พิมพ์

[วิชชุดา]

   เมื่อใดที่เราฟังธรรม ต้องทำใจของเราให้นิ่งเสียก่อน
   อุปมาเหมือนน้ำ ที่มีระลอก ไม่สามารถเห็นเงาของผู้มองได้ฉันใด
   ถ้าใจไม่นิ่ง ก็ไม่มีทาง เห็นตัวเอง ตัวตนของตนเอง ได้
     ดังนั้น ผู้มีปัญญา เมื่อฟังธรรม
   พึงทำใจให้นิ่ง และ ปล่อยวาง ลงเสียก่อน
   จึงจักฟังธรรม ได้เข้าใจและ ถึงแก่นธรรม

    จาก email ธัมมะวังโส ภิกษุ



  ขอบคุณหัวข้อธรรมดี ๆ ที่พระอาจารย์มอบไว้ให้คะ

[montra]

อนุโมทนา ขอบคุณมากครับ
 

[sakda]

ช่วยเพิ่มเติมคำว่า ใจนิ่ง หน่อยได้หรือไม่ครับ ว่าต้องทำอย่างไรครับ ใจถึงจะนิ่ง ที่พร้อมจะฟังธรรม ครับ
ด้วยความสงสัยครับ

 ขอบคุณมากครับ
 

[สถาพร]

พอจะอธิบาย ตามความเข้าใจของผมนะครับ เหมือนจะเคยฟังในรายการ RDN ไปครั้งหนึ่งโดยพระอาจารย์

   การฟังธรรม ต้องทำใจให้นิ่ง

   ปกติ ถ้าเราจะฟังเรื่องอะไรให้เข้าใจ ต้องตั้งใจฟัง การที่ไม่ตั้งใจฟัง ก็คือ การที่ใจวุ่นวาย สับสน เป็นห่วง เช่น กำลังฟังธรรม แต่ห่วงเรื่องลูก เรื่องแฟน เรื่องบ้าน เรื่องเรียน เป็นต้น ก็ฟังไม่เข้าใจเพราะธรรมะ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสแสดงนั้น ต้องอาศัย จิตที่ปล่อยวางภาระยอมรับความจริง และตั้งใจฟัง ครับ

  ( ถูกหรือ ผิด วิจยะธรรม กันต่อไปนะครับ )

   

[sayamol]

ใจนิ่ง ทำอย่างไรคะ
   ยังไม่ได้บอกวิธีการเลยคะ .... 
 ดัวยความเคารพ คะ ช่วยบอกวิธีการทำให้ใจนิ่งด้วยคะ ในขณะฟังธรรม ต้องทำอย่างไร คะ

 

 

[konsrilom]

ใจนิ่ง ทำอย่างไรคะ
   ยังไม่ได้บอกวิธีการเลยคะ .... 
 ดัวยความเคารพ คะ ช่วยบอกวิธีการทำให้ใจนิ่งด้วยคะ ในขณะฟังธรรม ต้องทำอย่างไร คะ

 

อยากทราบเหมือนกันคะ ว่าทำใจนิ่ง ก่อนฟังธรรม หรือ ขณะฟังธรรม ทำอย่างไร คะ
 

[วิชชุดา]

ฟังธรรม ต้องใจนิ่ง นั้นหมายถึง การปล่อยวาง ธุระ หน้าที่ กิจกรรม งานใด ๆ ในระหว่างที่ฟัง คะ
คิดดู สิคะ ถ้าฟังธรรม อยู่ พะวงถึง งาน งานไม่เสร็จ ฟังธรรม จะไปรู้เรื่อง อย่างไร
           ถ้าฟังธรรม อยู่ เกรงเจ้าหนี้ จะมาทวงหนี้  ฟังธรรม จะไปรู้เรื่อง อย่างไร
   ดัวอย่างนะคะ
    ดังนั้น การทำใจให้นิ่ง ก็คือ การควบคุมใจ ให้ยุด คิด นึก พูด ทำ ในสิ่งอื่น งานอื่น กิจกรรมต่าง ๆ คะ
    วิธีการทำ ก็มี

          1.อดกลั้น อดทนข่มไว้ ด้วยขันติ และ ทมะ
          2.อดกลั้น อดทนข่มไว้ ด้วยปัญญา
          3.อดกลั้น อดทนข่มไว้ ด้วยการเจริญสติ
          4.อดกลั้น อดทนข่มไว้ ด้วยสมาธิ
     
        ทั้งหมดนี้เรียกว่า การวางอุเบกขา

  ( จาก email ธัมมะวังโส )
 

[drift-999]

ขอบคุณมาก ๆ ได้เจริญ สติตามไปด้วย
 

[arlogo]

การฟังธรรมตามกาล นับว่าเป็น อุดมมงคล
  ดังนั้น พุทธศาสนิกชน ที่นับถือพระรัตนตรัย ควรจักได้ฟังธรรมเป็นวาระ เพื่อส่งเสริม สติ ปัญญา ญาณ และธรรมจักษุ ให้ยิ่งขึ้นจนถึงที่สุด คือ พระอรหัตผล

  การฟังธรรม มี อยู่ 3 แบบ
   1.ฟัง เพื่อ ฟัง เพื่อ ให้เกิดปีติ ฟังแบบนี้ เหมือนน้ำหล่อเลี้ยง เหมือนอาหารจานหนึ่ง ที่มีความจำเป็นสำหรับคน ฟังแล้วก็พอประทังชีวิต หรือ เพื่อความปลาบปลื้มไม่ให้ ธรรมะจริยาทั้งหลาย หายไปจากกมลสันดาน ฟังอย่างนี้ยังปิดอบายไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่ ก็จะฟังกันอย่างนี้กัน

   2.ฟัง เพื่อ คิด เพื่อให้เกิดแนวคิด เพื่อให้เกิดความรู้ ประดับความสามารถ ฟังแล้ววิจารณ์ เพื่อให้เกิดการต่อยอดในการฟัง เพราะฟัง เพื่อ ฟัง แล้วยังไม่เข้าใจ ยังไม่เพียงพอที่จะต่อยอด แตกแขนง จึงต้องฟังเพื่อคิด เพื่อรู้ เพื่อกระจาย กันต่อ ฟังอย่างนี้ก็ยังไม่พ้นอบาย

   3.ฟัง เพื่อ ภาวนา เพื่อให้เกิดภาวะวิสัย ที่พ้นจากขอบเขตของโลก คือไปเหนือโลก ฟังอย่างนี้ดี ฟังแล่้วภาวนาไป ฟังอย่างนี้สามารถพ้นอบายได้

   คนทุกคน เราทุกท่าน สามารถส่งเสริมการฟัง กันได้ทั้ง 3 วิธี แต่เป้าหมายทั้ง 3 วิธีล้วนแตกต่างกันดังนั้นผู้ภาวนาจึงต้องใคร่ครวญให้ดี จึงจะเกิดสาระประโยชน์ ได้จากการฟังธรรม

    การฟังเพื่อ ภาวนา มีการฟังอยู่ 2 แบบ คือ
    1.ฟังธรรม ที่เป็น สื่อ เสียง อักขระ สำเนียง ต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวบท กฏ หัวข้อง ธรรมต่าง ๆ ซึ่งเราได้พบกันเป็นประจำสำหรับ ชาวธรรม เป็นได้ทั้งสภาวะภายใน และ ภายนอก

    2.ฟังธรรม ที่เป็นผลแห่งการภาวนานั้น ฟังด้วยสภาวะภายใน ฟังด้วยการ


   วิธีการฟังธรรม
     1.ปล่อยวางธุระ
     2.รวมใจให้อยู่กับการฟัง
     3.ใคร่ครวญตามในการฟัง
     4.ธรรมใดที่เข้าใจก็กระทำไว้ในใจให้แยบคาย
     5.นำไปปฏิบัติตามวาระของธรรมนั้น
     6.ทบทวนวิธีการฟังธรรม

   6 ประการนี้ จัดเป็นการฟังธรรมที่ดี สำหรับท่านทั้งหลายที่เป็นนักภาวนาธรรม กรรมฐาน

  เจริญธรรม / เจริญพร

 
   

[aom-jai]

ขอบคุณพระอาจารย์ ที่มาแนะนำเพิ่มเติม คะ

 สาธุ สาธุ สาธุ

 

[Hero]

ขอบคุณพระอาจารย์ ที่มาช่วยตอบคำถามนี้ครับ อันที่จริง ผมก็สนใจอยู่มากเลยครับ กับการทำใจให้นิ่งคืออย่างไร ทำอย่างไร ถึงเรียกว่า นิ่ง ครับ