ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชมภาพสไลด์ประกอบดนตรีเพื่อสมาธิ งานเททองหล่อพระราหุลเถรเจ้า ๑๖ มี.ค.๕๖  (อ่าน 4069 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เผยแพร่เมื่อ 31 มี.ค. 2013 โดย nathaponson

ขอขอบพระคุณดนตรีประกอบ "ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา" (The NAERUNCHARA River)
Green Music : The Naerunchara River (เนรัญชรา) จำรัส เศวตาภรณ์

ภาพชุดนี้เป็นการนั่งเรือชมเกาะเกร็ด นนทบุรี ในช่วงเช้า ก่อนที่จะไปงานเททองหล่อ พระราหุลเถระเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ โรงหล่อพระพุทธรูป ยงค์เจริญการช่าง นครชัยศรี นครปฐม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เผยแพร่เมื่อ 31 มี.ค. 2013 โดย nathaponson

ขอขอบพระคุณดนตรีประกอบ "พระโพธิ์แก้ว" (The JEWEL BO Tree)
Green Music : The Naerunchara River (เนรัญชรา) จำรัส เศวตาภรณ์

ภาพชุดนี้เป็นบรรยากาศงานเททองหล่อ พระราหุลเถระเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ โรงหล่อพระพุทธรูป ยงค์เจริญการช่าง นครชัยศรี นครปฐม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เพื่อใจที่เป็นสมาธิ บรรยากาศย้อนไปใน อดีตพุทธกาล ณ อุรุเวฬาเสนานิคม ริมฝั่งน้ำเนรัญชรา
     
      Green Music : The Naerunchara River (เนรัญชรา) จำรัส เศวตาภรณ์
      The Naerunchara River : This set contains 5 sounds, total time: 46.42

         - พระโพธิ์แก้ว(The JEWEL BO Tree)
         - มหาอุบาสิกานามสุชาดา(SUCHADA)
         - ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา(The NAERUNCHARA River)
         - สายธารธรรม(Morality Stream)
         - อุรุเวฬาเสนานิคม(AURUVAERASAENANIKOM)




ตรัสรู้ (เกิดใหม่อีกครั้ง) เนรัญชรา

เมื่อพระองค์ทรงเสวยพระกระยาหารจนมีพละกำลังแข็งแรงดีขึ้นอย่างเดิมแล้ว ก็ทรงเริ่มทำความเพียรทางจิตต่อไป และในยามสุดท้ายของวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี พระองค์ก็ได้ตรัสรู้ ซึ่งนับเป็นการเกิดครั้งที่ 2 ของพระองค์ เรียกว่าธรรมกายอุบัติ คือเกิดด้วยธรรมกาย


รุ่งเช้าของวันที่จะตรัสรู้นี้ นางสุชาดา ธิดาของคหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลอุรุเวฬาเสนานิคมนั้น ได้จัดแจงเอาข้าวมธุปายาส อันประณีตด้วยเครื่องปรุงทุกประการ ใส่ลงในถาดทองและปิดครอบด้วยถาดทองอีกใบหนึ่ง แล้วนำไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระองค์ประทับนั่งอยู่ เพื่อทำการบวงสรวงเทพารักษ์ เพราะก่อนหน้า แต่นี้ นางได้มาบนบานเทพารักษ์ไว้ว่า ขอให้ได้สามีที่มีตระกูลเสมอกันและขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย ซึ่งบัดนี้นางก็ได้สมประสงค์

เมื่อได้ไปถึงต้นโพธิ์ก็ได้เห็นพระองค์ ซึ่งสง่างามด้วยรัศมีมีวรรณะผ่องใสประทับนั่งอยู่ที่ควง (โคน) ต้นโพธิ์ จึงเข้าใจว่า พระองค์เป็นรุกขเทพที่ได้บนบานไว้มาปรากฏให้เห็น นางดีใจมากจึงถวายข้าวมธุปายาส พร้อมทั้งถาดทอง พระองค์ทรงรับไว้ เมื่อเสด็จลงสรงน้ำในแม่น้ำเนรัญชราแล้วจึงเสด็จขึ้นมาเสวยจนหมด จากนั้นก็ทรงลอยถาดเสียในแม่น้ำ พร้อมกับทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า หากว่าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ขอถาดใบนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ซึ่งถาดนั้นก็ได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปจริงๆ ครั้นพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นนิมิตหมายอันดีเช่นนั้น ก็ทรงมั่นพระทัยว่า จะต้องได้ตรัสรู้แน่นอน

จากนั้นก็เสด็จมายัง สาละวัน (ป่าไม้สาละ) ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับพักภายใต้ร่มไม้สาละ กระทั่งพระอาทิตย์บ่ายคล้อยพระองค์จึงเสด็จกลับมาที่ต้นโพธิ์อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างทางได้พบกับโสตถิยพราหมณ์ คนหาบหญ้า เมื่อโสตถิยพราหมณ์ได้เห็นพระองค์ก็เกิดความเลื่อมใสมากและได้น้อมถวายหญ้าคาที่หาบมาแก่พระองค์ 8 กำ พระองค์ทรงรับแล้วก็ได้นำมาลาดเป็นที่ประทับนั่งต่างบัลลังก์ ณ ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ด้านทิศตะวันออก แล้วเสด็จขึ้นประทับนั่งขัดสมาธิ ผันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ผันพระปฤษฎางค์มาทางลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วทรงอธิษฐานพระทัย (จาตุรงคมหาปธาน) ว่า

    "จักไม่ลุกขึ้นจากที่นี่ตราบใดที่ยังไม่ได้บรรลุพระสัมโพธิญาณ แม้ว่า เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกก็ตามที"

ขณะนั้น มารคือกิเลส (กิเลสมาร) ได้เกิดขึ้นท่องเที่ยวอยู่ในพระทัยของพระองค์ นำให้ทรงหวนระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งเสวยกามสุขอยู่ในราชสมบัติ ซึ่งน่าภิรมย์ยิ่งนัก พระองค์จึงทรงหักห้ามพระทัยและต่อสู้กับกิเลสมารเหล่านั้นด้วยพระบารมี 10 ทัศ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ที่ทรงเคยบำเพ็ญมาทั้งในอดีตชาติและในปัจจุบัน ทำพระหฤทัยให้หนักแน่น ไม่หวั่นไหวต่อความเมื่อยขบและกิเลสตัณหาเหล่านั้นที่เข้ามารบกวนจิตใจ และก่อนที่อาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป ก็ทรงสามารถผจญกิเลสมารอันเกิดขึ้นท่องเที่ยวอยู่ใต้พระทัยให้ปราชัยได้



จากนั้นก็ทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตให้แน่วแน่ปราศจากอุปกิเลส จนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ นับได้ว่า ได้บรรลุญาณ ที่ 1-2-3-4 แล้วยังฌานอันเป็นตัวปัญญาชั้นสูงทั้ง 3 ประการให้เกิดขึ้นตามระยะกาลแห่งราตรีดิถีวิสาขปรุณมีนั้น โดย

1.ในปฐมยาม ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติได้ เป็นเหตุให้ทรงหยั่งรู้อัตตภาพขันธสังขารว่า เป็นเพียง แต่สภาวะอย่างหนึ่งๆ เท่านั้นคุมกันเข้าเป็นขันธ์ เป็นผลให้ทรงกำจัดความหลงในขันธ์อันเป็นเหตุรักหรือชังเสียได้

2.ในมัชฌิมยาม ทรงพระบรรลุ จุตูปปาตญาณ (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิพพจักษุญาณ) ทรงสามารถมองเห็นการจุติและการเกิดของมวลสัตว์โลกได้ เป็นเหตุให้ทรงหยั่งรู้ว่า ขันธ์นั้นแลย่อมเป็นไปตามอำนาจแห่งธรรมดา มีอันคุมกันเข้าสัตว์เป็นบุคคล ในเบื้องต้นแปรปรวนในท่ามกลางแล้วแตกสลายไปในที่สุด เป็นอย่างนี้เหมือนกันหมด แต่ก็กระนั้น ก็ยังมีดีมีเลวได้สุขได้ทุกข์บ้างแตกต่างกันออกไป ที่เป็นอย่างนี้ก็ เพราะกรรมที่กระทำเอาไว้ เป็นผลให้ทรงกำจัดความหลงในคติแห่งขันธ์อันเป็นเหตุสำคัญผิดด้วยประการต่างๆ เสียได้้

3.ในปัจฉิมยาม ทรงบรรลุ อาสวักขยญาณ (ความรู้เป็นเหตุสิ้นไปแห่งอาสวะเครื่องเศร้าหมอง อันหมักหมมอยู่ในจิตสันดาน) เป็นเหตุให้ทรงหยั่งรู้ขันธ์พร้อมทั้งอาการโดยความเป็นเหตุและผลสืบเนื่องติดกันไป เหมือนลูกโซ่ ซึ่งคล้องเกี่ยวเป็นสายอันเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท ซึ่งก็คือทรงรู้อริยสัจ 4 ประการนั่นเอง เป็นผลให้พระองค์ทรงรู้และเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างจนสามารถบรรลุถึงความบริสุทธิ์สิ้นเชิงได้สมพระมโนปณิธาน

สรุปแล้ว ที่ว่า ตรัสรู้อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ด้วยอาการที่ทรงเจริญ สมถภาวนา ทำจิตให้เป็นสมาธิจนได้บรรลุฌานทั้ง 4 และ ญาณ 3 มาโดยลำดับ หมายเหตุ "อริยสัจ" คือในความหมายของข้อความต่อไปนี้
     - ความจริงของพระอริยะอย่าง
     - ความจริงที่ให้สำเร็จเป็นพระอริยะอย่าง
     - ความจริงที่พระอริยเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งแทงตลอดอย่าง
     - ความจริงที่จริงแท้ไม่แปรผันเป็นอย่างอื่นอย่าง


พระนามพิเศษ
"อรหํ" และ "สมมาสมพุทโธ" 2 บทนี้ เป็นพระนามใหญ่ของพระองค์ ไม่มีใครตั้งให้ แต่เป็นเนมิตกนาม คือนามที่เกิดขึ้นตามเหตุแห่งลักษณะและคุณสมบัติ ที่ได้พระนามว่า "อรหํ" เพราะพระองค์เป็นผู้ควรและเป็นผู้บริสุทธิ์จากกิเลส ที่ได้พระนามว่า "สมมาสมพุทโธ" เพราะพระองค์ตรัสรู้ได้โดยลำพังพระองค์เอง ไม่มีใครสอนให้ หากจะกล่าวว่า อาฬารดาบสและอุททกดาบสสอนให้ก็ไม่ได้ เพราะวิชาที่พวกเขาสอนให้นั้นยังอยู่ในโลกีย์ ซึ่งยังไม่ถึงขั้นที่จะตรัสรู้ได้


อ้างอิง
จากหนังสือ พุทธประวัติ ฉบับมาตรฐาน คู่มือสำหรับนักเรียน นักธรรมและธรรมศึกษาชั้นตรี
เรียบเรียงโดย คณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
http://www.pantipmarket.com/mall/greenmusic/?node=products&id=193883
https://soundcloud.com/meditationcentreth/sets/the-naerunchara-river-1
http://www.dhammathai.org/,http://www.trueplookpanya.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

mature_na

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 239
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ
=============================
-ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม

www.Somdechsuk.org | เวทาสากุ
http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
http://www.facebook.com/themajjhima
http://www.themajjhima.com/




คณะสระบุรี ไปถึงเวลา เพลพอดี นะครับงานนี้ ถึง 10.30 น. ถวายภัตตาหารเพล


ญาติโยม เพื่อน พี่น้อง ชาวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มากกว่า ร้อยท่าน ขอบอกของแจก ๆ ไม่พอ





พิธิเริ่ม เวลา 12.10 น. จนถึงเวลาเททองหล่อ 13.09 น.


สาระธรรม เรื่องการหล่อ เล็กน้อยจากพระอาจารย์






ชมภาพแบบเต็มร้อยกว่าภาพได้ ที่ 2 ลิงก์นี้ครับ

  http://www.facebook.com/media/set/?set=a.437546692993457.1073741826.100002143894652&type=3



http://www.facebook.com/media/set/?set=a.552565744787640.1073741827.100001026573295&type=3

 ครับ





บันทึกการเข้า

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ