พิมพ์

[GodSider]

สงสัยเรื่องกรรมฐาน ปรับธาตุ ได้

  จะปรับได้อย่างไร โปรดช่วยแนะนำด้วยครับ

 เวลาปรับธาตุ ต้องทำอย่างไร ในกรรมฐาน

  สมมุติ ถ้าอาหารไมย่อย ทำอย่างไร ?

  นอนไม่หลับ กระสับ กระส่าย ทำอย่างไร ?

 กรรมฐาน จะช่วยได้หรือไม่ครับ

 

[paitong]

รออ่านเรื่อง นี้อยู่ครับ
ผมเอง ยังไม่ทราบเรื่อง ว่ากรรมฐาน ปรับธาตุได้ รู้แต่ว่า กรรมฐาน ทำลายกิเลสได้ เท่านี้ ครับ



ปูเสื่อ รอ พี่ ๆ ศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา ตอบอยู่ครับ ช่วงนี้รอพระอาจารย์ไม่ได้ใช่หรือไม่ครับ

 

[เด็กวัด]

ธาตุกรรมฐานที่พระพุทธเจ้า มีขั้นตอนอย่างไรครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5047.0


อ่านกระทู้นี้ รอไปก่อนครับ .....

[raponsan]

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
 
๙. จังกมสูตร
             [๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการจงกรม ๕ ประการนี้
๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุผู้เดินจงกรม

     ย่อมเป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล ๑
     ย่อมเป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร ๑
     ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย ๑
     อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้วย่อมย่อยไปโดยดี ๑
     สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรมย่อมตั้งอยู่ได้นาน ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการเดินจงกรม ๕ ประการนี้แล ฯ
           จบสูตรที่ ๙

อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  บรรทัดที่ ๖๓๐ - ๖๓๕.  หน้าที่  ๒๘.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=630&Z=635&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=29
ขอบคุณภาพจาก http://buddha-thushaveiheard.com/page_01.html

อานิสงส์ในการจงกรม ในข้อ ๓ และ ๔ คือ
     - ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย
     - อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อมย่อยไปโดยดี
น่าจะให้คำตอบได้ส่วนหนึ่ง นะขอรับ
   
      ส่วนอื่นๆที่อยากรู้ จริงๆแล้วมีอยู่ในหนังสือ "กรรมฐาน แก้กรรมรักษาโรค" (นวหรคุณ ๙ ที่)
ที่พระครูสังฆวีระ ฐานวีโร ได้เรียบเรียงเอาไว้
      การจะตอบคำถามให้ชัดเจน ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และใช้เวลาพิมพ์นานพอสมควร
โปรดอดใจรอ ภายในวันสองวันนี้ได้คำตอบที่พอใจแน่นอน
       

[raponsan]

   "กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2537.0

    ช่วยอ่านลิงค์นี้ก่อน นะครับ ได้โปรด

[raponsan]

พระนวหรคุณ 9 ที่และวิธีรักษาตัวเอง

ของ

สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร สุก ไก่เถื่อน

วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร(พลับ)

   บัดนี้จะกล่าวในปกิณกะกถา แก้ในพระนวหรคุณที่ตั้ง มี ๙ ที่
   ๑.อัชชดากาษเบื้องต่ำ (สะดือ)
   ๒.บนนาภี นิ้วหนึ่ง
   ๓.ห้องหทัยวัตถุ
   ๔.ห้องสุดคอกลวง
   ๕.โคตรภูท้ายทอย
   ๖.อัชชดากาษ เบื้องบน (กระหม่อม)
   ๗.ทิพยสูญหว่างคิ้ว
   ๘.มหาสูญหว่างจักษุ
   ๙.จุลสูญน้อยปลายนาสิก

   ที่ทั้ง ๙ จุดนี้ เป็นทางระงับโทษต่างๆ เป็นทางที่จะซ่อนเร้นเวทนาต่างๆ เมื่อใกล้จะดับสูญ จะเป็นที่พึ่ง แก้ไข ระงับการป่วยไข้ อาพาธทุกขเวทนาต่างๆ ตามลัทธิบูรพาจารย์ ที่ได้ประพฤติปฏิบัติมาแต่ปางก่อน

   พระโยคาวจรผู้พากเพียร ได้ปฏิบัติสมถะกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน ชำนาญวสีดีแล้ว ให้ยกเอานิมิตที่ปรากฏในที่ตั้งพระกรรมฐานนั้นก็ดีด และองค์พระปีติ ๕ องค์ใดองค์หนึ่ง ที่ได้ชำนาญนั้นก็ดีและองค์พระธาตุให้เป็นอารมณ์ จึงยกเอานิมิตเอาไปไว้ในที่ตั้ง ๙ แห่ง ตามเหตุตามผล จะได้แก้ไขเจ็บไข้ทุกข์เวทนา จะให้ระงับโรคาพาธ โทษต่างๆ ได้ ให้รู้บาปธรรม คือ อกุศลจิต ๑๔ ตัว

บาปธรรม ๑๔ ตัว หรือ อกุศลเจตสิก ๑๔ ตัว
ให้พระโยคาวจรเจ้าผู้พากเพียร รู้จักบาปธรรม อกุศลเจตสิก ๑๔ ตัวนี้ให้เข้าใจ จะระงับโทษได้
   - โมโห หลง
   - อโนตตัปปัง มิกลัวแก่บาป
   - โลโภ อยากได้ด
   - มาโน มานะ
   - อิสสา ริสษา
   - กุกกุจจัง กินแหนงใจ
   - มิทธัง หลับง่วง
   - อหิริกัง มิละอายแก่บาป
   - อุทธัจจัง สะดุ้งใจ ฟุ้งซ๋าน
   - ทิฏฐิ ถือมั่น
   - โทโส โกรธ
   - มัจฉริยะ ตระหนี่
   - ถีนัง หดหู่
   - วิจิจฉา ลังเลสงสัย

กิเลสบาปธรรมทั้ง ๑๔ ตัวนี้ เมื่อเกิดขึ้นในตัวเราจะทำให้ธาตุทั้ง ๔ กำเริบ เกิดเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้

รูป แสดงจุทีตั้งนวหรคุณ ๙ จุด

ที่ ๑. เป็นที่ระงับเวทนาทั้งปวงแล
ที่ ๒. เป็นที่เกิดแห่งบาปธรรมทั้งปวง ตั้งที่ ๒ ที่ ๓ เกิดกำลังนัก อันห้องพระพุทธคุณนั้น คือระหว่างที่ ๓ มา  ถึงที่ ๒ นั้นเป็นชุมนุมธาตุ
ที่ ๓. เป็นที่ปฏิสนธิ กุศล และ อกุศลสัมปยุตธาตุ
ที่ ๔. เป็นที่หลับ ที่ขาดรส ที่ภังคะ ที่นิโรธสัจ ร่วมกัน
ที่ ๕. เป็นที่ซ่อนเวทนาทั้งปวง ทั้งขาดบาปธรรม เมื่อจะอาสันนกรรม ดับพิษงู ฝีทั้งปวง
ที่ ๖. เป็นที่อดใจ เป็นขันติ ความอดทน โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม
ที่ ๗. เป็นที่ประหารแห่งโทษทั้งปวง เป็นตบะเดชะด้วย
ที่ ๘. เป็นที่เกิดปัญญาเห็นโทษ
ที่ ๙. เป็นที่นำแห่งความยินดีทั้งปวง และนำปฏิสนธิแห่งสัตว์

ผมแนบไฟล์หนังสือเล่มนี้มาให้ครับ

[raponsan]

อธิบายเพิ่มเติม"ปรับธาตุรักษาโรคได้อย่างไร"

ขอยกเอาข้อความที่เป็นส่วนหนึ่งของคำนำในหนังสือ กรรมฐานแก้กรรมรักษาโรค มาอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้

     กิเลสบาปธรรมทั้ง ๑๔ นี้(อธิบายไว้แล้วข้างต้น) เมื่อเกิดขึ้นกับใจแล้ว ทำให้เลือดลม อวัยวะภายในแปรปรวนไม่ปรกติ ธาตุ ดิน น้ำ ลม  ไฟ ในกาย ตึงบ้าง หย่อนบ้าง

    ฉะนั้นจึงให้ระวังบาปธรรมทั้ง ๑๔ ตัวนี้ การระวังก็คือ มีสติรู้ไปในกิเลสทั้งตัวนี้ สามารถแก้กรรมที่เกิดจากอารมณ์กิเลสทั้ง ๑๔ ตัวนี้ได้

    กิเลสทั้ง ๑๔ ตัวนี้เป็นต้นเหตุแห่งกรรมและต้นเหตุแห่งการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ

    ถ้าจิตใจดีไม่มีบาปธรรมทั้ง ๑๔ ตัว จิตก็ผ่องแผ้ว ใจก็สบาย ธาตุภายในก็ไม่ตึง ไม่หย่อน บางคนโกรธมากๆ หายใจไม่ค่อยออกก็มี ถึงกับเส้นเลือดอุดตัน  หัวใจวายไปก็มี  ถ้ามีจิตใจริษยา ทำให้คับแค้นใจ เลือดลมเดินไม่สะดวก

    ตัวโกรธ ตัวริษยา เป็นตัวให้เกิดกรรม ต้องใช้สมาธิเดินโคจรจิต แก้โรคต่างๆในกาย กายและใจจึงจะผ่องแผ้ว

    การแก้กรรมอีกอย่างก็คือ การแผ่เมตตา ให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย หรือการทำบุญบ่อยๆมากๆ จะทำให้จิตใจไม่เศร้าหมอง การที่ใจไม่เศร้าหมอง ทำให้ร่างกายภายใน ธาตุภายใน ไม่หย่อน ไม่ตึง

    เมื่อธาตุภายในไม่หย่อนไม่ตึง ร่างกายนี้ก็ไม่เกิดโรค เมื่อร่างกายไม่มีโรค อายุก็ยืนยาว สีหน้าผ่องใส กรรมไม่มี เมื่อกรรมไม่มี ก็ไม่ต้องแก้กรรม ชีวิตนี้ก็มีความสุข เรียกว่า สุขกายสุขใจ

   

ฝึกหลับ-ตื่น (แก้นอนไม่หลับ)

ตั้ง(จิต)ที่ใต้คอกลวง(จุดที่ ๔)นั้นหน่อยหนึ่ง ที่ขื่อกระดูกคอเป็นที่ระงับเหตุทั้งปวง ตั้งที่นั้นเป็นที่ทดลอง ที่คนนอนกรนนั้นดู แล้วถึงที่หลับ–ตื่น

อ้างอิง หนังสือ กรรมฐาน แก้กรรมรักษาโรค รวบรวมเีรียบเรียงโดย พระครูสังฆวีระ  ฐานวีโร

[raponsan]

การภาวนาเอายังพระลักษณะและพระรัศมี ปีติ ๕ เป็นอนุโลม เป็นปฏิโลม(ตั้งสะดือ/นาภี)
การเดินจิตอนุโลม คือ  การฟอกหรือล้างธาตุ ให้เดินจิตไปตามฐานจิตดังนี้
พระขุททกาปีติ พระขณิกาปีติ  พระโอกกนฺติกาปีติ  พระอุเพงคาปีติ พระผรณาปีติ
การเดินจิตปฎิโลม คือ การสร้างธาตุ ให้เดินจิตไปตามฐานจิตดังนี้
พระผรณาปีติ พระอุพฺเพงคาปีติ พระโอกกนฺติกาปีติ พระขณิกาปีติ  พระขุททกาปีติ

   วิธีเดินจิตแบบอนุโลม และปฏิโลมนี้ ผมใช้รักษาโรคอยู่ ทำได้สำเร็จจะรู้สึกตัวเบา เวทนาทางกายหายไปเกือบหมด


  มีอีกวิธีเดินจิตอีกอย่างหนึ่งที่ใช้ได้ผลมาก ทำสำเร็จจะรู้สึกว่าตัวเบามาก เวทนาทางกายหายไปเกือบหมด คือ วิชาโลกุดร สยบมาร

        วิชาโลกุดร สยบมาร
   ๑. ตั้งที่กลางสะดือ      ภาวนาว่า   สติสัมโพชฌงค์
   ๒.ตั้งที่เหนือสะดือ ๒ นิ้ว ภาวนาว่า   ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
   ๓.ตั้งที่หทัย      ภาวนาว่า   วิริยะสัมโพชฌงค์
   ๔.ตั้งที่คอกลวง      ภาวนาว่า   ปีติสัมโพชฌงค์
   ๕.ตั้งที่โคตรภูท้ายทอย   ภาวนาว่า   ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
   ๖. ตั้งที่กลางกระหม่อม   ภาวนาว่า   สมาธิสัมโพชฌงค์
   ๗.ตั้งที่ระหว่างคิ้ว   ภาวนาว่า   อุเบกขาสัมโพชฌงค์
       แล้วเปลี่ยนมา   ภาวนาว่า   โลกุตตะรัง จิตตัง ฌานัง

   ผลประโยชน์ของวิชาโลกุดร สยบมาร
   ๑. แผ่ให้ผู้ที่ลำบาก   
   ๒.แผ่บารมีให้มาร 
   ๓.ทำจิตให้หลุดพ้น 
   ๔.บูชาคุณครูบาอาจารย์
   ๕. เมตตา
   ๖.ปราบมาร 
   ๗. มีความเพียร
   ๘. ปราบคนทุศีล 
   ๙. รักษาโรคกาย โรคจิต ตนเอง และผู้อื่น

    วิธีปฏิบัติก็คือ เดินจิตไปตามจุดที่ตั้ง จากจุดที่ ๑ ถึง ๗ ผมบอกรายละเอียดไปมากกว่านี้ไม่ได้
ไม่ได้รับอนุญาตให้บอก ใครอยากรู้คงต้องใช้ความเพียรกันหน่อย

[raponsan]

การปรับธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ

•   ปรับธาตุดิน คือ การกินอาหารให้มีประโยชน์ งดกินอาหารแสลง เช่น ข้าวขาว ของหมักดอง ผงชูรส ของรสจัด ของทอด ปิ้ง ย่าง มันๆ เป็นต้น

•   ปรับธาตุน้ำ คือ การ ดื่มน้ำให้เป็นยา งดดื่มน้ำแสลง เช่น น้ำแช่เย็น น้ำแข็ง น้ำอัดลม เหล้า โซดา เบียร์ กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ยาบ้า ยาเสพติด เป็นต้น

•   ปรับธาตุลม คือการ หายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์ งดสูดดม กลิ่นลมแสลง เช่น ควันบุหรี่ ควันพิษ กาว ทินเนอร์ เป็นต้น รวมถึงการนวดตัวให้เลือดลมเดินสะดวก ไล่ลมตามเส้น ไม่ให้ท้องผูก ขับถ่ายก่อน 7 โมงเช้าทุกวัน

•   ปรับธาตุไฟ คือ การ ปรับอารมณ์ให้ ปกติ เป็นทางสายกลาง ไม่เครียด ไม่หนักไปทางหนึ่งทางใดมากเกินไป ไม่เป็น “ โรคประหลาด 3 อาการ ” ปฏิเสธ, เอาเรื่องเอาราว, มีแต่คำถาม ? , ต้องมีสติรู้ตัว ยอมรับความจริง งดยึดติดกับคำพูดที่ว่า ฉันก็คือฉัน ใครจะทำไม ? นั่นคือคติของคนป่วย “ ฉันจะป่วย ใครจะทำไม ?”

การ กินข้าวกล้อง กินผักปลอดสารพิษ เป็นการ ปรับธาตุดิน
การ ดื่มยาสมุนไพร เป็นการ ปรับธาตุน้ำ
การ นวดตัวแผนไทย เป็นการ ปรับธาตุลม
การยอมรับ ความจริง เป็นการ ปรับธาตุไฟ

เมื่อปรับธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้แล้ว สุขภาพกาย สุขภาพใจ ก็จะดีขึ้นตามลำดับ จากหนักเป็นเบา จนทุเลาในที่สุด

ที่มา  http://chongmassage.tripod.com/four_thai.html
ขอบคุณภาพจาก http://play.kapook.com


มารู้จักธาตุทั้งสี่ พร้อมกับแนวทางในการฝึกตนเองให้สื่อสารอย่างสันติ

การฝึกความรู้ตัวก่อนตอบสนองด้วยการปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 เป็นแนวทางเบื้องต้น สำหรับผสานความสมัครสมานสามัคคีของฐานร่างกายทั้ง 3 ฐาน คือทางอารมณ์ความรู้สึก-ฐานใจ ฝ่ายความคิดเหตุผล-ฐานหัว  และฝ่ายลงไม้ลงมือกระทำ-ฐานกาย  ให้ฐานทั้งสามในตัวเรารับสารและสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประสิทธิภาพในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรา กับผู้อื่นเป็นไปในทางสร้างสรรค์ เติบโต เกื้อกูลและเรียนรู้พัฒนาไปด้วยกัน

ธาตุดิน : ด้านบวก ของธาตุดินในตัวเรา คือ ความนิ่ง ความมั่นคง ความเป็นกลาง ความไม่โอนเอียงอคติ  แต่ถ้าไม่สมดุลก็จะแสดงด้านลบ คือความแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น ปิดกั้น  หลบเลี่ยง

ธาตุน้ำ : ด้านบวกของ ธาตุน้ำในตัวเรา คือ ความอ่อนโยน  ความใจกว้าง  การเปิดใจ  พร้อมรับฟัง  ความรัก ความเมตตา การให้อภัย  เมื่อไม่สมดุลจะแสดงด้านลบ คือ อารมณ์ความรู้สึกถูกกระตุ้นยั่วยุได้ง่าย  อิจฉาริษยา  โกรธเกลียดเคียดแค้น 

ธาตุลม : ด้านบวกของธาตุลมในตัวเรา คือ  ปัญญาที่คล่องแคล่ว มีสติสมาธิ  ความมีเหตุผล  ความคิดสร้างสรรค์   เมื่อไม่สมดุลจะแสดงด้านลบ คือความสับสน โลเล รุกลี้รุกลน ไร้เหตุผล  เจ้าเล่ห์เพทุบาย

ธาตุไฟ : ด้านบวกของธาตุไฟในตัวเรา คือ ความกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้า  ความเด็ดขาด  ความแข็งแรง  เมื่อเสียสมดุลจะแสดงด้านลบ คือ  มุทะลุ หุนหันพลันแล่น ก้าวร้าว ทำร้ายและทำลายล้าง

ลำดับขั้นของการปรับธาตุเพื่อให้เราสามารถ สื่อสารอย่างสันติ จะเริ่มจากปรับธาตุดิน คือรักษาความหนักแน่นมั่นคง จากนั้นปรับธาตุน้ำ คือเปิดกว้าง พร้อมรับฟัง พร้อมเข้าใจ ความรู้สึก  ตามด้วยการปรับธาตุลม คือคิดพิจารณา ใคร่ครวญอย่างมีสติ สุดท้ายปรับธาตุไฟ เพื่อให้การแสดงออกของเราเป็นการโต้ตอบอย่างสันติและมีประสิทธิภาพ


อ่ารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.women40plus.com/all-stories/somporn/14-2010-07-01-12-20-00.html

ขอบคุณภาพจาก http://play.kapook.com

  ลิงค์แนะนำ

การบูชาไฟและฝึกควบคุมธาตุสี่
http://www.oknation.net/blog/buddhabath/2009/11/24/entry-3

หลวงปู่เกษมมาสอนเรื่องการปรับธาตุคลายเส้น
http://www.watprakeema.com/adjusting-element-linear.html

ทะเลาะกันเพราะธาตุไม่สมดุล 1
http://www.women40plus.com/all-stories/somporn/13-2010-06-30-21-00-00.html

ทะเลาะกันเพราะธาตุไม่สมดุล 2
http://www.women40plus.com/all-stories/somporn/14-2010-07-01-12-20-00.html

การตั้งธาตุ-ทำลายธาตุ ทำลายรูปนาม และทำลายขันธ์ ทำได้อย่างไร?
http://www.buddhapoem.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=buddhapoemcom&thispage=33&No=184962

การตั้งธาตุ และหนุนธาตุ
http://board.palungjit.com/f17/การตั้งธาตุ-และหนุนธาตุ-13180.html

[montra]

อนุโมทนา เป็นเรื่องที่น่าอ่าน และทำความเข้าใจ เป็นอย่างมาก

แต่ในแนวปฏิบัติ ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจอยู่ดี

 

[patra]

มีรายละเอียด เนื้อเรื่อง ที่ดี
มีเนื้อหา น่าสนใจมาก ในเรืื่อง ธาตุ