ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อมีผู้กล่าวว่า ทำสมาธิอย่านึกถึงขั้น มันจะไม่ได้ขั้น อยากทราบความเห็นครับ  (อ่าน 5333 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nonestop

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 87
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เมื่อมีผู้กล่าวว่า ทำสมาธิอย่านึกถึงขั้น มันจะไม่ได้ขั้น อยากทราบความเห็นครับ ว่าพูดอย่างนี้ถูกหรือไม่ครับ หรือมีการพูดยังไม่สมบูรณ์ ครับ

  :smiley_confused1: :c017:
บันทึกการเข้า
nonestop  หยุดทำ้ร้าย หยุดเบียดเบียน หยุดการกลับมาเกิด กันเถิดครับ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เมื่ออยากได้   ก็ไม่ได้
ไม่อยากได้    ก็ไม่ได้

คุณจะจับลูกนกอย่างไรให้ยังคงอยู่ในมือ  ไม่ดิ้นหลุดไป  หรือกำแน่จนลูกนกนั้นตาย  นั้นคือคำตอบ
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ลูกเณร-รัตน์

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 31
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คิดว่ายังพูดไม่สมบูรณ์ นะครับ
เพราะถ้าไม่มีขั้นตอนเลย แล้วจะไปรู้องค์แห่งฌานได้อย่างไร เท่ากับพูดมั่ว ทำสะเปะสะปะ และท้ายที่สุดก็คงทำอะไรไม่ได้ครับ ตั้งแต่ต้นจนจบต้องมีขั้นตอนในการกำหนด ด้วยครับ

  เรียกว่า ลำดับจิตให้ได้ ครับ
    :67: :13:
บันทึกการเข้า

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อาจจะเป็น ระดับไร้รูป ไร้นาม ไร้.... ส่วนมากพวกที่คิดแบบนี้จะเป็นแนวเซ็น..และที่พบส่วนมากจะเป็นนักพูด ไม่ใช่นักภาวนา การที่พูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ชอบกับการปฏิบัติตามรูปแบบ

   :a102: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

kindman

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 272
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าว่าโดยปริยัติ ก็มีตามขั้น นะครับ เริ่มตั้งแต่ ขณิกะสมาธิ เป็น อุปจาระสมาธิ และเป็นอัปปนาสมาธิ

ดังนั้นไม่ผ่านตามขั้นตอนก็ดี นะครับ อนุโมทนาครับ แต่อาจจะแย้งกับพระสูตรนะครับ

 เพราะวิปัสสนาก็เป็นไปตามลำดับเช่นกัน การดับรอบ วัฏฏะสงสารด้วยอำนาจจิต ก็เป็นไปตามลำดับ

 การเข้าสู่อริยะสัจจะ 4 ได้ดวงตาเห็นธรรมก็เป็นไปตามลำดับด้วย ถ้าไม่มีลำดับน่าจะไม่ใช่นะครับ



 
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
น่าจะหมายถึง เวลาที่เรานั่งปฏิบัติ 

             ว่า อย่ามัวไปคิดอยากได้ขั้นโ้น้น ขั้นนี้ 

             ให้อยู่กับปัจจุบัน คือนั่งปฏิบัติ ขั้นที่เรากำลังทำอยู่

             เพราะ ไม่อย่างนั้น สุดท้ายเราก็จะฟุ้งส้าน  ทำให้ปฏิบัติไม่ได้   

       นี้ เป็นในส่วนหนึ่งของการนั่งปฏิบัติ

       แต่ในส่วนของการศึกษา ก็ต้องศึกษาธรรมะกันต่อไป ดีแล้ว
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เคยฟังในรายการ RDN ช่วงค่ำนะคะ ก็มีการเจริญภาวนา ( ปฏิบัติ ) ไปตามลำดับนะคะ ถ้าไม่ไปตามลำดับก็จะหลุดจากฐาน จากนิมิต ทั้ง 3 ประการหมดเลยนะคะ

 ดังนั้นคิดว่า และเห็นตามพระสูตร คะ ว่าภาวนาเป็น ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นไปตามลำดับ ดังพระดำรัสตาม โลโก้เว็บนะคะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2012, 04:40:33 pm โดย vichai »
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ีผมตีความเข้าใจไว้อย่างนี้ว่า

- ที่บอกว่าอย่านึกถึงขั้นหรือระดับใดๆนั้น เพราะมันจะเกิดเป็นความอยากมีอยากเป็น อยากได้ ทะยานที่จะได้ จนทำให้สภาพจิตมีแต่ความรู้สึกนึกคิดจดจ้องที่จะได้จนไม่เป็นสมาธิ

- ดังนั้นที่บอกว่าอย่าไประลึกถึงขั้นก็คือ ให้ทำสมาธิไปด้วยใจว่างสงบปกติ ไม่ไปติดข้องใจในระดับหรือความรู้สึกที่มี เมื่อจิตมันอิ่มมันเต็มมันก็จะได้เอง

- ยกตัวอย่าง อย่างผมเมื่อก่อนผมไม่รู้ธรรมอะไรเลยนอกจากหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ พิจารณาลมหายใจไป ไม่ไปจับเทียบนั้นเทียบนี่ จดจ้องนั่นนี่ ผมถึงเอกัคตาได้ง่ายๆ จิตมีกำลังมาก และ สามารถทรงสภาพนั้นอยู่ได้ถึง 3 วัน 3 คืน พร้อมสามารถเข้าสู่สมาธิจิตหรือฌาณจิตในเมื่อไหรตอนใดๆก็ได้ แค่เพียงรู้กำหนดจิตพร้อมกับลมหายใจเข้าออกก็เข้าได้ทันที แต่เพราะคุยธรรมะมากขึ้นเริ่มเรียนรู้ศัพท์มากขึ้น เริ่มรู้ว่าเขาเรียกสภาพนั้นว่าอะไร รู้ว่ามันมีลำดับขั้นอย่างนั้นอย่างนี้ เวลาผมทำสมาธิจิตผมมันคอยไปจดจ้องจับเอาแต่จะเข้าสภาพนั้นๆ ฟุ้งซ่านตรึกนึกคอยแต่จะเข้าอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องไล่ขั้นระดับจับสภาพอย่างนั้นอย่างนี้ เอาเป็นว่าทุกวันนี้แม้แต่ขณิกสมาธิผมยังเข้าไม่ได้เลยครับ เพราะมัวแต่ไปคิดถึงขั้นระดับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2012, 05:36:14 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

translate

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 105
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สติ รู้ตัวเป็นลำดับ บรรลุแล้วไม่มีขาด สามารถกำหนดได้ ขึ้นอยู่ที่ อุเบาขา ตามลำดับ
  :s_hi:
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ทั้งนี้ ทั้งนั้น  ก็มีทั้ง ประโยชน์  และมิใช่ ประโยชน์  ก็ต้องใช้ความฉลาด นำเอาแต่ประโยชน์ในสิ่งนั้นมาใช้

ผู้เห็นประโยชน์ จึงทำ เพราะรู้ว่าจักเกิดประโยชน์
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เป็นการกล่าว ที่ผิด .... สำหรับปุถุชน ที่เป็นพระโยคาวจร

ถ้าจะกล่าวว่า เพื่อให้ใจ ไม่วางความหวัง เลย นั้นผิดทั้งหมด เพราะผู้ภาวนาถ้าไม่ตั้งความปรารถนา ในการภาวนา การภาวนานั้นไม่มีผลเพราะไม่มีเป้าหมาย ผิดหลักอริยสัจจะ 4 เหมือนคนที่ทำอะไรลงไป โดยที่ไม่รุ้ตัว การกล่าวอย่างนั้นเรียกว่า การภาวนาที่ขาดสติ
 
 เมื่อภาวนาต้องตั้งความหวังไว้ว่า การภาวนานี้เพื่อการขจัดทุกข์ กำจัดกิเลสเป็นต้น ดังนั้นจิตต้องผ่านลำดับขั้นตอนการภาวนา สติต้องรู้ชัดเจน แจมแจ้ง เป็นการกำหนดอริยสัจจะ

  ถ้าไม่ตั้งความหวัง ก็ต้องไปหาเหตุ ถ้าไม่ตั้งความหวัง ก้ไม่ต้องไปหาผล

  ธรรมส่วนหนึ่งที่เป็นอุปสรรค ที่บรรดานักภาวนา ฟันฝ่าไปไม่ได้ก็คือ การวางเฉย ( อุทกขมสุขเวทนา )
 
  แต่ถ้าปฏิบัติภาวนา อยู่โดยไม่ต้องตั้งความหวังแล้ว นั่นคือพระอริยะบุคคล ที่ได้ผลแล้ว การทำเยี่ยงนี้เรียกว่า วิหารธรรม วิหารสมาบัติ อายตนะนิพพาน นิโรธสมาบัติ สัญญาเวทยิตนิโรธ เจโตสมาธิอนิมิต เหล่านี้เป็นผล ผู้ที่ได้ผลแล้วไม่ต้องกำหนด

  ดังนั้นการวางอารมณ์ เป็นกลาง ไม่ใช่ไม่ต้องการ หรือ ต้องการ เพราะกรรมฐาน นั้น อยากได้ก็คือไม่ได้ ไม่อยากได้ ก็คือไม่ได้ ต้องวางอารมณ์ให้เป็นกลาง เฉพาะ คือ วางเป้าหมายไว้ที่ขั้นตอนการภาวนา

     การดำเนินจิตต้องมี ขั้น ตอน ไม่มีขั้น ตอน ก็เพราะบรรลุแล้ว
      สมถะ มีฌาน เป็นบาท  มีการสยบนิวรณ์เป็นเป้าหมาย
      วิปัสสนา มีญาณ เป็นบาท มีสังโยชน์ 10 ประการเป็นเป้าหมาย

 เจริญธรรม  / เจริญพร

  ;)



   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ