ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บันทึกการภาวนา พุทโธ  (อ่าน 40870 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการภาวนา พุทโธ
« เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2010, 10:10:36 am »
0
เริ่มเรื่อง ก็ธรรมดาครับ แต่ผมจะมาทะยอยเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากครู อาจารย์ ทีี่ผมนับถือในเรื่องการภาวนาพุทโธ ครับ เผื่อจะได้มีประโยชน์ไม่มาก ก็น้อย ครับ


พระคุณเจ้า ที่เล่าให้ผมเรื่องนี้ ผมขอเรียกว่า หลวงพ่อไร้นาม ครับ


ผมได้ไปพบ หลวงพ่อรูปนี้ โดยบังเอิญในเขตปากช่อง

ไปพบท่านหลายครั้ง และ หลายปี และขอเรียนกรรมฐาน นับถือท่านเป็นครูอาจารย์
และก็ได้ฟังท่านถ่ายทอดเรื่องราว ๆ ต่างๆ ยังไม่ครบ

ผมถามชื่อท่าน ๆ ก็ให้เรียกว่า หลวงพ่อ หลวงตา เท่านั้น ถามประวัติท่าน ๆ ก็ไม่ตอบ
อายุของท่านดูเผิน ๆ ภายนอกก็ประมาณ 70 ปีขึ้นไป แต่เเดินเหินผมนับถือ จริง ๆ

ขึ้นไปบนเขากับท่าน ตัวผมเองเหนื่อย ๆ หอบ แฮ่ก ๆ แต่ท่านกับไม่เป็นไร เดินต่อเฉยเลยครับ

เพื่อนสมาขิก สนใจผมก็จะเิริ่ม สาธยายการภาวนาตามที่ท่านเล่า






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2010, 05:24:45 am โดย นิรนาม_พุทโธ »
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2010, 10:31:45 am »
0
บทที่ 1 ความต้องการภาวนา บางครั้งก็ไม่ได้มาจากความตั้งใจเดิม

        อาตมาได้ทำงานในสมัยฆราวาส มีเงิน มีฐานะ มีความรู้ อยู่ในความพรั่งพร้อมหลาย ๆ ประการแต่ขณะที่กำลังเพลิดเ้พลินอยู่กับเรื่องต่าง ๆ อย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มาล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ วันนั้นจำได้ว่านอนอยู่ที่บ้าน
กับที่นอนทั้งหมด 5 วัน 4 คืน เพราะลุกไม่ได้เป็นไข้ หมดแรงและช่วงนั้นมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวัง ทั้งร่างกายเหมือนไฟแผดเผา มันทรมานจิตมัน บอกอย่างนั้น ในขณะที่นอนอย่างไร้ความหวัง น้ำตาก็ไหลออกมาเรื่อย ๆ และก็จำความไม่ได้ ที่นี้มันเหมือนความฝัน ๆ ว่าตัวเองได้เดินไปที่ ๆ หนึ่งในที่นั้นมีแต่พระนั่งกันอยู่เต็มไปหมด และมีพระนั่งอยู่ในท่ามกลาง เป็นประธานอยู่รูปหนึ่ง มีหน้าตา งดงาม ดูผ่องใส เห็นแล้วทำให้เลื่อมใสอย่างทันที โดยส่วนตัวแล้ว ชีวิตของอาตมานั้นไม่ค่อยยุ่งอยู่กับวัด และ พระ ปกติก็ไม่เคยฝันเรื่องพระ เรื่อง วัด แต่มาวันนี้กลับมีความรู้สึกเข้าไปฝัน อย่างนี้ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองกำลังป่วยอยู่นะ มาเดินเล่นอยู่ทีวัดไหนกันนี่ กลับบ้านเหอะ แต่ใจคิดอย่างนั้น ขากลับเดินเข้าไปกราบพระที่เป็นประธาน


ไม่มีคำพูดใด มีแต่การจดจ้องมองพระรูปนั้น
ไม่มีการเอ่ยคำใด ทั้งที่ใจต้องการเอ่ยคำถามที่มากมาย
ใจมันสุข

ขณะนั้นก็มีเสียงดังก้อง ข้างหูกังวาน อาตมาก็หันมองไปทั่วแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีพระูรูปไหนที่พูด

ภาวนา พุทโธ ไว้ในขณะทีป่วยอยู่นะ เดี๋ยวก็หาย

ครับ เป็นเสียงที่ไม่รู้ว่ากล่าวออกไปจริง ๆ หรือป่าว

จากนั้นมาก็ อาตมา ก็มาลืมตามองเห็นเพดานห้องตัวเอง และความร้อนในตัวก็พุ่งขึ้น
การเจ็บป่วย นี้ช่างทรมานเสียเหลือเกิน ชีิวิต และ กาย นี้ ทำไมมีแต่ทุกข์อย่างนี้นะ

เราจะทำอะไร ดีขยับก็ไม่ได้ น้ำก็หิว ข้าวก็หิว ร่างกายที่นี้ทำไมทุกข์อย่างนี้หนอ

ขณะนั้นเหมือนสติ ได้ยินคำเบา่ ๆ ข้างหูว่า

ภาวนา พุทโธ ไว้ในขณะทีป่วยอยู่นะ เดี๋ยวก็หาย

ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยนอนภาวนา คำว่า พุทโธ ไปยิ่งภาวนา พุืทโธ ก็ขึ้นใจไป ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง กับการภาวนา พุทโธ และตาก็จับจ้องอยู่ นาฬิกา มองเห็นเข็ม วินาทีกระดิกไปเรื่อย ๆ เราก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ก็ภาวนา ต่อไปเรื่อย ๆ

ผ่านไป 8 ชม.

ผ่านไป 10 ชม.

ผ่านไป 16 ชม.

ผ่านไป 24 ชม.

ร่างกายตอนนี้ รู้สึกดีขึ้น ยังแปลกใจ กับการไม่ได้หลับ และยังมองเข็มวินาทีอย่างไม่เบื่อ
( อาจจะเป็นเพราะร่างกายนอนมาถึง 5 วันแล้ว ร่างกายนี้ก็เลยไม่ยอมหลับ

ผ่านไป 30 ชม.

แขนขา เริ่มขยับได้

ผ่านไป 36 ชม.

ตอนนี้เิริ่มพยุง ลุกนั่งได้

แต่การภาวนา พุทโธ ก็ยังไม่หยุด

 


เดี๋ยวผมจะกลับมาเล่าใหม่ นะครับ วันละนิด ๆ ไปเรื่อย ๆ นะครับ
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มาต่ออีกนะครับ


จนกระทั่งภายไปร่วม 40 ชม. อาตมา ก็ลุกขึ้นเดินได้

หลังจากที่ลุกเดินได้ ก็พาร่างกายที่แทบไม่มีแรงไปหาน้ำดื่ม ได้น้ำเปล่าที่เหลืออยู่ในห้อง ครึ่งขวดก็ดื่มเข้าด้วยการจิบ ในชีวิตพึ่งรู้จักรสชาด ของน้ำจริง ๆ ก็วันนี้ ช่างมีความรสชาด ที่ดีมาก ๆ ยากที่จะบรรยายให้เข้าใจ นี่แหละที่ว่าคนเราเมื่อกระหายที่สุดของที่สุด น้ำธรรมดา ก็เปี่ยมดัี่งเช่นน้ำ อมฤต

ระหว่างที่กำลังดื่มน้ำ อยู่นั้นก็มารู้สึกแปลกใจ ว่าร่างกายที่กำลังป่วยนี้ รู้สึก สดชื่น มาก ๆ ไม่มีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีแต่ความสดชื่น จริง ๆ ก็เลยนึกอยากอาบน้ำขึ้นมา ก็ยังนึกไปเรื่อย ๆ ว่า ทำไมยังไม่รู้สึกหิว ทั้งที่ไม่ได้ทานอะไรมา ก็จะร่วม 7 วันแล้ว จับท้องดูรู้สึกได้เลยว่าแฟ่บ ไปมาก ๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบ ๆ ตี 5

ก็เลยเดินพาร่างกายออกไปหาซื้อ โจ๊ก กับ ปาท่องโก๋ ทาน ตอนที่ทานรู้สึกถึงรสชาด ของอาหารว่า อร่อย ๆ มาก ๆ ทั้งที่ในชีวิตนี้ไมเคยทาน โจ๊ก กับ ปาท่องโก๋ มาก่อน เคยแต่ใช้ชีวิตแบบเสเพล ตามร้านอาหารกับเพื่อน ๆ พอนั่งนึกถึงเพื่อน ๆ ได้ก็มีคิดต่้อไปว่า เรานอนป่วยที่บ้านร่วม 7 วัน ไม่มีเพื่อนคนไหนมาดูเลย ไม่มีใครถามข่าวคราว ว่าเราเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่บ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก หรือว่าเขามาดูกันตอนที่เราหลับไป ก็เลยเดินไปหาเพื่อนในตอนเช้า พวกเพื่อน ๆ เห็นหน้า ก็ทักทายว่า

เอ้า หายไปไหน หลายวัน ไม่มีกินเหล้าด้วยกันเลย นึกว่ากลับบ้าน
( ลืมบอกไปว่าอาตมาไปทำงานอยู่ที่จังหวัด สุราษ เป็นคน กทม. )

ตอนหลังจึงมาทราบว่า คนใต้ส่วนใหญ่ จะดูแลคนใต้ด้วยกัน แต่ถ้าเป็นคนต่างถิ่น หรือภาคอื่น ๆ นั้นเขาไม่ค่อยดูแล คบกันก็แบบเพื่อนห่าง ๆ

จากวันที่หายป่วย วันนั้นมา ก็เลยกลายเป็นคนชอบฝึกสมาธิ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเรื่องการฝึกสมาธิ

ตอนที่กลับมาฝึกนั้น ก็ยังไม่ได้ไปหา ครูบา อาจารย์รูปไหน ๆ ทั้งนั้น คงนั่งฝึกเอง แต่ผลกการฝึกก็ไม่ก้าวหน้า เหมือนตอนที่ป่วยอยู่ ตอนนั้นนอนดู เข็มนาฬิกา วินาที เลื่อนไปเรื่อย ๆ ได้ถึงเ้กือบ 40 ชม.แต่พอปฎิบัติภาวนาด้วยการนั่งกับนั่งได้เพียง 15 นาที ปวดขา เหน็บชา เริ่มเกิด พยายามที่จะฝึน ๆ ได้เต็มที ก็็ 45 นาที

ทำอย่างไร จิตก็ไม่เป็นสมาธิ

ก็เลยมานึกว่า ถ้าเรานอนฝึก เหมือนตอนที่นอนป่วย แล้วจ้องนาฬิกาไปด้วย แบบตอนนั้น ก็น่าจะทำได้

เลยตัดสินใจ นอน จ้องนาฬิกา ฝึก......




้เอาไว้มาอ่านต่อนะครับ ขออนุญาต ไปทำงานก่อน.....ครับ เดี๋ยวตกงานแย่เลย

 ;)
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
บทที่ 2 ตอนที่อยากได้ กลับไม่ได้ ตอนที่ไม่อยากได้ กลับได้

พอคิดได้ดังนั้น อาตมาก็เลยกลับมานอน แล้วจ้องนาฬิกา เหมือนเมื่อตอนที่ป่วย

ขณะนั้นก็ตั้งใจที่จะภาวนา พุทโธ ให้ได้เหมือนตอนนั้น แต่ผ่านไปเพียง 30 นาีที เท่านั้นอาการหาว
และฟุ้งซ่าน ก็เริ่มตามมา ในที่สุดก็เคลิ้มหลับ

อาตมาก็ลองผิด ลองถูกอยู่อย่างนี้ ตอนนี้ได้ตลาดหาซื้อ หนังสือ ธรรมวิจารณ์ ซึ่งคนขายบอกว่ามีเรื่อง
เกี่ยวกับกรรมฐาน ในเล่มอาตมาตอนนั้นก็ตั้งใจที่จะเรียนและอ่าน พยายามที่จะนั่งฝึกกรรมฐาน ก็มีการจัดเวลา
ออกมาฝึกกรรมฐาน นั่งกรรมฐานก็นั่งได้สูงสุดก็แค่ 30 นาที เท่านั้นเอง พอเกิน 30 นาทีแล้วก็ฟุ้งซ่านไปหมด

ตอนนั้นกรรมฐาน ที่พยายามฝึกเพิ่มขึ้นก็มี กสิณไฟ กสิณน้ำ อานาปานสติ กายคตาสติ มรณานุสสติ พุทธานุสสติ แต่ทุกครั้งยิ่งฝึก ก็ยิ่งลำบาก นัยว่าเรารู้กรรมฐาน มาก หลายอย่าง พอตอนที่จะฝึก ใจก็สับสน จะฝึกอันนี้ จะฝึกอันนั้น ถึงแม้ตัดใจไป ก็ยังฝึกไม่ได้ ซ้ำร้าย ผ่านทำให้ใจท้อแท้ ว่าทำไมกรรมฐานถึงฝึกอยากเย็น อย่างนี้

ทุกวันอาตมา จะต้องนั่งฝึกกรรมฐานอย่างนั้น วันละ 2 ชม

เช้ามา ตี 5 พยายาม งัวเงียลุกขึ้น ก็แล้ว

ก่อนนอนก็ฝึก

ช่วงนี้ไม่ค่อยสมาคม กับเพื่อน ๆ แล้วใครชวนกินเหล้า ก็ไม่ไป ใครชวนไปเที่ยวก็ไม่เอา
แต่ถึงจะขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถฟันฝ่า ให้ได้ ฌาน ตามที่หวังเลย

จนเวลาผ่านไปประมาณ ร่วม 4 เดือน กับการฝึก การอ่่าน หนังสือธรรมวิจารณ์
ก็ไม่มีผลอะไร คืบหน้าในพระกรรมฐาน เหมือนคืนที่นอนป่วยครั้งแรก

จนกระทั่งวันนั้นเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ จำได้เพราะไปทำบุญตักบาตร มาวันนั้น
หลังจากสวดมนต์เสร็จเวลา ทุ่มกว่า ๆ ก็ได้ตัดสินใจอธิษฐานพูดกับพระพุทธรูป ที่นับถือคือพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ มีใจความพูด ทำนองบ่น ดังนี้

ผมตั้งใจ ฝึกรรมฐานมาเป็นเวลาร่วม จะครึ่งปีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถ ที่จะภาวนาอะไรให้ก้าวหน้าได้
ผมคงไม่มีบุญเสียแล้ว ในชาตินี้ ดังนั้นผมขอปฏิบัติตนเป็นอุบาสก รักษาศีล5 ก็พอ
อย่างน้อยในช่วงนี้ ผมก็มีความสุขอยู่บ้างในการภาวนา เงินก็มีเหลือ ไม่ได้ขาดมือแบบเมื่อก่อน
ผมขอถึง พระพุทธเจ้าเป็นพึ่ง
ผมขอถึง พระธรรมเจ้าเป็นที่พึ่ง
ผมขอถึง พระสงฆ์เจ้าเป็นที่พึ่ง

หากผมมีบุญวาสนา ที่จะภาวนาต่อไปได้ ก็ขอให้ผมได้เห็นหนทางในการภาวนาด้วยเถิด

เสร็จแล้วก็ก้มลงกราบ พระแล้วก็เข้านอน ไม่ได้นั่งกรรมฐานแบบทุกวัน ( เพราะใจมันท้อ คิดว่าทำไม่ได้ )



วันละหน่อยนะครับ จะกลับบ้านแล้วครับ อาศัยเวลาที่ทำงาน ก่อนกลับบ้านได้แค่นี้ครับ

บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2010, 07:46:29 am »
0
ในขณะที่นอนอยู่ นั้นก็ได้ฝันว่้า ตนเองเดินเข้าไปที่มีพระสงฆ์นั่งอยู่มากมาย เหมือนคราวก่อน

ด้วยใจที่เคารพและศรัทธา ผ่านมาหลายเดือน รู้สึกว่าตนเอง ดีใจ จนน้ำตานองหน้า
แล้วจึงเดินเข้าก้มกราบ พระที่เป็นประธานสงฆ์

ขณะก้มกราบ ก็รู้สึกตัวสั่น ดีใจ น้ำตาก็พากันไหลพรั่งพรูออกมา

คำพูดมากมาย ที่เตรียมไว้เพื่อถาม ตอนนี้ไม่สามารถกล่าววาจาอะไรได้
เพราะมันจุกอยู่ี่ที่คอ

พยายามข่มกลั้นใจ เพื่อที่จะได้ถาม ได้พูด ได้สนทนา
แต่ก็สะกดใจไม่ได้

ในตอนนั้นมีความรูสึกว่า เหมือนฝึกมาไม่ดี เรื่องการระงับอารมณ์
จึงท่องคำว่า พุทโธ ในใจเร็ว ๆ


ดีแล้ว ให้กล่าวคำนั้น ให้ขึ้นใจ
เสียงเย็น ๆ นุ่ม ๆ ได้ดังก้องไปใน สมอง ของอาตมาในตอนนั้น

พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ .......


ในใจตอนนั้นก็ว่า คำว่า พุทโธ ไปอย่างไม่หยุด
สักพักอารมณ์ ของอาตมา ก็สงบลง

พออารมณ์ สงบ ก็ได้ยินเสียง นุ่ม ๆ กล่าวกับอาตมาว่า

ถึงเวลาแล้ว ด้วยคุณธรรม ที่สั่งสม ด้วยการอธิษฐาน ไว้แต่ชาติก่อน ๆ ด้วยการกระทำที่ไปแนวทางแห่งธรรม
เธอเป็นผู้มีศีลที่มีมาแล้วโดยธรรมชาติ มีปัญญาที่มาจากการสั่งสม มีสมาธิ ที่ฝึกไว้ดีแล้วในเมื่อก่อน

เธอฟัง ถึงตรงนี้คงสงสัยเรื่อง ศีลอาตมาสินะ เพราะชีวิตอาตมานั้นไปกับพวกกินเหล้าบ่อย ๆ จะมีศีลได้อย่างไร
การที่อาตมาอยู่ในสังคมเหล่านี้ ก็ต้องมีิมิตร สหาย ประเภทนี้ แต่ทุกครั้งที่ไปด้วยนั้นไม่เคยกินเหล้า แม้แต่ครั้งเดียวเนื่องจากอาตมา ไม่ชอบเื่รื่องการกินเหล้า หรือเรื่องอบายมุข เลย เพื่อนทุกคนก็รู้ดี จึงไม่คะยั้นคะยอใ้ห้กินให้ดืม เคยมีคนลองใจ แม้แต่เรื่องผู้หญิง เองก็ไม่เคยประพฤติผิด จากจารีตและศีล คร่าว ๆ นะเพื่อให้เข้าใจ

บัดนี้ ได้ถึงเวลาที่เรา จะสอน กรรมฐาน ที่สำคัญในการภาวนา

ให้เธอเดินทางไป ที่จังหวัด พิษณุโลก ......( ขอปิดไว้ตามที่หลวงพ่อนิรนามกล่าวไว้)
เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ และเรียน กรรมฐาน ในนั้นจะมีตำราเป็น สมุดข่อย ที่อธิบาย กรรมฐาน ที่เป็นแบบฉบับ
ในการภาวนาของเธอ ให้ตั้งใจฝึกตามพระกรรมฐานนั้น จะทำให้เธอได้ในสิ่งที่เธอปรารถนา

ในระหว่างนั้น อาตมาก็คิดในใจว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่อาตมาปรารถนา อีกแล้วนอกเสียจาก การพ้นจากสังสารวัฏฏ์ นี้ในช่วง 6 เดือนกับการสั่งสมในการภาวนามามีคำตอบอย่างมากมาย

ก็ได้ยินเสียง นุ่ม ๆ พูดต่อไปว่า

นั่นก็คือสิ่งที่เธอ ปรารถนา

และอาตมา ก็ได้ถามต่อไป ว่า

ผมไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ขออยู่ตรงนี้เลยได้ไหมครับ

ก็ได้รับคำตอบว่า เธอต้องทำในสิ่งที่เธอปรารถนาก่อน จึงจะอยู่ได้

เหมือนจะเข้าใจ และ จะไม่เข้าใจ

ก็ได้รับฟังเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย แต่ก็เป็นสาระกับอาตมาเท่านั้น จึงไม่ถ่ายทอดให้ฟังนะ
ขณะนั้นอาตมาก็รู้สึกวูบ ๆ ๆ เหมือนจะเป็นลม

ก็ลืมตาขึ้นมา และนึกถึงเหตุการณ์ในฝัน ในขณะนั้นในท่านอนก็กำหนด ภาวนา พุทโธ ไปเรื่อยๆ
ก็ภาวนาจนขึ้นใจ และรู้สึกว่าจิตผูกอยู่กับพุทโธ เพียงประการเดียวแล้ว จึงสงบพุทโธ ไว้ที่กลางหน้าอก
รู้สึกร่างกาย สบาย ๆ จนกระทั่งเช้า

จึงเตรียมตัวลุกไปทำงาน

ร่างกาย ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย อย่างที่เคยกังวล
ก็แปลกใจอยู่ว่า ตอนที่ตั้งใจ ทำแทบเป็นแทบตายนั้น กลับทำไม่ได้
ตอนที่กลับไม่ตั้งใจเลยนั้นกลับทำได้่


บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 3 เมื่อใจถึงธรรม ก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2010, 11:36:14 pm »
0
บทที่ 3 เมื่อใจถึงธรรม ก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง

หลังจากคืนนั้นผ่านมา ทุกวันอาตมา ก็จะพยายามฝึกกรรมฐาน ในท่านอน เมื่อนอนก็พยายามจำอารมณ์ไว้ว่า
ไม่ยินดี ที่จะได้ ไม่ยินร้าย ที่จะไม่ได้ วางใจให้เป็นกลาง เพื่อกำหนดรู้ ตอนนั้นก็รู้ว่า พุทโธ เิริ่มสถิตที่กลางใจ

ในช่วงนี้ ชีวิืตของอาตมาก็เริ่ม ที่จะเปลี่ยนไม่เหมือนคนอื่นๆ แล้วคือเมื่อมีเวลาว่างก็ชอบนอน เพราะนอนแล้วกำหนด
พุทโธได้ สิ่ง ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวนั้น ได้ยิน หลับตา แต่ได้ยิน ได้ยิ้นแม้กระทั่งเสียงหัวใจ เสียงลมหายใจของตนเอง

ในช่วงนี้ ใจเริ่มยอมรับว่า ธรรมะ เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความสุข

เริ่มไปวัดทำบุญ ตักบาตร ตอนเช้า

เริ่มสนใจอ่านหนังสือธรรมะ

เริ่มละการไปเที่ยว กลางคืน

เริ่มไม่สุงสิงกับเพื่อนที่ประพฤติผิดศีล

เริ่มจะนั่งกรรมฐาน

และการเริ่มทำบุญนี้เอง เป็นคนชอบทำบุญ ทำจริง ๆ ทำจนแทบจะไม่มีเงินติดตัวเลย

แต่ทำแล้วก็ไม่หมด เหมือนผลบุญก็กลับมาตอบแทนตัวเราตลอดเวลา

ยกตัวอย่าง มีอยู่วันหนึ่ง ตั้งใจจะไปร่วม ปิดทองฝังลูกนิมิต แต่มีเงินอยู่น้อยใจก็อยากทำบุญ
อยู่ ๆ ก็มีคนมาว่าจ้างไปทำงาน จ๊อบได้เงินมาพอทำบุญ

หรือบางวัน ก็มีคนมาช่วยเหลือ เหมือนเทวดา รู้ใจ จริง ๆ

นับว่าช่วงนี้เป็นช่วง ที่ใคร ๆ ก็มักพูดว่า อาตมา ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง
คนเราจะดีไม่ได้เชียวหรือนี่ ต้องทำตัวเหลวไหล ตลอดอย่างนั้นหรือ

อืม......




อ่านไปกันเรื่อย ๆ นะครับ ช่วงนี้มีเสียงด้วย  น่าสนใจมาก ๆ ครับ
 :welcome: :s_good:
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 4 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2010, 12:08:22 am »
0
บทที่ 4 คนในอยากนอก คนนอกอยากเข้า

==========================================

ตั้งแต่วันนั้นมา อาตมา ก็พยายามปฏิบัติ ภาวนามากขึ้น ชีวิตก็อยู่กับส่วนการทำบุญมากขึ้น
ในใจก็ตั้งความปรารถนา ในใจว่า จะบวช และช่วงนี้ก็ไปตามวัดต่าง ๆ เพื่อจะสรรหาที่บวชที่เหมาะสม

เพราะใจ มันคิดแต่จะบวช อย่างเดียว...

เพราะใจ มุ่งแต่ปฏิบัติ ....

เหมือนคนที่ต้องการทิ้งโลก ไปอยู่ทางธรรม....

ขณะนั้นก็วางแผนไว้ในใจ ว่า ต้องบวชให้ได้ ...


วันหนึ่งก็นึกถึงเพื่อนพระด้วยกัน สมัยบวชเป็นพระนวกะด้วยกันขณะนั้น ตอนนี้ท่านยังไม่สึก และได้เป็นเจ้าสำนักด้วย ๆ ความคิดถึงท่านดังนั้น จึงไปพบท่านแต่การไปพบของผม กับต้องแปลกใจ


เพราะท่่านกำลังทำในสิ่งที่ผมไม่ได้ คิดไว้ไปก่อน

ท่านกำลังจะไปจะจากสำนักสงฆ์แห่งนั้น

ด้วยความสงสัย ผมจึงเข้าไปสนทนาถามท่าน ก็ได้รับคำตอบว่า ที่ทนอยู่ในเ้พศบรรพชิตนี้ก็เพราะว่าท่าน ต้องการเรียนหนังสือ เพราะลำพังจะให้ท่านหาเงินเรียนนั้น ทางบ้านก็อยากจน ( ท่านเป็นคนศรีษะเกษ ) ตอนนี้ท่านก็เรียนจบปริญญาตรี แล้ว และก็ได้ติดต่องานแล้ว โดยมีสีกาคนหนึ่งที่ท่านกำลังจะไปสร้างเป็นครอบครัวกับสีกาผู้นี้ หลังจากลาสิกขาบถ ผมมองหน้า บรรดาญาตพี่น้อง ของท่าน ที่นำรถ 6 ล้อมาขนของจากกุฏิท่าน ผมมองแล้วก็คิดว่า

พระนักศึกษา ระดับเจ้าสำนัก เวลาลาสิกขาบถ สมบัติทำไมเยอะขนาดนี้ ถึงขนาดต้องใช้ รถ 6 ล้อ 3 คัน พี่น้องมาจาก ศรีษะเกษ มาช่วยขนกันไม่ต่ำกว่า 15 คน

อาตมามองเขาขนของ ลงมาทีละชิ้น

ทีวี

เครื่องเสียง ลำโพงตัวใหญ่

คอมพิวเตอร์

โชฟา

ตู้

โต๊ะ

เตียง

ที่นอนฟูก 5 x 6 x 5

หมอนข้าง

โคมไฟ

พัดลม

มีช่างมารื้อแอร์คอนดิชั่น ด้วย

กล่องกระดาษที่บรรจุ ตำรับ ตำรา

กล่องที่บรรจุุ แฟ๊บ สบู่ เครื่องใช้ ที่มาจากสังฆทาน

อะไรกันนี่ พระคุณเจ้า ที่ตั้่งใจบวชมาทำความเพียร เพื่อความไม่มี ทำไมถึง มีมากมาย ขนาดนี้
ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้เป็นอย่างดี

อาตมา ตอนนั้นที่เป็นฆราวาส กำลังแสวงหาการบวช กับนึกอนาถในใจว่า

" เราสู้อุตส่าห์ เดินทางมาหาท่าน หวังจะเป็นที่พึ่งในตอนบวช เดินทางมาตั้ง 1,300 กม. จากสุราษ ฯ มา ลพบุรี "

แต่สิ่งที่เราเห็น ที่เรารู้สัมผัสตอนนี้ เหมือนทำให้ใจมองเห็นกระจ่างในความจริงว่า แท้ที่จริงการบวชนั้นยังไม่ได้แก้ปัญหา อะไรเลย ถ้าเรายังไม่มั่นใจในการภาวนาของตนเอง แล้วเราจะยังไม่บวช

นี่แหละหนา ที่โบราณ ท่านว่า

" คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า "

เท่านี้ก่อนนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2010, 12:20:47 am โดย นิรนาม_พุทโธ »
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 5 พระอรหันต์ไม่มีอยู่จริง ในโลกนี้
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2010, 09:05:32 am »
0
บทที่ 5 พระอรหันต์ไม่มีอยู่จริง ในโลกนี้


หลังจากได้ผ่านกับเหตุการณ์ ส่งพระเพื่อนลาสิกขาแล้ว อาตมาก็กลับไปที่ทำงานใช้ชีวิตอย่างข่มความต้องการการบวช ช่วงนี้มองเห็นอะไรก็เลยเบื่อ ๆ  เห็น กิจกรรม ที่ดำเนินชีวิตในที่ทำงานเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะเห็นความต้องการทางโลกธรรมของคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแก่งแย่งตำแหน่ง การซุปซิบ นินทา หรือ ให้ร้ายโดยตรง การคบชู้ สู่ชาย และการปล่อยชีวิตให้เป็นตามอำนาจกิเลสตัณหา

อาตมาทำงานอยู่ที่นั้นได้เพียงปีกว่า ๆ ก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งงาน

ได้เงินก้อนกับมาจำนวนหนึ่งซึ่งก็ไม่มาก กับคนที่ทำงานมาร่วม 16 ปี

จึงได้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้าน เมืองลพบุรีอาศัยเปิดร้านซ่อม อุปกรณ์ไฟฟ้า เล็ก ๆ แต่ก็พอมีรายได้ วันไหนอยากทำก็ทำ วันไหนอยากปฏิบัติธรรม ก็ไป ก็พออยู่ได้

ในช่วงนี้ก็ได้เืิดินทางไปตามวัดต่าง ๆ ที่มีประกาศ ปฏิบัติธรรม ภาวนา
อาตมาได้สั่งสมความรู้ ทางธรรม และ เริ่มมีฝีปาก ทางธรรมเพิ่มขึ้น

ญาติธรรมส่วนใหญ่ ก็ชอบพูดเรื่องธรรมะ กันนัดกันไป ปฏิบัติกันที่นั่น ที่นี่ แต่ไปที่ไหน ๆ
ก็มีแต่อุบาสิกา เยอะ มาก ๆ ส่วนพวก อุบาสกด้วยกัน รวมตัวได้จริง ๆถูกคอก็มีเพียง 2 - 3 คน

เราไปปฏิบัติธรรมที่ไหน ก็ตั้งความปรารถนา ว่าอยากพบพระอรหันต์ มาเป็นผู้สอน แนะนำธรรมะให้
แต่ทุกครั้งที่ไป ก็ไม่พบ พระอรห้นต์สักองค์

ที่ไหนมีข่าว ของพระอรหันต์ อาตมาก็สืบเสาะไป
จนในใจตอนนั้นคิดว่า

พระอรหันต์ไม่มีอยู่จริง ในโลกนี้ ซะกระมังจึงหายากปานนี้

แต่เพราะยังเชื่อมั่นใน พระพุทธพจน์ว่า

" ตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติธรรม ตราบนั้นโลกนี้จักไม่ว่างจากพระอรหันต์ "

จึงได้อดทนและตามติด ข่าวคราวและฟังข่าว ของพระอรหันต์ ว่ามีที่ไหนบ้างในประเทศไทย

ในใจตอนนั้นบางครั้ง ก็อ่อนล้่าลง ด้วยความคิดที่ว่า

เรากำลังทำอะไรอยู่ .......

ทั้งชีวิตของเรากำลังทำอะไรกันนี่......

กำลังปล่อยเวลาให้ไปอยากไร้ ประโยชน์......

ขณะเดียวกัน ทางบ้านอาตมา ก็เริ่มมองเห็นว่า อาตมา เป็นคนบ้า เพี้ยน เป็นพวกสุดโต่ง

โลกนี้ช่างเป็นเหมือนละคร จริง ๆ บทบาทแตกต่างกันไป

พระอรหันต์ พระอรหันต์ พระอรหันต์ !!!!!!????? ท่านอยู่ที่ไหน ?




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 15, 2010, 09:17:57 am โดย นิรนาม_พุทโธ »
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 6 ของแท้ไม่มีโฆษณา ของปลอมมีโฆษณามากมาย
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 18, 2010, 05:30:58 am »
0
บทที่ 6 ของแท้ไม่มีโฆษณา ของปลอมมีโฆษณามากมาย


เนื่องด้วยใจที่ร่ำร้อง ถึงพระอรหันต์ ที่เป็น ๆ สักรูป สักองค์ จึงทำให้การแสวงหาของอาตมา
ยิ่งเพิ่้มทวี ขึ้น ที่ไหนที่ร่ำลือ กันว่า ครูบาอาจารย์รูปนี้เป็นพระอรหันต์ แล้วก็รีบเดินทางไปทันที

เดินทางไปทุกครั้งที่ได้ ก็คือไม่ได้
เพราะไปแล้ว ก็รู้ด้วยใจ ว่า ไม่ใช่ พระอรหันต์

ตอนนี้ อาตมาวาดภาพ พระอรหันต์ไว้มากมาย ก็คงไม่ต่างอะไรจากท่านทั้งหลาย ที่วาดภาพพระอรหันต์ไว้
ว่า พระอรหันต์ท่านจะต้อง นั่งเข้านิโรธสมาบัติ สัญญาเวทยิตนิโรธ ให้ดูสัก 7 วัน

แต่เวลาที่ อาตมา ไปที่ไหน ๆ นั้น ก็ไม่มีพระที่คุณสมบัติแบบนี้ ให้ดู ให้รู้ ให้เห็น สักองค์ อย่างมากท่านก็นั่่งกรรมฐาน ให้รู้ ให้ทราบ ให้เห็น ก็แค่คืนเดียวเท่านั้น

ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น อาตมาจึงไม่พบพระอรหันต์เลยสักรูป สักองค์

จนคืนหนึ่ง ขณะที่นอนหลับลงไป ก็ได้ฝันว่า เข้าไปในสถานที่เดิมอีกคร้้ง

คำถามที่พรั่งพรู ว่าจะถามก็หายไปอีกเหมือนทุกครั้ง คือนึกคำถามอะไรไม่ออก

ขณะที่กำลังคิดว่าจะถามอะไร ?

ก็ได้ยินเสียงที่นุ่มนวล พูดขึ้นว่า

    "พระอรหันต์ที่เธอหานั้น หาแบบเธอไม่เจอหรอก เพราะพระอรหันต์ ไม่มีใครบอกว่าเป็น แต่ที่บอกว่าเป็นแบบที่เธอทราบ นั้นก็ไม่ใช่ ดังนั้นอย่ามัวหาพระอรหันต์ ข้างนอกเลย จงหาพระอรหันต์ที่เป็นอยู่ในใจของเธอ เสียเถิด"

    "หาอย่างไร ครับ"

    "หาด้วยคุณธรรม โครงข่ายแห่งธรรมทั้ง 37 ประการ"

    "อะไรเรียกว่า โครงข่ายแห่งธรรมทั้ง 37 ประการครับ"

    "อภิญญาเทสิตธรรม หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ นั่นอย่างไรละ"

   "จงหาธรรมจากด้านในของเธอ อย่ามัวแต่หาด้านนอก"

   "ครับ" ผมก้มกราบลง

   ก็ปรากฏว่าเป็นเวลา ตี 5 เสียแล้ว จึงลุกขึ้นมานั่งสวดมนต์ตอนเช้า

   และก็มานั่งลำดับ การกระทำที่ผ่านมา และคำเตือนที่ได้รับการบอกมาจากในฝัน
จึงพอจะเข้าใจ ได้นิดหน่อยถึงแม้จะไม่มากก็ตาม ก็พอจะเข้าใจได้นิดหนึ่งว่า เราทำอะไรไม่เข้าท่าคงไม่มีใคร
พยายามทำอย่างเรา หรือที่พยายามทำอยู่ ก็ไม่ควรทำ

   ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ก็ตราบใด ที่ยังมีผู้ปฏิบัติตามธรรม ตราบนั้นโลกนี้จักไม่ว่างจากพระอรหันต์

คิดดังนั้น ก็มาลำดับดูความรู้ของตัวเองในการภาวนานั้นเพียงพอหรือยัง เพื่อที่จะได้ภาวนาจริง ๆ เสียที


บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 7 เมื่อเราภาวนามากขึ้นก็จะเป็นคนบ้า.....
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 24, 2010, 12:39:53 am »
0
บทที่ 7 เมื่อเราภาวนามากขึ้นก็จะเป็นคนบ้า.....


หลังจากค่ำคืนนั้นมา ใจอาตมา ก็เริ่มสงบลงจากการหาพระอรหันต์ ตั้งแต่วันนั้นมาก็กลับมาพึ่งตำรา

เหมือนเดิม คราวนี้กลับมาด้วยใจที่ต้องการศึกษาตัวเราเองเพิ่มขึ้น การงานก็พอดำรงอยู่ได้ ถึงแม้จะไม่รวยแต่ก็

พออยู่รอด ในขณะเดียวกัน บรรดาญาติ พี่น้อง ตลอดถึงแม่ เริ่มมอง ว่าอาตมาเป็นคนที่คิดไม่เป็น ใช้ชีวิตไปกับ

เรื่องไร้สาระ เช่นการทำบุญจะทำไปทำไม ตั้งมากมาย มีอยู่วันหนึ่ง อาตมาได้รับปากที่วัดแห่งหนึ่งจะทำบุญสร้าง

เสนาสนะ ตนเองก็ได้เริ่มรวบรวมเงินเท่าที่จะหาได้ในขณะนั้น ก็ร่วมแสน ได้จัดเป็นผ้าป่าไป นัดญาติ พี่น้อง แม่

ไปทำบุญกัน โดยไม่บอกจำนวนเงินที่จะทำกับญาติ แต่พอคณะกรรมการได้นับยอดเสร็จปรากฏว่าไ้ด้ยอด ราว ๆ

สามแสนกว่าบาท

แม่อาตมา ก็มาถามว่า เอาเงินจากไหนตั้งมากมายไปถวาย ไม่เห็นแจกซอง หรือ รับเงิน จากญาติพี่น้อง เลย

อาตมาก็เลยตอบไปว่า เป็นเงินก้อนที่ลาออกจาก บริษัทมาประมาณ 6 แสนเหลืออยู่ไม่มาก ใจอยากสร้างเสนสนะ

โดยเฉพาะกุฏิ ที่เป็นทั้งศาลา และที่ภาวนาของญาติธรรม หลายท่าน


แม่อาตมา ก็แค่นเสียงว่า ไม่เก็บไว้ตอนแก่เลยนะ รู้หรือป่าว พี่น้องมอง เอ็งยังไง ตอนนี้


บ้า ไปกันใหญ่แล้ว ทำไมต้องไปทุ่มทำอะไรกับศาสนา ขนาดนี้ ทำบุญใส่บาตร เล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่ซอง กฐิน ผ้าป่า

อย่างแม่ นี่น่าจะดีกว่า นะ

อาตมาก็สงบปากลง หยุดนิ่งฟัง แม่บ่น แต่สุดท้าย ก็พูดขึ้นว่า

  หนูอยากให้แม่ ได้บุญในการทำครั้งนี้ด้วย แม่อนุโมทนาบุญก่อนนะ


แม่อาตมา มีอาการสงบนิ่ง แล้วมองหน้า สักครู่จึงพูดขึ้นว่า

  บุญมันก็ของแก นี่ ตังค์มันก็ของแกนี่ ขอให้ได้บุญมาก ๆ นะ แม่ เอ็งเกิดมายังไม่เคยได้รับเงินขนาดนี้เลย

คราวหลังมาทำกับแม่บ้างนะ

จากวันนั้นมา บรรดาญาติ พี่น้อง พอเจอหน้า อาตมา ก็จะพากันเดินหนี ไม่มีใครคุยด้วย

มี อาเจ่ก ซึ่งเป็นน้องพ่อ อยู่คนหนึ่ง พูดขึ้นว่า

  ไอ้นี่ มันบ้ามาก ๆ แล้ว อนาคตดี ๆ มันไม่เอา มันทำอะไร หาสาระแก่นสารไม่ได้ ใครอยู่กับมัน มีแต่อดตาย

อยู่กับ ไอ้นี่ ไร้อนาคต ดู ๆๆ พี่น้องของมัน ได้ดีกันหมด คนนั้นก็เป็นผู้จัดการ คนนั้นก็ทำงานมีเกรีิยติ มีแต่มันที่

ทำงานเปิดร้านซ่อมไฟฟ้า ที่อด ๆ  อยาก ๆ ตัวเองก็แย่อยู่แล้ว มันยังทำเป็นอวดทำบุญมากมาย

  สันดานนี่มันแก้ยาก ไอ้นี่ อนาคต กู บอก ได้เลยว่า อดตาย ใครคบกับมัน ก็มีแต่ตกต่ำ

ตอนนั้น อาตมาก็ได้แต่ นั่งทำงานฟัง เสียง ที่ดังมาจากร้านกาแฟ ข้างร้าน ที่จงใจพูดให้ได้ยิน

ที่จริง ก็เข้าใจ ว่าเป็นห่วง จึงยอมออกมาพูด กระทบกระเทียบ อย่างนี้ทุกวัน

อาเจ่กคนนี้ มาที่ร้านกาแฟ ก็มาพูดอย่างนี้ ทุกวันเกือบเดือน ก็ฟังทุกวัน .... จนใจเริ่มชาชิน แล้วว่า บรรดา

พี่น้อง แม่ และ ญาติ มองเราอย่างไร ถ้าไปพูดเรื่องเงิน จะขอพึ่งพากับ บรรดาญาติ แล้ว ก็จะถูก ยกเรื่อง ผ้าป่า

ครั้งนั้น ขึ้นมาเป็นเหตุว่า

   คิด ๆ ไปแล้ว เราทำบุญ ก็อยากให้พี่น้อง ได้ร่วมกุศล และอยากให้ได้อนุโมทนากุศล ร่วมกันเป็นอนุสรณ์

ว่า ตระกูลของเรา เป็นผู้ได้รับใช้ ศาสนา เหมือนกัน เพราะเวลาไปที่วัด ที่อาตมามองไปที่ศาลาหลังนี้ ก็จะสลัก

นามสกุล ของตระกูล ว่าเป็นผู้มาบริจาค ร่วมสร้าง

  การทำบุญ ทำให้ใหญ่ ก็มีครั้งนี้ครั้งเดียว ค่าของเงินแสน โยมลองคิดดูสิ สมัยที่ซื้อ หนังสือพิมพ์ฉบับ ละ 1 บาท นะ สามแสนบาท นี่ เยอะไหม บอกได้เลย ว่าเยอะมาก ๆ ขนาดซื้อ บ้าน 100 ตารางวา สองชั้นในเมืองที่ราคา ร่วม สามล้านในปัจจุบันได้เลยนะในสมัยนั้น

  พอเวลาผ่านพ้นไป ถึงปัจจุบันนี่ ลูก หลาน ที่มาทำบุญ ก็ได้รับชื่อเสียงกัน เพราะที่ศาลาการเปรียญ หลังนั้นยัง
โชว์นามสกุล ตระกูลของพวกเขาอยู่ ทำให้ตระกูลในครั้งนั้น มีคนเกรงใจ พอสมควร

  หลังจาก อาเจ่ก มานั่งค่อนคอด แวะมาว่าอยู่ได้ร่วมเดือน อาเจ่ก ก็ได้จากไปในอาการสงบ แบบที่ไม่มีใครเชื่อ

เลยว่า คนอายุ 41 ปี ที่แข็งแรง ขนาดนั้น จะมาด่วนจากไป ด้วยอาการนอนไม่ตื่น ทำให้่ญาติ พี่น้อง เศร้า ไป

ตาม ๆ กัน อาตมาเองก็นึกเสียดายที่คนอย่างอาเจ่ก ที่อุตส่าห์มาเป็นทัพหน้า เข้ามาคุยกับเรา จากบรรดาญาติทั้ง

หลายที่ไม่มีใครมาคุยด้วย หรือ ด่า หรือว่า ตอนนี้ ก็เหมือน ญาติ พี่น้อง นั้น ถูกตัดขาด กันหมด


หลังจาก งานศพ ผ่านไป ใจอาตมา ก็เริ่มสงบลง อีกมาก เพราะที่จริง การที่เราเห็นคนที่จากเราไปนั้่น ก็เป็นส่วน

หนึ่งที่ทำให้อาตมาเห็น ความเป็นจริง อย่างนี้ว่า ชีวิตเราหาสาระ อะไรกันแน่ การเวียนว่ายตายเกิด ของเรามีมา

เพื่อสิ่งใดกันแน่ อะไรเป็นเป้าหมาย ที่แท้จริง

  มองออกไป บรรดา เพื่อน ๆ ที่บอก ว่ามีความสำเร็จ ในครอบครัวในหน้าที่การงาน ทุกวันเขาก็อยู่กันอย่าง

ไม่ใช่ มีความสุขสงบ อำนาจของพระธรรม คุณของพระพุทธเจ้า ช่างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสียนี่กระไร

  ดังนั้นถึงแม้ บรรดาญาติ พี่น้อง และ แม่ ของอาตมา จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอาตมา ที่ออกมาเป็น

พวกแนวธรรมะ ตอนนั้น อาตมาก็ดูเหมือนคนบ้าจริง ๆ เริ่มไว้ผมยาว แต่ไม่ไว้หนวด ใส่เสื้อผ้า อยู่สองสีคือ

สีดำ และ สีขาว ทุกวันจะเปิดร้านซ่อม เวลา 9.00 น ปิด ร้าน 15.00 น. ไม่รับงานซ่อมที่ด่วนจะเอาให้ได้ใน

เวลา ไปวัดคุยสนทนา กับพระ ในช่วงเวลาเย็น ๆ

  ช่างมันเถิด ช่างหัวมัน ฉันไม่แคร์ กับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ที่จะขัดขวาง หรือไม่สนับสนุนการภาวนา ของฉัน

  นี่ความคิด ตอนนั้น มันอย่างนี้ เพราะมานั่งนึก ลำดับแล้ว

  บรรดาพี่น้อง ทั้งหลาย เหล่านี้ ตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยได้ช่วยอะไรเราอยู่แล้ว

  แต่อย่างไรเสีย ต้องทิ้ง แม่ ไว้คนหนึ่ง ที่จะพยายามชวน ให้ไปทางธรรมให้ได้......




เท่านี้ก่อนนะครับตอนนี้ ค่อนข้างจะยาว เพราะหลวงพ่อท่าน จะเน้น ความคิด ของญาติพี่น้องค่อนข้างมาก
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 8 พระอาจารย์องค์แรก.....เป็นพระ.......
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 02:07:29 am »
0
บทที่ 8 พระอาจารย์องค์แรก.....เป็นพระ.......



หลังจากสั่งสมประสพการณ์ การภาวนา การศึกษาและเรียนธรรมะ ได้สัก สองปี

มีวันหนึ่ง อาตมาก็ได้ขับรถ ไปท่องเที่ยวที่มวกเหล็ก ไปปฏิบัติ ภาวนา กับสหายธรรม

สมัยนั้นที่ไป ก็ไปวัด เทพพิทักษ์ ตอนนั้นกำลังเริ่มสร้าง พระขาว

เพื่อนด้วยกัน ก็กลับกันหมด แล้วคงเหลือแต่อาตมา ผู้เดียว


วันนั้นก็เลยเิดินทางกลับ ขณะที่จะกลับก่อนจะถึงมวกเหล็ก ก็มีถนนเลี้ยวซ้าย บอกว่าทางไปเขาใหญ่

ตอนนั้นใจ ก็คิดว่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็ขอเ่ีที่ยวแถวนี้สักหน่อย ถ้ากลับไม่ทันอย่างไรเสียก็กลับมานอนที่วัดอีกก็ได้

ขับรถเข้าไป เป็นทางลูกรัง ไม่เหมือนสมัยนี้นะ ด้านหลัง เขาแผงม้า







มีวิวทัศนียภาพ งดงาม มาก ๆ  วังเวง ร่มรื่น ด้วยต้นไม้ สองข้างทางนาน ๆ ก็จะมีบ้านคนอยู่ไม่กี่หลัง
วันนั้นเป็นวันที่ เหมือนเปลี่ยนชีวิต เพราะความคิดปล่อยไป ๆ ขับรถไปเพลิน ก็ขับเข้าไปทางเขตเขา
มองเห็นป้ายแผ่นน้อยว่า ถ้า.....( หลวงพ่อให้สงวนชื่อไว้ครับ ) จึงขับรถเข้าไป ทางด้านหน้าก่อนเข้าถ้ำเห็นธงรูป
ธรรจักร ปลิวไสว เก่า ๆ ขาด ๆ อยู่ผืนหนึ่งบนไม่ไผ่ยาว ๆ

อาตมาจึงคิดในใจว่า ที่นี่ต้องมีพระอยู่แน่ ๆ ตอนนั้นก็เลยคิดอยากจะทำบุญ ค้นหลังรถก็ได้ นมข้นหวานตราหมี
กับ ผลไม้กระป๋อง ใส่ถุงกระดาษอยู่หลังเบาะ ก็เลยจอดรถและเดินข้ามคลองชลประทาน เป็นสะพานไม้ 2 แผ่น

พอเดินเข้าไป ก็พบว่ามีพระอยู่ 1 รูป ท่านก็ทักทาย อาตมาก็เลยถามท่านว่า ท่านอยู่รูปเดียวหรือ

ท่านก็บอกว่าอยู่กับ หลวงพ่ออีกรูป ตอนนั้นก็คิดในใจว่า หลวงพ่อที่ว่านั้นถ้าจะอายุมาก เพราะพระหนุ่มที่เรียกก็อายุไปตั้ง 30 แล้ว ท่านเดินพาชมถ้ำ เหมือนดีใจมาก เพราะท่านบอกว่า อาตมาเป็นโยมที่เข้ามาเยี่ยมที่นี่ภายในรอบครึ่งปีเลย อาตมาก็ถามท่านว่า แล้วท่านอยู่อย่างไร ท่านก็บอกว่า บิณฑบาตร 10 กม. เดินไป เดินกลับ

ผมฟังแล้ว ก็ชื่นชมกับความอดทนของท่านมาก เพราะท่านอยู่ที่นี่ มา 3 ปีแล้วบอกคอยอุปัฏฐากหลวงพ่อ

ตอนนี้หลวงพ่อนั่งกรรมฐาน อยู่ที่ก้นถ้ำ ต้องเดินเข้าไปลึกมาก ๆ ราว ๆ 300 เมตร อย่าพึ่งเข้าไปเลย ไว้โยมมาคราวหน้า ก็ค่อยมากราบหลวงพ่อใหม่ก็แล้วกัน

อาตมาก็พยักหน้า และเรียนถามท่านว่า ถ้าผมอยากจะมานั่งกรรมฐานอยู่ในที่นี้ด้วยได้หรือป่าวครับ

ท่านก็ตอบว่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนาน ๆ จะเจอ อุบาสก ที่ใฝ่ธรรมจริง ๆ สักที

ท่านกล่าวต่อไปว่า แต่ลำบากนะที่นี่ กุฏิ ก็ไม่มี มีแต่เสื่อ กลด นะ กับหมอนมะพร้าว โยมจะนอนได้หรือ

ได้ครับ อาตมาตอบด้วยความมั่นใจ

หลังจากนั้น ท่านก็พาชมทัศนียภาพ ที่ถ้ำ บน ผา ซึ่งล้วนแล้วประทับใจกับความงามของธรรมชาติ ที่นี่มากๆ
ก่อนจะกลับนั้น ฝนก็ตก พอหยุด ก็เกิดหมอกขาว ๆ จาง ๆ อากาศเย็นสบาย จริง ๆ

( ถ้าท่านนึกถึงเขาใหญ่ สภาพที่นี่ สวย เย็น ธรรมชาติ ดีมาก ๆ ครับ )



จบแค่นี้ก่อนครับ ติดตามตอนต่อไปนะครับ

บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 8 พระอาจารย์องค์แรก.....เป็นพระ....... ( 2 )
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2010, 03:52:22 am »
0
หลังจากวันนั้น ผ่านไปอีก 2 สัปดาห์ อาตมาก็กลับไปที่นั่นใหม่ พร้อมด้วยเครื่องยังชีพ
อาทิ นมกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ข้าวสาร ปลากระป๋อง ผักกาดดองกระป๋อง อีกหลายอย่าง
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพในป่า เพราะตั้งใจจะอยู่ สัก 1 อาทิตย์ เพื่อจะได้ภาวนา
ในส่วนที่ต้องการต่อไป

หลังจากมาถึงที่ถ้ำแล้ว ก็พบกับ พระรูปเดิม คราวก่อนไม่ได้ถามชื่อท่าน คราวนี้ก็เลยถามชืื่อ
ก็ทราบว่าท่าน มีชื่อว่า ทองพูน อาตมาก็เลยเรียกท่านว่า หลวงพี่พูน ท่านให้เรียกอย่างนั้น

บ่ายวันนั้น ก็เป็นอันว่าเตรียม สถานที่ในการอยู่การนอน หลวงพี่พูน ได้จัดหา กลด มาให้และหมอนมะพร้าว
แต่เพราะว่า อาตมาเตรียมตัว มาอยู่แล้วก็เพียงเดินหาไม้ไผ่ 4 อันเป็นเสามุ้ง ใหม่เอื่ียมที่พึ่งจะใช้วันแรก
กลางนอนบนแคร่ เพราุะหลวงพี่ว่าอย่านอนปูตามพื้น จะโดนพวก ตะขาบ แมงป่อง และ งู รบกวนได้

ซึ่งในใจอาตมา ก็เกรงสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว จึงยอมรักแคร่ไม่ไผ่ ที่มีตัวหนึ่งเป้นที่นอน

ท่านทั้งหลาย ลองวาดมโนภาพ ของถ้า และ ก็แคร่ กับมุ้งสีขาว

ส่วนหลวงพี่ท่านก็หลบเข้าไปบน กุฏิ บนเขา ทิ้งให้ผมนอนอยู่ในถ้ำส่วนหน้า


เสียงค้างคาว บินกัน เสียงนกฮูกร้อง เสียงหมาร้องโหยหวน เป็นบรรยากาศที่ต่างจากตอนบ่าย มากๆ
ที่อุ่นใจ เพราะทราบว่า หลวงปู่ท่านอยู่ในถ้ำ และตรงที่นอนก็มีโต๊ะัหมู่บูชา พระพุทธรูป

บอกตรง ๆ เลยว่าคืนนั้น แถบนอนไม่หลับเลย เพราะกลัว มาม่อยหลับไปช่วงตี 4 หรือ ตี 5

ได้ยินเสียงสวดมนต์แว่ว ๆ ใกล้ ๆ ก็เป็นเป็นเสียงหลวงพี่พูน กำลังสวดมนต์อยู่ ก็เลยลุกออกไปนั่งฟังท่าน
สวดมนต์ภายในถ้ำ หลังจากถามท่านว่า ทำไมไม่ปลุกอาตมา ก็ได้รับคำตอบว่าเรียกนานแล้วเห็นว่าเรียกพอ
สมควรแล้ว จึงไม่เรียกต่อ

เช้านี้อาตมา ก็เตรียมเป็นลูกศิษย์ที่จะคอยถือย่ามให้ท่าน ท่านนำปิ่นโตออกมา 2 เถามัดด้วยไม้ไผ่ด้านบน
ทำให้ปิ่นโตติดกัน จึงสามารถถือปิ่นโตได้ด้วยมือเดียว ส่วนย่ามไม่ได้ใช้

ผมเดินตามท่านไป หิ้วปิ่นโตด้วย เดินไปก็ชมป่า ชมเขาไปพลาง เดินไปร่วมครึ่งชั่วโมงก็ไม่เห็นมีใครจะใส่บาตร

ก็เรียนถามท่านว่า คนใส่บาตรอยู่ที่ไหนครับ ท่านบอกว่าอยู่ที่หมู่บ้านข้างหน้าต้องเดินอีก 6 กม. ตอนนั้ก็อึ้งคครับ
เพราะที่เดินมาด้วยนี่ก็ 5 กม.แล้วอย่างนีัี้ไปกลับก็ไม่ปาไป 20 กม.หรือนี่ นึกในใจว่าทำไม พระที่มาอยู่ป่าปฏิบัติ
ภาวนานั้น ทำไมลำบากนัก แล้วท่านก็อดทนอยู่กันได้อย่างไร

วันนั้นอาตมาเดินไปกลับ กับหลวงพี่พูนแล้ว ไป 6 โมงกับมาก็เกือบ 4.30 น.เรียกว่าเดินกลับมาพักสักครู่ก็เห็นฉันในบาตรอีก แต่ก่อนที่ท่านจะฉันนั้นท่านได้เดินนำอาหารส่วนหนึ่งใส่กาละมังขนาดกลางแต่งข้าวอาหาร ลงไปพอประมาณเิิดินเข้าไปในถ้ำ บอกว่านำไปให้หลวงปู่ ท่านก็หายไปในถ้าสักครู่แล้วก็ออกมาพร้อมกาละมังข้าวที่ยังมีอาหารอยู่เหมือนเดิม แต่มองก็รู้ว่าเป็นอาหารเก่าไม่ใช่ของใหม่

ท่านถือกาละมังข้าวออกมา แล้วมองเห็นว่าอาตมากำลังมองด้วยความสงสัย ท่านก็เลยพูดดักใจขึ้นว่า

กาละมังนี้เป็น ของเมื่อวาน แต่หลวงปู่ไม่ได้ฉันเนื่องด้วยนั่งกรรมฐาน อยู่

อาตมาฟังว่านั่งกรรมฐานอยู่ เลยไม่ได้ฉัน ก็เลยถามท่านว่า ท่านนั่งนานหรือ

ก็ได้รับคำตอบว่า นั่งนาน บางครั้งก็นั่ง 3 วัน 3 คืน ทีเดียว

ทำให้้ผู้ฟังอย่างอาตมา เลื่อมใสหลวงปู่มาก ๆ แม้ยังไม่เห็นก็อยากพบ

หลวงพี่ท่านก็เตรียมตัวฉันอาหาร ท่านเืลื่อกอาหารใส่บาตร แล้วก็บอกว่า โยมเอาไปทานได้แล้ว

ข้าวที่ท่านได้แบ่งมานั้่น ก็พอสมควรบาตรที่ออกไปบิณฑบาตรมานั้นก็ไม่ได้มีข้าวเต็ม ผมมองอาหาร
ที่นำกลับมา ก็ดูแล้วไม่น่าจะน่าทานเลย เพราะมี ไข่ดาว หน่อไม้ และ น้ำพริก อยู่ มีไข่เจียว และกล้วยน้ำว้า
อีก 3 ลูก อาตมาเห็นดังนั้นก็นึกได้ว่า เรานำอาหารมาก็นำมาถวายพระทำบุญสิ เพราะว่าเดินไปกลับท่าน 20 กม.
ครั้งแรกในชีวิต ความเหนื่อยที่มีอยู่ จึงทำให้ลืม

คิดดังนั้น ก็จะลุกไปนำอาหารมา หลวงพี่พูนก็เหมือนจะรู้ใจ พูดดักไว้ว่า โยมไม่ต้องไปนำอาหารมาเพิ่มเติมหรอก
วันนี้อาหาร มีเพียงพอแล้ว โยมก็ทานตรงนี้แหละ เอาไว้มื้อต่อไปของโยมค่อยทำทานก็แล้วกัน

ส่วนวันพรุ่งนี้ โยมก็ไม่ต้องไปด้วยแล้ว อยู่ที่ถ้ำทำอาหารถวายก็แล้วกัน

อาตมาฟังดังนั้น จึงรู้สึกว่าความเป็นผู้มักน้อยของพระแท้ ๆ อยู่ตรงนี้เอง พระที่อยู่ตามป่า ตามเขา ตามอัตภาพ
หมั่นอบรม จิต หมั่นภาวนา แต่ก็ไม่มีใครที่จะต้องการทำบุญกับท่าน

ผมนำอาหารมาแล้วก็นั่งมองท่านฉันอาหารในบาตร ไปเรื่อย ๆ ด้วยอาการสงบ เวลาฉันก็ 11.00 น.พอดี

หลังจากท่านฉันเสร็จแล้ว อาตมาก็เลยทานต่อ ก็เลยนึกอยากสนทนาธรรมกับท่าน

นี่แค่พระลูกศิษย์ อุป้ฏฐาก นะนี่ท่านยังดำรงตนให้น่าไหว้ น่ากราบ

หลังจากหลวงพี่พูน ท่านฉันเสร็จท่านก็นำบาตรไปล้าง และผึ่งแดด ช่วงนี้ท่านก็ไปกวาดทำความสะอาด ภายในถ้ำ อาตมาได้ยินเสียงไม้กวาดที่ กราดไปบนพื้นจึงรู้ว่า หลวงพี่พูนกำลังกวาดพื้นอยู่

เอานะ เดี๋ยว บ่าย ๆ ค่อยสนทนาธรรมกับท่าน

บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 8 พระอาจารย์องค์แรก.....เป็นพระ....... ( 3 )
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2010, 05:10:15 am »
0
บทที่ 8 พระอาจารย์องค์แรก.....เป็นพระ.......( 3 )





ดอกไม้แห่งความหวัง เริ่มปรากฏชัดขึ้นในดวงจิต กับความหวัง ที่อาตมาพยายามหาครูอาจารย์ ที่เป็น

สุปฏิปันโน มาตั้งนานตอนนั้นในใจมีความเปี่ยมหวัง และวาดจินตนาการตามอำนาจของสังขาร คิดเป็น

ประการต่าง ๆ เกี่ยวกับหลวงพ่อที่อยู่ในถ้ำท่านคง ชราภาพมากแล้ว บุคคลิกของท่านต้องเหมือนผู้ใหญ่

ร่างกายคงซูบผอม เพราะทานน้อยหรือไม่ได้ทาน ดวงตาท่านคงเปี่ยมประกายแห่งผู้มีพลังจิต ธรรมะที่

ท่านกล่าวต้องมุ่งตรงสู่ใจ อากัปกิริยาการเคลื่อนไหวท่าน ต้องสำรวมระวัง อย่างแช่มช้อย อาตมาวาด

จินตนาการไว้อย่างสวยหรู โดยเทียบเคียงกับ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งหลวงพ่อที่ท่านนั่งกรรมฐาน

อยู่ในถ้ำนั้น ลูกศิษย์ท่านแม้พระอุปัฏฐากดูแลท่าน ก็ยังน่าเคารพกราบไหว้ ท่านต้องเป็นพระสุปฏิปันโน

ที่น่าจะเรียบร้อย อีกองค์หนึ่งแน่ ในช่วงเช้าอาตมาก็นั่งบ้าง นอนบ้าง และวาดจินตนาการ จะฝากฝังตน

เองเป็นศิษย์จะทำอย่างไร จะพูดอย่างไร ( เฮ้อ คิดดูสิ ขนาดทำความดี คิดดี มันก็ยังฟุ้งซ่านได้เลยนะ

ไม่ใช่ว่าคนเราจะฟุ้งสร้าน ได้เฉพาะกับการคิดชั่วนะ

     พระพุทธองค์ จึงทรงตรัสเรื่องการฝึกจิต เพราะจิตที่สงบนั้นจักมองเห็นตามความเป็นจริงได้ ตอนนั้น

อาตมา ก็นั่งบ้าง นอนบ้าง ในถ้ำอากาศเย็น ๆ กลิ่นควันธูป ในมุ้งอากาศดี ๆ บริสุทธิ์ ความง่วงก็เลยครอบงำ

ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลา 16.00 น.กว่า ๆ มองเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งอายุประมาณ 30 กว่า ๆ รูปร่างท้วม ๆ

หน้าตาผ่องใส กำลังกวาดทำความสะอาดบริเวณหน้า องค์พระ อาตมานอนมองอยู่ตั้งนานจึงแน่ใจว่า ไม่ใช่

หลวงพี่พูนแน่ ก็คิดในใจว่า ต้องเป็นพระที่มาใหม่ในวันนี้แน่ คิดดังนั้นก็เลยลุกจากมุ้งออกไปเพื่อนมัสการท่าน

และจะสนทนากับท่าน

    ก็ได้ยินเสียงทักทาย ทุ้ม ๆ ว่า

      ตื่นแล้วหรือโยม อาตมาคงไม่ได้ส่งเสียงรบกวนโยมตื่นขึ้นมานะ

    ครับ ไม่ได้รบกวนหรอกครับ
   
      ตาก็มองท่าน อยู่ก็คิดว่าจะเริ่มต้นถามท่านอย่างไรถึงจะเข้าใจได้ว่าท่านเป็นใคร มาตอนไหน

 แต่ก่อนอื่นต้องใช้สรรพนามเรียกท่านก่อนจะเรียกว่าอย่างไรดี น้าก็เลยคิดว่าเรีบก หลวงพี่ ดีกว่าถ้าเทียบอายุ

กับเราตอนนี้ ท่านก็เป็นรุ่น ลูก

     เมื่อใจคิดดังนั้น ก็เลยเริ่มการสนทนาใหม่ ทันที

     หลวงพี่พึ่งมา หรือครับ ผมจึงไม่เคยเห็น

      เงียบ ท่านสงบมองหน้า อาตมานิ่งสักครู่แล้ว จึงตอบว่า

     อาตมา พึ่งมา เหมือนโยม ที่พึ่งมาเหมือนกัน

      หลวงพี่ อยู่ที่ไหนมาก่อนครับ

     อาตมาก็อยู่ที่วัดใน โคราช โน่นนะ

      หลวงพี่จะมาอยู่นี่กี่ วันครับ
 
     7 วัน เท่าที่อยู่ได้ นะ ท่านพูดเสร็จก็หัวร่อ เบา ๆ มือก็ยังกวาดพื้นต่อไปเรื่อย ๆ

      เดี๋ยวโยมก็ ทำธุระส่วนตัวกันก่อนนะ เพราะอีกสักครู่จะได้สวดมนต์ทำวัตรเย็น ด้วยกัน

     อาตมา ก็มองท่านตอนนั้นก็มองท่านก็ไม่เห็นจะแตกต่างอะไร จากพระอื่น ๆ ที่เคยเจอ โดยเฉพาะรูปร่าง

ท้วม ๆ ของท่าน มองเห็นปราดเดียวก็นึกได้เลยว่า ท่านคงติด นั่ง นอน สบาย ฉัน สบาย ๆ แบบพระในเมือง

ที่เคยพบ ตอนนี้คงออกมาเที่ยว เพื่อพักผ่่อน ดูแล้วไม่น่าสนใจ ที่จะสนทนากับท่าน แต่ในใจกับมีความรู้สึกอีก

อย่างหนึ่ง คือตอนที่ท่านยืนอยู่ด้วย รู้สึกว่ามีความสุข สมองคิดได้ไว พอท่านเดินจากไปที่อื่น รู้สึก คิดอะไร

ต่อไม่ค่อยออก ตอนนั้นก็นึกถึง หลวงพี่พูน ว่าตอนนี้ท่่านอยู่ที่ไหน

    ตั้งใจจะสนทนากับท่าน ตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้เราเองกับนอนหลับตื่นขึ้นมา แล้วยังไม่ได้สนทนากับท่านเลย

นี่แหละน้า ที่ โบราณกล่าวว่า นานาจิตตัง คือคิดได้เป็นเรื่อง เป็นราว แต่ไม่ได้ทำสักเรื่อง

อืม.......

     
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บทที่ 8 พระอาจารย์องค์แรก.....เป็นพระ....... ( 4 )
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2010, 05:22:59 am »
0
หลังจาก อาตมา ได้ปล่อยจิตคิดเป็นสาระตะแล้ว ประมาณ 17.00 น. กว่า ๆ ก็ได้พบหลวงพีี่พูน

หลวงพี่พูน ก็ยิ้มรับเพราะตั้งแต่เช้า แล้วไม่ได้พบหน้ากันเลย ด้วยความสงสัยก็เลยถามหลวงพี่เรื่องที่ติดใจอยู่

   หลวงพี่ ครับวันนี้มีพระมาอยู่ใหม่หรือครับ

 หลวงพี่มองหน้า อาตมา ด้วยอาการ งง ๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า

  ไม่มีนะโยม ที่นี่พระทั่วไป ไม่รู้จักหรอก

   อ้าวก็ผม พึ่งเห็นท่านก็บอกว่ามาอยู่สัก 7 วัน

  หลวงพี่พูน ก็ถามว่า

   พระที่โยมเห็น รูปร่าง ลักษณะเป็นอย่างไร

   ท่านดูท้วม ๆ จะอ้วน อายุราว ๆ 30 ไม่เกิน 40 ปี

  หลวงพี่พูน ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า

   อ้อ โยมได้พบหลวงปู่แล้ว สิ

   ไม่ใช่ หลวงปู่ ท่านยังหนุ่มอยู่เลย

  หลวงพี่พูน ยิ้มอีกครั้ง

   นั่นแหละ หลวงปู่

   หลวงปู่ ....... ผมอึ้งพร้อมกับคิดในใจว่า จะเรียกหลวงปู่ทำไมอายุแค่นี้

   เอาละโยมไม่ต้องคิดมาก หลวงพี่พูนพูดตัดบท

  เดี๋ยวไปทำวัตรเย็นกันนะ พร้อมหลวงปู่

  ตอนนั้น ความคิดอาตมาก็มึน ๆ กับเรื่องของหลวงปู่ ที่ผิดจากจินตนาการของตัวเอง

  ก็แน่ละความคิดของปุถุชชน โดยเฉพาะ พระที่เราจะนับถือนั้นต้องเปี่ยมไปด้วย บุคคลิกลักษณะ

ที่ดูดี สงบ เสงี่ยม น่าเลื่อมใส มีอายุ แต่ภาพที่จินตนาการไว้กับ ภาพที่เรากำลังเจอในตอนนี้มันคนละ

เรื่องกันเลย ทำให้ใจส่วนหนึ่งไม่ยอมรับ แต่ใจอีกส่วนหนึ่ง ก็นึกถึงหลวงพี่พูนที่เราเลื่อมใสนั้นท่านก็มี

การปฏิบัติดี พระที่ปฏิบัติกับยอมรับพระอ้วน ๆ ที่ยังหนุ่มเป็นหลวงปู่ และอยู่ปรนนิบัติอุปัฏฐากอย่างไม่บ่น

ก็ต้องมีดี ใจไม่น่าคิดไปทางไม่ดี เลย ดูเหตุการณ์ และลองสนทนากับท่านก่อน


   ในช่วงทำวัตรเย็น พระ 2 รูป กับโยม 1 คน ก็มานั่งอยู่หน้า พระประธาน

อาตมาสังเกตุ สีหน้าของหลวงพี่พูน รู้สึกว่าท่านจะดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอหลวงปู่แบบนี้ แต่ท่านก็เป็นพระที่สำรวม

ซึ่งจะมีปีติมาก ท่านก็เก็บอาการไว้

  หลังจากทำวัตรสวดมนต์เสร็จ อาตมาก็กะไว้ว่า จะสนทนาธรรมกับ หลวงปู่อ้วน ซะหน่อยเพื่อทดสอบภูมิธรรม

แต่ ท่านกับพานั่งกรรมฐาน ซึ่งพอเริ่มนั่งกรรมฐานก็สมาทานไม่ได้กำหนดเวลา ผมดูหลวงพี่พูน ท่านก็นั่งสงบดี

หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงผมก็ไม่เห็นท่านจะหยุดนั่งกรรมฐานกัน อาตมาเองจิตก็ว้าวุ่น นั่งไม่ได้อย่างทุกครั้่ง

วันนี้ต้อง ศิโรราบ กับพระ 2 รูปนี้แล้ว ในใจตอนนั้นก็คิดว่า

   พระอ้วน ๆ นั่งกรรมฐานเก่งจริง 2 ชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่ขยับเลย ในใจตอนนั้นเริ่มมีความศรัทธาจากภาพที่

ปรากฏต่อหน้า นี่แหละน้ามนุษย์ คิดเป็น 108 พันประการ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะคิดเลย

  ตั้งใจไว้ว่าจะสนทนากับท่านให้ได้ แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร ตัวเองกับผลอยหลับไปตรงที่นอนตรงนั้น ตื่นมาอีกครั้ง

ก็ดึก ขนาดไหนก็ไม่รู้ ที่ตัวมีผ้าจีวรพระ น่าจะเป็นของหลวงพี่พูนท่านสละสังฆาฏิ เป็นผ้าห่มให้อาตมาเพราะท่าน

พาดสังฆาฏิ ไว้ตอนนี้ไม่มี ลืมตามองขึ้นเห็น ก็ยังเห็นพระทั้ง 2 รูปนั่งกรรมฐานกันอยู่อีก

   ด้วยความง่วง ก็เลยนอนหลับต่อไปทั้งอย่างนั้น ........


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2010, 05:25:11 am โดย นิรนาม_พุทโธ »
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
นี่หรือ หลวงปู่.......ทำไม....และก็ ทำไม...
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 02:31:49 am »
0
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับคำว่า อาตมา จึง ขอเปลี่ยนสรรพนาม ว่าอาตมา เป็น ผม ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

ดังนั้นคำว่า ผม ในที่นี่ ก็แทนคำว่า อาตมา ซึ่งก็ึคือ หลวงพ่อนิรนามท่านเล่าให้ผมฟัง อีกทีนะครับ ไม่ใช่ตัวผมผู้

พิมพ์อยู่ตอนนี้



ตีห้า เสียงสวดมนต์ ประสานเสียงก้องในถ้ำเบา ๆ คลอ ๆ อยู่พอให้ได้ยิน

ผม(อาตมา)ได้ยินแล้วจึงลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับพับผ้าสังฆาฏิ วางไว้ด้านหลังหลวงพี่พูน

อาจจะเป็นเพราะว่า เมื่อคืนนอนหลับแต่หัวค่ำ และ อากาศที่นี่ช่าง บริสุทธิ์สดชื่น

ผมมาพักอยู่ที่นี่ก็หลาย คืน รู้สึกได้เลยว่าสุขภาพ ดีขึ้นมาก ๆ ต่างจากที่บ้านมาก ๆ

ในตอนเช้า ก็เห็นพระทั้งสองรูปเตรียมออกบิณฑบาตร ผมเองก็ไปจัดแจงเตรียม หุงข้าว

และทำปลากระป๋อง ทรงเครื่องไว้ใส่บาตร พอสาย ๆ ก็เห็นพระทั้งสองรูป กลับมา

ก็เป็นวันแรก ที่ผมได้ไปยืนดักใส่บาตรท่านเ้ป็นครั้งแรก ใส่บาตรเสร็จ หลังจากท่านพิจารณา

อาหารแล้ว ก่อนจะนั่งฉันต่อ ท่านก็เรียกให้ผมไปรับอาหารบางส่วนมาทาน

อาการกิริยา ดูแล้ว ผมเห็นสำรวมมาก ๆ โดยเฉพาะหลวงพี่พูน วันนี้ค่อนข้างจะฉันอย่างช้า

มาก ๆ ส่วน หลวงพี่อ้วน ( หลวงปู่ ) นั้นท่านก็ฉันปกติ พร้อมทอดสายตามองออกไปยังด้านหน้า

วันนี้ผมสังเกตุ พระทั้งสองรูป ฉันอาหารในบาตรโดยใช้มือเปิป กันโดยตรง เลยครับ

ซึ่งไม่ได้สังเกตุมาหลายวัน เพราะไม่เคยไปนั่งมองท่านนั่งฉัน

  วันนี้นั่งมองพระทั้งสองรูปนั่งฉัน ไป ท่านก็นั่งฉันกันจริง ๆ ไม่มีการพูดคุยกันแม้สักครั้งเดียว

ใช้เวลาฉันกันประมาณ 30 นาที สำหรับผมนั้นเป็นเวลาที่นานมากครับ เพราะว่าวันนี้ตั้งใจจะ

จะทานหลังพระฉันเสร็จ ถึงท่านจะมอบอาหารให้มาแล้วแต่ก็อยากเห็นการใช้ชีวิตของพระท่าน

เป็นอยู่อย่างไร สำหรับคนที่อยากบวช อย่างผมอยู่นั้นก็ย่อมจะสังเกตุท่าที ของพระอยู่แล้ว

  หลังจากพระทั้งสองรูป ฉันเสร็จ ท่านก็ถอดจีวร ผึ่งแดดไว้ เห็นจีวรของท่าน ชุ่มด้วยเหงื่อ

ผ้าจีวรสีหม่น เก่า คร่ำคร่า ทำไมพระท่านยินดีในผ้าเก่า ๆ อย่างนี้ สีก็ดูจะซีด ๆ ผมคิดในใจ

แต่ก็ช่วยท่านเก็บของอาสนะ และ กลับมานั่งทานอาหาร หลวงพี่พูน ก็เดินเข้ามากระซิบว่า

เดี๋ยววันนี้โยมก็จะได้คุย กับหลวงปู่ แล้วนะ สงสัยอะไรก็ถามหลวงปู่เลย หลวงพี่พูน พูดกับผม

พร้อมน้ำเสียงที่แสดงความยินดีกับที่ผมจะได้สนทนากับที่หลวงพี่อ้วน ( หลวงปู่ ) สำหรับผมนั้น

แทบจะว่านับถือ หลวงพี่อ้วน ( หลวงปู่ ) หรือป่าวในตอนนั้น ด้วยรูปลักษณ์ที่ผมเห็นแล้ว ความ

สำรวมนั้นผมว่า ท่านจะน้อยกว่าหลวงพี่พูนด้วยซ้ำไป อาจจะเป็นเพราะว่าท่านมีรูปร่างอ้วน การ

เคลื่อนไหวของท่านผมจึงมีอคติ ในใจอยู่หลายส่วน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเดิน

เหิน หรือทำกิจของสงฆ์แล้ว ที่ผมสังเกตุดูก็แทบไม่น่าเชื่อว่าท่านก็ทำได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการ

นั่งพับเีพีัยบ นี้ท่านก็นั่งเป็นปกติ ในขณะที่ผมนั้นยังนั่งขัดตะหมาด อยู่เลย หลวงพี่พูน ท่านพูดขนาดนี้

ก็แสดงว่าท่านก็ต้องมีดี บ้างละ ในใจก็นึกแย้งขึ้นมาบ้าง ก็กะว่า เที่ยง ๆ หรือ บ่าย ๆ จะได้สนทนากับท่าน

ผมเองก็นั่งทานข้าวต่อไป ....
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2010, 02:57:08 am »
0
ช่วงนี้ ติดงานครับ การอัพเดทเืรื่อง จึงล่าช้าบ้าง

แจ้งให้ สมาชิก รับทราบครับ ผมจะทะยอยพิมพ์ ไปเรื่อย ๆ ครับ

 :25:
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 03:41:08 pm »
0
 :58:
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ .......
 :25:
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

translate

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 105
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 10:03:15 pm »
0
ผมตามอ่านเรื่องนี้ มาตลอดครับ

คุณ นิรนาม_พุทโธ เมื่อไรจะมา เล่าต่อครับ

ที่ผมสนในเรื่องนี้ เป็นเรื่องการภาวนา ของพระคุณเจ้า หลวงพ่อนิรนาม ว่าท่านภาวนากรรมฐาน อะไร

เป็นศิษย์ใคร อ่านแล้วค้างมาหลายเดือนแล้วครับ

มาเล่าต่อ ด้วยครับ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 10:28:14 am »
0
ผมก็อยากอ่านต่อครับ

สงสัย คุณ นิรนาม_พุทโธ ติดงานแน่ ๆ

 :25:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2010, 08:55:17 pm »
0
ช่วงนี้ มีงานครับ และติดน้ำท่วมที่อยุธยา อยู่ครับ

คงต้องรออีกสักระยะครับ

ขอบคุณที่ติดตามกันครับ

 :25:
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ลองภูมิ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 12:37:13 pm »
0
ตอน ลองภูิมิ ลองธรรม



หลังจากที่ผม คิดดังนั้น ก็เลยคิดในใจ ถึงวิธีการต่าง ๆ ที่เราจะทดสอบ หลวงพี่อ้วน

เพราะในใจ คิดว่าไม่น่าจะเป็นพระที่ปฏบัติ ดี ปฏิบัติชอบ แต่พอ นึกถึง หลวงพี่พูนแล้ว

ในใจก็คิดขัดแย้ง แผนการณ์ต่าง ๆ จึงผุดขึ้นมาต่าง ๆ หลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นแง่มุม ที่ถือดี ของตนเอง

ในแง่ แห่งธรรม ที่จะลองถามด้วยปัญญา คิดอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมง จนพระทั้งสองรูป บิณฑบาตร กลับมา

ในใจก็ยังคิดวิธีการณ์ จังหวะนั้นหันไปมองหลวงพี่อ้วน ท่านก็หันมามอง สบตาแล้วก็ยิ้ม สักพัก ท่านก็หัวเราะ

พอได้ยินท่านหัวเราะ อ๊ะไ้ด้การ ล่ะ พระอรหันต์ ท่านไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ นี่เคยฟังมาจากพระสายธรรมยุติ ให้ฟังว่า

 พระอรหันต์นั้น ท่านไม่แสดงอารมณ์ เพราะท่านไม่มีอารมณ์ ท่านจะไม่หัวเราะ ไม่ยิ้ม ไม่ร้องไห้ ไม่กระโดด

 ไม่โลดโผน ไม่วิ่ง ท่านจะมีอาการสำรวม ตาจะทอดไปข้างหน้าเพียง 4 ศอก  คิดอย่างนี้ ก็คิดได้ว่า ได้การละ

อย่างไร หลวงพี่อ้วน ดูแล้วไม่น่าจะปฏิบัติอะไรได้สักเท่าไหร่

   ท่านผู้อ่าน คิดดูสิว่า ในใจนอกจาก จะดูหมิ่น ดูถูก ทั้งปรามาส บุคคลที่พึ่งเห็นกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง อะไร

กันนี่ กับชีวิตของมนุษย์ ที่ศึกษาปฏิบัติธรรมมา 10 กว่าปี มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นทุกข์ เพราะอะไร

นะหรือ เพราะว่าความถือดี อวดเก่ง เข้าใจว่า ตัวเองเยี่ยมกว่า ดีกว่า เลิศกว่า ไม่มีใครเลิศกว่า ดีกว่า เก่งกว่า

ความถือดีอันดี มันฝังอยู่ลึกในจิต และฝังอยู่ลึกในใจ มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่เพราะความถือดีแหละที่ทำให้

เราคิดทางที่ผิด ไม่ยินยอม คล้อยตามถูกก็หลายครั้ง

   พอใจคิดดังนั้น ก็กะไ้ว้ว่า รอ หลวงพี่อ้วน และ หลวงพี่พูน ฉันอาหารเสร็จ สักบ่าย ๆ เราจะได้เริ่ม

 สัปปยุตด้วยวาทะ กับหลวงพี่อ้วน สักหน่อย

   พอทานข้าว เสร็จก็เลย นอนงีบไปพัก......


 
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

บุญเอก

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 516
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มีนาคม 22, 2011, 07:19:54 pm »
0
ติดตามเรื่องนี้อยู่ด้วยครับ

 :s_good:
บันทึกการเข้า
ทำงานอาสา หวังช่วยคนตกยาก แม้จะลำบาก แต่ก็จะทำโดยความไม่หนักใจ
อาสากตัญญู พัทยา ยินดีรับใช้

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 01:51:11 pm »
0
สำหรับเรื่อง กระทู้นี้ เจ้าของกระทู้ยังไม่ได้หยุดเขียน เพียงแต่ว่าได้ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ คือ เกาหลี
แจ้งกลับมาว่า อินเตอร์เน็ต ต่างประเทศนั้นมาที่เว็บ ช้ามาก ( อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจ ) คงต้องรอเจ้าของเรื่องกลับมา
ในกลางปีหน้า นะจ๊ะ

ดังนั้นอ่านตั้งแต่ต้นมา ก็ถือว่า เนื้อเรื่องก็มีความน่าสนใจดี

 ;)
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 06:06:08 pm »
0
ขอบคุณพระอาจารย์ ที่ลงประกาศให้ครับ ผมไปประจำงานอยู่ที่เกาหลี นะครับ
ดังนั้นช่วงนี้ จึงไม่ค่อยได้โพสต์ ได้แต่อ่าน แต่ที่ประเทศนั้น เน็ตช้ามาก เพราะเป็นจุดอับสัญญาณ
เน็ตด้วย ใช้มือถือคอนเน็ก ไม่ค่อยจะได้ครับ

จึงต้องขออภัยเพื่อน ๆ ในที่นี้ วิสาขบูชา พึ่งจะได้กลับมาพักสักอาทิตย์ที่ชลบุรี ครับ


 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

nithi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2011, 04:18:51 pm »
0
ถ้ากลับมาแล้วมาเขียนต่อ นะครับ ถ้าผมไม่ตายไปก่อนจะติดตามผลงานต่อไปครับ
อนุโมทนาด้วยครับ
 :25:
บันทึกการเข้า
ขุมทรัพย์แห่ง ความหลุดพ้น ปรากฏอยู่ที่พระไตรปิฏก อ่านพระไตรปิฏก มาก ๆ
 ก็จะเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ ของจริงต้องตาม พุทธวัจนะ

winyuchon

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 125
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มีนาคม 20, 2012, 09:56:12 am »
0
ติดตามเรื่องนี้ อยู่นะครับ ผู้เขียนหยุดเล่าไปนานแล้วนะครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

Hugh Streicher

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 4
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: บันทึกการภาวนา พุทโธ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2012, 02:41:39 pm »
0
ขอบคุณเนื้อหาดีๆ    :25:
บันทึกการเข้า