เว็บกรรมฐาน เป็นเว็บที่มีเนื้อหา ด้านการภาวนามาก คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ
จากการที่เรา ได้ช่วยร่วมเผยแผ่ ส่งต่อข้อความ ของเว็บและกระจาย เรื่องราวทางด้านกรรมฐาน กับเด็ก ๆ นักเรียน ตลอดถึงผู้ปกครอง หลายปีมานี้ ก็พอสรุปปัญหา ได้
1. คนส่วนใหญ่ มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่สนใจเรื่อง กรรมฐาน คือ ไม่คิดจะภาวนากรรมฐาน ชอบฟังธรรม แบบเบา ๆ สบาย ๆ หัวเราะ ยิ้มแย้ม ฟังแหล่ คุยเล่น คะ
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะพยายาม ชักชวน คนเข้ามาสนใจ ในพระกรรมฐาน สายนี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
2. การปฏิบัิตเรียนธรรม กรรมฐาน สายนี้ มีข้อเสียเรื่องแรก และเป็นเรื่องสำคัญ คือ การขึ้นกรรมฐาน คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบการขึ้นกรรมฐาน เมื่อเราจะกล่าวเรื่องกรรมฐาน ที่เกินขอบเขต ของ คนทั่วไป ก็จะมาติดเงื่อนไข นี้ ทันที เพราะเราไม่สามารถ ชักชวนให้เขาไปขึ้นกรรมฐาน ได้
3. การไปแจ้งกรรมฐาน มีระยะไกล เกินไป คือ กทม. วัดราชสิทธาราม ผู้สอนปัจจุบัน เท่าทีดูมีเพียง สอง รูป เท่านั้นที่สอนทีเป็นทางการ คือ หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร และ พระสนธยา ธัมมะวังโส
ดังนั้นเรื่องกรรมฐาน คนส่วนใหญ่ พอจะถามว่า แล้ว พระสองรูปนี้เป็นใคร ปรากฏ พอตอบออกไป ไม่มีใครรู้จักได้ยิน ไม่มียศอย่างพระอาจารย์สนธยา ไม่มียศ ก็ไม่เป็นที่ใส่ใจ ทันทีสำหรับ การชักชวน ที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับ ชักชวนไป ฟัง มหาสมปอง แล้ว คนมีมากกว่า สนใจมากกว่า
4. การเรียนวิชา ของกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ค่อนจะลึกลับมากขึ้น โดยเฉพาะวิชา ทางสายพระอาจารย์สนธยา นั้น ก็เริ่มจะลึกลับเดาได้ยาก ได้ฟังแล้ว อึ้ง ประมาณนี้ ส่วนตัวมองว่า เราต้องรู้ขนาดนี้เลยหรือ ในการฝึกกรรมฐาน ต้องเดินจิต ขนาดนี้เลยหรือ ปล่อยว่างไม่ได้ เลยหรือ
และยิ่งมีความรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ ฌาน จริง หรือ มี ฌาน มาก่อน ไม่สามารถที่จะเรีิยนกรรมฐาน ขั้นสูง จากครูอาจารย์ ที่นี่ได้เลย
5. กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐาน ที่ฝึกได้ยาก กว่า การฝึก ยุบหนอ พองหนอ ดังนั้นตอนนี้ ที่ โรงเรียน มหาลัย ตลอดถึงชุมชน สนใจการฝึก ยุบหนอ พองหนอ ในสาย มหาสติปัฏฐาน สี่ มากกว่า
6. มีพระในสาย มหาสติปัฏฐาน กล่าวว่า สายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นสายเยิ่นเย้อ และไม่พูดสนับสนุนว่ากรรมฐาน สายนี้ เป็นสายดั้งเดิม แต่ มีลักษณะการพูดโจมตี ทางอ้อมว่า เป็นกรรมฐาน กลายพันธ์ มาจากไหน ไม่มีประวัติชัดเจน และมักพูดว่า ถ้าเป็นของเดิมจริง ทำไม่ไม่มีใครรู้จัก กรรมฐาน สายนี้เลย
ทางภาคเหนือ ไม่มีใครรู้ัจักกรรมฐาน นี้ รวมทั้ง พระ
7. เมื่อกล่าวถึงเรื่อง คำอธิษฐาน กรรมฐาน ที่ลงท้าย สัมมา อรหัง แล้ว คนส่วนใหญ่ มักจะฟันธง ว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ แตกแขนงมาจาก วิชชา ธรรมกาย ของ หลวงพ่อสด ซึ่งมีผลกับกลุ่มที่ไม่ชอบ ธรรมกาย ก็บอกว่า ลัทธิใหม่ มาอีกแล้ว ในขณะเดียวกัน พวกธรรมกาย เอง ก็บอกว่า พูดทับถมว่า แตกแขนงไปเป็นอีกวิชา หนึ่ง จากเขา เอาไปลอกเลียนแบบ รวมทั้งเรื่องการเดินจิต ไปด้วย เลยกลายเป็นว่าไม่ดี ทั้งสองฝ่าย
8. เด็ก ๆ ไม่ชอบกรรมฐาน และ ไม่ชอบกรรมฐาน เขาชอบหายใจเข้าออก พุทโธ ไม่เกิน 10 นาที เอาเข้าจริง มากกว่า 10 นาที ยังทำกันไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จ
9. เว็บมี่เนื้อหา ค่อนข้าง จะหนัก
10. ทางภาคเหนือ ตอนนี้ นิยมแบบ แนวทางสวนโมกข์ พวกสวนโมกข์ ก็มักจะโจมตี บอกว่ายังมีเรื่อง งมงาย เช่นการปลุกเสก สร้างพระเครื่อง ทำยันต์ ตะกุด เหล่านี้เป็นต้น เขามองเป็นเรื่องหลอกลวง ไสยศาสตร์ สรุป แนวร่วมกับทางสวนโมกข์ก็ไปไม่ได้
11. กลุ่มที่เป็นศิษย์ สายหลวงพ่อฤาษี บอกว่า การฝึก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ขั้นตอนเยอะเกินไป สู้ แบบ มโนมยิทธิ ไม่ได้ ดังนั้น กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธ เช่นกัน
สรุปหลายปี มานี้ เราไม่สามารถชักชวน ผู้เข้าร่วมฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ได้ มากกว่า 100 ท่านเลย แล้ว ทางกลุ่มเราเอง ก็คิดว่า กรรมฐาน สายนี้ น่าจะยากมาก หรือ สูงเกินจริตวาสนา ของเรา ด้วย
ก็เป็นสรุป ฝากพระอาจารย์ และ ทีมงาน ด้วยนะคะ ว่าประเด็นปรับปรุง จะทำอย่างไร ในการชักชวนคนเข้าร่วมเรียน ฝึกภาวนากรรมฐาน สายนี้
กระทู้ที่ผมจะกล่าวตอบต่อไปนี้ อาจะควรหรือไม่ควร ก็แล้วแต่จะพิจารณาเห็นประโยชน์นะครับ เพราะผมไม่เคยขึ้นกรรมฐานแต่ปฏิบัติเพื่อให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ในชาตินี้ หากไม่ถึงฉันใดก็เก็บสะสมบารมีไว้ในภาคหน้าให้ถึงปฏิสัมภิทาญาณ วิชชา ๘ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ เป็นผู้ฉลาดไม่มีที่สิ้นสุดสามารถไขปัญหาธรรมและเข้าถึงใจคน สัตว์ เทวดา มาร พรหม หรืออื่นๆได้ทั้งหมดไม่มีเว้น เพื่อให้ได้รู้ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้เห็นทางพ้นทุกข์ถึงซึ่งพระรัตนตรัย เพื่อจะเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้ขจรไกลยืนนานซึ่งทางแก้ไขนี้มิใช่เรื่องยากแต่อยู่ที่ว่าจะทำกันหรือไม่หรือยึดจนกว่ากรรมฐานสายนี้จะดับสูญไป ถามว่าสมัยพระอุปคุตเถระ ท่านเคยเจอพระพุทธเจ้าไหม แล้วท่านสืบสานพระพุทธศาสนาอย่างไรให้กรรมฐานนี้มีอยู่ สมัยพระนาคเสนท่านเคยเจอพระพุทธเจ้าไหมท่านทำอย่างไรจึงเกิดกรรมฐานและพระพุทธศาสนาสืบต่อมาได้ สมัยพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ ท่านเคยเจอพระพุทธเจ้าไหมทำอย่างไรจึงทำให้กรรมฐานสายนี้คงอยู่มาได้
หากเราจะเข้าใประวัติศาสตร์กันจริงๆ พระอรหันตเถระเหล่านั้นท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วเพียรเผยแพร่พระพุทธศาสนาและกรรมฐานสืบมา ไม่ได้นิ่งอยู่กับที่เพื่อรอใครเข้ามาหาเลยสักคน
๑. การชักจูงนั้นเริ่มจาก การทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย การเข้าถึงคนที่สนใจมากกว่ารอให้เขาเข้ามาหา เหมือนหิวข้าวแต่ต้องรอให้คนหามาให้จึงจะกินหรือรอให้มันลอยมาเอง หรือว่า..ท่านจะแสวงหาเป็นพระก็ออกไปบิณฑบาตรอันเป้นกิจของสงฆ์ ตรงนี้ก็อยู่ที่ครูบาอาจารย์เองว่าจะทำให้กรรมฐานสายนี้สูญไำปในอีกไม่นานหรือคงอยู่จนครบ 5000 ปี เรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการขึ้นกรรมฐานด้วย
๒. การเผยแพร่เริ่มจากการปฏิบัติเพื่อเป็นคนดีบ้าง ดับทุกข์ในชีวิตประจำวันบ้าง ธรรมชาติของปุถุชนย่อมแสวงหาเอาสิ่งที่ไม่เที่ยงมาเป้นสุขทางโลกียะของตน เราก็อาศัยโดยกล่าวจริงว่า การปฏิบัตินี้ๆ เมื่อเข้าถึงธรรมในแต่ละระดับเริ่มตั้งแต่คิดดี พูดดี ทำดี จนถึงในคู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นี้ได้ผลอย่างไรบ้าง พ้นทุกข์อย่างไรบ้าง คนปฏิบัติธรรมมี 2 ประเภท เพื่อพ้นทุกข์จริง และ เพื่อลาภสักการะ เราก็แยกดูสิว่าแต่ละคนควรพึงรู้อย่างไร คนที่หมายจะพ้นทุกข์จริงๆ ย่อมเพียรปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น คนที่หวังลาภสักการะก็หมายจะรู้เพื่อประกาศและอวดต่อกระจายต่อ ก็อาศัยจุดเด่นนี้แหละเผยแพร่ไป คิดว่าคงจะรู้กันดีนะครับว่าต้องทำอย่างไร
๓. การนำธรรมมาสอน ถ้าผู้ที่เข้าถึงธรรมจริงๆท่านก็ต้องเริ่มจากให้เขาเห็นว่าง่าย สิ่งใดที่จะรับรู้ได้ง่าย ทำไม่ยาก ก็เมื่อผลจากการทำง่ายๆนั้นเป็นประจำก็ย่อมเกิดผลในมินาน เมื่อผลเกิดแล้วก็ค่อยให้ดำเนินต่อไป พระอรหันต์ ก็มีหลายแบบ การเผยแพร่ก็ย่อมต้องมีหลายแบบวิธีในแต่ละจริตคน
๔. การสอนเด็กนั้นมีทั้งยากและง่าย แต่เด็กทั้ง 2 ประเภทจะอาศัยหลักเดียวกันคือ อุบายวิธีการเข้าถึงใจเด็ก
เช่น เวลาผมบอกลูกชายผม อายุตั้งแต่ 6 ขวบ จนตอนนี้ 8 ขวบ ผมก็ให้พุทโธ เด็กก็ไม่รู้หรอกพุทโธไปทำไม แต่ผมจะบอกว่า พุทโธ นี้ คือ ชื่อของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ในสามโลกเลย เป็นผู้ประเสริฐสุด เป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยความดีทั้งหมด ภูต ผี ปีศาจต่างหวาดกลัวพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านี้มีปราสาทแก้วประกายระยิบระยับอยู่บนชั้นนิพพานที่สูงยิ่งกว่าสวรรค์ทั้งปวง การที่เราหายใจเข้าระลึก พุท หายใจออกระลึก โธ นี้ ก็เพื่อจะได้เป็นคนดี ผีไม่กล้ามาทำร้ายรบกวน และ จะได้ขึ้นไปอยู่บนปราสาทแก้วในแดนนิพพานอย่างพระพุทธเจ้านั้น ดังนั้นถ้าหนูอยากไปอยู่บนปราสาทแก้วอย่างพระพุทธเจ้า หนูก็ต้อง หมั่นพุทโธ
เวลามีใครที่เขาจะมาฆ่ามาทำร้ายหนู หนูชอบไหมเป็นสุขไหม ไม่ใช่มั้ย อย่างนั้นหนูก็ต้อง ไม่ฆ่าสัตว์ ครวหน้าจะได้ไม่มีใครคิดจะมาทำร้ายหนู
หนูมีของรักไม่ว่าจะเป็นของเล่นอะไร ถ้ามีคนมาขโมยของหนูไปหนูจะเสียใจร้องไห้ไหม ก็ต้องร้องไห้เสียใจ ดังนั้นหนูก็อย่าไปหยิบเอาของที่เขาไม่ได้ให้ หนูต้องขอเขาก่อนเมื่อเขาอนุญาตแล้วหนูจึงเอามาได้
หนูรักปะป๊า มาม๊า อาก๋ง อาม่าไหม ถ้ามีคนมาแย่ง ปะป๊า มาม๊า อาก๋ง อาม่าไปหนู่จะอยู่ต่อได้ไหมจะเสียใจไหม ก็ต้องอยู่ไม่ได้ต้องร้องไห้เสียใจใช่ไหมครับ ดังนั้นหนูก็ต้องไม่ไปพรากบุคคลอันเป็นที่รักขอวงใครมาเป็นของตน
เวลามีคนมาพูดโกหกหลอกหนูให้หนูต้องเสียหายหรือทำผิดให้ครูหรือตำรวจจับหนูจะชอบไหม ถ้าหนูไม่ชอบก็ต้องไม่พูดโกหกหลอกลวงใคร
หนูเห็นเวลาปะป๊ากินเหล้าใช่ไหม เดี๋ยวก็โวยวายเสียดัง ขับรถล้ม ไม่มีเงินให้หนูกินข้าวกินขนม หนูชอบไหม ถ้าหนูไม่ชอบโตมาก็อย่าไปกินเหล้ามันจะทำให้เป็นบ้าเหมือนที่หนูเห็นปะป๊าเป็น ซึ่งลูกผมก็เข้าใจและทำได้ไม่ยาก แม้จะได้บ้างไม่ได้บ้าง เข้าใจแค่เล็กน้อยก็ตาม แต่เขาก็ซึมซับได้ เป็นอุบายไม่ใช่โกหก ทั้งหมดก็คำจริง เป็นคำพูดที่ประกอบไปด้วยประโยชน์แก่ลูกผมทั้งนั้น
- ถ้าพุทโธในสายนี้ก็จะกำหนดรูปพระพุทธเจ้า เราก็แค่บอกเด็กว่า ดูพระพุทธรูปไรๆเวลาเราท่องพุทโธนี้ เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าจริงๆ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็จะเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาหา ถ้าพระพุทธเจ้าเสด็จมาหาก็พาไปเที่ยวปราสาทแก้วได้ด้วย
๕. กรรมฐานสายนี้ที่ว่ายากนั้น เพราะเราบัญญัติตั้งแนวทางให้ดำเนินไปลำบากกันเอง ซึ่งจริงๆแล้ว หากเราปูพื้นฐานให้จิตคนน้อมในธรรมมีภาวนากันบ้างแล้ว เราจะชักจูงเข้าแนวกรรมฐานระดับใดย่อมง่าย แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องให้เขาเห็นความสะดวกสบายในการปฏิบัติและใช้ในชีวิตประจำวันก่อน
ซึ่งทั้ง 5 ข้อก็รวมความได้ว่า เราประยุกค์ใช้ การเข้าถึงผู้ศึกษา การเริ่มต้นและทำให้มันง่าย ถ้าเราเข้าธรรมธรรมแล้วย่อมแสดงออกมาง่ายมาก และ ที่สำคัญจะกรรมฐานกองไหนก็ของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเอาฐานง่ายๆ ใน ศีล ทาน ภาวนา ให้เขาได้รับรู้ปฏิบัติยังไง เมื่อเขาได้แล้วในระดับหนึ่งเราก็ค่อยๆชี้แนวทางที่เป้นสายของเราเข้าไป
- ท่านพระครูสุจินธรรมวิมล เจ้าอาวาสวัดป่าอาสภาวาส ซึ่งท่านเป็นครูอุปัชฌาย์ผม ท่านเป็นลูกศิษย์พระพุทธาจารย์อาจ นะ สายยุบพองแบบพม่า อีกทางหนึ่งก็เป็นกรรมฐานในส่วนทางของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต แต่ท่านไม่เคยแยกแยะกรรมฐานว่านี่ของคนนั้นคนนี้ ท่านบอกของพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันทั้งนั้น แต่เพียงแต่คัดแยกไปตื้นลึกตามแต่จริตครูบาอาจารย์ในแต่ละท่านให้รู้ ท่านเห็นผมมาสายพระป่า ท่านก็นำร่องมาสายพระป่า แล้วก็ค่อยๆเอาส่วนที่เป็นสายของพระท่านเพิ่มเติมให้ผม แม้ผมสึกออกมาแล้วก้ยังใช้กรรมฐานของท่านจนถึงทุกวันนี้ เพราะท่านสอนให้ไปปริวิตกว่ากรรมฐานสายไหนของใคร สายไหนขอแค่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนมันดีหมด เหมือนเราไปเรียนกรรมฐานกับพระอรหันต์แต่ละรูปธรรมในขั้นต้นและขั้นกลางท่านก็สอนไม่เหมือนกัน แต่เมื่อมาถึงระดับปลายท่านจะบอกเหมือนกันหมด พระราหุลเถระเรียนกับพระสารีบุตรผู้เดียวที่ไหน ท่านก้เรียนรู้ทั้งหมดไม่ว่าพระอนุพุทธสาวกองค์ใดจะสอนและแนะนำท่าน นี่ท่านละมานะทิฐิ อัตตานุทิฐิตนได้เลยนะ เพราะขอแค่กรรมฐานที่เป้นไปในพระศาสนาของพระพุทธบิดา จะทางใดก็ดีหมด เพราะว่าสภาวะธรรมในกายใจเรา คือ สัพเพธัมมาอนัตตา สัพเพธัมมาอนิจจา ไม่มีตัวตน ไม่เที่ยง เดี๋ยวจริตนั้นจริตนี้เกิด เดี๋ยวสภาวะนั้นสภาวะนี้เกิด
บางครั้งสายพระป่าจะเราอาจจะเข้าถึงสมาธิส่วนหนึ่ง มาทางสายพระพุฒาจารย์อาจก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่องสติมาอีกทางหนึ่ง มาทางสายอภิธรรมเราก็รู้ว่าอย่างไรเข้าเรียกปรมัตถธรรมอย่างไรคือสมมติอีกอย่างหนึ่ง มาดูสายธาตุของมัชฌิมาเราก็เข้าถึงในธาตุอีกส่วนหนึ่ง พอจากนั้นมาสายหลวงปู่ฤๅษี เราก็เข้าถึงเพิ่มขึ้นในอีกระดับหนึ่ง แม้จะยังไม่บรรลุธรรมใดก็ตาม แต่ทั้งหมดเป็นธรรมของพระพุทธเจ้ามันเอื้อต่อกันจริงๆ ไม่ใช่ในหนังจีนที่จะว่าพลังวัตรคนละสายปฏิบัติร่วมกันไม่ได้ สายบู๊ตึ๊ง สายเส้าหลิน อย่างนี้ เพราะอะไรรู้ไหมครับ ภาพการเดินธาตุในมัชฌิมาแบบลำดับนี้ พระอรหันต์สายพระป่าที่ท่านเป้นพระอุปัชฌาย์ผมท่านก็บอกว่ามันมีจุดที่ลมผ่านนะ ลมอยู่ที่ไหนสติอยู่ที่นั่น รู้ไหมครับ จุดที่ลมผ่านที่ท่านว่าก็แบบในรูปนั้นแหละ ไปจนถึงจุดลมแบบโภชฌงค์ก็ด้วยเช่นกัน แม้ผมนั่งสมาธิเห็นพระพุทธเจ้าซึ่งคงไม่ใช่ของจริงอาจจะเป้นนิมิตสัญญา เห็นท่านมาเข้าสมาบัติให้ดูท่านก็เข้าตามจุดโพชฌงค์นั้นแหละ ทีนี้จะเห้นว่าทุกสายก็จะเป็นอันเดียวกันหมดอยู่ที่เมื่อเรารู้และเข้าถึงแล้วจะทำอย่างไรให้ถึงผู้สนใจแค่นั้นเอง
การขึ้นกรรมฐานถ้าไม่ขึ้นจะไม่บอกกรรมฐาน ลองเปลี่ยนใหม่ดูว่าผู้ที่สนใจเพื่อออกจากทุกข์สิ ให้ปฏิบัติให้ได้ ไปทีละขั้นสอนไป คนนั้นเมื่อได้ก็เอาไปแพร่ต่ออีกก็บอกว่าสายนี้เท่าที่เขารู้ ถ้าเขายังไม่ถึงก้ไม่ต้องสอนเพิ่มขึ้นก็แค่นั้น ส่วนผู้ที่แค่อยากรู้ไม่ปฏิบัติก็ให้แค่พื้นฐานไป แล้วเขาก้เอาไปบอกต่ออีก
หากตั้งใจจะเผยแพร่กรรมฐานแล้วคำครูบาอาจารย์มีอยู่ แต่แม้พระพุทธเจ้าก็ให้เปลี่ยนแปลงพิธีได้ตามสมควรแต่เหตุและยุคสมัย เพียงแค่ศีลวัครไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วการขึ้นกรรมฐานของสายนี้ล่ะครับเราจะประยุกต์เพื่อให้ง่ายต่อผู้สนใจอย่างไร พระพุทธเจ้าสอนพระอรหันต์ให้บรรลุได้ก็ธรรมที่ต่างๆกัน แต่สุดท้ายก็มาลงที่ ศีล สมาธิ ภาวนา พละ ๕ อินทรีย์สังวร สติปัฏฐาน โพชฌงค์ วิปัสสนา วิมุตติ แต่แม้พระอรหกันต์ยังรู้และเริ่มต่างกันจุดสุดท้ายที่เดียวกันได้ มัชฺฌิมาแบบลำดับก็สามารถเริ่มให้มันง่ายแล้วค่อยๆลงลึกในทางเอกของตนได้เช่นกัน
ผมเป็นผู้ด้อยปัญญาอาจพูดจาไม่สมควร ก็ขออโหสิกรรมด้วย แต่ผมก็เคารพอาจารย์ธัมมวังโสมากๆ ถือท่านเป็นพระอุปัชฌาย์องค์หนึ่ง กราบ 5 ครั้งก็ระลึกถึงท่าน แม้ท่านจะไม่ใส่ใจผมก็ตาม
ทุกวันนี้ผมได้เข้าไปหาครูบาอาจารย์ทุกท่านรู้ทุกสายแต่ผมรวมว่าเป็นของพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน แต่ละสายสามารถใช้กรรมฐานในเวลาและสถานที่ที่ต่างๆกันได้ และ เมื่อผมจะเผยแพร่สายใดออกไปผมก็จะเอ่ยว่า
กรรมฐานกองนี้เป็นกรรมฐานสายไหน มาจากที่ใด ได้ร่ำเรียนมาพอที่จะหวนระลึกรู้จากสัญญาประกอบกับความเข้าถึงตามความคิดอนุมานที่พอจะจำได้ดังนี้ว่า....
โดยสังเกตุได้จากทุกกระทู้ที่ผมโพสท์ นี่ก็เป็นการเผยแพร่ธรรมเล็กน้อยๆในแต่ละสายแล้ว พอมากขึ้นๆก็เป้นแบบยั่งยืนได้
ทีนี้ก็อยู่ที่ครุบาอาจารย์จะเห็นประโยชน์ที่ผมโพสท์ไหมแล้วลองพลิกแพลงดูครับ พระวินัย พระพุทธพิธีต่างๆ ยังสังคายนาได้ตามสมควรแก่พื้นที่และยุคสมัย แต่ก้อยู่บนแนวทางที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ความถือในพรหมจรรย์ ภาวนา และ ความพ้นทุกข์ เพื่อสืบสาสน์พระธรรมในพระพุทธศาสนาสืบไป แล้วสายมัชฌิมาล่ะครับคิดว่าอย่างไรบ้างครับ