ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทราบ อานิสงค์ การบวช ครับ ? ทำไม สมัยนี้ เราจึงต้องบวช ครับ  (อ่าน 6145 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

แมนแมน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 86
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากทราบ อานิสงค์ การบวช ครับ ? ทำไม สมัยนี้ เราจึงต้องบวช ครับ

  คือในกลุ่มพวกผมเอง เห็นว่า การบวชไม่ใช่การแก้ปัญหา ทุกข์ โดยเฉพาะชาวเหนืออย่างผมที่เห็น พระเณร บวชเรียนกันแล้ว หาผู้ปฏิบัติจริงไม่ได้ เห็นแต่นักเรียน ซะมากกว่า อีกอย่างฐานะบ้านผม ไม่จำเป็นต้องบวชเรียนอย่างพระเณรหลายรูปหลาย องค์ จึงนำพวกผมไปสู่อุดมคติ กับการบวช ไม่ได้ คือ ไม่อยากบวช

   แต่พอได้เริ่มอ่านศึกษา ธรรมะบ้าง ก็ชักจะสงสัยความคิดเรื่องการไม่บวช นั้นถูกต้องหรือไม่ ที่สามารถปฏิบัติธรรมได้ ในเมื่อในยุคนี้ พระอริยะบุคคลเต็มที่ก็มีแค่ พระอนาคามี เท่านั้น

  ขอบคุณมากครับ ที่ทุกท่านจะช่วยแนะนำ อานิสงค์การบวช เพื่อปฏิบัติธรรม ด้วยครับ

   :25: :c017:
บันทึกการเข้า

The-ring

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


นั่นสินะ ในขณะที่คนไทย เด็กไทย มีความปรารถนาการบวชน้อยลง แต่ชาวต่างชาติกลับสนใจเข้ามาบวชมากขึ้น

 :s_hi:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

งานบวชลูกแก้วเชียงใหม่

อานิสงส์บวช

    บวชนี้ย่อมมีผลานิสงส์อย่างมากมาย องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสเทนาอานิสงส์แห่งการบรรพชาอุปสมบทไว้โดยอเนกประการว่า

    ทาสสฺส อานนฺท ดูกรอานนท์ บุคคลใดมีศรัทธา
    บรรพชาทาสกรรมกรให้เป็นสามเณรหรือสามเณรี มีอานิสงส์ ๔ กัล์ป บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี มีอานิสงส์ ๘ กัล์ป
    และถ้าอุปสมบทจะได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัล์ป หากอุปสมบทได้อานิสงส์ ๓๒ กัล์ป
    ถ้าอุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ถึง ๖๔ กัล์ป

    บุคคลใดได้บรรพชาบุตรตนก็ดี บุตรของผู้อื่นก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ

    แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า ดูกรอานนท์ ดังจะเห็นได้จากหญิงผู้หนึ่ง เขามีบุตรอยู่คนเดียว บุตรชายเขาขอไปบวชมารดาก็ไม่ให้บวช บุตรชายจึงหนีไปบวช อยู่มาวันหนึ่งมารดาของสามเณรนั้นออกจากบ้านไปแต่เช้า เพื่อจักแสวงหาฟืน มารดาสามเณรครั้นหาฟืนได้พอสมควรแล้วก็กลับบ้าน

    พอมาถึงระหว่างทางได้พักอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ แล้วลงนอนพักผ่อนก็หลับไป ได้นิมิตรฝันไปว่ามีพระยายมราชมาถามว่า
    ดูกรผู้หญิง เธอได้กระทำบุญหรือว่าไม่ได้กระทำเลย
    มารดาของสามเณรนั้นตอบว่าข้าแต่เจ้า ดิฉันไม่ได้กระทำบุญอย่างไรเลย
    พระยายมราชทราบแล้ว ก็จับเอาผู้หญิงนั้นไปใส่นรกทันที
    และได้เห็นไฟนรกลุกโพรง ก็ถามพระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นอย่างไร
    พระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นไฟนรก


    ผู้หญิงจึงบอกว่าเหมือนกับผ้าจีวรของลูกชายของข้าพเจ้า อันได้บวชเป็นสามเณรนั้นแล
    พระยายมราชจึงกล่าวว่า ดูกรผู้หญิง ลูกชายของเธอยังได้บวชหรือ
    นางก็ตอบว่า ลูกชายยังได้บวชเป็นสามเณรอยู่   
    พระยายมราชได้ยินคำของนางดังนั้นแล้ว จึงนำนางมาคืนไว้เดิมเสีย


    เหตุอันนี้ก็เพราะ บุญของลูกชายตนได้บวชเป็นสามเณร ในพุทธศาสนาไปกั้นไว้ในนรกได้
    ครั้นนางตื่นขึ้นมาก็ตกใจกลัวรีบกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นนางก็เลื่อมใสในพุทธศาสนา เฝ้าปฏิบัติสามเณรลูกชายของตนมิได้ขาด จนนางได้ตายไปตามอายุขัย ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ดั้งนี้ เป็นต้น


ที่มา http://84000.org/anisong/08.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.tripdeedee.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อานิสงส์ของการบวช

๑. ประโยชน์อานิสงส์ที่ตัวผู้ขอบรรพชาจะได้รับนี้อย่างหนึ่ง
๒. ประโยชน์อานิสงส์ที่ญาติทั้งหลายมีบิดา มารดา เป็นต้น จะได้รับ นี้อย่างหนึ่ง
๓. ประโยชน์ที่เพื่อนมนุษย์สัตวโลกทั้งหลายจะพึงได้รับ ตลอดจนศาสนาจะพึงได้รับร่วมกัน นี้อีกอย่างหนึ่ง

 
อานิสงส์ที่ ๑ ที่ว่า ในส่วนตัวเขานั้น ต้องได้รับอะไรใหม่เป็นของใหม่ และดีที่สุดที่เขาจะได้รับ คือให้ได้ มีการบรรพชาจริงนั่นแหละ เรียกว่าบวชจริง ให้เรียนจริง ให้ปฏิบัติจริง ให้ได้ผลจริงๆ นี้เรียกว่า บรรพชาจริงๆ ได้ผลจริง ในระหว่างที่เขาบรรพชาอยู่ ได้สิ่งที่ดีที่สุด ที่เขาควรจะได้ คือเรื่องของพระธรรมที่ทำให้บุคคลพ้นจากความทุกข์ นี่ประโยชน์ส่วนตัวของเขา ก็มีอยู่อย่างนี้แล้วขอให้เขาได้รับ
 
อานิสงส์ที่ ๒ ญาติทั้งหลายมีบิดามารดา เป็นต้น จะพึงได้อานิสงส์นี้ก็เพราะลูกของเราบวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริงได้ผลจริง หรือว่าสอนผู้อื่นได้จริงด้วยก็ยิ่งดี ถ้าลูกหลานของเราบวชจริงอย่างนี้แล้ว บิดามารดาก็มีความปีติปราโมทย์ พอใจในธรรม ใน ศาสนานี้มากขึ้น

การบวชของลูกจะทำให้มีอะไรๆ เกิดขึ้นหลายประการ เช่น ที่ว่า บิดามารดาจะมีศรัทธามากขึ้นมีความมั่นคงในพระศาสนามากขึ้น เรียกว่าเป็นญาติในพระศาสนามากขึ้นนั่นเอง เขาใช้คำอย่างนั้นมาแต่โบราณกาลแล้ว ที่ว่าพอลูกบวชแล้วพ่อแม่เป็นญาติในพระศาสนามากขึ้น เพราะฉะนั้นอานิสงส์ข้อนี้ได้แก่ ญาติทั้งหลาย มีบิดา มารดาเป็นต้นด้วย
 
อานิสงส์ที่ ๓ ก็ได้แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ทั้งมนุษย์ ทั้งเทวดา กระทั่งสากลจักรวาล และได้แก่ศาสนาด้วย ข้อนี้มันสัมพันธ์กันที่ว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงกับศาสนานั้นสัมพันธ์กัน อยู่ ถ้าศาสนายังมีอยู่ในโลก สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็ปลอดภัยสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจะปลอดภัย ก็เพราะมีศาสนาอยู่ในโลก ฉะนั้นเราทำศาสนาให้มีอยู่ในโลก ก็คือทำประโยชน์ให้เกิดแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ศาสนานี้จะมีอายุอยู่ได้ไม่สูญหายไปเสีย ก็เพราะว่า
    ๑. มีคนบวชคนเรียน
    ๒. มีคนปฏิบัติถูกต้อง
    ๓. มีคนได้ผลของการปฏิบัติ


    ทั้งหมดนี้ที่เขาเรียกว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นภาษาบาลี เราควรจะขอบใจคนที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เขาสืบอายุพระศาสนาไว้จนมาถึงเรา เราต้องช่วยกันสืบต่อไป บวช ๓ เดือนก็สืบ ๓ เดือน บวช ๒ เดือนก็สืบ ๒ เดือน พอเราสึกออกไป ยื่นมอบหมายให้คนอื่นต่อไปอีก อย่าให้ขาดตอนได้ ฯ

 

กล่าวโดยย่ออานิสงส์ของการบวชแบ่งออกได้ ๒ ประการ คือ
 
ประการที่ ๑ อานิสงส์หลัก ได้แก่
    ๑.กรณีของผู้ที่หมดกิเลส สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ย่อมได้อานิสงส์คือ
        ก.ทุกข์เก่าหมดไป
        ข.ทุกข์ใหม่ไม่เกิดขึ้น คือ หมดกิเลส
        ค.เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของมนุษย์ทั้งหลาย ที่ได้ทำบุญให้ทาน และถวายสักการะแก่ท่าน
    ๒.มองถึงด้านคุณธรรมในตัวของผู้บวช
        ก.ทำให้ตัวเองเป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ
        ข.จะได้น้ำใจงาม ที่เรียกว่า เป็นคนมีน้ำใจ
        ค.เป็นผู้มีปัญญา

 
ประการที่ ๒ อานิสงส์พลอยได้ ได้แก่
    ๑.อานิสงส์ที่เกิดแก่ผู้อื่น
       ก.ช่วยให้บิดามารดาได้มีโอกาสใกล้ชิดพระศาสนา เช่น ได้ฟังธรรม เป็นต้น เพราะต้องไปเยี่ยมเยียนผู้บวชอยู่เสมอ
       ข.แม้สึกออกไปแล้ว ลูกเมียก็เป็นสุข เพราะได้นิสัยดี ๆ ที่เกิดจากการขัดเกลาติดตัวไป เมื่อก่อนเคยขี้เหล้าเมายา เมาขึ้นมาก็อาละวาด พอบวชแล้วสึกออกไปนิสัยดีขึ้น
       ค.ประเทศชาติได้พลเมืองที่ดีเพิ่มขึ้น
    ๒.อานิสงส์ทางธรรม เป็นผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

 


อานิสงส์การบวชชั่วคราว

    สำหรับนิสิต นักศึกษาที่ได้บวชในช่วงสั้น ๆ เป็นครั้งคราว ถือว่าเป็นการบวชชั่วคราว หากตั้งใจประพฤติปฏิบัติ อย่างเคร่งครัดแล้ว ย่อมได้อานิสงส์ ดังนี้
 
    ๑) เป็นผู้รู้จักบริหารเวลา คือ รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ภาษาศาสนาเรียกว่า กาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาลอันเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งของสัปบุรุษ ขณะเป็นนิสิตนักศึกษาภาระรับผิดชอบยังมีไม่มาก ความกังวลทางบ้านเรือนไม่มี หากรีบมาบวชก่อน ย่อมบรรลุธรรมได้โดยง่าย
 
    ๒) แม้ช่วงเวลาจะสั้นแต่ถ้าลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะได้ลิ้มรสความสุขอันเกิดจากความสงบตั้งแต่เยาว์เพราะตอนเป็นนิสิต นักศึกษา กิเลสยังไม่แก่จัด เป็นเหมือนไม้อ่อน พอดัดง่าย ครั้นบวชแล้วได้รับรสแห่งความสุขภายใน ก็จะรู้ว่าบาป บุญ นั้นมีจริง ความสุขภายในดีกว่า ก็จะไม่ติดในอามิสสุข อันเป็นสุขทางโลก

    ๓) มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมไว้กำกับความรู้ จะได้ใช้ความรู้ไปในทางที่ถูกที่ควร ดังพุทธพจน์บทหนึ่งว่า “ความรู้ทางด้านวิชาการ ที่ชาวโลกเรียน หากเกิดแก่คนพาล ไม่มีศีลธรรม ย่อมมีแต่จะนำความฉิบหายมาให้ เพราะเขาจะนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด เนื่องจากไม่มีคุณธรรมกำกับ”
 
    ๔) ทำให้ได้ฝึกวินัย และเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นคณะ ถ้าบวชแล้วตั้งใจฝึกฝนอบรมตนอย่างจริงจัง สึกออกไปแล้วจะเป็นคนรักวินัย คนส่วนมากมักจะไม่สังเกตทั้ง ๆ ที่มีพระเป็นตัวอย่างทางวินัยให้ดู เข้าขึ้นก็เดินออกไปบิณฑบาตกันเป็นแถว สวดมนต์หรือฟังเทศน์ท่านก็นั่งเป็นแถว เพราะฉะนั้นคนที่เคยบวชแล้วความมีวินัยก็จะติดเป็นนิสัยไปด้วย
 
    ๕) ทำให้ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการศึกษาต่อไปภายหน้า

    ๖) เกิดความปลื้มปีติยินดี ที่ได้ทำความดีไว้แล้วตั้งแต่ยังเยาว์ ปีตินี้จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจอยู่เสมอ ถึงคราวจะตายก็ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง   คนหนุ่มคนสาวมักมองโลกไปข้างหน้า คิดสร้างอนาคตอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนคนเฒ่าคนแก่จะเหลียวมองข้างหลัง คือถ้าเหลียวหลังไปดู เราได้ทำความดีอย่างนั้น ๆ นึกแล้วก็ชื่นใจ

     แต่ถ้าแก่แล้ว เหลียวหลังไปดู หาดีไม่ได้ ก็จะได้ความเหี่ยวใจเป็นเครื่องตอบแทน ตอนใกล้ตาย ก็จะตายแบบใจเหี่ยว ตรงกันข้าม ถ้าเคยบวช เคยทำความดีมาก่อนก็จะปลื้มปีตีได้ทำความดีไว้ แม้จะตายก็ตายดี ตายอย่างคนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่ามาแล้ว

    ๗) ทำให้รู้จักเป้าหมายของชีวิตที่แท้จริงว่า เกิดมาทำไม เพราะฝึกแล้วรู้ว่า ทำให้กิเลสหมดไปได้ เกิดเป็นความสุขภายในขึ้นมาตามลำดับ จะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเองได้อย่างถูกต้อง

 

  ๘) ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวในอุปสรรค ตลอดเวลาที่บวชอยู่ สะสมอาหารไว้ไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าจะมีฉันหรือไม่ ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าออกบิณฑบาตแล้ว จะได้กลับมาฉันทุกวัน บางวันก็ไม่ได้ ยิ่งไปต่างจังหวัดจะเห็นชัด บางจังหวัดไปแล้วรักน้ำใจพระบางองค์ ไปเยี่ยมวัดท่านตอนใกล้เพล

    ถึงปั๊บท่านก็นิมนต์ เดี๋ยวฉันด้วยกันนะ ท่านยกข้าวปลาอาหารที่บิณฑบาตตอนเช้า มีเหลือถึงตอนเพล เหลือบไปดู ท่าน ๓ องค์มีปลาทูอยู่ซีกเดียว แล้วยังนิมนต์อาตมให้ฉันอีกองค์หนึ่ง ครั้นเรามองไปที่ฝา ท่านยังบอกต่อไม่เป็นไรน้ำปลาเรายังมีอีกตั้งขวดเบ้อเร่อ

    นอกจากนี้ยิ่งไปนอนในกลด อยู่โคนไม้มาด้วย ได้ผ่านชีวิตอย่างนี้แล้ว ต่อไปจะมีแต่ความอดทน ไม่กลัวอุปสรรค ประเภทที่เคยหยิบโหย่งมาเท่าไร ๆ นอนห้องแอร์มาเท่าไร ๆ มาเจอฉันในบาตร ปักกลดอยู่ตามโคนไม้ โรคสำออยหายเป็นปลิดทิ้ง ขืนทำสำออยอยู่ มากหามตาย นี่ได้อย่างนี้
 
    ๙) ทำให้รู้จักตนเอง คือ รู้ว่าตันเองมีความรู้ ความสามารถมีคุณธรรมแค่ไหน เพียงใด
    เมื่อก่อนเราก็ว่าเราเก่ง แต่พอมาบวชแล้วได้ฝึกตน รู้เลยว่าจริง ๆ แล้ว ความสามารถแค่ไหน แต่เราได้พัฒนาปรับปรุงตัวเองขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง อย่างภาษิตจีนว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทำให้เราประมาณฝีมือหรือความสามารถของตัวเองได้ กลายเป็นผู้รู้จักประมาณตน ซึ่งการที่จะรู้จักตัวเองนั้นเป็นเรื่องยาก แต่การรู้จักคนอื่นนั้นง่าย คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ วิจารณ์ได้สารพัด แต่ตัวเองเป็นอย่างไร ดูทีไรก็ดีทุกที หลังจากบวชแล้ว เจอวินัย เจอกิจวัตร จึงรู้ว่า แต่ก่อนนึกว่าเราเก่งไม่เบา ทีไหนได้ไม่ได้เรื่องเลย
 
    ๑๐) ทำให้เป็นคนมีเหตุผล

    ๑๑) ได้ชื่อว่าได้ชำระโทษทางกาย วาจา ใจ ให้สิ้นไป เพราะ ศีล เป็นเครื่องชำระโทษทางกาย วาจา สมาธิ เป็นเครื่องชำระโทษทางใจ ปัญญาชำระโทษทางสันดาน ให้เป็นคนมีสัมมาทิฏฐิ




    ๑๒) ได้ชื่อว่า “ปฏิบัติบูชา” ซึ่งเป็นการบูชาอันสูงสุด แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม

    ๑๓) ทำให้มีโอกาสเอาชนะกิเลสได้ระยะหนึ่ง จึงมีเชื้อสายแห่งความเป็นผู้ชนะ
    คนเราเมื่อมีเชื้อแห่งความชนะแล้ว ต่อไปเห็นอะไรก็ไม่ท้อเพียรจนสำเร็จได้ การปฏิบัติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างเคร่งครัด จนสามารถเอาชนะกิเลสได้ในการบวชระยะสั้น ๆ นั้น ย่อมเกดกำลังใจว่า เราก็มีฝีมือ ฉะนั้น การดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลายนั้น แม้จะยากยิ่งแต่ก็มิใช่สิ่งที่เหลือวิสัย ใจสู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ หนทางข้างหน้าก็ไปได้ไม่ยาก


๑๔) ทำให้แสวงหาความสุขได้มากที่สุด เท่ามี่มนุษย์จะพึงมีได้
๑๕) ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีกำไรชีวิตแล้ว เพราะได้กระทำกรรมที่บริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ
๑๖) ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มถางทางไปพระนิพพานแล้ว
 
    ส่วนจะได้เท่าไหร่นั้น ไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อได้เริ่มต้นหนึ่งแล้ว สอง สาม สี่ ห้า..ก็จะตามมาเอง
    แต่ถ้ายังไม่ได้เริ่มก็ยังอยู่ที่ศูนย์นั้นแหละ ตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง
    นี่คืออานิสงส์โดยย่อของการบวชชั่วคราว


    ด้วยเหตุนี้ก่อนที่จะปล่อยให้เด็กในปกครองของท่านไปหลงอยู่กับความเพลิดเพลินทางโลกหรือติดอบายมุขนานาชนิด ท่านที่เป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรรีบสนับสนุนเขา ให้ได้มาบวชในพระบวรพระพุทธศาสนา

    ทั้งนี้นอกจากท่านจะได้ชื่อว่า เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ยังเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขอันไพบูลย์ยิ่งยืนนาน สัมดังพระพุทธดำรัสที่ว่า
    “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ ให้ถึงทีสุดแห่งทุกข์เถิด”



ที่มา http://www.watpaknam.org/knowledge/view.php?id=10
ขอบคุณภาพจาก http://www.watpaknam.org/,http://gallery.palungjit.com/,http://wiki.moohin.com/,http://www.tteen.net/,http://images.northphoto.multiply.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เจมส์บอนด์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 186
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


อานิสงค์ เวลาคนไทย ได้บวชแ้ล้ว ผู้ร่วมบุญอนุโมทนา แบบคนไทย ครับ



เห็นแล้วหรือไม่ครับ ความเป็นจริง คนมีความสุขนะครับ เวลามีงานบวช แบบคนไทย

 :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
บันทึกการเข้า
ps2 psx nds n64 rom nes play1 play2 gamepc xbox wii castlevania finalfantasy nds ps1 sega
ผมชอบเล่นเกมส์ แต่ ก็แบ่งเวลานั่ง กรรมฐาน ครับ คนรุ่นใหม่ไม่กลัวกรรมฐาน

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถ้าต้องการ พ้นจากกาเวียนว่าย ตายเกิด การออกบวชเป็นการช่วยตัดภาระ 3 ประการ ที่เรียกว่า เครื่องลาก เครื่องผูก คือ บ่วงมือ บ่วงเท้า บ่วงคอ การสละชีวิตฆราวาส ก็เพื่อให้มีโอกาสทางธรรมเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบัน ผู้ที่สละออกบวช ต้องปรับตัวเข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไปด้วยกัน จึงมีบางอย่างทำให้รูปแบบนี้ เสีย และ ทำความหมายการบวชในปัจจุบันเพียงสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ให้ได้ครบ 5000 ปี

 ดังนั้น อานิสงค์การบวช ก็คือสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะเป็นประเพณี ก็ตาม.... บุญส่วนนี้ได้แล้ว ที่เหลืออยู่ที่บุญส่วนตัว ว่าบวชมาแล้ว จะภาวนาหรือ ไม่ ? หรือ บวชแล้ว มาเพื่อใช้ชีิวิตไปวัน ๆ เท่านั้น

 อนุโมทนา ด้วยถ้าเปลี่ยนความคิดเห็นประโยชน์ ในการบวช....

 เจริญพร

  ;)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 21, 2012, 10:34:22 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระวินัยปิฎก  มหาวรรค  [๑.มหาขันธกะ]
 ๔๙.  ติรัจฉานคตวัตถุ
 พระไตรปิฏก เล่มที่ 4 หน้า 175 - 177

นาคแปลงกายเป็นมนุษย์มาขอบรรพชา
      [๑๑๑]    สมัยนั้น    นาคตัวหนึ่งอึดอัด    ระอา    รังเกียจกำเนิดนาค    ต่อมานาคนั้นมีความดำริว่า    “ด้วยอุบายอย่างไรหนอ    เราจะพึงพ้นจากกำเนิดนาคและพึงได้อัตภาพมนุษย์ฉับพลัน”  คิดได้ว่า    พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้เป็นผู้ประพฤติธรรม    ประพฤติสงบ    ประพฤติพรหมจรรย์    กล่าววาจาสัตย์    มีศีลมีกัลยาณธรรม    ถ้าเราจะพึงบรรพชาในพวกพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไซร้ด้วยอุบายอย่างนี้    เราก็จะพึงพ้นจากกำเนิดนาค    และได้อัตภาพมนุษย์ฉับพลันจึงแปลงกายเป็นชายหนุ่มเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายขอบรรพชา
            ภิกษุทั้งหลาย    ได้ให้บรรพชาให้อุปสมบท    ต่อมา    พระนาคอาศัยอยู่ในวิหารหลังสุดท้ายกับภิกษุรูปหนึ่ง    ครั้นราตรีย่ำรุ่ง    ภิกษุรูปนั้นตื่นขึ้นไปเดินจงกรมอยู่ในที่แจ้ง    เมื่อเธอออกไปแล้ว    พระนาคก็วางใจก้าวลงสู่ความหลับ    วิหารทั้งหลังเต็มด้วยงู    ขนดยื่นออกทางหน้าต่าง    ครั้นภิกษุนั้นผลักบานประตูจะเข้าวิหาร    ได้เห็นวิหารทั้งหลังเต็มด้วยงู    ขนดยื่นออกทางหน้าต่าง    ก็ตกตะลึงร้องเสียงดัง
            ภิกษุทั้งหลายวิ่งเข้าไปหาถามภิกษุนั้นว่า    “อาวุโส    ท่านร้องเสียงดังทำไม”
            ภิกษุนั้นบอกว่า    “ท่านทั้งหลาย    วิหารทั้งหลังเต็มด้วยงู    ขนดยื่นออกทางหน้าต่าง”
            ทันใดนั้น    พระนาคได้ตื่นขึ้นเพราะเสียงนั้น    รีบนั่งบนอาสนะของตน
            ภิกษุทั้งหลายถามว่า    “อาวุโส    ท่านเป็นใคร”
            พระนาคตอบว่า    “ผมเป็นนาค    ขอรับ”
            ภิกษุทั้งหลายถามว่า    “อาวุโส    ท่านได้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร”
            พระนาคได้บอกเรื่องนั้น    ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
            ครั้งนั้น    พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุได้ตรัสกับพระนาคนั้นว่า    “พวกเจ้าเป็นนาค    ไม่มีความงอกงามในพระธรรมวินัยนี้ไปเถิด    นาค    เจ้าจงเข้าจำอุโบสถในดิถีที่    ๑๔    ดิถีที่    ๑๕    และดิถีที่    ๘    แห่งปักษ์นั้นแหละ    ด้วยอุบายอย่างนี้    เจ้าจักพ้นจากกำเนิดนาค    และได้อัตภาพมนุษย์ฉับพลัน”
            นาคครั้นได้ทราบว่าตนไม่มีความงอกงามในพระธรรมวินัยนี้แน่นอน    ก็มีทุกข์เสียใจ    หลั่งน้ำตาส่งเสียงดังหลีกไป
           ลำดับนั้น    พระผู้มีพระภาครับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า    “ภิกษุทั้งหลาย    เหตุที่ทำให้นาคปรากฏร่างเป็นนาค    มี    ๒    ประการเหล่านี้    คือ   
           (๑)    เวลาที่เสพเมถุนธรรมกับนางนาคมีชาติเสมอกัน   
           (๒)    เวลาที่วางใจก้าวลงสู่ความหลับ   
           ภิกษุทั้งหลายเหตุที่ทำให้นาคปรากฏร่างเป็นนาคมี    ๒    ประการเหล่านี้
            ภิกษุทั้งหลาย    อนุปสัมบันผู้เป็นสัตว์ดิรัจฉาน  ไม่พึงให้อุปสมบท  ที่อุปสมบทพึงให้สึกเสีย”  (๔)



   ที่นำมาเล่าให้ฟัง อยากให้ท่านทั้งหลาย พิจารณา คุณค่า ของ การออกบวช ( เนกขัมมะบารมี )

    1.นาค เป็น โอปปาติกะ ที่มีคนนับถือ แต่ บรรดานาค ทั้งหลาย ก็มีความปรารถนา ในการภาวนา ทั้งที่ ฤทธานุภาพ ในตนเอง มีความเชื่อ เลื่อมใส ศรัทธา จึงได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ เข้ามาบวชในพระศาสนา แต่ธรรมมิได้ก้าวหน้า ด้วยวิสัย ใด ตอบให้ข้อข้องใจ ก็คือ ตัณหา โดยธรรมชาติของ นาคมีมากกว่า มนุษย์ จึงเข้าสู่ธรรมขั้นสูงมิได้

    2.เรื่องของ นาค ปรากฏในพรไตรปิฏก หลาย ตอน จึงมิใช่เรื่องเหลวใหล ที่ท่านทั้งหลาย ควรจะเชื่อเรื่องของ นาค วิรูปักษื ในกลุ่ม ท้าวจาตุมหาราชิกา นะจ๊ะ


   



บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

แมนแมน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 86
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณทุกท่่านที่ให้ความรู้ผม ครับ

 :s_hi: :c017: :25:
บันทึกการเข้า