ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเราทำบุญไปแล้ว เขาเอาเงินที่เราทำบุญไปทำอย่างอื่น จะได้บุญหรือไม่ ครับ  (อ่าน 2337 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

   เพื่อนคนหนึ่ง มาถามผมว่า ได้ทำบุญถวายเงินให้วัดไปเพื่อสร้าง กุฏิ หลังหนึ่ง ราคา 500000 กว่าบาท แต่พระเจ้าอาวาสไม่ได้ สร้างกุฏิซะที ก็เลยไปถามมาว่า ทำไมไม่สร้างกุฏิ เจ้าอาวาสตอบว่า นำเงินไป บูรณะศาลา หมดแล้ว ( เรื่องนี้จริง หรือ เท็จ ก็ขอข้ามไว้ก่อน ) แต่เพื่อนผมถามว่า แล้วอย่างนี้เขาจะได้บุญหรือไม่ครับ

   :c017:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



๙. ปีตวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน
     
     สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
     [๔๗]    ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลืองตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลืองทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสีเหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลืองรถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร


     นางเทพธิดาตอบว่า
     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขมไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูป
     ตั้งจิตอุทิศต่อพระบรมธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุของพระศาสดานั้น
     ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใดนั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป                         
     ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่านี้เป็นแน่
     ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้นหม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์

                         
     ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความนี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า
     ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผลมาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้าหรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่ชื่อว่ามีผลน้อยเลย
     มาเถิดมาตลี แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถาคตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคตจะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำเสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ
     เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใดไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.

     จบ ปีตวิมานที่ ๙.

________________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=1643&Z=1675&pagebreak=0 

           


เจตนาบริสุทธิ์

เจตนาบริสุทธิ์ หมายถึง เจตนาของผู้ที่ให้ จะต้องให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งให้เกิดความ ดีงาม ให้ใจใส ใจสะอาด ไม่ได้ให้เพื่ออวดมั่งมี อวดรวย อวดดี หรือโอ้อวดอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น เพราะการให้เช่นนั้น จะเป็นการให้ที่มีเจตนาเห็นแก่ตัว ทำไปแล้วใจจะไม่สบาย ใจไม่บริสุทธิ์ ในข้อนี้จึงสนับสนุนและชี้ให้เห็นว่า การให้สังฆทานเป็นการทำทานที่มีผลสูงสุด เพราะผู้ให้ตัดเจตนาเห็นแก่ตัวออกไปทั้งหมด ซึ่งตรง กับวัตถุประสงค์ของการทำทานอย่างแท้จริง

เจตนาจะบริสุทธิ์เต็มที่ ผู้ให้ต้องรักษาใจให้มีความบริสุทธิ์ให้ได้ทั้ง 3 กาล (5) คือ

- ปุพพเจตนา หมายถึง เจตนาก่อนที่จะทำทาน เช่น ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะตักบาตร ก็มีความดีใจ ปลื้มใจ ปีติใจว่าเราจะได้ทำบุญด้วยการให้ทาน หรือนึกถึงความโชคดีของเราที่มีโอกาสได้ให้ทานในคราวนี้ เพราะในบางทีที่เราไม่มีไทยธรรม ก็ให้ทานไม่ได้ บางทีมีไทยธรรม แต่กลับไม่มีศรัทธา ก็ให้ทานไม่ได้ หรือบางทีมีทั้งไทยธรรม มีทั้งศรัทธา แต่กลับไม่มีปฏิคาหก (ผู้รับทาน) ก็ให้ทานไม่ได้ แต่ในคราวนี้ เรามีความพร้อมทั้งไทยธรรม ทั้งศรัทธา และมีปฏิคาหกมารับทานของเรา คิดดังนี้ ใจก็มีความชุ่มชื่นยินดีที่จะได้ให้ทานนั้น

- มุญจนเจตนา หมายถึง เจตนาในขณะกำลังให้ เช่น ในเวลาตักบาตร ก็มีใจเลื่อมใส คือเลื่อมใส ทั้งในคุณธรรมความดีงามของพระภิกษุผู้มารับทานของเรา และเลื่อมใสเพราะเคารพในทานที่เราให้ด้วย อาการนอบน้อม ยินดีที่ได้ทำ เต็มอกเต็มใจถวายทานนั้น ทั้งไม่ยอมให้อารมณ์ขุ่นมัวเกิดขึ้นในขณะที่ทำเลย


- อปราปรเจตนา หมายถึง เจตนาหลังจากที่ให้ทานแล้ว เช่น หลังจากตักบาตรเรียบร้อยแล้ว ก็มีแต่ความแช่มชื่นเบิกบานใจ ครั้นตามระลึกนึกถึงการให้ทานเมื่อไร ก็ปลาบปลื้มยินดี มีแต่ความสุขใจ ว่าเราได้ทำทานกุศลที่ยิ่งใหญ่ โดยไม่มีความร้อนใจ หรือนึกเสียดายสิ่งที่ให้ไปแล้วเลย

การรักษาเจตนาให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้ง 3 กาลนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผู้ให้ที่ยังตัดความตระหนี่ออกจากใจไม่ได้เด็ดขาด หรือคาดหวังบางสิ่งบางอย่างจากการให้ทานมากเกินไป ย่อมมีโอกาสที่ใจจะหวั่นไหว จนทำให้บุญที่ควรจะได้ตกหล่นไปอย่างน่าเสียดายเหมือนกัน เช่นในบางครั้งได้ผู้ รับทานที่ไม่มีศีล หรือมีกิริยาอาการไม่น่าเลื่อมใส ผู้ให้อาจเกิดความเศร้าเสียใจ นึกเสียดายของที่จะให้ไป หรือไม่พอใจที่ต้องให้กับคนเหล่านั้น เป็นต้น

ดังนั้น จึงต้องระวังรักษาจิตเจตนานี้ให้บริสุทธิ์มั่นคงทั้ง 3 กาล เพื่อให้เป็นทานที่บริบูรณ์ และ เกิดบุญอย่างเต็มที่
    ทายก (ผู้ให้) ก่อนแต่จะให้ทาน เป็นผู้ดีใจ
    กำลังให้ทานอยู่ย่อมยังจิตให้เลื่อมใส
    ครั้นให้ทานแล้วย่อมปลื้มใจ
    นี้เป็นยัญสมบัติ (ความบริบูรณ์ของทาน)
(6)

___________________________________________
(5) อังกุรเปตวัตถุ, อรรถกถาขุททกนิกาย เปตวัตถุ, เล่ม 49 หน้า 280.
(6) ทานสูตร, อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต, มก. เล่ม 36 ข้อ 308 หน้า 629.
จากหนังสือ วิถีชาวพุทธ http://book.dou.us/doku.php?id=sb101:3
ขอบคุณภาพจาก http://1.bp.blogspot.com/,http://sites.google.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

   เพื่อนคนหนึ่ง มาถามผมว่า ได้ทำบุญถวายเงินให้วัดไปเพื่อสร้าง กุฏิ หลังหนึ่ง ราคา 500000 กว่าบาท แต่พระเจ้าอาวาสไม่ได้ สร้างกุฏิซะที ก็เลยไปถามมาว่า ทำไมไม่สร้างกุฏิ เจ้าอาวาสตอบว่า นำเงินไป บูรณะศาลา หมดแล้ว ( เรื่องนี้จริง หรือ เท็จ ก็ขอข้ามไว้ก่อน ) แต่เพื่อนผมถามว่า แล้วอย่างนี้เขาจะได้บุญหรือไม่ครับ

   :c017:


    ans1 ans1 ans1
   
    ถวายเงินเพื่อสร้างกุฏิ ทานอันนี้จัดเป็นวิหารทาน
    ถึงแม้จะไม่ได้สร้าง แต่นำเงินนั้นไปซ่อมศาลา ก็ถือว่าเป็นวิหารทานเหมือนกัน
    บุญสำเร็จด้วยเจตนาครับ
    ขอให้พิจารณาว่า ก่อนที่จะให้ ขณะให้ และให้ไปแล้ว จิตในเวลานั้นเป็นอย่างไร
    หากเวลานั้น จิตตั้งมั่น ศรัทธาเลื่อมใส และเบิกบาน บุญนั้นสำเร็จแล้วครับ


    ในพระสูตรเรื่อง "ปีตวิมาน" เทพธิดานางนั้นยังไม่ได้ถวายดอกไม้เลย แค่มีความตั้งใจและเลื่อมใส
    เจตนายังไม่ครบทั้ง ๓ กาล (ก่อนให้ ขณะให้ หลังให้) เพียงแค่มีความตั้งใจเท่านั้น
    และยังไม่ได้วางดอกไม้เลย เจตนานี้อยู่ในข้อแรกเท่านั้น
    แต่นางได้อานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนท้าวมัฆวานยังให้ความสนใจสอบถาม


    เมื่อเทียบกับกรณีที่่ถามแล้ว ต้องมีอานิสงส์แน่นอน เพราะมีเจตนาพร้อมทั้ง ๓ กาล
    อย่าคิดมากไปเลยครับ เรื่องนี้เป็นอจินไตย ผมแค่คุยเป็นเพื่อนเท่านั้น

     :25: :25: :25:


   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
บุญได้แล้ว ตอนที่ทำ แต่ วิบากผลบุญ ยังไม่เกิด เพราะว่า ยังเเป็นห่วงทรัพย์ อยู่ว่าจะนำไปใช้ตามที่ต้องการหรือไม่ อันนี้ต้องวางใจครับ อย่าเข้าไปยุ่งอีก หลังจากบริจาคแล้ว เพราะผู้ที่รับบริจาคนั้น ถ้าไม่ใช่อริยสงฆ์ ก็อาจจะนำเงินเราไปทำอย่างอื่นได้ ต้องบอกว่า จบกันแล้วตรงนั้น

    ที่วัดแถวบ้านผมเอง ก็มีเหตุการณ์อย่างนี้ คือ ถวายแล้ว แต่ไม่ทำอะไร พอเข้าไปถามว่าเงินที่ถวายไปนั้น เจ้าอาวาสก็ตอบ ว่าเอาไปใช้ในกิจการสงฆ์ ส่วนอื่นแล้วด้วยความสงสัย กิจการสงฆ์มีอะไรบ้าง เจ้าอาวาสก็ตอบว่า ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ารถเดินทาง ค่าบำรุงการศึกษา ตามที่ท่านจำแนกให้ฟัง อันนี้เป็นที่บุคคลากรแล้ว ก็ต้องทำใจเพราะเราไว้ใจ แต่บางครั้ง พระ ท่านก็มีแบบต่าง ๆ ครับ

    ดังนั้นทางที่ดี ชัวร์ก็ร่วมทำ ที่แน่นอนว่า สร้างแน่ แล้วเราไปชำระเงินให้ก็ดีนะครับ

    ans1

    บุญได้แล้ว แต่ วิบาก ส่งผลสองแบบ คือ แบบที่เป็นกุศล และ แบบที่เป็นอกุศล

   ดังนั้นต้องทำใจเป็นกลาง เหมือนปฏิบัติพระกรรมฐาน ครับ

   st12
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ