ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้าคุณนักสู้น้ำแห่งกรุงศรีฯเอาอยู่ด้วย...'พลังศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี'  (อ่าน 1862 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เสริมสุข

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 223
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เจ้าคุณนักสู้น้ำแห่งกรุงศรีฯเอาอยู่ด้วย...'พลังศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

         "เอาอยู่" เป็นคำฮิตติดปากในสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นคำที่มาจากจากถ้อยแถลงของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมายืนยันกับประชาชนอยู่ตลอดว่า "สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ รัฐบาลเอาอยู่ ประชาชนโปรดไว้วางใจ" แต่ดูเหมือนว่าพื้นที่ไหนที่ถูกประกาศว่า "เอาอยู่" กลับต้องอพยพกันเกือบทุกแห่งแม้กระทั่งที่ ศปภ.แห่งแรกที่ดอนเมืองก็ไม่เว้น

       
             แม้จะมีการระบุว่า วัดในอ.พระนครศรีอยุธยาจะถูก น้ำท่วม ๑๐๐% ก็ตาม แต่มีวัดแห่งเดียว “เอาอยู่” ที่สำคัญ คือ “เอาอยู่ด้วยพลัง ศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี ของเจ้าคุณ และพระเณร”  วัดดังกล่าว คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งตั้งอยู่จุดบรรจบของแม่น้ำป่าสักและเจ้าพระยา
       
            “อาตมาตั้งใจสู่มาตั้งแต่ต้น ต้องสู้ให้ถึงที่สุด เพราะตั้งใจทำไปแล้วต้องเอาให้อยู่ พังไม่ได้ ในปีนี้วัดใช้เงินไปกว่า ๑๐ ล้านบาท เพื่อป้องกันน้ำท่วม มีพระเณรในวัด ๑๐๐ รูป คนงานในวัดประมาณ ๘๐ คน และตชด.อีกส่วนหนึ่งมาช่วยกรอกทราย โดยทำกันทุกวัน บางวันทำตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยทำแนวสูงเพิ่มขึ้นครั้งละ ๓๐ ซม. ทำไปทำมาสูงกว่า ๓ เมตร”
       
            นี่เป็นคำยืนยันอย่างมุ่งมั่นของ พระเทพรัตนากร  หรือ "เจ้าคุณแวว" เจ้าคณะจังหวัดอยุธาและเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง แม้ว่าจะมีมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านหน้าวัดตลอด ๒๔ ชั่วโมง นานนับเดือน แต่เจ้าคุณก็เอาอยู่จริงๆ
       
            เจ้าคุณแวว บอกว่า วัดพนัญเชิง ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๕๓) วัดที่อื่นๆ ในอยุธยาไม่ท่วม แต่ที่วัดพนัญเชิงน้ำสูงกว่าแนวคันดินเกือบ ๒ เมตร ทางวัดต้องใช้เงินกว่า ๓ ล้านบาท เพื่อสร้างคันป้องกันน้ำท่วม มาปีนี้ช่วงที่น้ำท่วมหนักๆ ทั้งทรายและกระสอบเป็นเรื่องที่หายากมาก ชนิดที่เรียกว่ามีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ แต่ด้วยการเตรียมพร้อมและวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อบ่อทรายในอยุธยาจมน้ำทั้งหมดทางวัดได้สั่งทรายมาจาก จ.ราชบุรี ๑๐๐ คันรถพ่วง รวมกับทรายจากในอยุธยาเองประมาณอีก ๓๐๐ คัน ใช้เงินไปประมาณ ๑.๔ ล้านบาท ใช้กระสอบกว่า ๗ แสน ใบ
       
            นอกจากนี้แล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญ  คือ เทคนิคและวิธีการสร้างแนวป้องกันน้ำ ทรายทุกกระสอบทั้ง ๗ แสนใบ พระเณรในวัดจะเป็นคนเรียงเท่านั้น จะพังหรือจะอยู่ข้นอยู่กับวิธีวางกระสอบทรายด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องระวังคนพอๆ กับระวังน้ำด้วย เพราะมีคนจำพวกหนึ่งที่มีความคิดว่า “กูถูกน้ำท่วมเมิงก็ต้องท่วมเหมือนกู” เพียงแค่ดึงกระสอบ ๒-๓ ใบ อาจจะทำให้พังทั้งแนว ต้องให้คนเฝ้าตลอด ๒๔ ชั่วโมงเลยทีเดียว
       
            เมื่อถามถึงเรื่องการบนบานศาลกล่าว เจ้าคุณแวว บอกว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ได้บนขอบารมีหลวงพ่อโตว่าอย่าให้ท่วม อย่างให้พัง หากน้ำไม่ท่วมครั้งนี้จะแก้บนด้วยแตงโม ๓๒ ลูก ซึ่งที่ผ่านมาบนด้วยแตงโมงก็สำเร็จมาทุกครั้ง โดยคำแนะนำของหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง อ.หนอวัวซอ จ.อุดรธานี ท่านเคยมาที่วัดและแนะนำว่า “หากจะบนขออะไรกับหลวงพ่อโต ต้องบนด้วยการถวายแตงโมงถึงจะประสบผลสำเร็จ” และที่ผ่านเคยบนถวายแตงโมงหลวงพ่อโตหลายครั้งก็ประสบผลสำเร็จ และเคยบนถวายแตงโมงมากถึง ๑๐๘ ลูก ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน
       
            อย่างไรก็ตาม เมื่อวัดพนัญเชิงสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ก็มีเสียงพูดทั้งจากพระและจากชาว บ้านว่า “ก็วัดมีเงินนะสิถึงเอาชนะน้ำท่วมได้” ทั้งนี้เจ้าคุณแวดพูดไว้อย่างน่าคิดว่า “การมีเงินไม่สำคัญเท่ากับ การมีศรัทธา ปัญญา และสามัคคี นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านแสนล้าน มีรายได้มากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า แต่ก็เอาไม่อยู่เพราะขาด ศรัทธา ปัญญา และสามัคคี คนเราถ้ามีใจสู้บวกกับพลังแห่งความสามัคคี ย่อมเอาชนะและฟันฝ่าอุปสรรคได้เสมอ ๑๐ ล้านบาทที่ลงไปเกินคุ้ม เพราะอย่างไรก็ดีกว่าแก้ไข เมื่อป้องกันน้ำได้ก็ไม่ต้องแก้ไขความเสียหายอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งนี้หลายคนอาจะมองว่าอาตมาป้องกันวัดเพื่อตัวเอง แต่ความจริงแล้วการรักษาวัด เท่ากับรักษาพระศาสนา วัดพนัญเชิงเป็นของคนอยุธยา เป็นของพุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ เมื่อเป็นเจ้าอาวาสต้องป้องกันให้ถึงที่สุดก็เท่านั้น”
       
            ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น เจ้าคุณแวว บอกว่า ต้องสร้างเขื่อนสูงเท่ากับระดับแนวน้ำท่วมในปีนี้ คากว่าต้องใช้งบประมาณ ๓๕ ล้านบาท โดยจะลงมือทันทีเมื่อน้ำลด ทั้งนี้เมื่อครั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มาที่วัดก็รับปากว่าจะหางบประมาณมาสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ และล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็รับปากเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดที่นายกฯ ทั้ง ๒ คนนั่งรับปากนั้นเป็นจุดเดียวกัน และเป็นนายกฯเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วคงไม่รอความช่วยเหลือจากนายกฯ แนวกันน้ำที่จะเกิดขึ้งต้องอาศัยบารมีของหลวงพ่อโตและศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
       
            ในขณะที่พระมหาชำนาญ ปริสุทโธ พระเลขาเจ้าคุณแวว บอกว่า ท่านเจ้าคุณแววท่านจtออกมาตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น แต่ถ้าเป็นในช่วงน้ำขึ้นอย่างต่อเนื่องท่านจะเดินดูแนวป้องกันไปจนถึงเที่ยง คืน เป็นอยู่เช่นนี้นานนับเดือน ท่านเพิ่งจะหยุดเมื่อน้ำเริ่มทรงตัว และเริ่มลดลง ท่านจะออกมาให้กำลังใจพระเณรลูกวัดเสมอๆ ว่า “เราต้องสู้ต่อ เมื่อเราเริ่มสู้มาแล้วได้เกือบครึ่งทาง อดทนสามัคคีอย่างไรก็ชนะ เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด ทรายเรามี กระสอบเรามี คนเรามี เรามีความพร้อมทุกด้านเราต้องสู้ให้ชนะ ถ้าน้ำท่วมวัดพระเณรก็อยู่ไม่ได้ ส่วนความเสียหายไม่ต้องพูดถึง”

   


น้ำแห้งน้ำใจไม่แห้ง
   
   
            วันนี้สภาพน้ำท่วมของ จ.พระนครศรีอยุธยา จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ภาพความช่วยเหลือหลังน้ำท่วมของกลุ่มจิตอาสาต่างๆ มีให้เห็นอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะการทำความสะอาดวัดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหาย โดยเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง ได้มีกลุ่มจิตอาสาได้เข้าไปช่วยทำความสะอาดวัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งถูกน้ำท่วม เกือบ ๑ เมตร
       
            นายเจริญ ปานเฟือง เจ้าของร้านข้าวขาหมูจุฬาฯ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดใหญ่ชัยมงคล บอกว่า ในช่วงที่ถูกน้ำท่วมเกือบ ๑ เดือน ได้อาศัยข้าวกล่อง และของแจกจากหน่วยงานต่างๆ เป็นของยังชีพ วันนี้ร้านสามารถเปิดขายได้ตามปกติ จึงชวนแม่ พี่สาวและเพื่อนๆ ทำข้าวขาหมูจุฬาฯ แจกให้เพื่อนบ้าน ผู้ประสบภัย รวมทั้งกลุ่มจิตอาสาจำนวน ๑,๒๐๐ กล่อง เพื่อเป็นการตอบแทนคืน ให้สมกับคำพูดที่ว่า
       
            “วันนี้แม้ว่าอยุธยาน้ำจะเริ่มแห้งแล้ว แต่น้ำใจของคนอยุธยาจะไม่แห้งตามน้ำ เพราะคนไทยเราไม่เคยทิ้งกัน จะอยู่ที่ไหน จังหวัดใด และภูมิภาคใด หากประสบภัยเดือดร้อนความช่วยเหลือก็จะไปถึงที่นั้นเช่นเดียวกับคนอยุธยา”

ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20111115/115007/เจ้าคุณนักสู้น้ำแห่งกรุงศรีฯเอาอยู่ด้วย...พลังศรัทธาปัญญาและสามัคคี.html

จากคุณ    : ชั้นละซิ
บันทึกการเข้า
อยากได้รับความสุข จาก ธรรมะ อยากได้รับ ..... แหมก็อยากนี้จ๊ะ