ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เห็นกายตัวเอง สลาย กลายเป็นขี้เถ้า เจริญภาวนาถูกหรือไม่  (อ่าน 2876 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0




พอนั่งสมาธิ ไปแล้ว จิตก็หลบไปแล้วรื้อร่างกาย ออกเป็นชิ้นเล้ก ชิ้นน้อย และ มองเห็นเป็นภาพ แต่ละชิ้น
ถูกเผาด้วยไฟ จนเป็นขี้เถ้า

ตอนนั้นรู้สึก เกิดความรู้สึก ตื้นตันใจ อย่างไร ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้ น้ำตาไหล ออกมาเป็นทาง
ตั้งแต่วันนั้นมา ก็รู้สึกได้ว่่า ไม่ค่อยจะยินดี ยิ้นร้ายในการแต่งตัว ทาหน้า ทาปาก เแบบเมื่อก่อนเลยคะ

อยากเรียนถามพระคุณเจ้า ว่า โยมภาวนา ผิดวิธีหรือไม่ คะ







พุทธโอวาท


         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! 
         ครั้นก่อนแต่ตรัสรู้เมื่อเรายังเป็นโพธิสัตย์ยังไม่ตรัสรู้นั่นเทียว  ได้เกิดการปริวิตกขึ้นว่า
         อะไรหนอเป็นรสอร่อยในโลก
         อะไรเป็นโทษในโลก 
         อะไรเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลก

         ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย ! 
         ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า สุข โสมนัสที่ปรารภโลกเกิดขึ้นนี้เอง เป็นรสอร่อยในโลก
         โลกไม่เที่ยงทรมานมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา  นี่เองเป็นโทษในโลก
         การนำออกเสียสิ้นเชิง  ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจเพลินในโลกนี่เอง เป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลกได้

         ดูก่อน ภิกษุทั้ง หลาย !
         ตลอดเวลาเพียงไรที่เรายัง ไม่รู้จักว่ารสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย 
         ยังไม่รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ 
         ยังไม่รู้จักเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริงตลอดเวลาเพียงนั้น 
         เรายังไม่ได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ  ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา  พร้อมทั้งมนุษย์

         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! 
         เมื่อใดแลเราได้รู้จักรสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย 
         รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ 
         รู้จักอุบายเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริง  ด้วยอาการอย่างนี้เมื่อนั้น
         เราได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมา สัมโพธิญาณในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์  เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์  ก็แหละญาณทรรศนะเครื่องรู้เครื่องเห็นเกิดขึ้นแล้วว่า  ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย  บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่ไม่มีอีกดังนี้

         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! 
         พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน 
         มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ 
         มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ 
         มิใช่จุดมุ่หมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ 
         มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
         ที่แท้  พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระ คือ ความสำรวม เพื่อปหานะ คือ ความละ  เพื่อวิราคะ คือ คลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์
         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
         ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้งเห็นได้ยาก
         รู้ตามได้ยาก 
         สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งตรรก ( คือคิดเอาไม่ได้หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา )
         แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอรจะรู้ได้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2011, 08:14:16 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

ขอบคุณภาพจาก wikimedia


     ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
    จงดูกายอันนี้เถิด ฟันหัก ผมหงอก หนังเหี่ยว ๆ ยาน ๆ มีอาการทรุดโทรมให้เห็นอย่างเด่นชัด
    เหมือนเกวียนที่ชำรุด แล้วชำรุดอีก ได้อาศัยแต่ไม้ไผ่มาซ่อมไว้ผูกกระหนาบคาบค้ำไว้จะยืนนานไปได้สักเท่าไร
     การแตกสลายย่อมจะมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง

     ดูก่อน ภิกษุทั้งลาย !
      พวกเธอจงมีธรรมเป็นที่เกาะที่พึ่งเถิด
     อย่าคิดถึงสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย
     แม้ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น
     
     ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
    จง ดูกายอันเปื่อยเน่านี้เถิด มันอาดูรไม่สะอาดสิ่งสกปรกมันไหลเข้าไหลออกอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ตามมันยังเป็นที่พอใจปรารถนายิ่งนักของผู้ไม่รู้ความจริงข้อนี้

     ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! ร่างกายนี้ไม่นานนักหรอกคงจะทับถมแผ่นดิน ร่างกายนี้เมื่อปราศจากวิญญาณครองแล้ว ก็ถูกทอดทิ้งเหมือนท่อนไม้ที่ไร้ค่าอันเขาทิ้งเสียแล้วโดยไม่ใยดี

     ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! อันร่างกายนี้สะสมไว้แต่ของสกปรกโสโครก มีสิ่งปฏิกูลออกจากทวารทั้งเก้า มีช่องหู ช่องจมูก เป็นต้นเป็นที่อาศัยแห่งสัตว์เล็กสัตว์น้อย เป็นป่าช้าแห่งซากสัตว์นานาชนิด เป็นรังแห่งโรค เป็นที่เก็บมูตรและกรีษ อุปมาเหมือนถุงหนังซึ่งบรรจุเอาสิ่งโสโครกต่าง ๆ เข้าไว้แล้วซึมออกมาเสมอ ๆ เจ้าของกานจึงต้องชำระล้างขัดถูวันละหลายๆครั้ง เมื่อเว้นจากการชำระล้างแม้เพียงวันเดียวหรือสองวัน กลิ่นเหม็นก็ปรากฏเป็นที่น่าขยะแขยง

     ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! ร่างกายนี้เป็นเหมือนเรือนซึ่งสร้างด้วยโครงกระดูก มีหนังและเลือดเป็นฉาบทา ที่มองเห็นเปล่งปลั่งผุดผาดนั้น เป็นเพียงผิวหนังเท่านั้น เหมือนมองเห็นความงามแห่งหีบศพอันวิจิตรตระการตา ผู้ไม่รู้ก็ติดในหีบศพนั้น แต่ผู้รู้เมื่อทราบว่าเป็นหีบศพ แม้ภายนอกจะวิจิตรตระการตาเพียงไรก็หาพอใจยินดีไม่ เพราะทราบชัดว่าภายในแห่งหีบอันสวยงามนั้นมีสิ่งปฏิกูลพึงรังกียจ


 

 ก็พอจะให้คุณโยม ได้ อรรถรสพระธรรม ที่โยมคิดว่าใช่ หรือไม่ ก็มีคำตอบอยู่ในนี้

 ส่วนคำตอบว่าปฏิบัติภาวนาแบบนี้ ผิด หรือ ถูก

 ก็ให้ดูคำตอบในใจว่า ภาวนาแล้ว กิเลส ลดลงหรือไม่ ภาวนาแล้ว เห็นความจริง ของโลก หรือ ไม่

 ถ้าไม่ ก็ ไม่ถูก นะจ๊ะ

 ถ้าลดลง หรือ ดับกิเลสได้ ก็ใช่นะจ๊ะ

 เจริญธรรม

  ;)

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2011, 08:24:12 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ด้วยคะ เวลา kob ภาวนาก็มักจะเห็นความเน่าเปื่อยผุพอง ของสังขารร่างกายตัวเองเหมือนกันคะ

พอจะเข้าใจ เหมือนกันคะ บางครั้งเห็นในจิตจนกระทั่งน้ำตาไหลออกมาพราก ๆ คือไม่รู้ไหลออกมาเพราะซาบซึ้ง

ในความจริง หรือ สงสารตัวเองกันแน่ แต่รู้สึกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ประมาณนี้

คะ ผู้ภาวนา ทุกคนน่าจะต้องผ่านตรงนี้เหมือนกันคะ เพราะว่าเป็นแรกคือความเข้าใจ ในสังขารร่างกายนี้


บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ratree

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขนาดเห็นกาย ตนเองเป็น ขี้เถ้าแล้วนี้ ถ้าจะมี ญาณสติสูงนะคะ ก็คงเลิกเพลินในกายแล้วใช่หรือไม่คะ

หรือเพียงแต่เห็น ยังไม่คลายจาง จากกายเหมือนเิดิม หรือเบาบาง ระดับนี้จัดเป็น โสดาปัตติมรรคเชียวนะคะ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า