ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระควรทำตัวให้เหมือนชาวนา : ธรรมะยู-เทิร์น  (อ่าน 954 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระควรทำตัวให้เหมือนชาวนา
คอลัมน์ : ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต

เข้าพรรษาล่วงมาได้สองเดือนแล้ว สิ่งใดที่ตั้งจิตอธิษฐานที่จะลด ละ เลิก นั้นไปถึงไหนกันบ้าง ทำได้ ไม่ได้อย่างไร ก็ไม่ต้องกังวลใจ ที่ทำได้ก็จะเห็นผลเอง ที่ทำไม่ได้ ก็เริ่มต้นใหม่ อย่ามัวโทษตนเอง หรือโทษดินฟ้าอากาศ ทุกอย่างมีเหตุปัจจัยทั้งนั้น ขอให้มีความเพียรในการที่จะต่อสู้กับกิเลสเล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ และซื่อสัตย์กับตนเองก็พอ จะล้มแล้วลุกสักกี่ครั้ง ก็ไม่ต้องกลัว

 ans1 ans1 ans1 ans1

ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพราหมณ์ขี้เหนียวคนหนึ่ง ซึ่งมีที่นามาก และขยันทำนาอย่างยิ่ง พระองค์เสด็จไปตอนที่พราหมณ์คนนั้นกำลังไถนาอยู่ แล้วพระองค์ก็ขอบิณฑบาต พราหมณ์คนนั้น เลยโกรธพระพุทธเจ้า พูดประชดประชันต่างๆ นานา เป็นต้นว่า ไม่ทำนา ดีแต่จะขอเขากิน
     พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบไปว่า "เราก็ทำนาเหมือนกัน"
     พราหมณ์คนนั้นก็เลยถามว่า ทำนาอะไรที่ไหน ไม่เห็นมีไถ ไม่เห็นมีข้าวเปลือก ไม่เห็นมีพืชพันธุ์ และไม่เห็นมีที่นา
    พระพุทธเจ้าเลยตรัสตอบเป็นพระบาลี ปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎกว่า
    "สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺฐิ ปญฺญา เม ยุคนงฺคลํ หิริ อีสา มโน โยตฺตํ สติ เม ผาลปาจนํ "


    สทฺธา พีชํ  หมายถึง มีศรัทธาเป็นพืช 
    ตโป วุฏฐิ  มีตบะ (ความเพียรเผากิเลสให้เบาบาง) เป็นฝน
    ปญฺญา เม ยุคนงฺคลํ มีปัญญาเป็นแอกไถ 
    หิริ อีสา มีหิริเป็นงอนไถ 
    มโน โยตฺตํ มีใจเป็นเชือก
    สติ เม ผาลปาจนํ  มีสติเป็นผาลและปฏัก


ทั้งหมดของพุทธพจน์นี้จึงหมายถึง การทำนาของเรานั้น มีศรัทธาเป็นเมล็ดพืช  มีความเพียรเป็นน้ำฝน มีปัญญาเป็นแอกไถ มีหิริ คือความละอายเป็นงอนไถ มีจิตใจเป็นเชือก สำหรับชักไถ และ มีสติเป็นผาลและปฏักสำหรับไถนา

 :25: :25: :25: :25:

พระเราก็ควรทำตัวให้เป็นเหมือนชาวนา คือมีศรัทธาเป็นเมล็ดพืชที่ดี ที่จะทำการหว่านเพาะ มีตบะคือความเพียรในการภาวนาให้กิเลสเหือดแห้งไป มีสติเป็นผาลและปฏักก็หมายถึงว่า ต้องพิจารณาในการกำจัดกิเลสทุกแง่มุม มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เป็นความสำรวมที่งดงามของพระ และมีใจเป็นเชือกชัก  เพราะเชือกชักนี้จะทำให้กิเลสมันทรมาน มันอยู่ไม่ได้ ในที่สุด การทำนาตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพราหมณ์ขี้เหนียวจึงจะประสบผลสำเร็จ

เพราะฉะนั้น เข้าพรรษานี้ สำหรับฆราวาสที่ตั้งจิตอธิษฐานลดละสิ่งใดที่ไม่ดี ก็อย่าไปขี้เหนียวกิเลส ขัดมัน ละมัน จากการให้ทานทีละเล็กละน้อยนี่แหละ ใส่บาตรตอนเช้าอย่างสม่ำเสมอก็ได้ หรือไปช่วยงานสังคมที่เขาต้องการจิตอาสาต่างๆ เอาเหงื่อต่างน้ำมนต์ ทำไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จิตจะมีกำลังมากขึ้น เช่นเดียวกับเชือกชักในการต่อสู้กับกิเลสใหญ่ๆ ได้ต่อไป

พระเราเองก็เหมือนกัน ถ้าพระเราทำตัวให้เป็นอย่างนี้ก็จะอยู่ดำรงพรหมจรรย์ได้ เหมือนชาวนาที่ดำรงชีพอยู่อย่างไม่ขัดสนเลยเมื่อมีผลผลิตจากพืชที่ได้ผลแล้ว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140908/191741.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ