"ปฏิบัติธรรม" แต่คนรอบข้างว่า..เราแปลกไป ถาม : ดิฉัน ปฏิบัติธรรม จนเกิดความเบื่อหน่ายในกาม และนิสัยเปลี่ยนไป กินน้อยลง ช็อปปิ้งน้อยลง พูดน้อยลง สำรวมกิริยามากขึ้น แต่ญาติคนรอบข้างกลับมาว่า ดิฉันปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยน ทำตัวแปลก ไม่มีความสุขในชีวิตเหมือนเดิม ดิฉันควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีคะ ควรฝืนตัวเองทำอะไรแบบเดิมบ้าง หรือมุ่งหน้าไปทางธรรมต่อไป และจะอธิบายให้คนรอบตัวฟังอย่างไรดี
พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ ขอไขปัญหาข้อนี้ว่า
ตอบ : เท่าที่ฟังดู คุณโยมก็ปฏิบัติได้ดีอยู่แล้ว เพราะเป็นธรรมชาติของผู้ปฏิบัติธรรมที่จะเป็นเช่นนี้ พูดโดยสรุปคือ ไม่ต้องไปแคร์ชาวโลก เพราะชาวโลกเขานิยมยกย่องในเรื่องบ้าบอคอแตกที่เราอาจทำไม่ลง ทำได้ยากขึ้น เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ไม่ค่อยมีสาระ ถ้าพูดตามภาษาธรรมก็คือ ปฏิบัติตัวแบบนี้ดีแล้ว ไม่ต้องไปสนใจชาวโลก ถ้าเขายังไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องไปอธิบายอะไรมาก
แต่ถ้าอยากเอื้อเฟื้อคนรอบข้าง เราอาจต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อาจต้องอยู่กับโลกสมมติแบบเป็นละคร แบบเป็นมายาบ้าง มีการหัวเราะ มีชีวิตชีวา สดชื่นแจ่มใส ไปกิน ไปช็อปปิ้งบ้าง เพื่อไม่ให้ญาติทั้งหลายและครอบครัวสบายใจ ไม่ใช่หักดิบไปเลย แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
@@@@@
โยมเคยปฏิบัติธรรม แต่ญาติยังไม่เข้าใจ เขาอาจรู้สึกว่า ทำไมคนปฏิบัติธรรมเป็นแบบนี้ และอาจรู้สึกไม่ดีกับวงการปฏิบัติธรรมหรือนักปฏิบัติธรรมได้ ฉะนั้นถ้าอยากสงเคราะห์ญาติ ก็ลองใช้วิธีสมดุลแบบ 50-50 โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย หรือโบราณเรียกว่า บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น เพราะเรายังเป็นคฤหัสถ์ ฆราวาสผู้ครองเรือน เรายังไม่ใช่นักบวช ยังไม่ใช่พระ อาจต้องอยู่ในทางโลกบ้าง เขาชวนไปกินไปช็อปปิ้งก็ไปบ้าง แต่อาจไม่ไปบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่ทำตัวเหมือนว่าไม่ผิดปกติ เพื่อช่วยให้ญาติไม่เกิดจิตอกุศล ทำทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม เพราะใจเราไม่ได้อินกับเรื่องพวกนี้แล้ว
พระอาจารย์ขอยกตัวอย่างของนักปฏิบัติธรรมรุ่นแรกคือ นางวิสาขา เป็นบุคคลขั้นโสดาบัน แต่ยังต้องแต่งเนื้อแต่งตัวออกงานสังคม แต่ใจรู้ดีว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาระไม่ใช่แก่นสาร ไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม ดังนั้นการที่เรายืนอยู่ในสังคมโลก ก็เพื่อไม่ให้เสียสังคม ให้หลายคนรู้สึกว่า ถึงปฏิบัติธรรมแต่ก็ไม่ได้ขวางโลก ไม่ได้หลุดโลก ไม่ได้ผิดปกติ เมื่อเขามีความรู้สึกที่ดี เห็นเราใช้ชีวิตปกติ สดใสซาบซ่า เขาก็จะเข้ามาถามเองว่าได้ข่าวว่าเธอไปปฏิบัติธรรมมา เราก็จะได้แนะนำเขาได้
@@@@@@
แต่ถ้าเราไปที่ไหน คนหัวเราะกัน เรากลับนั่งทอดตามองต่ำ เดินก็เดินช้า ๆ ไปงานราตรีก็ใส่ชุดขาวมีผ้าคลุมไหล่ เวลานั่งก็กำหนดอย่างมีสติสัมปชัญญะ เขาจะกินอะไรก็มองเขา เห็นอย่างนี้ไม่มีใครอยากถามหรอกว่า เราไปปฏิบัติธรรมมาที่ไหนมา
โดยสรุปคือ ให้ถือว่าสงเคราะห์สังคมญาติ ให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย แต่เน้นว่าให้ไปตามเขา “บ้าง”เท่านั้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิมหากผู้อ่านมีปัญหาหนักใจ ต้องการคำแนะนำแฝงด้วยแนวคิดทางธรรม สามารถส่งคำถามมาได้ที่
นิตยสาร Secret คอลัมน์ Dhamma Daily หรือ
dhammadaily2015@gmail.comที่มา : คอลัมน์ Dhamma Daily นิตยสาร Secret
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/67561.html