ชาวพุทธสุดเศร้า “หลวงตามหาบัว” ละสังขารอย่างสงบ “ เจ้าฟ้าหญิงฯ” ทรงเฝ้าดูใจจนสิ้นลมหายใจ
เมื่อ วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก วัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้ละสังขารอย่างสงบแล้วเมื่อเวลา 03.53 น. ภายในห้องปลอดเชื้อกุฎิหลวงตา โดยมี ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เฝ้าดูอาการพร้อมคณะแพทย์และลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด ศพหลวงตาถูกเคลื่อนจากห้องปลอดเชื้อเข้าไปอยู่ห้องข้างๆ ซึ่งเป็นห้องพักของหลวงตา ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าว ต่างหลั่งไหลกันมาที่วัดเป็นจำนวนมาก บางส่วนซึ่งเป็นญาติและศิษย์ที่ใกล้ชิด ได้เข้าไปกราบหลวงตาภายในห้องที่กุฎิ ขณะญาติบางส่วนพากันนั่งอยู่บริเวณรอบๆ กุฎิ เพื่อรอรับการเคลื่อนศพของหลวงตามหาบัว
หัวใจหยุดเต้นเวลา 03.53 น.
ต่อ มาเมื่อเวลา 07.00 น. ที่ศาลาเล็กภายในวัดป่าบ้านตาด หลวงปู่ลี กุสลธโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และ นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวถึงอาการอาพาธของหลวงตาว่า เวลา 02.49 น.หลวงตามีอาการทรุดลง อยู่ในภาวะวิกฤติ ระดับความดันโลหิตเริ่มต่ำลง ตรวจพบสมองหยุดทำงาน เวลา 03.25 น. ตรวจพบม่านตาขยาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า เวลา 03.40 น. ชีพจร 54 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/49 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ เวลา 03.50 น. ชีพจร 49 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/16 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ เวลา 03.53 นาที หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจ
ญาติสนิทเข้าสักการะศพ
ส่วน การปฏิบัติต่อร่างหลวงตา ได้เชิญร่างหลวงตาเข้าไว้ในห้อง เป็นห้องที่หลวงตาพักปกติเมื่อหลวงตายังไม่อาพาธ เมื่อสว่างก็ได้อนุญาตให้ญาติสนิทเข้าไปสักการะ พระสงฆ์ในวัดได้ออกบิณฑบาตตามปกติ เมื่อฉันอาหารเสร็จ คณะสงฆ์จะได้นัดกันเข้าไปทำพิธีสักการะหลวงตาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะนิมนต์หลวงตามาที่ชั้น 2 ศาลาหลังเก่าดั้งเดิมซึ่งหลวงตาได้สร้างตั้งแต่มาอยู่วัดป่าบ้านตาด เพื่อให้พี่น้องประชาชนสักการะพอสมควร จึงจะนิมนต์หลวงตาเข้าหีบธรรมดาตามปกติ เมื่อบรรจุหีบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเชิญร่างหลวงตาไปที่ศาลาใหญ่ข้างนอก ทางบ้านเมืองจะถวายเกียรติยศค่อยว่ากันภายหลัง ส่วนพิธีถวายน้ำต่อองค์หลวงตา จะใช้วิธีโยงสายสิญจน์จากเท้าของหลวงตา ไปให้ประชาชนได้ถวายน้ำสงฆ์ เพราะองค์หลวงตาสูงสุดต่อพระสงฆ์และพี่น้องประชาชน
“ในหลวง”พระราชทานโกศโถ
ทั้ง นี้ หลวงตามหาบัวเข้ารับการรักษาอาการอาพาธลำไส้อุดตันและปอดติดเชื้อ ณ โรงพยาบาลศิริราช มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำนิมนต์ของคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ได้ให้การรักษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะเดินทางกลับมาพักรักษาตัวที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. กระทั่งละสังขารอย่างสงบในที่สุด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพหลวงตามหาบัวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ในการนี้ ได้ถวายพวงมาลาพระราชทาน พวงมาลาประทาน ของพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ วางที่หน้าโกศศพหลวงตามหาบัว
กราบทูล”ราชินี”ทรงทราบ
นาย คมสัน เอกชัย ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากหลวงตามหาบัวละสังขาร ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ทรงโทรศัพท์กราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบ ซึ่งสมเด็จพระราชินีฯ จะได้ส่งผู้แทนพระองค์ เดินทางมาที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อร่วมประชุมกันระหว่าง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี, ผู้แทนพระองค์, คณะสงฆ์ และผู้ว่าฯอุดรธานี เพื่อประชุมหารือหมายกำหนดการณ์ต่อไป ซึ่งทางจังหวัดมีความพร้อมจะทำตามที่ประชุมมีมติทันที
“ฟ้าหญิง”ปธ.ฝ่ายฆราวาส
ต่อ มา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันศรี จันททีโป เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง จ.อุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นิมนต์เคลื่อนสรีระหลวงตาบัว จากกุฏิ มายังชั้นสองศาลาการเปรียญ โดยสรีระของหลวงตามหาบัวถูกวางไว้บนเตียงที่หลวงตาเคยนอนตอนยังป่วย มีพระสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐาน 20 รูป แบกเตียงเคลื่อนไปไว้บนศาลา ตลอดเส้นทาง พุทธศาสนิกชนเปล่งเสียง ”สาธุ” เมื่อสรีระถูกนำไปวางบนเตียงไม้ บริเวณที่หลวงตาใช้เดินจงกรม จากนั้นได้ทำพิธีขอขมา พระสงฆ์อาวุโส ร่วมสงฆ์น้ำศพ
เปิดพินัยกรรมหลวงตา
หลังจากนั้นคณะ สงฆ์มอบให้ พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน อ่านพินัยกรรมของหลวงตามหาบัว โดยมีข้อความดังนี้คือ พินัยกรรมฉบับนี้ทำที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2543 ข้าพเจ้าพระธรรมวิสุทธิมงคล (พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) อายุ 87 ปี พำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ขอทำพินัยกรรมฉบับนี้เพื่อให้ทราบว่า เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพแล้ว ให้จัดการทรัพย์สินและทำงานศพข้าพเจ้าดังนี้ 1.บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วในขณะที่ข้าพเจ้ามรณภาพ และบรรดาทรัพย์สินต่างๆ ที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้าให้จัดการดังนี้
ทรัพย์ทุกบาทมอบให้ธปท.
1.1 ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง 1.2 ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง แล้วให้นำทองคำแท่งทั้ง ข้อ 1.1 และ 1.2 ไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็น เงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย โดยข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่ใช้บุคคลใดหรือคณะบุคคลใดนำไปใช้ในงานอันใด นอกจากใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ 2.ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นจัดงานศพ และจัดการดูแลทรัพย์สินทั้งปวงที่มีอยู่ในขณะมรณภาพและที่จะได้รับบริจาคใน งานศพของข้าพเจ้า โดยให้ดำเนินการอย่างเปิดเผย และดำเนินการตามเจตนาของข้าพเจ้าระบุไว้ในข้อ 1.
3. ให้คณะกรรมการตามข้อ 2 จำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.พระอาจารย์ฝัก สันติธรรมโม (มรณภาพแล้ว) 2.พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก 3.พระปัญญา วัตโก 4.พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต 5.องคมนตรี ดร.เชาวน์ ณ ศีลวัน 6.นายศิริ คูสกุล 7.ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม 8.พ.ต.อ.กฤษดา บูรณพานิช และ 9.พ.ต.ประชัย นาวินรัตน์
ทำไว้3ฉบับ-แยกเก็บ
4. ข้าพเจ้าขอตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้า พินัยกรรมฉบับนี้ทำไว้ 3 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน เก็บไว้ 3 แห่งคือ ฉบับแรกที่วัดป่าบ้านตาด ฉบับที่ 2 เก็บไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอุดรธานี ฉบับที่ 3 เก็บไว้ที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานี พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้ายังมีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่าง จึงลงชื่อไว้ต่อหน้าพยาน ลงชื่อ พระมหาบัว ญาณสัมปัญโญ (พระธรรมวิสุทธิมงคล) ลงชื่อพระปัญญา วัตโก พยาน และพระสุดใจ ทันตมโน พยาน
“ฟ้าหญิง”ทรงก้มกราบศพ
ภาย หลังอ่านพินัยกรรมเสร็จสิ้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จึงทรงวางพวงมาลัยที่ทรงทำด้วยพระองค์เองลงบนพานข้างศพ แล้วทรงก้มลงกราบ แล้วได้ให้พระสงฆ์ได้รดน้ำที่เท้าของหลวงตามหาบัว หลังจากนั้นคณะพระสงฆ์จำนวนประมาณ 3,000 รูป คณะของแม่ชี และประชาชนที่มาร่วมในวันนี้ประมาณ 30,000 คน ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปรดน้ำศพ
ญาติธรรมนับแสนแน่นวัด
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังข่าวการละสังขารของหลวงตามหาบัวแพร่ออกไป ได้มีบรรดาศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป ต่างพากันเดินทางไปที่วัดป่าบ้านตาดเป็นจำนวนหลายหมื่นคน เพื่อกราบไหว้สรีระหลวงตาเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้บริเวณวัดแน่นขนัดไปด้วยคลื่นมหาชนที่หลั่งไหลเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้การจราจรบนท้องถนนติดขัดยาวหลายกิโลเมตร บริเวณที่จอดรถทั้งภายในวัดและโดยรอบวัดต่างเต็มไปหมด พร้อมกันนั้นทางศิษยานุศิษย์ของหลวงตาได้มาตั้งโรงทานจำนวนมาก เพื่อได้นำอาหารเครื่องดื่มมาบริการผู้ที่ไปร่วมในงาน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ตชด.24 อุดรธานี อส.และ สห.มทบ.24 อุดรธานี รวมจำนวน 500 นาย ได้มารักษาความสงบเรียบร้อยด้วย
ถวายน้ำหลวงอาบศพ
ต่อ มาเวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีถวายน้ำหลวงอาบศพหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และถวายพวงมาลาพระราชทาน พวงมาลาประทาน ของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในการนี้พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน
นายคมสัน ผวจ.อุดรธานี กล่าวกว่า ในการประชุมคณะผู้เกี่ยวข้อง หลังจากเสร็จพิธีถวายน้ำหลวงอาบศพ จะนำสรีระของหลวงตามหาบัว บรรจุลงในหีบไม้ แล้วนิมนต์ไปตั้งไว้ที่ศาลาการเปรียญใหญ่ หน้าวัดป่าบ้านตาด โดยโกศพระราชทานจะตั้งเป็นเกียรติยศไว้ด้านหลัง เพื่อบำเพ็ญกุศลติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นจึงค่อยพิจารณากันอีกครั้ง
พระราชทานเพลิงมี.ค.
นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า หลังจากทางสำนักพระราชวังดำเนินการประกอบพิธีธรรมหลวงตามหาบัวที่ จ.อุดรธานี ครบ 3 วันแล้วนั้น ในส่วนของ พศ.ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการเคลื่อนย้ายศพหลวงตามหาบัว ไปให้ศิษยานุศิษย์ได้ทำความเคารพ ก่อนจะดำเนินการพระราชเพลิงศพในเดือน มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พศ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับพิธีธรรมของหลวงตามหาบัวแล้ว
ด้าน นายจรูญ นราคร รองอธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายพิธี กรมการศาสนา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมฯไปช่วยทางสำนักพระราชวังในการประกอบ พิธีธรรมของหลวงตามหาบัวที่ จ.อุดรธานีแล้ว ซึ่งพิธีธรรมทั้งหมดทางสำนักพระราชวังจะเป็นผู้ดูแล ขณะที่ ศน.จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการช่วยเหลืองานด้านพิธีเท่านั้น ส่วนหลังจากครบกำหนดพระบรมราชานุเคราะห์ 3 วันแล้ว ต้องดูว่าทางวัดจะให้หน่วยงานใดดำเนินการด้านพิธีธรรมต่อไป
ฝึกจิตภาวนากับหลวงปู่มั่น
สำหรับ ประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2456 นามว่า บัว โลหิตดี มีพี่น้องทั้งหมด 16 คน ได้เข้ารับการอุปสมบทขณะอายุ 21 ปี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ณ วัดโยธานิมิตร อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชเวที เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ญาณสมฺปนฺโน
พอถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2485 ท่านก็ออกเดินทางไป จ.สกลนคร และได้พบกับ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มอบตัวเป็นศิษย์และอยู่ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานกับท่านพระอาจารย์มั่นอย่างเด็ด เดี่ยว จิตมุ่งอยู่กับสมาธิภาวนาเท่านั้น รวมเวลาที่อยู่กับพระอาจารย์มั่นทั้งหมด 8 ปี จวบจนท่านพระอาจารย์มั่นถึงแก่มรณภาพ ในปี พ.ศ.2492 ต่อมาในปี พ.ศ.2498 ท่านได้ทราบข่าวว่าโยมมารดาป่วย ท่านจึงได้เดินทางกลับมาตุภูมิที่บ้านตาด เพื่อดูแลโยมมารดา ซึ่งขณะนั้นชาวบ้านได้นิมนต์ท่านให้อยู่เป็นหลักที่นั่น พร้อมกับได้บริจาคที่ดินประมาณ 163 ไร่เพื่อสร้างวัด โดยตั้งชื่อว่าวัดป่าบ้านตาดจนถึงปัจจุบัน
ริเริ่มโครงการผ้าป่าช่วยชาติ
หลวง ตามหาบัวไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในวงการพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ทางโลก โดยหนึ่งในนั้นคือ "โครงการผ้าป่าช่วยชาติ" โดยในปี พ.ศ.2540 ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ด้วยความเมตตาสงสารอย่างบริสุทธิ์ใจต่อพี่น้องชาวไทย หลวงตามหาบัวจึงได้เชิญชวนประชาชนช่วยกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศ และเงินบาท นำเข้าคลังหลวง โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานเปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.41 ล่าสุดได้มอบทุนช่วยชาติครั้งที่ 15 โดยนำทองคำเข้าคลังหลวงแล้วกว่า 12 ตัน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 10,803,600 บาท
ที่มา : คลิปวีดีโอจากช่องทีวีไทย
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=118285