี้ไม่เกินกว่านี้ขึ้นไป. แต่เราก็ยังมิได้บรรลุญาณ 
ทัสสนะอันวิเศษที่พอแก่พระอริยะซึ่งยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ ด้วยทุกกรกิริยาอันเผ็ดร้อนนี้. ชะรอย   
ทางแห่งความตรัสรู้พึงเป็นทางอื่นกระมัง. เราจึงมีความดำริว่า เราจำได้อยู่ เมื่อคราวงานของท้าว   
สักกาธิบดีซึ่งเป็นพระบิดา เรานั่งอยู่ใต้ร่มต้นหว้าอันเย็น ได้สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจาก
อกุศลธรรมทั้งหลาย บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ ทางนั้น   
พึงเป็นทางแห่งความตรัสรู้กระมัง
. เรามีวิญญาณตามระลึกด้วยสติว่า ทางนั้นเป็นทางแห่งความ 
ตรัสรู้. เราจึงมีความดำริว่า เรากลัวความสุขที่เว้นจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายหรือ แล้วเรา       
ก็ดำริต่อไปว่า เราไม่กลัวสุขเช่นนั้นเลย.     

         [๔๒๖] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรามีความดำริต่อไปว่า ความสุขนั้น เราผู้มีกายถึงความซูบ     
ผอมมาก ไม่ทำได้ง่ายเพื่อจะบรรลุ ถ้ากระไร เราพึงกินอาหารหยาบ คือข้าวสุกและกุมมาสเถิด.   
เราก็กินอาหารหยาบคือข้าวสุกและกุมมาส. ครั้งนั้น ภิกษุทั้ง ๕ ที่เฝ้าบำรุงเราด้วยหวังว่า
พระสมณะโคดมบรรลุธรรมใด จักบอกธรรมนั้นแก่เราทั้งหลาย. เมื่อใด เรากินอาหารหยาบ   
คือข้าวสุกและ กุมมาส เมื่อนั้นภิกษุทั้ง ๕ นั้นก็ระอาหลีกไปด้วยเข้าใจว่า พระสมณโคดมมักมาก       
คลายความเพียรเวียนมาเพื่อความเป็นผู้มักมากเสียแล้ว.   
         [๔๒๗] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรากินอาหารหยาบให้กายมีกำลังแล้ว สงัดจากกาม สงัดจาก
อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่. แม้สุขเวทนาที่   
เกิดขึ้นเห็นปานนี้ ก็มิได้ครอบงำจิตเราตั้งอยู่ได้. เราบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต
ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิด   
แต่สมาธิอยู่. เรามีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุ     
ตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข. เราบรรลุ
จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส และโทมนัสในก่อน
เสียได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่. แม้สุขเวทนาที่เกิดขึ้นเห็นปานนี้ ก็มิได้ครอบงำจิต
เราตั้งอยู่ได้. เราเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควร     
แก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ก็โน้มน้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสติญาณ. เราย่อม
ระลึกชาติที่เคยอยู่อาศัยในก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ ระลึก   
ชาติที่เคยอยู่อาศัยได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ ทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้. ดูกรอัคคิเวสสนะ     
ในปฐมยามแห่งราตรี เราได้บรรลุวิชชาที่ ๑ อันนี้ เมื่อเราไม่ประมาท มีความเพียร ส่งจิตไปอยู่     
อวิชชาเรากำจัดเสียแล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ความมืดเรากำจัดเสียแล้ว แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว.
แม้สุขเวทนาที่เกิดขึ้นแล้วเห็นปานนี้ ก็มิได้ครอบงำจิตเราตั้งอยู่ได้.





พระวินัยปิฎก เล่ม ๔ มหาวรรคภาค ๑ - หน้าที่ 11
 อนัจฉริยคาถา 
                                บัดนี้ เรายังไม่ควรจะประกาศธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว 
                                โดยยาก เพราะธรรมนี้อันสัตว์ผู้อันราคะและโทสะ 
                                ครอบงำแล้วไม่ตรัสรู้ได้ง่าย สัตว์ผู้อันราคะย้อมแล้ว 
                                ถูกกองอวิชชาหุ้มห่อแล้ว จักไม่เห็นธรรมอันละเอียด 
                                ลึกซึ้ง ยากที่จะเห็น ละเอียดยิ่ง อันจะยังสัตว์ 
                                ให้ถึงธรรมที่ทวนกระแสคือนิพพาน. 
        เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงพิจารณาเห็นอยู่ ดังนี้ พระทัยก็น้อมไปเพื่อความขวนขวายน้อย 
ไม่น้อมไปเพื่อทรงแสดงธรรม. 
                                                        พรหมยาจนกถา 
        [๘] ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระปริวิตกแห่งจิตของพระผู้มีพระภาคด้วยใจ 
ของตนแล้วเกิดความปริวิตกว่า ชาวเราผู้เจริญ โลกจักฉิบหายหนอ โลกจักวินาศหนอ เพราะ   
พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงน้อมพระทัยไปเพื่อความขวนขวายน้อย ไม่ทรงน้อม 
พระทัยไปเพื่อทรงแสดงธรรม. 
        ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมได้หายไปในพรหมโลก มาปรากฏ ณ เบื้องพระพักตร์ 
ของพระผู้มีพระภาค
ดุจบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้หรือคู้แขนที่เหยียดฉะนั้น ครั้นแล้วห่มผ้า 
อุตราสงค์เฉวียงบ่า คุกชาณุมณฑลเบื้องขวาลงบนแผ่นดิน ประณมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค 
แล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคได้โปรดทรงแสดงธรรม 
ขอพระสุคตได้โปรดทรงแสดงธรรม  เพราะสัตว์ทั้งหลายจำพวกที่มีธุลีในจักษุน้อยมีอยู่ เพราะ 
ไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมี. 
        ท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลดังนี้แล้ว จึงกราบทูลเป็นประพันธคาถาต่อไปว่า 
                                เมื่อก่อนธรรมไม่บริสุทธิ์อันคนมีมลทินทั้งหลาย 
                                คิดแล้วได้ปรากฏในมคธชนบท ขอพระองค์ได้ 
                                โปรดทรงเปิดประตูแห่งอมตธรรมนี้ ขอสัตว์ทั้ง 
                                หลายจงฟังธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้หมด 
                                มลทินตรัสรู้แล้วตามลำดับ เปรียบเหมือนบุรุษ 
                                มีจักษุยืนอยู่บนยอดภูเขา ซึ่งล้วนแล้วด้วยศิลา 
                                พึงเห็นชุมชนได้โดยรอบฉันใด ข้าแต่พระองค์ผู้มี 
                                ปัญญาดี มีพระปัญญาจักษุรอบคอบ ขอพระองค์ 
                                ผู้ปราศจากความโศกจงเสด็จขึ้นสู่ปราสาท อัน 
                                สำเร็จด้วยธรรม แล้วทรงพิจารณาชุมชน ผู้ 
                                เกลื่อนกล่นด้วยความโศก ผู้อันชาติและชรา 
                                ครอบงำแล้ว มีอุปมัยฉันนั้นเถิด ข้าแต่ 
                                พระองค์ผู้มีความเพียร ทรงชนะสงคราม ผู้นำหมู่ 
                                หาหนี้มิได้ ขอพระองค์จงทรงอุตสาหะเที่ยวไป 
                                ในโลกเถิด ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรม 
                                เพราะสัตว์รู้ทั่วถึงธรรมจักมี.   

                                ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า 
        [๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงกราบคำทูลอาราธนาของพรหม และทรงอาศัย 
ความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ 
ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์ 
แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี 
ที่จะสอนให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี. 
        มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอกบุณฑริกในกอบุณฑริก 
ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้ 
บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งอยู่พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว. 
        พระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตวโลกด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลาย บางพวก 
มีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า 
บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่าย 
บางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้น 
เหมือนกัน ครั้นแล้วได้ตรัสคาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:- 
                                เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์เหล่าใดจะฟัง 
                                จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เพราะเรา 
                                มีความสำคัญในความลำบาก จึงไม่แสดงธรรม 
                                ที่เราคล่องแคล่ว ประณีต ในหมู่มนุษย์. 
        ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงประทานโอกาสเพื่อจะแสดงธรรม 
แล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล. 
                                พรหมยาจนกถา จบ




ส่วนตอนที่ พรหม อาราธนา มีชื่อของพรหม ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ผมว่าช่วงนี้ไม่ใช่ บุคคลาธิษฐาน




มีมูลเหตุ พระดำรัสตรัสเรื่อง ประสูติ ก็มีกล่าวถึง สวรรค์ชั้นดุสิต พรหมอาราธนา ปรากฏข้อความใน

เรื่อง มหาปัญจวิโลกนะ

มูลเหตุ ผมต้องการชี้แจงว่า พระไตรปิฏก ตรงไป ตรงมา ถ้าเป็นบุคลาธิษฐาน ถ้าเป็น ธรรมธิษฐาน

เพราะผ่านการกลั่นกรอง มาจากพระอรหันต์ ที่มีจำนวนมากว่า 1000 รูป ในการทำสังคายนา

 มิใช่ปฎิรูป เพียงรูปเดียว โพสต์ฺไว้เพื่อไม่ให้เขว แบบผมอีก

ดังนั้นผมขอร่วมตอบด้วยครับว่า

กา่รปฎิบัติธรรม สู่สายกลาง ไม่ได้เกิดจากพระอินทร์ ครับ

แต่การแสดงธรรม โปรดเวไนยนั้น มีพรหมชื่อว่า สหัมบดี เป็น ผู้อาราธนา ส่วนหนึ่ง

ในส่วน น้ำพระทัยของพระพุทธเจ้า ปรารภไว้ตั้งแต่ตอนแรกก่อน พรหมอาราธนาแล้ว ด้วยพุทธบารมีนั้น

ย่อมพิจารณาการโปรด สัพพะสัตว์ ผู้มีความพร้อมอยู่แล้ว





 คุณ nathaponson  และ พระอาจารย์ ได้โพสต์ตอบ เรื่องความสงสัยให้ผม

อ่านแล้ว ประทับใจมาก ครับ

209  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: สังฆคุณ สติตามระลึกคุณของพระสงฆ์ เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2010, 09:21:29 pm
 :25: :25: :25:

โดยปกติ เวลาผมภาวนา ด้วยคำว่า สังโฆ หรือ สวดพระสังฆคุณเวลาภาวนา นั้น ก็ไม่เคยได้สมาธิครับ

กับมาใช้ พุทโธ แล้วจิต เป็นสมาธิไวกว่าครับ


 :25: :25:
210  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2010, 09:19:49 pm
 :25: :25: :25:

อนุโมทนา กับคำตอบของคุณปุ้ม ครับ

 :25: :25: :25:

และ กราบอนุโมทนา กับคำตอบของพระอาจารย์ครับ
211  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สัจจังอภินิเวสายะ มีความหมายว่าอย่างไร ครับ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 04:07:24 am
สัจจังอภินิเวสายะ มีความหมายว่าอย่างไร ครับ

   กับ ศัพท์ คำนี้มีความหมายอย่างไร ครับ

   ช่วยหน่อยครับ
212  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พยาปาทะ กับ ปฏิฆะ ต่างกันอย่างไร ? เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 04:05:15 am
ในคุณธรรม การปฏิบัติ กรรมฐาน

  พยาปาทะ เป็นหนึ่ง ในนิวรณ์ 5
 
  ปฏิฆะ เป็นหนึ่ง ในสังโยชน์ ที่พระอนาคามี ละ ได้

คำถาม ครับ

   1.พยาปาทะ ในนิวรณ์ 5 กับ ในสังโยชน์ 10 นั้น มีความหมายเดียวกันหรือป่าว

   2.พยาปาทะ ในนิวรณ์ 5 มีความหมายอย่างไร ?

   3.ปฏิฆะ ในสังโยชน์ 10 มีความหมายอย่างไร ?
213  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อุทธัจจะ กุกกุจจะ หมายความว่าอย่างไร ? เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 03:59:36 am
คำถามอาจจะดูซ้ำบ้างแต่ผมต้องการทราบจริง ๆ ครับ พยายามนั่งนึกพิจารณา
แล้วก็รู้สึกว่า เข้าใจยาก

ในคุณธรรม การปฏิบัติ กรรมฐาน

  อุทธัจจะ กุกกุจจะ เป็นหนึ่ง ในนิวรณ์ 5
 
  อุทธัจจะ เป็นหนึ่ง ในสังโยชน์ ที่พระโสดาบัน ละ ได้

คำถาม ครับ

   1.อุทธัจจะ กุกกุจจะ ในนิวรณ์ 5 กับ ในสังโยชน์ 10 นั้น มีความหมายเดียวกันหรือป่าว

   2.อุทธัจจะ กุกกุจจะ ในนิวรณ์ 5 มีความหมายอย่างไร ?

   3.อุทธัจจะ  ในสังโยชน์ 10 มีความหมายอย่างไร ?
214  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / กามฉันทะ คืออะไร ? เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 03:57:01 am
ในคุณธรรม การปฏิบัติ กรรมฐาน

  กามฉันทะ เป็นหนึ่ง ในนิวรณ์ 5
 
  กามฉันทะ เป็นหนึ่ง ในสังโยชน์ ที่พระอนาคามี ละ ได้

คำถาม ครับ

   1.กามฉันทะ ในนิวรณ์ 5 กับ ในสังโยชน์ 10 นั้น มีความหมายเดียวกันหรือป่าว

   2.กามฉันทะ ในนิวรณ์ 5 มีความหมายอย่างไร ?

   3.กามฉันทะ ในสังโยชน์ 10 มีความหมายอย่างไร ?
215  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 03:54:50 am
ในคุณธรรม การปฏิบัติ กรรมฐาน

  วิจิกิจฉา เป็นหนึ่ง ในนิวรณ์ 5
 
  วิจิกิฉา เป็นหนึ่ง ในสังโยชน์ ที่พระโสดาบัน ละ ได้

คำถาม ครับ

   1.วิจิกิจฉา ในนิวรณ์ 5 กับ ในสังโยชน์ 10 นั้น มีความหมายเดียวกันหรือป่าว

   2.วิจิกิจฉา ในนิวรณ์ 5 มีความหมายอย่างไร ?

   3.วิจิกิจฉา ในสังโยชน์ 10 มีความหมายอย่างไร ?

216  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สังฆคุณ สติตามระลึกคุณของพระสงฆ์ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 03:51:28 am
สังฆคุณ สติตามระลึกคุณของพระสงฆ์

  เมื่อผมได้ตามระลึก ถึงคุณของพระสงฆ์ ด้วยการปฏิบัติ สังฆานุสสติ มีขั้นตอนอย่างไรครับ

ต้องภาวนาว่า สังโฆ ๆๆ อย่างนี้ หรือป่าว เมื่อระลึกได้ถึงพระสงฆ์ แล้วจะได้คุณธรรมอะไร

เช่นนึกถึง พระโสดาบัน คู่ที่ 1

   การตามระลึกถึง พระสงฆ์ นั้น มุ่งให้เห็นเรื่องของศีล หรือ พระอริยะบุคคลที่เป็นตัวอย่าง ครับ

เช่น ตัวอย่าง

ผมระลึกได้ถึง พระสงฆ์ประเ้ภทที่ 1 คือพระโสดาบัน มี 3 ประเภท

คือ 1 เอกพีชีิ เกิดชาติเดียวเป็นพระอรหันต์

     2. โกลังโกละ เกิดสามชาติเป็นพระอรหันต์
     
     3.สัตตักขัตตุงปรมะ เกิดอีกไม่เกิน เจ็ดชาติ เป็นพระอรหันต์

=========================================================

คำถามครับ

  1. การระลึก ถึงคุณของพระสงฆ์ จักได้สมาธิ ขั้นไหนครับ
  2. วิธีปฏิบัติ ที่ถูกต้องคืออย่างไร ครับ
  3. วิปัสสนา จะมีในกรรมฐานนี้ หรือป่าวครับ


217  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เพื่อนผม เป็นพวกแอบจิต มีธรรมะส่วนใดที่จะช่วยแก้อุปนิสัย นี้ได้ครับ เมื่อ: มิถุนายน 17, 2010, 11:04:09 pm
http://old.dek-d.com/board/view.php?id=1220755

ถ้ากระเทยอย่างนี้ ก็น่าคิดนะ
218  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: สมาชิก ที่โพสต์แบบนี้ ไม่สมควร เมื่อ: มิถุนายน 06, 2010, 11:51:22 pm
 :welcome:

 ??? ??? :hee20hee20hee:
219  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ความเชื่อมั่น ของพระอัญญาโกณทัญญะ เป็นความหลงผิดหรือป่าว เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2010, 08:49:21 am
ผมว่า ความเชื่อมั่น ของพระอัญญาโกณฑัญญะนั้นเป็นความเชื่อมั่น ในวิชา ครับ

ถ้าเทียบแล้ว ก็เหมือนคนมั่นใจ ในความเห็น หรือ เป็น บุคคล ที่มี อุดมการณ์ ครับ

ถ้า ทษฏ๊ นีุู้ถูก ก็เป็นผลดี

แต่ ถ้าผิด ก็ทั้งชีวิต ครับ

ดังนั้น คนที่สุดโต่ง ไปตามอุดมการณ์ นั้น ก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยครับ


อย่างกรณี ตอนที่เจ้าชาย สิทธัตถะ คลายความเพียร ทางด้าน ทรมาน ตน

ก็ยังความไม่พอใจ เกิดกับกลุ่ม พระปัญจวัคคีย์ ด้วยถึงกับไม่อุปัฏฐาก และ ไม่นับถือ ทีเดียว
 :25:


220  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2010, 08:45:18 am
 :smiley_confused1:

อ้างถึง
นีย์ อ่านแล้ว ในฐานะมือใหม่ ที่มาด้วย ศรัทธา แล้ว ก็รู้สึกว่า ไม่ค่อยดีเลย

แต่การแสดงความเห็นเป็น เรื่อง ส่วนบุคคล

ต้องระมัด ระวัง การแสดงความเห็นกระทบ ครูบา อาจารย์ ด้วยนะคะ

ผมว่าต้องเปิดใจ ให้กว้าง ...... นะครับ เพราะว่า จะให้ผมมีความเห็นเหมือนคุณก็ไม่ได้

ส่วน อาจารย์ ผมก็ยังไม่เคยสนทนา ด้วยเลยนะครับ

การที่ผมไม่เชื่อ กรรมฐาน มัชฌิมา นั้น

เชื่อใน พระไตรปิฏก ก็ไม่น่า จะมีความผิด นี่ครับ

221  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2010, 09:21:22 pm
 :25: :25: :25:
ตาสว่าง เลยครับ กับข้อมูลที่ คุณปุ้มนำเสนอด ในเชิง เหตุ และ ผล

และ คุณฟ้าใส ก็นำเสนอ ในเชิงศรัทธา

ซึ่งทำให้ผม รู้สึกได้เลยว่า การสอนของพระสงฆ์ ในปัจจุบันนี้เป็นการสอนที่ผิดจากวิการเดิม

ซึ่งในที่สุด ก็คงหาสาระได้ยาก

คงมีแต่พระไตรปิฏก เท่านั้นที่ที่น่าเชื่อ

ผมว่าประวัติ พระอาจารย์ราหุล อาจจะถูกแต่งจนเกินความเป็นจริง หรือป่าวครับ
เพราะว่า พระสงฆ์มีร่วม สองหมื่น จะไม่มีสักองค์ ได้เรียน พุทธานุสสติ ก่อนพระอาจารย์ราหุล


 ( ผมว่าประวัติส่วนนี้ ไม่น่าเชื่อถือ พระไตรปิฏกน่าเชื่อถือกว่านะครับ )


ยิ่งวิธีการฝึก ด้วยแล้วผมว่า ทำไมต้องไปกำหนด ปีติ เป็นธาตุ เป็นจุด

วิธีการฝึกแบบนี้ไม่มีในพระไตรปิฏก หรอกครับ
อาจจะเป็นการเพิ่มเติมมาเองของอาจารย์ ที่มาสอน

( แสดงความเห็นะครับ ไม่ใช่ต้องการปรามาส )
 :s_good: :s_good:
222  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อาการโดนคุณไสย นั้นเป็นอย่างไรครับ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 09:49:10 am
 ;) ;) ;)

น่าสนใจ อย่างนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า เรื่อง ผี มีจริง สิครับ

อำเนาจ ทิพย์ก้มีมีจริง ใช่ไหมครับ

ที่จริง โดนส่วนตัวของผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เลยนะครับ แต่ผมเชื่อการตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้า
แต่เรื่อง ชาตินี้ิ ชาติหน้า อะไร ส่วนนี้ ผมไม่เชื่อหรอกครับ
 :coffee2:
223  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การตัดกรรม กรรมตัดรอน เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2010, 08:54:25 pm
 :25: :25: :25:
224  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อาการโดนคุณไสย นั้นเป็นอย่างไรครับ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2010, 08:52:40 pm
 :25: :25: :25:

อนุโมทนาก่อนนะครับ


แต่ผมก็ยังสงสัยว่า อาการโดนคุณไสยนั้น เป็นอย่างไรบ้างครับ
มีผลกับชีวิต ประจำวันอย่างไร


เช่นคนเป็นอัมพาต ถือว่าโดนคุณไสยหรือยังครับ


 :c017:
225  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: คนค้นกรรม 2 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2010, 08:49:38 pm
 :25: :25: :25:

น่าสนใจมาก ๆๆ ๆๆ
หน้า: 1 ... 4 5 [6]