ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - เสกสรรค์
หน้า: [1] 2 3
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สัมมาทิฏฐิ มีคอนเซ็บตื เหมือนสมการ คณิตศาสตร์ หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 09:22:36 am
สัมมาทิฏฐิ มีคอนเซ็บตื เหมือนสมการ คณิตศาสตร์ หรือไม่ครับ

 คือมอง ว่า การเห็นอริยสัจจะ 4 เป็น สมการในการภาวนา หรือ การเรียน นะครับ เช่น
  ตั้ง สมการว่า  ทุกข์ มีเพราะมี เรา เรา มีเพราะมี ความไม่รู้ อย่างนี้เป็นต้น ใช่หรือไม่ครับ ดังนั้น สมการต้องเป็นอย่างนี้ เสมอใช่หรือไม่ครับ


  :s_hi: :c017:
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าจัด อิริยาบถ เกี่ยวกับธาตุ แล้ว ควรจัดไว้อย่างไร ครับในการดำเนินธาตุ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 09:20:17 am
ถ้าจัด อิริยาบถ เกี่ยวกับธาตุ แล้ว ควรจัดไว้อย่างไร ครับในการดำเนินธาตุ คือมองตาม ธาตุบรรพ ของกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน แล้ว อิริยาบถ นั้นเนื่องด้วยธาตุ ใช่หรือไม่ครับ

 :c017: :25:
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ช่วยอธิบาย คำว่า อนุสัย หน่อยครับ เหมือนกับ นิสัย ใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 09:17:22 am
ช่วยอธิบาย คำว่า อนุสัย หน่อยครับ เหมือนกับ นิสัย ใช่หรือไม่ครับ คำนี้ผมลองค้นหาคำอธิบายแล้ว อ่านแล้วก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ ว่า อนุสัย กับ นิสัย เหมือนกันหรือไม่ ถ้าเป็นคำไทย คำว่า อนุสัย นี้มีความหมายเหมือนกับคำว่า สันดาน ใช่หรือไม่ครับ

  :c017: :smiley_confused1:
4  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เพื่อนๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับการภาวนาที่ โสด กับ ไม่โสด เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2012, 09:15:04 am
เพื่อนๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับการภาวนาที่ โสด กับ ไม่โสด

  คือผมไปร่วมปฏิบัติธรรม มาหลายที่ แล้วก็เลยเกิดความสงสัยว่า การมีครอบครัวก่อนแล้วภาวนา จะทำให้เห็นธรรมได้ดีกว่า เร็วกว่า อย่างนี้ถูกต้องใช่หรือไม่ครับ ถ้าพิจารณา พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง คือ พระองค์มีครอบครัวก่อนแล้วจึงแสวงโมกขธรรม

   ดังนั้นอยากเรียนถามเพื่อน สมาชิก ทุกท่านว่า การภาวนาธรรม ตอนที่โสด กับ ตอนที่ไม่โสดอันไหน จะทำให้เราเข้าถึงธรรม ได้ดีกว่าครับ

  :smiley_confused1: :17: :c017: :25:
5  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การศึกษาเชิงวิเคราะห์อานาปานัสสติกถาในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค (๒๕๕๐) เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:25:48 am
การศึกษาเชิงวิเคราะห์อานาปานัสสติกถาในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค (๒๕๕๐)

  วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอานาปานัสสติสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง   ที่พระสารีบุตรเถระอธิบายไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค และความสอดคล้องของอานาปานัสสติสมาธิที่พระสารีบุตรเถระอธิบายกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง อันมีปรากฏในพระไตรปิฏกและคัมภีร์  ที่เกี่ยวข้อง
      ผลการวิจัยพบว่า อานาปานัสสติที่ปรากฏในพระสูตรต่างๆ ทั้งที่กล่าวไว้เป็นการเฉพาะ และที่มารวมกับกรรมฐานอื่น ถือได้ว่าเป็นพระสูตรสำคัญที่บันทึกหลักการของการปฏิกรรมฐานได้อย่างสมบูรณ์ พระสังคีกาจารย์ทั้งหลายได้ร้อยกรองสังคายนาทรงจำนำสืบกันมา และได้มีการจารึกเป็นอักษรจัดพิมพ์เป็นพระไตรปิฏก รักษาสืบมาจนถึงปัจจุบัน จึงกล่าวได้ว่าเป็นพระสูตรที่สำคัญต่อ  พระพุทธศานา ทั้งในด้านวิชาการ ด้านการปฏิบัติกรรมฐานและหลักพุทธธรรม โดยพระสารีบุตรเถระ ผู้ได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า เป็นผู้มีปัญญามาก ได้นำพระพุทธดำรัสที่ตรัสไว้มาอธิบายในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค พระไตรปิฏกเล่มที่ ๓๑ ได้ย่างแจ่มแจ้งชัดเจน นับเป็นคัมภีร์สำคัญที่บันทึกหลักการของการเจริญอานาปานัสสติสมาธิ และได้รับการรักษาสืบทอดอย่างแพร่หลาย ทำให้การปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา มีความเจริญรุ่งเรืองมาตราบเท่าถึงทุกวัน

 ดาวน์โหลดอ่านได้ที่ลิงก์นี้ นะครับ


 http://lib.mcu.ac.th/En/thesiscontent_desc.php?ct=1&t_id=517
6  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / โลกนี้จักไม่ว่างจากพระอรหันต์ เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:13:19 am
สุภัททะ !
ในธรรมวินัยใด ไม่มีอริยมรรคมีองค์แปด
สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น;
แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาไม่ได้;
แม้สมณะที่สาม (พระอนาคามี) ก็หาไม่ได้;
แม้สมณะที่สี่ (พระอรหันต์) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น.

สุภัททะ !
ในธรรมวินัยนี้แล มีอริยมรรคมีองค์แปด
สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาได้ในธรรมวินัยนี้;
แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาได้;
แม้สมณะที่สาม (พระอนาคามี) ก็หาได้;
แม้สมณะที่สี่ (พระอรหันต์) ก็หาได้ในธรรมวินัยนี้.

สุภัททะ !
ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ จะพึงอยู่โดยชอบไซร้
โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย แล.
มหา. ที. ๑๐/๑๗๕/๑๓๘.

7  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมตักบาตร อาหารสด-อาหารแห้ง พระธุดงคกรรมฐาน 13 พ.ย.55 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 10:57:39 am
ขอเชิญร่วมตักบาตร อาหารสด-อาหารแห้ง พระธุดงคกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำนวน 10 รูป ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก)

****************************

กำหนดการ

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เวลา 07. 30 น. พ่อแม่ครูอาจารย์เดินทางมาถึง กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาคารสวรรคโลก (SWB) ชั้น 4 ห้อง 403
เวลา 08.00 น. เริ่มตักบาตรพ่อแม่ครูอาจารย์พร้อมพระติดตาม ณ บริเวณลานพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
รายนามพ่อแม่ครูอาจารย์ที่นิมนต์ในครั้งนี้
1.หลวงปู่ทอง จันทสิริ วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
2.หลวงปู่สนธิ์ อนาลโย วัดพุทธบูชา เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ
3.หลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
4.พระอาจารย์อำนวย ภูริสุนทโร วัดบรมนิวาส เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
5.พระอาจารย์ไชยา สิริธัมโม วัดพระรามเก้า เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
( รวมพ่อแม่ครูอาจารย์และพระติดตามแล้วทั้งหมดประมาณ 10 รูป )

เวลา 08.30 น. ประธานฝ่ายฆราวาสจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย , พิธีรับศีล , เจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาคารสวรรคโลก (SWB) ชั้น 4 ห้อง 403
เวลา 09.00 น. ถวายภัตตาหารพ่อแม่ครูอาจารย์, รับพร, พ่อแม่ครูอาจารย์ฉันภัตตาหาร
เวลา 10.30 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดย พระอาจารย์อำนวย ภูริสุนทโร วัดบรมนิวาส เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เวลา 11.30 น. เสร็จพิธี

********************************

สอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร. 084-1232750, 082-1020323, 089-1371759




นำข่าวมาให้ช้าไปหน่อยนะครับ แต่ยังพอได้สนทนาธรรม ครับ
8  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / "ผู้เป็นอยู่แม้เพียงราตรีเดียว ก็น่าชม" หมายถึง มีชีวิตแค่วันเดียว ก็ยังดีกว่า เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2012, 08:35:26 am
วันนี้ขอนำบท ภัทเทกรัตตคาถา ซึ่งมีบทเริ่มต้นว่า

หันทะ มะยัง ภัทเทกะรัตตะคาถาโย ภะณามะ เส  เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคาถาแสดงผู้มีราตรีเดียวเจริญเถิด

คาถาของผู้ราตรีเดียว??   
 คนเราไม่รู้หรอกว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร 
โดยเฉพาะความตายนั้นอาจจะมาถึงเราโดยไม่รู้ตัวก็ได้ 
สมมุติว่า...  เราจะมีชีวิตอยู่อีกเพียง 1 คืน   จะมีสิ่งใดที่เราควรคร่ำครวญหรือ?? 
หรือจะมองอีกอย่าง คืนนี้ก็เฉพาะคืนนี้ คือ ปัจจุบันนี้ 

 
อะตีตัง นานวาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง

บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย, และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง

ยะทะตีตัมปะหีนันตัง อัปปัตตัญจะ อะนาคะตัง

สิ่งเป็นอดีตก็ละไปแล้ว, สิ่งเป็นอนาคตก็ยังไม่มา

คิดพะวงถึงความหลัง รังแต่จะโศกเศร้า โศกา หรือโกรธ พยาบาท โดยไม่เกิดประโยชน์อะไร ส่วนสิ่งที่ยังมาไม่ถึง  กังวลก็นอนไม่หลับเปล่าๆ?? เคยนอนไม่หลับกันใช่มั้ยครับ ทรมานยิ่งนัก

 

ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ,

อะสังหิรัง อะสังกุปปัง ตัง วิทธา มะนุพ๎รูหะเย

ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่นั้นๆ อย่างแจ่มแจ้ง,

ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน, เขาควรพอกพูนอาการเช่นนั้นไว้

อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง โก ชัญญา มะระณัง สุเว

ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้, ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้

นะ หิ โน สังคะรันเตนะ มะหาเสเนนะ มัจจุนา

เพราะการผัดเพี้ยนต่อมัจจุราชซึ่งมีเสนามากย่อมไม่มีสำหรับเรา

เอวัง วิหาริมาตาปิง อะโหรัตตะมะตันทิตัง,

ตัง เว ภัทเทกะรัตโตติ สันโต อาจิกขะเต มุนิ

มุนีผู้สงบย่อมกล่าวเรียกผู้มีความเพียรอยู่เช่นนั้น,

ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืนว่า, "ผู้เป็นอยู่แม้เพียงราตรีเดียว ก็น่าชม"




อยู่แบบลืมตาย-หลงตาย
น่าสงสัยว่าทุกวันนี้ จะมีใครสักกี่คนที่สามารถจากไปในลักษณะนั้นได้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เรามองความตายเป็นเรื่องน่ากลัว เป็นเพราะเห็นความตายเป็นเรื่องน่ากลัวเราจึงพยายามไม่นึกถึงมัน เราพยายามทำใจให้วุ่น ทำชีวิตไม่ให้ว่าง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเราจะได้ไม่ต้องนึกถึงความตายที่จะต้องเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง

เราทำตัวให้วุ่น ทำชีวิตไม่ให้ว่าง ทำงานทั้งวันทั้งคืน หรือไม่ก็สนุกสนานรื่นเริง เสพสุข เที่ยวห้าง แสวงหาความบันเทิง สรรหาสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยู่เสมอก็เพื่อจะได้ไม่ต้องนึกถึงความตาย เราจึงมีชีวิตอยู่เหมือนคนลืมตาย

ทุกวันนี้คนที่อยู่แบบลืมตายมีเป็นจำนวนมาก คือลืมไปว่าตนเองจะต้องตาย และส่วนใหญ่เมื่อมีชีวิตอยู่แบบลืมตาย ถึงเวลาสิ้นลมก็จะมีอาการอย่างที่คนโบราณเรียกว่า หลงตาย คือตายด้วยความหลง ตายด้วยความทุกข์ทรมาน กระสับกระส่าย ยิ่งสมัยนี้มีเทคโนโลยีนานาชนิด ซึ่งในบางกรณีแทนที่จะเป็นการยืดชีวิตหรือช่วยชีวิต กลับเป็นกระบวนการยืดความตาย ก็เท่ากับว่าทำให้สภาวะหลงตายยืดยาวไปด้วยเช่นกัน




มรณานุสติกรรมฐาน ในหนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งในคำสอนยังระบุไว้อีกว่า... จะทำอย่างไรความตายก็ต้องจัดการกับชีวิตแน่นอน เมื่อกฎธรรมดาเป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงสอน คือย้ำตามความเป็นจริงว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความตายนั้นเป็นสิ่งปกติธรรมดาไม่มีใครจะหลีกหนีพ้น ทั้งนี้ ความตายนี้แบ่งออกเป็น 3 อย่างด้วยกันคือ.....

1. สมุจเฉทมรณะ ความตายขาดตอน หมายถึงความตายของพระอรหันต์ ท่านเสร็จกิจแห่งพรหมจรรย์ คือสิ้นกิเลสแล้ว เหตุที่จะต้องทำให้เกิด คือกิเลสและตัณหาที่จะควบคุมบังคับท่านให้เกิดอีก ไม่มี ท่านมรณะแล้วท่านไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เรียกว่า สมุจเฉทมรณะ แปลว่าตายขาดตอน ไม่กลับมาเกิดอีก

2. ขณิกมรณะ แปลว่า ตายเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านหมายเอาความตาย คือความดับ หรือการเคลื่อนไปของชีวิต ที่มีการเคลื่อนไปวันหนึ่ง ๆ วันเวลาล่วงไป ชีวิตก็เคลื่อนไปใกล้จุดจบสุดยอดคือตายดับทุกขณะ การผ่านไปของชีวิตท่านถือเป็นความตาย คือ ตายทุกลมหายใจออก และเกิดต่อทุก ๆ ลมหายใจเข้า อาหารเก่าที่บริโภคเข้าไปเป็นการหล่อเลี้ยงชีวิตชั่วคราว เมื่อสิ้นอำนาจของอาหารเก่า ร่างกายต้องการอาหารใหม่เข้าไปหล่อเลี้ยงแทน แต่ถ้าไม่ได้อาหารใหม่เข้าไปทดแทนชีวิตก็จะต้องดับ ชีวิตที่ทรงอยู่ได้ก็เพราะอาหารใหม่เข้าไปหล่อเลี้ยงไว้

เมื่อสิ้นสภาพของอาหารเก่า ท่านถือว่าร่างกายต้องตายแล้วไปยุคหนึ่ง พอได้อาหารใหม่มาทดแทน ชีวิตก็เกิดใหม่อีกวาระหนึ่ง การเกิดการตายต่อเนื่องกันทุกวันเวลาอย่างนี้ ถ้าอาหารเก่าหมดสภาพ ไม่บริโภคใหม่ หรือลมหายใจออกแล้ว ไม่หายใจเข้า สภาพของร่างกายก็จะสิ้นลมปราณ คือตายทันที ที่ทรงอยู่ได้อย่างนี้ก็เพราะได้ปัจจัยบางอย่างค้ำจุนทดแทน ท่านสอนให้มองเห็นสภาพของสังขารร่างกายว่ามีความตายเป็นปกติทุกวันเวลา อย่างนี้ท่านเรียกว่า ขณิกมรณะ แปลว่า ตายทีละเล็กละน้อย หรือตายเล็ก ๆ น้อย ๆ

3. กาลมรณะ และ อกาลมรณะ กาลมรณะ แปลว่า ตายตามกาลตามสมัยที่ชาวโลกนิยม เรียกว่า ถึงที่ตาย คือ สิ้นอายุ อย่างชนิดที่ไม่มีการแก้ไขได้ อกาลมรณะ แปลว่า ตายในโอกาสที่ยังไม่ถึงกาลควรตาย แต่ต้อง ตายเพราะกรรมบางอย่างที่เป็นอกุศลเข้ามาบีบคั้นให้ตาย การตายประเภทหลังนี้พอมีทางต่อให้อายุยืนยาวต่อไปได้ตามสมควรแก่กรรมในอดีต จะต่อให้เลยพอดีนั้นไม่ได้ พวกตายตามแบบกาลมรณะตายไปแล้วเสวยผลกรรมทันที แต่พวกที่ตายตามแบบอกาลมรณะนี้ ตายแล้วยังไม่ไปเสวยผลกรรมทันที ต้องไปเป็นสัมภเวสี แสวงหาที่เกิดก่อน คือรอกาลที่จะถึงกาลมรณะก่อน เมื่อถึงเวลาแล้วจึงจะได้รับผลกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำไว้

ทั้งนี้ คำสอนของพระราชพรหมยาน ยังระบุไว้อีกว่า ’... การนึกถึงความตายมีประโยชน์ ประโยชน์ของการนึกถึงความตายทำให้เป็นคนไม่ประมาท เพราะรู้ตัวว่าจะตาย จะได้แสวงหาความดีใส่ตัว

รู้ตัวว่าชาตินี้จนเพราะชาติก่อนให้ทานไว้น้อย ถ้าชาติหน้าไม่อยากจนอีก ก็พยายามให้ทานเสมอ ๆ ตามกำลังทรัพย์ที่พอจะให้ได้ และอย่าให้จนหมดตัว จะเกินพอดี ต้องให้พอเหมาะพอดี ไม่เดือดร้อนภายหลัง นั่นแหละจึงจะควร, รู้ตัวว่ามีโรคมาก ป่วยไข้ไม่สบายเสมอ ๆ ของหายบ่อย ๆ รูปร่างสวยน้อยไป คนในบังคับบัญชาดื้อด้าน วาจาไม่ศักดิ์สิทธิ์ อารมณ์ความจำเสื่อม ถ้าต้องการให้สิ่งบกพร่องเหล่านี้สมบูรณ์ในชาติหน้า จะได้พยายาม รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ครบถ้วน แล้วก็จะได้รับอานิสงส์ มีอายุยืน รูปสวย ไม่มีโรคภัยรบกวน ไม่มีภัยจากโจร คนในบังคับบัญชาอยู่ในโอวาทเป็นอันดี ไม่มีใครดื้อด้าน มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์

ถ้าเห็นว่ามีปัญญาน้อย ไม่ใคร่ทันเพื่อน ก็พยายาม เจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พอมีฌานมีญาณเล็กน้อย ในชาติต่อไปก็จะเป็นคนมีปัญญาเลิศ, ถ้าเห็นว่าความเกิดเป็นโทษเป็นทุกข์ เพราะการเกิด ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร มีตระกูลสูงส่งประการใดก็ตาม ต้องประสบกับความทุกข์อย่างมหันต์ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องการความเกิดอีก ก็เร่งรัดเจริญสมถะให้ได้ฌานต้น แล้วเจริญวิปัสสนาญาณให้จบกิจพระศาสนา ซึ่งเป็นของไม่หนักเลยสำหรับท่านที่นึกถึงความตายเป็นปกติ หรือที่เรียกว่า เจริญมรณานุสติกรรมฐาน ...”

’มรณานุสติ“ นึกถึงความตาย ’เพื่อจะได้ทำความดี“
9  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / วันเทโวโรหณะ บรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:15:05 am



 อัปโหลดโดย Buddhadasa Archives เมื่อ 12 ต.ค. 2011

วันเทโวโรหณะ หรือ วันพระเจ้าเปิดโลก เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงเปิดโลกด้วยการแสดงธรรม คือ แสดงให้เห็นว่าทุกโลก ทั้งของพรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์นรก ไม่ว่าโลกไหน ก็ยังมีกิเลสปะปนอยู่ เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่าย และมุ่งไปสู่การดับกิเลสซึ่งเป็นสาเหตุของทุกข์อย่างสิ้นเชิง

http://www.bia.or.th
http://www.dhamma4u.com
https://www.facebook.com/buddhadasaarchives
10  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / วันเทโวโรหณะ วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก ที่ ประตูเมือง สังกัสสะนคร เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:07:24 am


ในพรรษาที่ 7 นับแต่ปีที่ตรัสรู้ พระพุทธองค์จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาอยู่หนึ่งพรรษา(3เดือน) ครั้นถึงวันปวารณาออกพรรษา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 พระพุทธองค์จึงเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ทางบันไดทิพย์ ทั้ง 3 ได้แก่ บันไดเงิน และ บันไดทอง และ บันไดแก้ว ซึ่งสักกเทวราช (พระอินทร์) ให้พระวิษณุกรรมเนรมิตทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่โลกมนุษย์ ที่ ประตูเมืองสังกัสนคร ที่นั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนต่างมารอรับตักบาตรภัตตาหารกันอย่างเนืองแน่นชาวพุทธจึงยึด­ถือปรากฎการณ์ในวัน แรม1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ เรียก "วันเทโวโรหณะ" และ วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก เพราะวันนั้นโลกทั้ง 3 คือ สวรรค์ มนุษย์ และ นรก ต่างสามารถแลเห็นกันได้ตลอดทั้ง 3 โลก


วันเทโวโรหนะ หมายถึง วันทำบุญตักบาตรในเทศกาลวันออกพรรษา มีประวัติเล่าว่า ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วได้เสด็จไปประกาศ   พระศาสนาในแคว้นต่าง ๆ ทั่วชมพูทวีป  ตลอดจนไปทรงเทศนาโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติทั้งหลายให้บรรลุมรรคผลตามสมควรแก่อุปนิสัยของแต่ละคน  แล้วพระองค์ได้ทรงรำลึกถึงพระนางสิริมหามายา  ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ประสูติได้ ๗ วัน  ทรงดำริที่จะสนองคุณพระพุทธมารดา   ดังนั้น  จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฏกโปรดพระพุทธ

มารดาอยู่หนึ่งพรรษา   ครั้นวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ หรือหลังวันออกพรรษา ๑ วัน  พระองค์เจ้าจึงได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์   มาประทับที่เมืองสังกัสสะ  ประชาชนต่างพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทำบุญตักบาตรกันอย่างเนื่องแน่น  ด้วยเหตุนี้  พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑  เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากเทวโลกมาสู่เมืองมนุษย์  เพื่อโปรดสัตว์ ชาวบ้านทั่วไปเรียกวันนี้ว่า "วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก" หมายถึงเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงเปิดโอกาสให้โลกทั้ง 3 สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ ประกอบด้วย สวรรคโลก มนุษยโลก และนรกโลก เป็นวันแห่งอิสระ เสรีภาพของเหล่านางฟ้า เทพบุตร เทพธิดาในแดนสวรรค์ ตลอดจนเหล่าภูต ผี ปีศาจ เปรต และอสุรกายทุกรูปทุกนามในแดนนรกภูมิ สามารถจะไปไหนมาไหนก็ได้ เมื่อเหล่านางฟ้า เทพบุตร เทพธิดา ทั้งหลายได้ทราบข่าวอันเป็นมงคลยิ่งนี้ จึงได้รวมตัวกันประกอบพิธี "กวนข้าวมธุปายาส" เป็นข้าวที่กวนผสมกับน้ำผึ้ง เรียกว่า ข้าวทิพย์ พิธีกวนข้าวทิพย์นี้จะต้องกระทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เพื่อแจกจ่ายให้แก่เหล่านางฟ้า เทพบุตร เทพธิดา ได้นำไปใส่บาตรถวายสมเด็จพระสัมมาสัพพุทธเจ้า ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จพระราชดำเนินลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เรียกวันสำคัญในวันออกพรรษาวันแรกนี้ว่า "วันตักบาตรเทโวโรหณะ" ชาวบ้านเรียกวันนี้ว่า "วันตักบาตรเทโว"พุทธศาสนิกชนต่างถือปฏิบัติด้วยการทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหาร ดอกบัว ข้าวต้มโยน ข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บิดา มารดา ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนอุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้ตนได้รับส่วนบุญกุศลอันจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว และทำสืบต่อมาเป็นประเพณีจนทุกวันนี้  และเรียกว่า "ตักบาตรเทโว"

ต่อมา เมื่อพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่มายังประเทศไทย พุทธศาสนิกชนได้อัญเชิญพระพุทธรูป ๑ องค์นำหน้าแถวพระสงฆ์ ส่วนประชาชนผู้มาใส่บาตรจะยืนหรือนั่ง ๒ แถว หันหน้าเข้าหากัน โดยเว้นระหว่างกลางไว้ให้พระสงฆ์เดิน สาหรับของที่นำมาใส่บาตรอาจแตกต่างกันบ้าง บางแห่งนิยมทำข้าวต้มลูกโยน ซึ่งทำจากข้าวเหนียว ห่อด้วยใบมะพร้าว ไว้หางยาว เพื่อสะดวกในการโยนใส่บาตร

การตักบาตรเทโวนี้ บางวัดทำในวันออกพรรษา คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ บางวัดก็ทำในวันรุ่งขึ้น คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ทั้งนี้ แล้วแต่ความตกลงร่วมใจทั้งทางวัดและทางบ้าน พิธีที่ทำนั้นทางวัดอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานในบุษบก ซึ่งตั้ง อยู่บนล้อเลื่อนหรือคานหาม มีบาตรขนาดใหญ่ใบหนึ่งตั้งไว้หน้าพระพุทธรูป มีคน ลากล้อเลื่อนไปช้า ๆ นำหน้าพระสงฆ์ สามเณร ซึ่งถือบาตรเดินเรียงไปตามลำดับ พุทธศาสนิกชนต่างก็นำข้าว อาหารหวานคาว มาเรียงรายกันอยู่เป็นแถวตามแนวทางที่รถบุษบกเคลื่อนผ่าน คอยตักบาตร อาหารที่นิยมตักในวันนั้น นอกจากข้าวและอาหารคาวหวาน ธรรมดาแล้วก็จะมีข้าวต้มลูกโยนด้วย ซึ่งบางท่านสันนิษฐานว่าในครั้งนั้นผู้คนรอใส่บาตรกันแออัดมาก เข้าไม่ถึงพระ จึงใช้ข้าวก่อ หรือปั้นโยนลงบาตร ประเพณีการตักบาตรเทโวนี้ เนื่องมาจากการเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อมีเหตุการณ์อะไรปรากฏในตำนาน ก็จะปรารภเหตุนั้นๆ เพื่อบำเพ็ญบุญกุศลเช่นการถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ทำทาน เป็นต้น ตักบาตรเทโวจึงเป็นการทำบุญอย่างมโหฬารของพุทธศาสนิกชน นับแต่นั้นมา
11  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พระพุทธเจ้า มี พุทธมารดา 2 องค์ เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:00:12 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com

องค์ที่ 1 คือ พระนางสิริมหามายา พระพุทธเจ้า ได้เสด็จตามไปโปรดในพรรษา 1 ที่ชั้นดาวดึงส์

    พระนางสิริมหามายา มีพระนามเต็มว่า พระนางสิริมหามายา ศากยราชเทวี เป็นพุทธมารดาในพระพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า) ผู้มีบุญญาธิการเป็นพระศาสดาเอกของโลก เป็นพระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ และเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าอัญชนาธิปราช กษัตริย์ราชสกุลโกลิยวงศ์แห่งกรุงเทวทหะ แคว้นโกลิยะ

หลังจากพระนางสิริมหามายา อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสุทโธทนะ ไม่นาน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ในคืนนั้นพระนางสิริมหามายากำลังบรรทมหลับสนิท ทรงสุบินว่าพระนางไปอยู่ในป่าหิมพานต์ มีช้างเชือกหนึ่งลงมาจากยอดเขาสูงเข้ามาหาพระนาง นำดอกบัวมาให้ เมื่อพระนางรับดอกบัวไว้แล้วก็ตื่นขึ้น ภายหลังโหราจารย์ประจำราชสำนักทำนายว่าเป็นสุบินนิมิตที่ดี จะมีพระราชโอรสผู้ประเสริฐอุบัติบังเกิด

เมื่อใกล้กำหนดพระประสูติกาลที่กรุงเทวทหะ เมืองต้นตระกูลพระนาง ตามธรรมเนียมประเพณีพราหมณ์พระนางจะต้องเดินทางกลับ ในระหว่างเดินทาง ระหว่างกรุงกบิลพัศด์กับกรุงเทวทหะ บริเวณที่เรียกว่า “สวนลุมพินีวัน” พระนางได้หยุดพักพระอิริยาบถ (ปัจจุบันคือตำบล “รุมมินเด แขวงเปชวาร์” ประเทศเนปาล) โดยประทับยืนพระหัตถ์ขึ้นเหนี่ยวกิ่งสาละ จนรู้สึกประชวรพระครรภ์ และได้ประสูติพระสิทธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ เพ็ญเดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี

ภายหลังประสูติพระโอรสได้ 7 วัน พระนางสิริมหามายาสิ้นพระชนม์ พระโอรสจึงอยู่ในความดูแลของพระนางปชาบดีโคตมี พระกนิษฐาของพระนางสิริมหามายา

ครั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำริ กระทำการสนองพระคุณพุทธมารดา จึงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สำหรับพระนางสิริมหามายานั้นอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต พระอินทร์จึงนำพระพุทธองค์ขึ้นไป เมื่อทรงแสดงพระธรรมเทศนาประทานแก่พุทธมารดาจบลง องค์พระสิริมหามายา พุทธมารดา ก็บรรลุโสดาปัตติผล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับโลกมนุษย์เมื่อ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11

th.wikipedia.org/wiki/พระนางสิริมหามายา


องค์ที่ 2 คือ มหาปชาปตีโคตมี ซึ่งเป็นน้องสาวของ พระนางสิริมหามายา

        [๒๖๙]  นาค    อสูร    และพรหม
                  ต่างก็พากันบูชาพุทธมารดาผู้นิพพานซึ่งถูกเขานำออกไปแล้ว
                  ตามความสามารถตามกำลัง
        [๒๗๐]  ภิกษุณีผู้เป็นโอรสของพระสุคต
                  ซึ่งนิพพานแล้วทั้งหมดถูกอัญเชิญไปข้างหน้า
                  พระโคตมีเถรีผู้เลี้ยงดูพระพุทธเจ้า
                  ผู้อันเทวดาและมนุษย์สักการะแล้วถูกอัญเชิญไปข้างหลัง


   พระสุตตันตปิฎก  ขุททกนิกาย  อปทาน  [๒.  เอกูโปสถิกวรรค]
              ๗.  มหาปชาปตีโคตมีเถริยาปทาน เล่มที่  ๓๓ หน้าที่ ๔๒๓






   
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อย่างไร ชื่อว่า การเห็นลมหายใจเข้า และ ลมหายใจออก ครับ เมื่อ: ตุลาคม 18, 2012, 08:06:40 am
อย่างไร ชื่อว่า การเห็นลมหายใจเข้า และ ลมหายใจออก ครับ
อยากทราบว่า การปรากฏชัดของลมหายใจเข้า และ ออก ในการภาวนาเป็นอย่างไรครับ จะได้นำไปเป็นแนวทางในการภาวนาปฏิบัติ ต่อไปครับ ผมเองชอบดูลมหายใจเข้า และ ลมหายใจออกมากกว่าครับ

  :c017:
13  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ถ้าเรามีทุกข์ เกิดขึ้น ควรจัดการกับทุกข์ อย่างไร จึงจะถูกวิธีของชาวพุทธครับ เมื่อ: สิงหาคม 31, 2012, 10:16:19 am
ถ้าเรามีทุกข์ เกิดขึ้น ควรจัดการกับทุกข์ อย่างไร จึงจะถูกวิธีของชาวพุทธครับ
ตามหัวข้อเลยนะครับ
 ขอเชิญเพื่อน ๆ ร่วมกัน ช่วยแจกธรรม เป็น ทาน ด้วยครับ

  :s_hi:
14  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ธาตุกรรมฐาน คือ อะไร มีไว้เพื่ออะไร ทำไมต้องเข้าใจธาตุก่อน ? เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 09:48:32 am
ธาตุกรรมฐาน คือ อะไร มีไว้เพื่ออะไร ทำไมต้องเข้าใจธาตุก่อน ?

ตามคำถามเลยครับ คือไม่เข้าใจอะไรเลยครับ..... ว่าเกี่ยวพันอย่างไร กับการภาวนา พุทโธ

 :s_hi: :c017:
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "พระราชินี"โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานอภัยโทษ 30,000 คนทั่วประเทศ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2012, 11:34:10 am

       พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 80 พรรษา ซึ่งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานอภัยโทษ นักโทษที่ต้องขังในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในวาระนี้ มีนักโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 30,000 คน โดยแบ่งเป็นนักโทษ 2 ประเภท กล่าวคือ ประเภทแรก คือเข้าเงื่อนไข ก็สามารถปล่อยตัวเลย เช่น ต้องโทษไม่เกิน 1 ปี หรือต้องโทษจำขังอยู่ก็ได้รับการปล่อยตัวเลย และอีกประเภทหนึ่งคือ นักโทษที่ต้องโทษอยู่แล้วนานมากกว่า 1 ปี จะได้รับการลดโทษปล่อย ซึ่งประเภทนี้จะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่จะปล่อยตัวออกมา
        อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปต้องรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าจะน่าจะประกาศลงในวันนี้หรือพรุ่งนี้เป็นอย่างช้าต่อไป


ฟังเสียง ภาพวีดีโอที่นี่ครับ
http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/401207.html
16  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ผลกรรมของการหลอกลวง ผู้เดือดร้อน ที่มีอย่างไร ครับ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2012, 11:32:12 am
เห็นชาวนา หลายท่านมาบ่น ว่าตอนนี้ถูกหลอกให้ซื้อ ปุ๋ยปลอม ทำให้ผลิตผลไม่ได้ผลผลิตอย่างที่หวัง ซ้ำร้ายแย่ยิ่งกว่านั้นเพราะปุ๋ยปลอมนั้น ยังทำให้พันธ์ไม้ได้ผลน้อยลงอีก

       ผลกรรม ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่หลอกลวงนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างครับ ในพระสูตรมีการกล่าวไว้หรือไม่ครับ

  ขอบคุณครับ

  :c017: :25:
17  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมศ๊กษาปฏิบัติธรรมประจำเดือน กันยายน 55 ณ วัดราชสิทธาราม คณะ 5 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2012, 09:41:43 am
กำหนดการปฏิบัติธรรมประจำเดือน กันยายน 55
เสาร์-อาทิตย์ 8 - 9 และ 22- 23
ณ วัดราชสิทธาราม (พลับ) คณะ 5
ถนนอิสรภาพ ซ.อิสรภาพ23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่
โทร.084-651-7023


ตารางการปฏิบัติธรรม กันยายน 2555

     ช่วงต้นเดือน

    วันเสาร์ที่ 8 กันยายน  2555  แรม 7 ค่ำ เดือน  9

     เวลา 06.30-  07.00 น.        ลงทะเบียน รับอาหารเช้า รับศีล ขึ้นกรรมฐาน   

     เวลา 07.30 - 08.00 น.        รับประทานอาหารเช้า นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม

     เวลา 11.00 – 13.00 น.        รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย 

     เวลา 13.00 - 14.00 น.        ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ 

     เวลา 14.00 - 16.30 น.        เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม   ทำธุระส่วนตัว 

     เวลา 16.30 - 17.00 น.        ทำวัตรเย็น

    วันอาทิตย์ที่ 9 กันยาน 2555  แรม 8 ค่ำ เดือน  9

     เวลา 06.30 - 07.00 น.         ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา   รับอาหารเช้า

     เวลา 07.30 - 08.00 น.         รับประทานอาหารเช้า นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม

     เวลา 11.00 – 13.00 น.         รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย 

     เวลา 13.00 - 14.00 น.         ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ 

     เวลา 14.00 - 16.30 น.         เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม   ทำธุระส่วนตัว 

     เวลา 16.30 - 17.00 น.         ทำวัตร สวดธรรมจักร

    ช่วงปลายเดือน                       

  วันเสาร์ที่ 22 กันยายน  2555  ขึ้น 7 ค่ำ เดือน  10

     เวลา 06.30 - 07.00 น.           ลงทะเบียน รับอาหารเช้า รับศีล ขึ้นกรรมฐาน   

     เวลา 07.30 - 08.00 น.           ฃ รับประทานอาหารเช้า นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม

     เวลา 11.00 – 13.00 น.           รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย 

     เวลา 13.00 - 14.00 น.           ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ 

     เวลา 14.00 - 16.30 น.           เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม   ทำธุระส่วนตัว 

     เวลา 16.30 - 17.00 น.           ทำวัตรเย็น

   วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2555  ขึ้น 8 ค่ำ เดือน  10

     เวลา 06.30 - 07.00 น.            ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา   รับอาหารเช้า

     เวลา 07.30 - 08.00 น.            รับประทานอาหารเช้า นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม

     เวลา 11.00 – 13.00 น.            รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย 

     เวลา 13.00 - 14.00 น.            ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ 

     เวลา 14.00 - 16.30 น.            เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม   ทำธุระส่วนตัว 

     เวลา 16.30 - 17.00 น.            ทำวัตร สวดธรรมจักร



ที่มาประกาศนี้นะครับ หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง หรือ อย่างไร ที่ จขกท.ประกาศไว้ก็ตามไปอ่านกันที่ลิงก์ด้านล่างนี้นะครับ
http://www.somdechsuk.org/node/297
18  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไมเวลานั่งสมาธิ บางคนมีอาการปวดมาก บางคนมีอาการปวดน้อย เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 08:45:20 am
ทำไมเวลานั่งสมาธิ บางคนมีอาการปวดมาก บางคนมีอาการปวดน้อย บางคนก็ไม่มีอาการอะไรเลย
คือไปนั่งสมาธิ กับเพื่อน ๆมา เห็นบางท่าน ก็นั่งกรรมฐานไปขบกรามไป อีกท่านนั่งไปตัวสั่นมาก ๆ อีกท่านไม่มีอาการอะไร สงบนิ่ง จริง แต่ทุกท่านก็นั่งกรรมฐาน กันครบ 1 ชม. ผมเองหลังจากที่ได้นั่งกรรมฐาน ก็สนทนากันถามกันว่าเป็นเพราะอะไร ?
 
  ท่านที่นั่งขบกราม ตอบว่า ปวดมาก ๆ ปวดกันกบ ปวดเข่า ปวดขา อยากจะร้องไห้ นั่งภาวนาพุทโธ แต่ ปวดไปหมด อยากจะเลิกนั่งแบบนี้ แต่ด้วยยึดถือสัจจะกันก็จะต้องทำให้ได้ตามสัจจะ

  ท่านที่นั่งสั่น ตอบว่าไม่รู้เป็นอย่างไร รู้สึกว่ากายมันขยับไปเอง พยายามห้ามกายไม่ให้สั่นแล้ว แต่กายก็ยังสั่น ก็เลยภาวนา พุทโธ ไป ปล่อยกายสั่นไป ในใจก็อธิษฐานว่าจงหยุดสั่น แต่ก็ไม่หยุดจนกระทั่งออกจากการภาวนาตามเวลา ก็ยังไม่หยุดมาหยุดตอนคลายภาวนา

  อีกท่านตอบว่า นั่งกรรมฐาน ไปแล้ว รู้สึกว่ามันมีความรู้สึกว่า นิ่ง เหมือนคนเดินแล้วอยากหยุดเดิน ยืนอยู่อย่างนั้น ท่านบอกแต่เพียงว่า นิ่งแล้ว รู้สึกดี ถ้าเดินภาวนาอยู่รู้สึกเหนื่อย นิ่งแล้วไม่เหนื่อย เหมือนการหยุดพัก ท่านเลยตอบว่าว่า ชอบสภาวะนิ่ง ๆ อย่างนี้

   เป็นเพราะเหตุใด ที่คนหลายคนนั่งกรรมฐาน ที่เดียวกัน ในสภาวะเดียวกัน ครูเดียวกัน กรรมฐานเดียวกัน แต่ทำไมมีอาการออกไปกันมากมายอย่างนี้ครับ

   :smiley_confused1: :c017:


19  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ขณะที่จิตสงบ นิ่งเงียบอยู่ ขณะนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น สมาธิ หรือ ว่าตกภวังค์ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 08:34:36 am
ขณะที่จิตสงบ นิ่งเงียบอยู่ ขณะนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น สมาธิ หรือ ว่าตกภวังค์ครับ

  จิตเข้าไปนิ่งเงียบ อยู่ สงบ อย่างนั้น ไม่มีบริกรรม ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการปรุงแต่ง เพียงแต่หยุดอยู่นิ่ง ๆ อย่างนั้น เสียงได้ยิน ความรู้สึกรอบด้านยังปรากฏอยู่ แต่มันนิ่งอยู่อย่างนั้น ครับ


  :67: :67: :67: :c017:

20  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สมาธิ กับ อุเบกขา เป็นองค์เดียวกันหรือไม่ครับ. ? เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 08:32:07 am
วันนี้มาช่วยเพื่อนคุยกันในห้องนี้ ครับ
อยากเรียนถาม ทีมงาน มัชฌิมา ทุกท่านนะครับว่า
 สมาธิ กับ อุเบกขา เป็นองค์เดียวกันหรือไม่ ครับ ?


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.dhammathai.org
21  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พุทธจักษุ หมายถึง อินทริยปโรปริยัตติญาณ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2012, 09:52:36 am


พุทธจักษุ  หมายถึง  (๑)  อินทริยปโรปริยัตติญาณ  คือ  ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งและความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย  คือ  รู้ว่า  สัตว์นั้น ๆ  มีศรัทธา  วิริยะ  สติ  สมาธิ  ปัญญา  แค่ไหน  เพียงใด มีกิเลสมาก  กิเลสน้อย  มีความพร้อม  ที่จะตรัสรู้หรือไม่  (๒)  อาสยานุสยญาณ  คือ  ปรีชาหยั่งรู้อัธยาศัย ความมุ่งหมาย  สภาพจิตที่นอนอยู่  (ขุ.ป.  ๓๑/๑๑๑/๑๒๔,๑๑๓/๑๒๖)
22  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เช็คอย่างไร ที่ตนเอง ว่าจิต เราเป็นสมาธิ ระดับไหน? เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2012, 09:36:47 am
เช็คอย่างไร ที่ตนเอง ว่าจิต เราเป็นสมาธิ ระดับไหน?

 อยากทราบว่า จิตของเราเป็น สมาธิ ระดับ ขณิกะสมาธิ เป็นอย่างไร
                 
 อยากทราบว่า จิตของเราเป็น สมาธิ ระดับ อุปจาระสมาธิ เป็นอย่างไร
             
 อยากทราบว่า จิตของเราเป็น สมาธิ ระดับ อัปปนาสมาธิ เป็นอย่างไร
                 
  ขอบคุณมากครับ
  :49: :c017: :25:
23  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ต้องการใช้ กรรมฐาน มารักษา อาการ ไมเกรน ควรฝึกอย่างไรครับ ? เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 07:50:52 am
ต้องการใช้ กรรมฐาน มารักษา อาการ ไมเกรน ควรฝึกอย่างไรครับ ?
 เป็นอาการปวดหัวอยู่ข้างเดียวครับ มีวิธีรักษาด้วยกรรมฐาน หรือไม่่ครับ ?

  ถามกรณี ที่อีกคนเป็น ไม่ใช่เรา คนป่วย แล้วเราจะช่วยได้อย่างไร โดยใฃ้กรรมฐานครับ ?


  :c017:
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เศร้า! หนุ่มจีนอดนอนดูบอลยูโร 11 คืน จนเสียชีวิต ( ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ นะ) เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 07:37:23 am
เศร้า! แฟนฟุตบอลชาวจีนติดบอลยูโร 2012 อดตาหลับขับตานอนรอดูทุกแมตช์ 11 คืนต่อเนื่อง สุดท้ายเสียชีวิต แพทย์ชี้อดนอนและดื่มเหล้า ทำร่างกายอ่อนแอ

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า พบศพหนุ่มจีนคนหนึ่งเสียชีวิตอยู่ในบ้านที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ประเทศจีน หลังจากเขาอดตาหลับขับตานอนชมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 หรือ ยูโร 2012 มาตลอด 11 คืน

รายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวมีอายุเพียงแค่ 26 ปีเท่านั้น โดยทุกคืนเขาจะไปลุ้นการแข่งขันฟุตบอลที่บาร์กับเพื่อน ๆ พร้อมกับนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย ซึ่งทีมโปรดของเขาคือ ทีมชาติอังกฤษและทีมชาติฝรั่งเศส และเมื่อเกมจบ เขาจึงจะกลับไปนอนที่บ้าน

แต่ทว่า ในเช้ามืดของวันอังคารที่ 19 มิถุนายน ชายคนดังกล่าวซึ่งได้ไปชมเกมฟาดแข้งระหว่างทีมชาติอิตาลี และไอร์แลนด์ มีอาการเซื่องซึมผิดปกติขณะชมการแข่งขัน ซึ่งเพื่อน ๆ สังเกตเห็นได้ และเมื่อเกมจบด้วยการที่ทีมชาติอิตาลีเอาชนะไอร์แลนด์ไป 2-0 ชายคนนั้นได้กลับมาที่บ้านเวลาประมาณ 5.00 น. ก่อนจะอาบน้ำ เปิดแอร์ และเข้านอน โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่า หลังจากนั้นเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

ทั้งนี้ พ่อแม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่า รู้สึกเสียใจมากที่ลูกชายซึ่งอายุยังน้อยจากไปอย่างกะทันหัน และยืนยันว่า ปกติลูกชายเป็นคนสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งยังเคยเป็นนักฟุตบอลสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย จึงไม่คิดว่าจะมาเสียชีวิตเช่นนี้

ด้าน ดร.หลิวจื้อหลิง แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลประชาชนประจำมณฑลหูหนาน ระบุว่า ผู้ชายคนนี้เสียชีวิตเพราะขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ นอกจากนี้ เขายังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ส่งผลให้ระบบน้ำตาลในเลือดผิดปกติ ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เสียชีวิตได้
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไฟไหม้ร.ร.กวดวิชาโคราชหาม 27 น.ร.สำลักควันส่งร.พ. (ไอเอ็นเอ็น) เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 07:32:55 am
ไฟไหม้ร.ร.กวดวิชาโคราชหาม 27 น.ร.สำลักควันส่งร.พ. (ไอเอ็นเอ็น)

เกิดเหตุไฟไหม้โรงเรียนกวดวิชา จ.นครราชสีมา เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล - ม.2 ร่วม 200 คน หนีตายอลหม่าน ขณะ 27 คน สำลักควัน หายใจไม่ออก ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว

เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนกวดวิชา "ครูเเจ๋ว" เลขที่ 99-101 ถนนมนัส ต.ในเมือง อ.เมืองน จ.นครราชสีมา ขณะเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึง ม.2 ร่วม 200 คน จากโรงเรียนชื่อดังใน จ.นครราชสีมา หลายแห่ง กำลังนั่งเรียนพิเศษอยู่

โดยเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 ของอาคารสูง 4 ชั้น เป็นเหตุให้เด็กนักเรียน 27 คน สำลักควัน เเละติดอยู่บนตึก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทมศบาลนครนครราชสีมาได้ใช้รถกระเช้าทุบกระจกเพื่อช่วยเหลือเด็กออกมาจากตึกนำส่งโรงพยาบาลอย่างโกลาหล โดยมีเด็กนักเรียนจำนวน 27 คน ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสำลักควัน หายใจไม่ออก แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยสาเหตุ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เกิดจากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดที่ห้องนอนของครูเเจ๋ว ชั้น 2 ของอาคาร



ขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com
 :c017:



26  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ประวัติหลวงปู่สิม เมื่อ: มิถุนายน 17, 2012, 10:56:35 am


ประวัติหลวงปู่สิม

!

Uploaded by siamglassa on May 28, 2011

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
Any feedback contact facebook.com/popoman
สมัครรับข้อมูลได้ที่
http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=siamglassa
27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "อยู่ให้เหมือนลิ้นงูในปากงู" เมื่อ: มิถุนายน 06, 2012, 08:43:01 am
ภาพปริศนาธรรม ของ พระภิกษุอีมานูเอล เชอร์แมน
ชื่อ "อยู่ให้เหมือนลิ้นงูในปากงู"



ท่านอาจารย์พุทธทาส ตีความไว้เป็นข้อธรรม คำกลอนว่า

นั่นลูกตา มองเห็น ไม่เป็นหมัน
เขาใช้มัน เล็งแล แก้ปัญหา
อยู่ในโลก อย่างไร ไม่ทรมาน์
พิจารณา ตรองไป ให้จงดี

อยู่ให้เหมือน ลิ้นงู ในปากงู
ไม่เคยถูก เขี้ยวงู อยู่สุขศรี
อยู่ในโลก ไม่เคยถูก เขี้ยวโลกีย์
เป็นเช่นนี้ อุปมา อย่าฟั่นเฟือน

คิดดูบ้าง นั่งได้ ในปากงู
ก็ไม่ถูก เขี้ยวงู อยู่เสมือน
นั่งในห้อง แสนสบาย ภายในเรือน
มีเค้าเงื่อน เหมือนพระ ภควันต์

อยู่ในโลก ไม่กระทบ โลกธรรม
อยู่เหนือกรรม เหนือทุกข์ เป็นสุขสันต์
ใครมีตา รีบเคารพ นอบนบพลัน
รีบพากัน ทำตาม ยามนี้เอยฯ
28  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กรมอุทยานแห่งชาติ สั่งปิดการท่องเที่ยว พักแรม ภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิ.ย เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2012, 08:13:45 am
กรมอุทยานแห่งชาติ สั่งปิดการท่องเที่ยว พักแรม ภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน


นายธวัชชัย สันติสุข นักวิชาการป่าไม้ 10 เชี่ยวชาญ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจ้งว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน ของทุกปี เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้การท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากต้องเดินทางโดยการปีนเขาขึ้นสู่ยอดภูกระดึง ฝนตกทำให้เส้นทางเดินเท้าลื่น ไม่สะดวกสบาย และอาจเกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้ จึงได้เห็นสมควรปิดการท่องเที่ยวและพักแรม เฉพาะบนยอดภูกระดึง ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เพื่อเปิดโอกาสให้สภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพลิกฟื้น และปรับตัวเองตามธรรมชาติ และเพื่อให้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้ทำการปรับปรุงซ่อมแซมที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวในฤดูกาลท่องเที่ยว
ต่อไป

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงขอประกาศปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
29  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบความหมายของคำว่า รูป และ นาม ในการภาวนากรรมฐาน ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 10:57:32 am
อยากทราบความหมายของคำว่า รูป และ นาม ในการภาวนากรรมฐาน ครับ
เท่าที่ฟังในรายการ วิทยุ จะมีการกล่าวเรื่อง รูป และ นาม

1. ในกรรมฐาน มัชฌิมา นั้น รูป และ นาม คือ อะไรครับ

2. รูป และ นาม มีความสำคัญอย่างไรครับ ในกรรมฐาน

3. รูป และ นาม อะไรสำคัญกว่ากัน ครับ

 :c017: :25:
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หนุ่มดวงกุด พลัดตกภูเขาทองดับอนาถ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2012, 09:15:56 am
(6 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณทางขึ้นภูเขาทอง (วัดสระเกศ) ถนนบำรุงเมือง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเดินขึ้นภูเขาทอง ภายในวัดสระเกศ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพชาย สภาพร่างกาย คอ แขนขาหักจนผิดรูป สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ นอนเสียชีวิตคว่ำหน้าอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ตรวจสอบภายในกระเป๋าเป้ของผู้ตาย พบเสื้อผ้า เอกสารใบขับขี่ และบัตรผู้ป่วยศูนย์บริการสาธารณสุข 19 ประชาธิปไตย ระบุชื่อ นายพล ปาร์มวงศ์ อายุ 30 ปี อาศัยอยู่เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนหลานชายของผู้เสียชีวิตทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้เอาเครื่องเล่นวีซีดีมาขายให้ที่บ้านย่านสะพาน ผ่านฟ้า ก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะเดินจากไป ด้วยความเป็นห่วง เพราะผู้เสียชีวิตมีอาการทางประสาท และยังรับการรักษาอยู่ จึงถามไถ่ว่าจะไปไหน ผู้เสียชีวิตตอบเพียงว่า 'ไปตามทาง' ก่อนที่ช่วงเช้าจะมาทราบว่าเสียชีวิตเสียแล้ว
31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขนหัวลุก! สาวใหญ่อ้างเจอ"ผีหัวขาด" จ้างวิน จยย.พาหนีจาก รพ.กลับบ้านกลางดึก เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2012, 08:18:52 am
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 2 พฤษภาคม   ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่มาจับจ่ายสินค้าในตลาดอำเภอภาชี  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า มีญาติคนไข้พาพี่สาวไปรักษาตาที่โรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่งที่อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยโรงพยาบาลแห่งนี้ มีความชำนาญในการผ่าตัดรักษาโรคต้อที่ดวงตา ซึ่งแพทย์ให้คนป่วยพร้อมญาตินอนพักฟื้นตึกใหญ่ชั้น 6 เพื่อเตรียมตัวรักษาในวันรุ่งขึ้น แต่พอตกดึกเปิดประตูเข้าห้องน้ำต้องตกตะลึง เพราะพบผีหัวขาดสองผัวเมียยืนจังก้าในห้องน้ำ  ทิ้งญาติที่รอผ่าตัดไว้บนเตียงคนไข้  โดยเร่งจ้าง จยย.หน้า รพ.ในเขต อ.เสนา หนีกลับบ้านที่ อ.ภาชี กลางดึก ขณะนี้ญาติคนดังกล่าวหนีมาอยู่กับลูกหลานด้วยความกลัวอยู่ในซอย 8 หรือ ซอยบันเทิง หลังตลาดอำเภอภาชี ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา

 


ผู้สื่อข่าวจึงออกตามหาทันที ก็พบว่าปากซอยดังกล่าวอยู่ติดกับห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส สาขาอำเภอภาชี ภายในซอยเป็นทางเดินแคบ ๆ พอสวนทางกันได้  มีเด็กจำนวนหลายคนกำลังจับกลุ่มรุมล้อมนางอำพรรณ  สวรรณลังกา อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม. 5 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งยังอยู่ในอาการหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองสดๆ ร้อน ๆ เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

 

นางอำพรรณ สวรรณลังกา ยังอยู่ในอาการหวาดผวาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวาน (วันที่ 1 พฤษภาคม ) ได้พานางพรรณี  ศรีจันทร์  อายุ 79 ปี พี่สาวไปลอกตาตามที่แพทย์ รพ.ศุภมิตรเสนา อ.เสนา  นัดหมายไปถึงโรงพยาบาล เวลาประมาณ 12.00 น. แพทย์ได้ทำการตรวจรักษาในเบื้องต้น เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อจะทำการลอกตาในวันรุ่งขึ้น ( 2 พฤษภาคม ) แพทย์ได้สั่งให้นอนพักในโรงพยาบาล 1 คืน โดยอนุญาตให้คนที่จะผ่าตัดรักษาและญาติให้นอนที่ตึกใหญ่ชั้น 6  ในห้องคนไข้พิเศษรวม ภายในห้องพักมีคนไข้ รอการลอกตานอนเป็นเพื่อนอีก 2 เตียง รวมทั้งหมด 3 เตียง และมีคนในห้องแต่ทั้งหมดเป็นผู้หญิง ไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียว

 

นางอำพรรณ เล่าว่า ระหว่างที่เฝ้าพี่สาวได้เข้าออกห้องน้ำตามปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนข้างเตียงล้วนแต่เป็นเด็กผู้หญิงทั้งหมด  กระทั่งเกือบ 2 ทุ่ม ได้ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ แต่ครั้งนี้ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ก็พบผู้ชายตัวรูปร่างผอม สูงพอประมาณ ใส่เสื้อคอกลมสีชมพู ใส่กางเกงขายาวสีดำยืนจังก้า ทิ้งมือตรงอยู่ในห้องน้ำ ทีแรกไม่คิดว่าเป็นผี  แต่ก็แปลกใจว่าภายในห้องทั้งหมดไม่มีผู้ชายเฝ้าไข้อยู่แม้แต่คนเดียว เมื่อหันหลังมองไปที่เตียงคนไข้ ทุกคนอยู่อยู่กันตามปกติ

 

นางอำพรรณอ้างว่าพอหันกลับมามองในห้องน้ำก็ตกใจแทบช๊อค เพราะเห็นชายคนดังกล่าวยืนคู่กับหญิงสาวหัวขาดใส่เสื้อลายนุ่งผ้าถุง มือขวาของชายคนดังกล่าวยังหิ้วหัวของหญิงสาวไว้ในลักษณะทิ้งแขนตรง

 

"พอตั้งสติได้ ไม่ถามใครทั้งสิ้นหันหลังวิ่งออกจากห้องพักคนไข้ ไปถามพยาบาลหน้าห้องว่ามีหญิงชายสองคนหัวขาดยืนอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และยกมือขวาชูขึ้น 2 นิ้ว บอกสั้นๆ ว่า มีคนเจอผีสองผัวเมียคู่นี้มา 2 รายแล้ว เท่านั้นเองตนเชื่อว่าเป็นผีแน่นอน กดลิฟต์ทิ้งญาติไว้ในห้อง หนีลงมาอยู่ด้านล่าง และตรงเข้าว่าจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้า รพ.ดังกล่าว  แม้จะเรียกราคา 300 บาท ตนเองก็ไม่ต่อสักบาทเดียว  รีบนั่งรถจักรยานยนต์กลับบ้านที่อำเภอภาชีกลางดึกทันที ระหว่างทางที่ซ้อนจักรยานยนต์กลับบ้านก็พยายามตั้งสติสวดมนต์ ขออย่าให้ผีสองผัวเมียตามมาเลย  เมื่อกลับมาถึงบ้านรีบเข้าห้องนอนโดยให้ลูกหลานมานอนเป็นเพื่อน ตื่นเช้าก็รีบซื้ออาหารหวานคาวตักบาตรไปให้ทันที" นางอำพรรณ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวพยายามชวนให้นางอำพรรณเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีก ปรากฏว่านางอำพรรณไม่ยอมไปพูดแต่เพียงสั้นๆว่า"กลัวจนหัวขนลุก ไม่ไปอีกแล้ว"
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีการเจริญอายุตลอดกัปหรือ 120 ปี ด้วยอิทธิบาทสี่ เมื่อ: เมษายน 29, 2012, 08:50:27 am
งานเขียนชิ้นนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่มีการจัดพิมพ์หนังสือ “วิมุตตะมิติ มหัศจรรย์แห่งโลกภายใน” ออกเผยแพร่แล้ว หลังจากนั้นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านหนึ่งได้ขอให้คุณไพศาล พืชมงคล ช่วยเขียนวิธีการเจริญอายุตลอดกัปหรือ 120 ปี ด้วยอิทธิบาทสี่ เพื่อนำเสนอบุคคลสำคัญ จึงเป็นเหตุให้เขียนเรื่องนี้

     การเจริญอายุด้วยอิทธิบาทสี่เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในพระพุทธศาสนา ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสยืนยันและรับรองผลเป็นมั่นคง คงเหลือแต่วิธีการซึ่งมิได้ทรงตรัสไว้ อันเนื่องมาจากในโพธิกาลนั้นตรัสเพียงเท่านั้น ก็เป็นที่รู้ เป็นที่เข้าใจอย่างดีแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านนานไป วิธีปฏิบัติเพื่อเจริญอายุด้วยอิทธิบาทสี่ก็เลือนไป งานเขียนชิ้นนี้จึงเท่ากับเป็นการเริ่มต้นหรือฟื้นฟูในส่วนวิธีการ ซึ่งนักปฏิบัติชาวพุทธพึงร่วมกันปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องสมบูรณ์แท้ต่อไป.


    ๑.    ความในพระสูตร “ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้ … ดูกรอานน ผู้หนึ่งผู้ใดเจริญอิทธิบาทสี่ ทำให้มาก ทำให้เป็นประหนึ่งยาน ทำให้เป็นประหนึ่งวัตถุที่ตั้งไว้เนือง ๆ อบรมไว้ ปรารภด้วยดีโดยชอบแล้ว ผู้นั้นเมื่อปรารถนาก็พึงดำรงชีวิตได้ตลอดกัปหรือเกินกว่ากัป”

     ๒.    ความหมายของความในพระสูตร     “ทำให้มาก” หมายถึงการเจริญอิทธิบาทสี่ โดยอาศัยสมาธิให้มากให้ต่อเนื่อง     “ทำให้เป็นประหนึ่งยาน” คือการอาศัยอิทธิบาทในสมาธิเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อทำให้ความ “ปรารถนา” ปรากฏเป็นจริง     “ทำให้เป็นประหนึ่งวัตถุ” คือการเจริญอิทธิบาทโดยกำลังสมาธิจนจิตมีความตั้งมั่นสูงสุด ไม่มีโทมนัส โสมนัส มีแต่ความเป็นอุเบกขาและสติมั่นคง     “อบรมไว้” คือการเจริญอิทธิบาทโดยอาศัยกำลังสมาธิให้มีความก้าวหน้ามั่นคงเป็นลำดับไป     “ปรารภด้วยดีโดยชอบ” คือการพิจารณาเห็นความจริงตามธรรมชาติว่าอายุ สังขารนั้นมีปกติยืนยาวได้ถึงกัปหรือกว่ากัป และอิทธิบาทธรรมคือยานหรือเครื่องมือในการทำให้อายุ สังขารเป็นธรรมชาติ คือยืนยาวถึงกัปหรือกว่ากัป แล้วมีความปรารถนาที่จะมีอายุถึงกัปหรือกว่ากัป     “เมื่อปรารถนา” คือการตั้งอธิษฐานหรือกระทำอธิษฐานฤทธิ์ ปรารถนาให้อายุ สังขารยืนยาวตลอดกัปหรือเกินกว่ากัป (คำว่าปรารถนาโดยทั่วไปอาจมีความหมายโน้มไปในลักษณะที่มีกิเลสเจือปน แต่ปรารถนาในที่นี้มีความหมายในลักษณะที่ใกล้เคียงกับคำที่ว่าเจตนา นั่นคือเมื่อปรารภด้วยดีโดยชอบแล้วจิตก็น้อมไปตั้งอธิษฐานโดยมีเจตนาให้อายุ สังขารเจริญตลอดกัปหรือกว่ากัป : นี่คือปัญหาของภาษาที่อาจทำให้ความเข้าใจไขว้เขวห่างไกลออกไปจากพุทธธรรม)     
     
     ๓.    ตัวอย่างในระยะใกล้ของการเจริญอิทธิบาทสี่      ในโพธิกาลและอดีตกาลโพ้นมีแบบอย่างมากมาย แต่เฉพาะในระยะใกล้นี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นถึงการเจริญอิทธิบาทสี่ เช่น     
          ๓.๑    กรณีสมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์พระอุปัชฌาย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุปสมบท ครั้งนั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงประชวรหนัก มีอาการมาก ไม่อาจทรงพระวรกายตั้งอยู่ให้เป็นปกติได้นาน ๆ ถึงขนาดที่ทรงวิตกว่าเมื่อถึงกาลพิธีอุปสมบทอาจจะไม่สามารถลงพระอุโบสถได้ แต่ในที่สุดก็ทรงรำลึกถึงความในพระสูตรข้างต้น ดังนั้นเมื่อถึงเวลาจะลงพระอุโบสถเพื่อทำพิธีอุปสมบทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราชเจ้าก็ได้เข้าสมาธิเจริญอิทธิบาท แต่ทรงตั้งปรารถนาเพียงแค่ให้สามารถดำรงพระวรกายเพื่อทำพิธีอุปสมบทให้เสร็จสิ้นเท่านั้น และตลอดเวลาดังกล่าวก็ทรงปฏิบัติหน้าที่พระอุปัชฌาย์ได้บริสุทธิ์บริบูรณ์จนตลอดพิธีด้วยกำลังอำนาจสมาธิและอิทธิบาทนั้น     
          ๓.๒    เมื่อครั้งที่ท่านเจ้าคุณพุทธทาสอาพาธหนัก มีอาการมาก มีอาการหัวใจวาย เส้นเลือดหัวใจตีบ น้ำท่วมปอด และความดันโลหิตสูงมาก คณะแพทย์หลวงลงไปที่ไชยา แล้วอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปถวายท่านเจ้าคุณถึงเตียงผู้ป่วย เมื่อท่านเจ้าคุณพยุงกายในท่านั่งสมาธิบนเตียงผู้ป่วยแล้ว แพทย์หลวงได้อัญเชิญพระราชกระแสว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขออาราธนาว่าอย่าเพิ่งดับขันธ์ ขอให้อยู่ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาก่อน ครั้งนั้นท่านเจ้าคุณอึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า และกล่าวว่าอาตมารับอาราธนาแต่จะอยู่เพียงเท่าที่เหตุปัจจัยจะอำนวยให้เท่านั้น
         คืนวันนั้นท่านเจ้าคุณได้เข้าสมาธิ เจริญอิทธิบาทสี่ตามที่รับอาราธนา ในวันรุ่งขึ้นอาการเส้นเลือดหัวใจตีบหายไป อาการน้ำท่วมปอดลดลงเกือบหมด ความดันโลหิตสูงลดลงเป็นปกติ หลังจากพักฟื้นระยะหนึ่งท่านเจ้าคุณก็หายเป็นปกติและปฏิบัติศาสนกิจต่อมาอีกหลายปี จนถึงปลายปีก่อนดับขันธ์เป็นเดือนธันวาคม ท่านเจ้าคุณได้ปลงอายุสังขารท่ามกลางพุทธบริษัทจำนวนมากว่าได้รับอาราธนาพระเจ้าอยู่หัวไว้ และได้อยู่ต่อมาเป็นเวลาสมควรแล้ว ภาระหน้าที่หมดแล้ว เหตุปัจจัยที่จะอยู่ไม่มีแล้ว จึงขอลาท่านทั้งหลาย    เหตุการณ์ในวันนั้นในพลันที่ท่านเจ้าคุณปลงอายุสังขารเสร็จ สายลมกรรโชกแรง ใบไม้ร่วงกราวทั้งสวนโมกข์ พุทธบริษัทร่ำไห้ทั่วทั้งลานธรรม และมีการแจ้งข่าวเรื่องท่านเจ้าคุณปลงอายุสังขารไปยังสานุศิษย์โดยถ้วนหน้ากัน         
         ๓.๓    เมื่อครั้งที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงประชวรหนัก มีอาการมาก มีข่าวลือไปถึงเขมรว่าทรงสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ปรากฏว่าไม่เป็นความจริง     ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จเยี่ยมสมเด็จพระสังฆราชถึงเตียงที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่าพระอาจารย์ พระอาจารย์ หม่อมฉันและพระราชินีมาเยี่ยม ยาที่ไหนดี หมอที่ไหนดี ก็หามาช่วยรักษาพระอาจารย์หมดแล้ว ต่อไปนี้พระอาจารย์ต้องช่วยพระองค์เองแล้ว จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ    สมเด็จพระสังฆราชทรงเล่าให้ผู้ใกล้ชิดฟังว่า ในเวลานั้นพระองค์เข้าอยู่ในภวังค์ (โคม่า) แล้ว ครั้นได้ยินพระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สติก็ฟื้นกลับมา ทรงได้ยินกระแสพระราชดำรัสชัดเจน ทรงรู้สึกพระองค์ว่าทรงพยักหน้า และทรงรำลึกถึงความในพระสูตรข้างต้นนี้ พระสติก็ตั้งมั่น และทรงเจริญอิทธิบาทสี่ ทำให้พระองค์สร่างคลายจากพระอาการประชวร     
       
        ๔.    อิทธิบาทสี่คืออะไร?
           อิทธิบาทสี่เป็นวิหารธรรมชนิดหนึ่ง คือเป็นที่ตั้ง ที่อาศัยของจิต เนื่องจากร่างกายต้องมีอาคารเป็นที่พักที่อาศัย หลบร้อนหลบหนาวให้ปลอดภัยจากอันตราย จิตก็มีอาคารเป็นที่พักอาศัย คือวิหารธรรม หากไม่มีวิหารธรรมจิตก็จะเปลี่ยวเปล่าล่อนจ้อนร้อนรุ่มและเป็นอันตรายได้โดยง่าย วิหารธรรมใดจิตเข้าไปตั้งไปอาศัยก็ได้ชื่อว่าจิตสถิตในวิหารธรรมนั้น เช่น พรหมวิหาร อานาปานสติวิหาร อิทธิบาทวิหาร อริยวิหาร ตถาคตวิหาร เป็นต้น อริยวิหารและตถาคตวิหารนั้นเป็นวิหารธรรมขั้นสูง ตั้งแต่การบรรลุถึงอรูปฌานจนถึงภูมิพระอรหันต์ ส่วนพรหมวิหาร อานาปานสติวิหาร อิทธิบาทวิหารเป็นวิหารธรรมที่คนธรรมดาทั่วไปเข้าถึงได้ และเมื่อเจริญธรรมเหล่านั้นแล้วก็สามารถตั้งจิตไว้ในวิหารธรรมเหล่านั้นได้ และสามารถยกระดับที่สูงขึ้นไปได้ ดังที่พระตถาคตเจ้าทรงตรัสว่าพระองค์มีปกติอยู่ในอานาปานสติวิหาร
          อิทธิบาทสี่เป็นองค์ธรรมแห่งความสำเร็จ  ประกอบด้วยฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ความสำเร็จทั้งปวงไม่ว่าในทางโลกหรือทางธรรมจักสำเร็จได้ด้วยอิทธิบาททั้งนั้น หากขาดอิทธิบาทแล้วก็ยากที่จะประสพความสำเร็จ การฝึกฝนอบรมจิตและการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาพระตถาคตเจ้าจึงทรงเน้น ทรงย้ำเป็นอันมากว่าต้องอาศัยอิทธิบาท      อิทธิบาทเป็นรากฐานหรือบาทฐานของอิทธิปาฏิหาริย์  นั่นคือการกระทำความสำเร็จอย่างอัศจรรย์ต้องอาศัยอิทธิบาท เหตุนี้อิทธิบาทธรรมสี่ประการคือฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา จึงได้ชื่อว่าอิทธิบาท ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่าเท้าหรือรากฐานของการกระทำความสำเร็จที่อัศจรรย์ ถ้าไม่มีเท้าก็เดินไม่ได้ฉันใด ไม่มีอิทธิบาทก็กระทำอิทธิปาฏิหาริย์ไม่ได้ฉันนั้น
       เพราะการกระทำอิทธิปาฏิหาริย์นั้นต้องอาศัยกำลังสี่อย่าง คือ กำลังสมาธิ กำลังฌาน กำลังอิทธิบาท และกำลังอธิษฐาน กำลังทั้งหมดนี้กำลังอิทธิบาทก็คือกำลังเท้าหรือรากฐานของการทำความสำเร็จที่อัศจรรย์นั่นเอง     ในอดีตกาลโพ้น การมีอายุตลอดกัปเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา ดังที่พระตถาคตเจ้าทรงตรัสไว้ในหลายที่ว่าในกัปก่อน ๆ อายุมนุษย์เกินกว่าหมื่นปีก็มี และค่อยๆลดลงโดยลำดับ เพราะมนุษย์ทำเหตุปัจจัยให้อายุลดลงเอง และทรงตรัสว่าในปัจจุบันกัปนี้มนุษย์มีอายุแค่ ๑๐๐ ปี มากน้อยไปกว่านี้ก็ไม่มาก แต่ความหมายของคำว่ากัปในปัจจุบันกัปคือ ๑๒๐ ปี ดังนั้นจึงทรงแสดงไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่าผู้ที่เจริญอิทธิบาทสี่สามารถปรารถนาให้มีอายุตลอดกัปหรือกว่ากัปได้ คือ มีอายุถึง ๑๒๐ ปีหรือเกินกว่า ๑๒๐ ปีได้
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้มีพระคุณอันประเสริฐ ทรงเลิศในธรรม ทรงแจ้งในคำตรัสสอนของพระบรมศาสดาในประการนี้อย่างดีเป็นแน่ ดังที่ทรงตรัสในกาลมหามงคลสมัยวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีหนึ่งว่าพระองค์จะมีพระชนมายุ ๑๒๐ ปี

       ๕.    วิธีเจริญอิทธิบาทสี่ตามความในพระสูตร     โดยที่วิธีฝึกฝนอบรมจิตเพื่อบรรลุถึงวิมุตตะมิตินั้นมีอยู่สามหนทาง คือหนทาง วชิรวิมุต ปัญญาวิมุต และเจโตวิมุต ดังนั้นผู้ที่ฝึกฝนอบรมจิตไม่ว่าหนทางไหนก็มีวิสัยและสามารถเจริญอิทธิบาทได้ทั้งสิ้น ยกเว้นก็แต่ผู้ที่เดินหนทางวชิรวิมุตในขั้นต้น กำลังของจิตและสมาธิอาจจะห่างไกลและไม่เป็นระบบที่จะมีกำลังพอเพียง ในขณะที่ผู้ที่ฝึกฝนอบรมในหนทางปัญญาวิมุตและเจโตวิมุตกำลังจิต กำลังสมาธิจะก่อตัวเกิดขึ้นเป็นลำดับ ๆ ไป
     การเจริญอิทธิบาทสี่เพื่อการเจริญอายุนั้นเป็นอธิษฐานฤทธิ์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงง่ายและสะดวกสำหรับผู้ปฏิบัติในหนทางเจโตวิมุต คือตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ปฐมฌานไปจนถึงจตุตถฌานก็อยู่ในวิสัยที่จะเจริญอิทธิบาทสี่เพื่อปรารภความมีอายุยืนตลอดกัปได้ทั้งนั้น
      สำหรับผู้ปฏิบัติในหนทางปัญญาวิมุตในขั้นต้นของกายานุปัสสนาสติปัฏฐานนั้นกำลังจิตและกำลังสมาธิยังอ่อนอยู่ ไม่อยู่ในขีดขั้นที่จะเจริญอิทธิบาทสี่ให้เป็นผลได้ แต่เมื่อใดที่กายสงบรำงับ เวทนาสงบรำงับ คือปฏิบัติถึงขั้นที่สี่ของเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานแล้วก็เริ่มตั้งต้นอยู่ในวิสัยที่จะเจริญอิทธิบาทสี่ให้เป็นผลได้
     การเจริญอิทธิบาทสี่ให้เป็นผลได้อย่างสมบูรณ์แน่นอนก็คือการเจริญอิทธิบาทสี่ในขณะที่ได้จตุตถฌานแล้ว นามกายแปรสภาพเป็นทิพยกายแล้ว กำลังสมาธิ กำลังฌานและกำลังอิทธิบาทอยู่ในขั้นสูง และกำลังอธิษฐานก็อยู่ในขั้นสูง จึงกระทำอธิษฐานฤทธิ์ด้วยอิทธิบาทได้อย่างสมบูรณ์
     แต่ลำดับของการได้ผลตั้งแต่ขั้นต้น ๆ ก็มีอยู่ นั่นคือเริ่มตั้งแต่จิตเป็นสมาหิโตคือตั้งมั่นเป็นปาริสุทโธคือมีความบริสุทธิ์ เป็นกัมมนิโยคือมีกำลังควรแก่การทำงานของจิตตามฐานะและลำดับภูมิ ก็อยู่ในวิสัยที่จะเจริญอิทธิบาทสี่ได้ ต่างกันก็ตรงระดับของภูมิธรรม ถ้าภูมิธรรมต่ำก็ได้ผลน้อยไม่เต็มที่ ภูมิธรรมสูงก็ได้ผลมาก ที่ได้ผลน้อยคือได้ผลไม่ถึง ๑๒๐ ปี หรือยังมีโรคร้ายกลุ้มรุมบ้าง ถ้าได้ผลสมบูรณ์ก็ได้ผลถึงกัป และมีสุขภาพกายใจดีด้วย
    โดยสรุป เมื่อจะเจริญอิทธิบาทสี่ก็ต้องทำจิตให้เป็นสมาธิและมีอารมณ์ปีติ สุข เกิดขึ้น คือตั้งแต่ปีติ สุข ที่เกิดแต่วิเวกเป็นลำดับไป เป็นปีติ สุข เกิดแต่สมาธิ และละ ปีติ สุข จนเป็นอุเบกขาในที่สุด
      สำหรับผู้ที่บรรลุถึงจตุตถฌานหรือบรรลุถึงจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานแล้ว เมื่อจะเจริญอิทธิบาทสี่ก็ต้องถอนอารมณ์ออกจากอุเบกขา ออกจากอัปปนาสมาธิสู่อุปจารสมาธิ และกำหนดอารมณ์ปีติ สุข ที่ปราศจากอามิสให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในอารมณ์นี้คืออารมณ์ที่จะเจริญอิทธิบาท เพราะในอารมณ์อุเบกขานั้นตั้งอธิษฐานไม่ได้     ระดับของสมาธิในอัปปนาสมาธิก็ตั้งอธิษฐานไม่ได้ การเจริญอิทธิบาทจึงต้องถอนกำลังสมาธิออกมาจากอัปปนาสมาธิมาอยู่ที่อุปจารสมาธิก่อนเสมอ
     แม้อิทธิบาทจะประกอบด้วยองค์สี่ แต่แท้จริงก็เป็นองค์เดียว ดุจดังเชือกที่มีด้ายร้อยรวมกันถึง ๔ เส้น ด้ายทั้ง ๔ เส้นก็คือเชือกเส้นเดียวคืออิทธิบาท
      โดยสรุป ลำดับและขั้นตอนในการเจริญอิทธิบาทสี่เพื่อการเจริญอายุจึงเป็นดังต่อไปนี้
       ขั้นที่หนึ่ง  เข้าสมาธิ เจริญสมาธิจนจิตเป็นสมาหิโต ปาริสุทโธ และกัมมนิโย เข้าสู่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน (หรือเจริญกายานุปัสสนาสติปัฏฐานสู่เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เข้าถึงจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน) ถ้าภูมิธรรมไม่ถึงขั้นที่สุดก็เจริญเอาเท่าที่เข้าถึง และดำรงจิตอยู่ในอุเบกขา (ชนิดเดียวกับอุเบกขาสัมโพชฌงค์) ในภาวะเช่นนี้กำลังสมาธิเข้าถึงอัปปนาสมาธิ กำลังฌานเข้าถึงภูมิธรรมแห่งฌานที่เข้าถึง
      ขั้นที่สอง  ถอนสมาธิออกจากอัปปนาสมาธิ สู่อุปจารสมาธิ และถอนกำลังฌานออกจากอุเบกขามาอยู่ที่ปีติและสุขที่ปราศจากอามิส และอาศัยกำลังสมาธิในอุปจารสมาธิ
      ขั้นที่สาม  เจริญอิทธิบาทสี่ในอุปจารสมาธิ และในอารมณ์ฌานปีติสุขที่ปราศจากอามิส ในเอกคตารมณ์นั้น กำหนดจิตให้มีฉันทะในการมีอายุตลอดกัปหรือกว่ากัป เพ่งกำลังจิตด้วยความเพียรหรือกำลังแห่งวิริยะ เพื่อจะมีอายุตลอดกัปหรือกว่ากัป พิจารณาด้วยปัญญาเห็นเหตุแห่งการมีอายุยืนตลอดกัป และเห็นเหตุที่ทำให้อายุไม่ยืนตลอดกัป ใส่ใจที่ความมีอายุยืนตลอดกัป และกำหนดในจิตละวางหรือดับเหตุที่ทำให้อายุไม่ยืนตลอดกัป เจริญเหตุปัจจัยที่ทำให้อายุยืนตลอดกัป     ในสภาวะธรรมเช่นนี้จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว เคลียเคล้าอยู่ด้วยปีติและสุขที่ปราศจากอามิสในกำลังอุปจารสมาธิ โดยกำลังอิทธิบาทเจริญขึ้นในระดับที่ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน
      ขั้นที่สี่  เป็นขั้นกระทำอธิษฐานฤทธิ์ คือตั้งความปรารถนาด้วยกำลังอธิษฐานของจิต ปรารภความปรารถนาที่จะมีอายุยืนตลอดกัปหรือกว่ากัป โดยมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีสมบูรณ์ เจริญอยู่เช่นนั้นตามความในพระสูตร เป็นที่พอใจแล้วจึงถอนจิตออกจากฌาน จากสมาธิ สู่ความเป็นปกติ กระทำเช่นนี้เนือง ๆ คือกระทำให้มาก อำนาจแห่งอธิษฐานฤทธิ์ก็จะทำให้มีอายุยืนตลอดกัปหรือกว่ากัป ดังคำตรัสของพระตถาคตเจ้านั้น
    นั่นเป็นการเจริญอิทธิบาทสี่ประกอบกับการทำอธิษฐานฤทธิ์ ซึ่งเป็นปกติของสามัญชนที่มีวิสัยเข้าถึงและทำได้ สำหรับผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดินนั้นมีฤทธิ์พิเศษโดยธรรมชาติ เหมือนกับธรรมชาติของนกที่บินไปในอากาศได้ เรียกว่า “บุญฤทธิ์” ดังนั้นผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดินซึ่งมีบุญฤทธิ์โดยธรรมชาติ จึงอยู่ในวิสัยที่จะเจริญอิทธิบาทให้ได้ผลมากและสมบูรณ์มากกว่าคนทั่วไป.                                                 ---------------------------------------       
                                                       
33  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมสนับสนุน และ ปฏิบัติธรรม ณ สำนักปฏิบัติธรรม วัดทุ่งบ่อแป้น ลำปาง เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 09:50:15 am
โครงการปฏิบัติธรรม
อบรมพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาและสันติสุข
หลักสูตรคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย วิสุทธิธรรมนครลำปาง
ณ สำนักปฏิบัติธรรม วัดทุ่งบ่อแป้น (สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดลำปาง แห่งที่ 2)

กำหนดการอบรม
วันแรกของการอบรม
 เวลา 08.00น. - ลงทะเบียน
                     - ปฐมนิเทศและพิธีรับพระกรรมฐาน
วันสุดท้ายของการอบรม
 ท่านสามารถนัดญาติมารับเวลาประมาณ 12.00น.

ตารางการปฏิบัติธรรม ณ สำนักปฏิบัติธรรมวัดทุ่งบ่อแป้น

วันที่ 10-16 ธันวาคม 2554   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 15-21 มกราคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 20-26 กุมภาพันธ์ 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 20-26 มีนาคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 1-10 เมษายน 2555   บวชพระ , เณรเทิดพระเกียรติ
วันที่ 7-13 พฤษภาคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 16-22 มิถุนายน 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 9-15 สิงหาคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 15-21 กันยายน 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 8-14 ตุลาคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
วันที่ 10-16 ธันวาคม 2555   รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน

ผู้ประสงค์เป็นเจ้าภาพร่วมในโครงการปฏิบัติธรรม สามารถแจ้งความประสงค์ที่เจ้าหน้าที่ หรือโอนเงินเข้าบัญชี
ชื่อบัญชี "วัดทุ่งบ่อแป้น ธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง" เลขที่บัญชี 503-0-05967-9
หากท่านโอนเงินเข้าบัญชีแล้วกรุณาแฟกซ์เอกสาการโอนเงินเพื่อรับใบอนุโมทนาบัตรต่อไป




http://www.thungbopaen.net/index.php?topic=5.0
34  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.nongkon.com/ วัดป่าหนองขอน นครราชสีมา เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 09:45:00 am

http://www.nongkon.com/
วัดป่าหนองขอน

ในนามคณะสงฆ์-กรรมการ  อุบาสก-อุบาสิกา  วัดป่าหนองขอน  (นอก)   ต.โคกกรวด           ขออนุโมทนาบุญ   ที่ร่วมถวายความอุปถัมภ์กิจกรรมบุญที่ผ่านมา  ท่านเป็นผู้เสียละ  ทั้งกำลังกาย  กำลังใจ  กำลังสติปัญญาและกำลังทรัพย์   ช่วยเหลือกิจกรรมของวัดและพระศาสนาโดยตลอด   ท่านเป็นผู้ที่มีอุปการคุณเป็นอย่างยิ่ง    ขอคุณพระรัตนตรัยจงรักษา  เทวดาคุ้มครองท่านและครอบครัวให้สุขภาพแข็งแรง การงาน ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง รวย รวย   รวย  เป็นเศรษฐีในชาตินี้เทอญ
35  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watkaokaew.com วัดเกาะแก้ว อยุธยา เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 09:35:52 am


http://www.watkaokaew.com
วัดเกาะแก้ว อยุธยา



36  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.santibunpot.com/ วัดวังสันติบรรพต เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 09:30:54 am


http://www.santibunpot.com/
วัดวังสันติบรรพต




อัปโหลดโดย saratamlanna เมื่อ 7 ก.ค. 2011

วีดีโอธรรมะบรรยาย ของพระครูวินัยธรทรงศักดิ์ วิโนทโก(หลวงพ่อเอี้ยน)
เรื่อง:ปฏิจจสมุปบาท(องค์บรรยายที่2)
ในงานธรรมะเปลี่ยนชีวิตครั้งที่4
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ ชมรมสารธรรมล้านนา
ได้จัด การบรรยาย และปฏิบัติธรรม
วัน เสาร์ 2 กรกฎาคม 2554 ณ ศูนย์กีฬากาญจณาภิเษก รัชกาลที่ 9 ม.แม่โจ้
เวลา 7.00 น.-17.00น. ...ฟรี!..ทุกอย่างค่ะ
ในงานมีการแจกหนังสือธรรมะ-ซีดีธรรมะ
โรงทานเปิดตั้งแต่ 06.00น. "มีอาหารและเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน"
37  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรม 12-15 เม.ย.55 สำนักวิปัสสนาวังสันติบรรพต พัทลุง เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 09:25:10 am
ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรม

วันที่ 12-15 เมษายน 2555

ณ สำนักวิปัสสนาวังสันติบรรพต อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง

 

อบรมโดย



 

หลวงพ่อเอี้ยน  วิโนทโก

(พระครูวินัยธร  มหาทรงศักดิ์ วิโนทโก)

 

หมายเหตุ

1ผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมถืออุโบสถศีล (ศีล 8)

2.นำกลดมาปักเพื่อพักอาศัย และแต่งกายชุดขาว

3. รายละเอียดที่ http://www.santibunpot.com
38  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.ybat.org ยุวพุทธิกสมาคม เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 09:22:56 am


http://www.ybat.org
ยุวพุทธิกสมาคม


ท่านสามารถสมัครปฏิบัติธรรม ปี ๒๕๕๕ ได้ทางเว็บไซต์ www.ybat.org/apply   
และทางไปรษณีย์ ได้ตั้งแต่ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป

 

เฉพาะหลักสูตรทั่วไป
**โดยยกเว้นหลักสูตรเยาวชน ๒ หลักสูตร พัฒนาจิตยุวพุทธและยุวพุทธบุตร**

 โดยจะแบ่งช่วงรับสมัครออกเป็น ๔ ช่วง ช่วงละ ๓ เดือน คือ

•หลักสูตรที่ปฏิบัติตั้งแต่เดือน ม.ค. ๕๕ - มี.ค. ๕๕ เปิดรับตั้งแต่  ๑ พ.ย. ๕๔
•หลักสูตรที่ปฏิบัติตั้งแต่เดือน เม.ย. ๕๕ - มิ.ย. ๕๕ เปิดรับตั้งแต่ ๕ ม.ค. ๕๕
•หลักสูตรที่ปฏิบัติตั้งแต่เดือน ก.ค. ๕๕ - ก.ย. ๕๕ เปิดรับตั้งแต่ ๑ เม.ย. ๕๕
•หลักสูตรที่ปฏิบัติตั้งแต่เดือน ต.ค. ๕๕ - ธ.ค. ๕๕ เปิดรับตั้งแต่ ๑ ก.ค. ๕๕

http://www.ybat.org/v4/activity_view.asp?id=55
39  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จิตใจที่มันว้าวุ่น นั่งพัก ทบทวนตัวเองสักนิด ดีไหมคะ เมื่อ: เมษายน 11, 2012, 10:16:11 am
จิตใจที่มันว้าวุ่น นั่งพัก ทบทวนตัวเองสักนิด ดีไหมคะ

ขอบคุณภาพจา่ก http://www.oknation.net

    เก็บของที่ไม่ใช้ เลิกใช้ เอาไปบริจาคให้ผู้เดือดร้อน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ อย่าไปเสียดายกับของที่ไม่ใช้แล้วเลย
    ลดงานที่เครียดๆ ลงบ้าง เช่นงานประชุมที่เอาจริงเอาจังงานที่แข่งขันและหวังผลสูงถ้าเลือกได้ ลาออกจากการเป็นกรรมการอะไรต่อมิอะไรเสียบ้างก็ได้บรรยากาศของการประชุมมัก จะเครียดเสมอสารความเครียดก็หลั่งตลอดเวลา…รู้ไหม?
    เลือกไปงานที่สำคัญและควรจะไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้น เราจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย
    อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารให้น้อยลง โดยเฉพาะข่าวอาชญากรรมหรือข่าวเครียดๆที่ซ้ำกันทุกวัน
    เลิกดูรายการทีวี.ที่เครียด หรือรายการข่าวหนักๆ ที่ซ้ำๆ กันทุกวัน เช่น รายการที่มีพิธีกรมานั่งเถียงกัน พูดแข่ง พูดแซวกัน 2-3 คนดูไปฟังไปแทนที่จะสบายใจกลับเครียดมากขึ้น น่าเบื่อด้วยซ้ำ
    อย่ารับปากหรือสัญญาว่าจะทำอะไรให้ใครๆ ง่ายๆ ด้วยความเกรงใจเลยหัดปฏิเสธให้เป็น
    อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่นเลย ทำได้ยากมากจะทำให้เราจมปลักอยู่กับความผิดหวังในตัวคนอื่น และเกลียดชังสังคมรอบตัว พยายามรักคนอื่น และยอมรับเขาตามความเป็นจริงเถิด ถ้ารักไม่ลง ก็มองข้ามเขาไป และลดความคาดหวังในตัวเขาลงด้วย เมื่อเวลาผ่านไป เราหันไปมองเขาใหม่ เราจะเข้าใจยอมรับและรักเขาตามความเป็นจริงได้มากขึ้น
    หัดไปไหนมาไหนคนเดียว เป็นเพื่อนตนเองได้จะลดขั้นตอนและความยุ่งยากใจ เวลา จะต้องทำอะไรหรือไปไหนได้มากขึ้น
    ลดความบ้างาน บ้าเงิน บ้าอำนาจ บ้าเกียรติยศชื่อเสียงลงบ้างจะทำให้คุณไ ม่ เครียดกับการเฆี่ยนตัวเองให้ทำงานหนัก และแข่งขันกับคนรอบข้างตลอดเวลาจนลืมสร้างมิตรและไม่เคยพอใจตัวเองเลยไม่ว่า จะได้มามากเท่าไร
    ถ้าจะรักใครสักคน อย่าหลงรักเขาทั้งหมดของชีวิตและอย่าเข้าไปก้าวก่ายชีวิต เขาด้วย จงคิดเพียงจะอยู่ข้างๆ เขาก็พอแล้ว การรักแบบนี้จะทำให้รักกันได้นานๆ
    ลองแบ่งเวลาวันละ 1 ชั่วโมง ล้างจิตใต้สำนึกที่ไม่ดีออกไปให้หมด

ลองทำตามคำแนะนำนะ
จาก FWD mail
40  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โจรทั้งแปดในโลกมนุษย์ เมื่อ: มีนาคม 30, 2012, 09:13:10 am
โจรทั้งแปดในโลกมนุษย์ โจรคือคนที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจเราจนสาหัสสากรรจ์หากไม่รีบกระจ่างแจ้งรู้ตื่น กลับยังหลงผิดคิดว่าเป็นการเสวยสุขไม่รู้ว่าเคราะห์ภัยอยู่ตรงปลายคิ้ว ติดตามอยู่ข้างกายตลอดเวลา

1.) สุรา พอเจอสุราก็เสพหารู้ไม่ว่านั้นคือบาป เลอะเลือนขาดสติ ทำลายอนาคตตน สุราทำสติเลอะเลือนเสียสัจจะ

2.) รูปงาม ยามเห็นรูปงาม ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ดี เกิดกำหนัดอยู่เสมอ เปรีย...บเสมือนมีดเชือดเฉือนเนื้อ ค่อย ๆ บ่อนทำลายกายใจไปทีละน้อย หากมักมากในกาม จะเป็นผู้ไร้จริยามารยาท

3.) ทรัพย์สมบัติ เมื่อเห็นทรัพย์ ไม่มีคำว่าไม่โลภ วางแผนแย่งทรัพย์ทำร้ายชีวิต ยากที่จะรอดพ้นจากการลงอาญาอย่างหนักความโลภในทรัพย์จะทำให้ขาดหิริโอตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป

4.) อารมณ์ อารมณ์ที่ผันแปร หากไม่ระมัดระวัง ปล่อยให้เกิดอารมณ์โกรธอัดอั้นตันใจ ลมปราณจะแตกซ่าน ธาตุกระจายทำลายจิตญญาณ อารมณ์ไม่ปกติไม่สมดุล ทำลายความปรองดองในสังคม

5.) ชื่อเสียง หากยึดติดในชือเสียง น้อยนักที่จะไม่แก่งแย่งมีชื่อเสียงโด่งดังโดดเด่น ทำให้หลงลืมตัว ก่อให้เกิดเคราะห์ภัยได้ง่ายโลภในชื่อเสียงลาภยศ จะทำให้สูญเสียความละอาย ขาดหิริโอตัปะ

6.) ผลประโยชน์ เมื่อได้ยินคำว่าผลประโยชน์ น้อยคนนักที่จะไม่แก่งแย่ง เห็นแก่ผลประโยชน์ จนลืมมโนคุณธรรมสำนึก ผลประโยชน์บดบังดวงปัญญา เมื่อผลประโยชน์เข้ามาก็หลงลืมมโนอีกคุณธรรมจนหมดสิ้น

7.) บุญคุณบารมี ยึดติดในบุญคุณบารมี ใดที่จะไม่หลงบุญคุณ ความผูกพันยากที่จะตัดขาด ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าสู่ห้วงแห่งสัจธรรม การรักบุตรธิดามาก จึงทำให้ตนสูญเสียความกตัญญู

8.) ความรัก ตกอยู่ในห้วงแห่งรัก ยากหลีกความอาลัยอาวรณ์ พันธนาการเสมือนโซ่ตรวนคล้องคอมัดจิต ดิ้นไม่หลุดจะบรรลุได้อย่างไร รักสามีหลงภรรยาจึงหมดซึ่งความซื่อสัตย์


หน้า: [1] 2 3