ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - มะยม
หน้า: [1] 2
1  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เมื่อฉัน เลิกดื่มกาแฟ นานหนึ่งเดือน และรู้สึกทึ่งกับ ผลลัพธ์ที่ได้ เมื่อ: กันยายน 11, 2018, 09:40:04 am
 st11 st12 st12
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สังคมเพลีย.! คนเราจะบ้า “LIKE” อะไรกันนักหนา.?! เมื่อ: กันยายน 11, 2018, 09:39:47 am
ติดเฟส คะ ยอมรับ ไม่ได้มาเยี่ยม เว็บ นานแล้ว
 thk56 :49:
3  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สักการะ “พระธาตุนาดูน” ยลโฉม “สะพานไม้แกดำ” สุดคลาสสิก สัมผัสวิถีชุมชน มหาสารคาม เมื่อ: กันยายน 11, 2018, 09:39:02 am
 st11 st12 st12
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอความร่วมมือ สมาชิก เพื่อสำรวจสถานะ ของสมาชิก เพื่อ ธรรมวิจยะ ให้เหมาะสม เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2016, 12:46:42 pm
ยังไม่มีข้อสรุป ว่าจะเป็นแบบไหนครับ เพราะเรียน จะไปทำงาน คิดว่า ธรรมะ เป็นเรื่องปลาย ๆ ชีวิต เพื่อนๆ ผมไม่มีใครสนใจ และผมก็ไม่อยากเป็นพวกแตกกลุ่ม เพราะว่า ถ้าแนวธรรมมาก ๆ มันก็ทำให้การสรวลเสเฮฮา กับเพื่อนๆ ไม่ได้ กะล่อนไม่ได้ เคยลองอยู่ครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าชีวิตถูกปั้นให้เป็นหุ่นไม้ ไป เพื่อนหนีหายหมด เลยต้องกลับมา เป็นลิง เป็น ค่าง เหมือนเดิม เพราะรู้สึกเหงามาก เวลาขาดเพื่อนฝูงเฮฮาปาร์ตี้ ครับ

 แต่ก็คิดว่า บั้นปลาย ก็น่าจะดีกว่า ตายาย ครับ เพราะท่านไม่ได้ศึกษาอ่านอย่างผม ถึงผมจะยังไม่ตัดสินใจ ก็ล็อกอิน เข้ามาอ่าน แทบทุกวัน ครับ

 thk56 like1
5  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมส่ง ส.ค.ส. 2558 แบ่งปันความสุข ซึ่งกัน และกัน กันเถิด เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 05:16:49 am
6  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับ กองผ้าป่า ช่วยเหลือ สำนักงานส่งเสริมพระกรรมฐาน ปี 2557 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2014, 10:16:31 am
 st11 st12
7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: หนังสือ เพียงหยดหนึ่งแห่ง พระธรรม อาจจะเปิดดาวน์โหลด เป็น PDF เมื่อ: กันยายน 26, 2014, 06:45:11 pm
จัดพิมพ์ หนังสือ เท่านั้น

 เฮา คนโบราณ ตาม กรรมฐาน โบราณ

   :25: :25: :25:
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ปณิธาน ในการภาวนา และการเผยแผ่ พระธรรม เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2014, 09:53:54 am
 st11 st12
9  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เรียนเชิญ ส่งภาพ ส.ค.ส. ดิจิตอล ส่งความสุข ส่งท้ายปี 2555 ต้อนรับปี 2556 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 05:03:06 pm
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับผู้สนับสนุน notebook ให้แก่ สนง.ส่งเสริมกรรมฐาน 15 ก.ค.55 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2012, 09:32:50 am



อนุโมทนา ครับ
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับผู้สนับสนุน notebook ให้แก่ สนง.ส่งเสริมกรรมฐาน 15 ก.ค.55 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2012, 02:05:51 pm
อนุโมทนา กับกุศลครั้ง นี้ครับ แต่ของแถมได้หลายอย่างนะครับ ดูจากภาพแล้วอยากได้บ้าง



 
12  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ด่วน "ประกาศถึงสมาชิก ทุกท่าน เกี่ยวกับการใช้งานบอร์ด" โปรดอ่านกันด้วย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2012, 12:01:22 pm
รับทราบ ครับ และ จะปฏิบัติตามครับ
ขอให้ทีมงาน ทุกท่าน แข็งแรง ทุกท่านนะครับ

  :s_hi: :s_hi: :c017:
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / Re: หลวงปู่สุก ใช้ใบไม้แห้ง ๒ ใบ ก็ข้ามโขงได้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 10:38:59 am
สาธุึ สาธุ สาธุ

  :25: :25: :25:
14  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / Re: วิธีฝึกกัมมัฏฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ของสังฆราช(สุก) เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 10:38:36 am
ู^_^  รู้่สึกว่า อ่านง่ายขึ้นกว่า เดิมมากคะ

 สาธุ สาธุ สาธุ

 
15  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: คุณยินดีหรือไม่ที่มีโอกาสได้ใช้หนี้กรรม เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2012, 09:43:26 am
ท่านฮวงโป / ท่านเว่ยหล่าง / ท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ  มีศิษย์มากเป็นพัน แต่ ศิษย์สืบทอด มีเพียง 1 และ 2 และ 3 และ 4 เท่านั้น

   การเรียนธรรม กับครูอาจารย์ จะมีความสำคัญได้ ก็คือ ศิษย์ต้องมีความเคารพใน ครูอาจารย์ เพราะสายสัมพันธ์ ระหว่างศิษย์กับ ครูอาจารย์ นั้นอยู่ที่ความนับถือซึ่งกันและกัน  ไม่ใช่เกิดจากสายเลือด

  เพราะเห็นความสำคัญ ของครูอาจารย์ ศิษย์ก็จะได้วิชา ( ธรรม )  จริง ๆ

  เชื่อว่าคุณ nongyao มีโอกาส ได้พบพระอาจารย์ นะคะ ควรใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์ ที่จะได้ศึกษาธรรม คะ


   :s_hi:
16  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ใคร เคยเห็น ผี จริงๆ บ้าง ช่วยเล่าให้ฟังบ้าง แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2012, 09:42:20 am
ไม่เคยเจอ ครับ
 :29:
17  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระอรหันต์ เวลาหลับ ก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ใช่หรือไม่ครับ ? เมื่อ: มกราคม 23, 2012, 11:24:25 am
โปดรอ่านเนื้อเรื่องก่อนนะครับ

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ วินัยปิฎกที่ ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค
เรื่องพระอรหันต์เมืองภัททิยะจำวัดหลับ
[๖๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง อยู่ในที่พักกลางวันในป่าชาติยาวัน แขวงเมือง
ภัททิยะ จำวัดหลับอยู่ อวัยวะใหญ่น้อยของภิกษุนั้นถูกลมรำเพยให้ตึงตัว สตรีผู้หนึ่งพบเข้าแล้ว
ได้นั่งคร่อมองค์กำเนิด กระทำการพอแก่ความประสงค์ แล้วหลีกไป ภิกษุเห็นองค์กำเนิด
เปรอะเปื้อน จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
องค์กำเนิดเป็นอวัยวะใช้การได้ด้วยอาการ ๕ อย่าง คือ กำหนัด ๑ ปวดอุจจาระ ๑ ปวดปัสสาวะ ๑
ถูกลมรำเพย ๑ ถูกบุ้งขน ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย องค์กำเนิดเป็นอวัยวะใช้การได้ ด้วยอาการ
๕ อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย องค์กำเนิดของภิกษุนั้น พึงเป็นอวัยวะใช้การได้ ด้วยความกำหนัดใด
ข้อนั้นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส เพราะภิกษุนั้นเป็นอรหันต์ ภิกษุนั้นไม่ต้องอาบัติ.

จากเรื่องที่อ่านแสดงให้เห็นว่า เวลาพระอรหันต์ท่านหลับ ก็ไม่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดาใช่หรือไม่ครับ ?
18  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำไม ต้องเพ่งจิตไปยัง ฐานจิต ด้วยครับ เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 09:06:18 am
ทำไม ต้องเพ่งจิตไปยัง ฐานจิต ด้วยครับ
ไม่ต้องเพ่ง ฐานจิต ลงไปยัง ฐานจิต ต่าง ๆ นั้นได้หรือไม่ ครับ

  :25:
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เจริญธรรม วันธรรมสวนะ ( วันพระ ) ปฐมบท เมื่อ: ธันวาคม 18, 2011, 07:16:56 am





 :49:

จะพยายามทำไปเรื่อย ๆ ครับ

20  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สงสัยเรื่องจักรวาฬ ที่มีภูเขา สิเนรุ อะไรป่านนี้ มาจากพระไตรปิฏกเล่มไหนครับ เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 09:51:36 am
สงสัยเรื่องจักรวาฬ ที่มีภูเขา สิเนรุ อะไรป่านนี้ มาจากพระไตรปิฏกเล่มไหนครับ

คือสงสัยว่า มีที่มาอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ถึงขนาดนี้ เลยหรือครับ

  :c017: :smiley_confused1:
21  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ปีใหม่ นี้ เพื่อน ๆ สมาชิก อยากทำอะไรกันบ้างครับ ? เมื่อ: ธันวาคม 13, 2011, 09:41:41 am


อยากทำบุญกับพระอาจารย์ คะ
เพราะโอกาสไม่มี เลยคะ

  :25: :25: :25:
22  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ร่วมอวยพร ส่งความสุข ด้วยการ์ด ดิจิตอล ต้อนรับปี 2555 / 2012 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2011, 12:02:43 pm
23  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ขอแจ้งเรื่องการบวชนะครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2011, 09:28:36 am
อันนี้บวช ที่ไหนครับ

อนุโมทนา ด้วยครับ


 :s_hi:
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: จองกฐินวัดปากน้ำคนล่าสุดรอ 454 ปี เมื่อ: ตุลาคม 25, 2011, 09:42:37 am
ความเป็นจริง ก็คือ ความเป็นจริง

 น้ำตกไม่ทั่วฟ้า ปลามองไม่เห็นน้ำ แต่ทุกข์สุขมีปนเปกันอยู่ทั่วโลก

 :03:


 อนุโมทนา กับผู้ที่มีกำลังใจในการทอดกฐิน ที่จองกันไป ถึง 454 ปี ซึ่งความเป็นจริงแล้วอีก 500 ปีข้างหน้าระบบของวัดในพระพุทธศาสนา จะเปลี่ยนแปงเป็นอย่างไร ถ้าตามหลักการน้ำแผ่ท่วมกรุงเทพก็ประมาณ 50 ปี กระมัง เท่าที่เห็นการป้องกันที่พยายามรับแค่น้ำบ่า ก็เห็นว่าแย่แล้ว ถ้าต้องรับน้ำที่มาจากทะเลอีก 50 ปีข้างหน้าด้วยแล้วเห็นว่า น่าจะต้องดูกันอีกนาน.....

  ก็สาธุ กับท่านที่มีความตั้งใจกันไว้ ขนาดนั้น ด้วยเจ้าคะ

 :25: :25: :25:
25  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ความเหลื่อมล้ำ ของ คนรวย จนในประเทศไทย เมื่อ: ตุลาคม 12, 2011, 10:17:25 am



ความเหลื่อมล้ำ ของ คนรวย จนในประเทศไทย
26  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / น้ำท่วมประเทศไทยตอนนี้ ที่เห็นแสดงให้เห็นความเห็นแก่ตัว ของ คนไทยอย่างชัดเจน เมื่อ: ตุลาคม 12, 2011, 10:06:21 am
ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา


ขอบคุณจาก http://www.lampangclub.com

ใครว่าคนไทยเป็นคนใจกว้าง มีความโอบอ้อมอารี เอื่อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปัน 
 
 
ผมว่า...พูดผิดพูดใหม่ได้นะครับ 
 
เพราะ กรณีน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกตั้งแต่จังหวัดในภาคเหนือ เช่น จังหวัดอุตรดิตถ์ไล่ลงมาจนถึงจังหวัดในภาคกลาง เช่น สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยาฯลฯ
 
ล้วนแสดงให้เห็นถึงความมักง่ายและความเห็นแก่ตัวของคนไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้   
 
ตัวอย่าง ปัญหาน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนจากสังคมของ การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขไปเป็นสังคมของความเห็นแก่ตัวอย่างสมบูรณ์ คนที่มีเงินหรือมีอำนาจทางเศรษฐกิจเหนือกว่าก็สามารถเอาเปรียบคนยากคนจน ได้(อย่างหน้าชื่นตาบาน) ลองดูตัวอย่างดังต่อไปนี้นะครับ
 
 
ตัวอย่าง ที่หนึ่ง การปล่อยปะละเลยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในภาคเหนือเพื่อปลูกพืช เศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพด   แสดงให้เห็นว่านักธุรกิจหรือผู้ที่มีอิทธิพลทั้งหลายไม่เคยสนใจเลยว่าการทำ ธุรกิจที่ใช้ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบนั้นได้นำมาสู่การสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ที่ ทำหน้าที่เป็นต้นน้ำสำคัญของประเทศ พื้นที่ต้นน้ำเหล่านี้ทำหน้าที่ชะลอการไหลของน้ำในฤดูฝนและคลายน้ำที่อุ้ม ไว้ในฤดูแล้ง
 
 
เมื่อนักธุรกิจไทยเลือกที่จะรุกรานพื้นที่ป่าไม้ เพื่อปลูกข้าวโพดทั้งที่รู้ว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศและเป็นต้นตอของปัญหา น้ำท่วมน้ำแล้งของประเทศไทย ก็ย่อมแสดงให้เห็นถึงความมักง่ายและความเห็นแก่ตัวของกลุ่มทุนเหล่านี้ทั้ง สิ้น หลังจากที่นักธุรกิจค้าข้าวโพดได้กอบโกยผลประโยชน์จากการทำลายระบบนิเวศใน พื้นที่ต้นน้ำ เป็นที่พอใจแล้วก็แสดงความใจแคบโดยการทิ้งปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งให้คนยากคนจน ในชนบทในภาคกลาง
 
ตัวอย่างที่สอง น้ำเป็นทรัพยากรที่ไม่สามารถบริหารจัดการอย่างง่ายๆ ไม่งั้นคนเขาไม่เสียเวลาห้าปีแปดปีเพื่อร่ำเรียนวิชาชลศาสตร์หรือวิศวกรน้ำ หรอกครับ แต่การแก้ปัญหาน้ำท่วมในปัจจุบันกลับอาศัยความมักง่ายโดยการมอบให้ผู้ว่า ราชการจังหวัดต่างๆ รับผิดชอบการแก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดของตน
 
 
เช่น การสร้างทำนบกั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ในจังหวัดของตนเอง  แต่เคยคิดหรือไม่ว่าน้ำจำนวนนั้นจะถูกผลักออกไปท่วมจังหวัดอื่นๆ ถัดไปอย่างไรบ้าง ดังนั้น การป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่ดำเนินกันมาแบบว่าพื้นที่ใดมีเงินมากก็สร้าง เขื่อนให้สูงกว่าเพื่อผลักน้ำให้ไปท่วมพื้นที่อื่นหรือจังหวัดอื่นแทน ถ้าคนไทยยังแก้ปัญหากันแบบนี้ผมก็คิดว่าเป็นการทำงานที่เห็นแก่ตัวสิ้นดีและ เป็นการแก้ปัญหาแบบมักง่าย
 
ตัวอย่างที่สาม การพัฒนาตัวเมืองต่างๆ ผู้คนหวังแต่จะกอบโกยประโยชน์ใส่ตนเองโดยไม่แยแสต่อส่วนรวม ในการพัฒนาเมืองพบว่าทางไหลของน้ำเดิม เช่น ลำคลอง ลำห้วย ลำธารต่างๆ ที่เป็นทางระบายน้ำในฤดูฝนก็ถูกถมไปหมดเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ทาง เศรษฐกิจ
 
 
เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กอบโกยเงินโดยการถมทาง น้ำสาธารณะเพื่อทำหมู่บ้านจัดสรร เจ้าหน้าที่ของรัฐพอได้รับเงินค่าน้ำร้อนน้ำชาแล้วก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ สร้างถนนต่างๆ ก็ยกระดับให้สูงซะจนน้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ พื้นที่เขตธุรกิจหรือเขตอุตสาหกรรมก็สร้างทำนบกันน้ำไม่ให้ท่วมพื้นที่ของตน โดยให้คนยากคนจนในพื้นที่เกษตรกรรมต้องรับชะตากรรมกับปัญหาน้ำท่วมน้ำหลาก แทน การขยายตัวของพื้นที่เมืองในลักษณะเช่นนี้นอกจากไม่นำไปสู่การพัฒนาที่ ยั่งยืนแล้วช่างสะท้อนความด้อยพัฒนาคนอีกด้วย
 
ตัวอย่างที่สี่ เกิดเป็นคนกรุงเทพนี้ช่างวิเศษเสียจริงๆ กี่ปีต่อกี่ปีที่ประเทศไทยมีปัญหาน้ำท่วมสูงถึงหลังคาบ้าน ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายมากมาย ทรัพย์สมบัติของชาวบ้านที่ซื้อหามาด้วยเงินทองที่แสนจะหายากก็ถูกน้ำพัดพา อันตรธานไปหมด
 
แต่คนกรุงเทพยังคงใช้ชีวิตปกติ ว่างจากงานก็ช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง ทำสิ่งที่ตนเองสนใจ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาน้ำท่วมเลย
 
 
การ ที่คนกรุงเทพฯ ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเป็นเพราะคนกรุงเทพฯ มีเอกสิทธิ์และมีสตางค์มากพอทีจะสร้างแนวกันน้ำสองริมฝั่งแม่น้ำและปิดประตู กันน้ำทุกจุดเพื่อ  ป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าเขตกรุงเทพฯ เมื่อน้ำจำนวนนี้ไม่สามารถไหลเข้าพื้นที่กรุงเทพได้ มันก็ต้องไหลไปท่วมพื้นที่ข้างเคียงแทน
 
 
อย่างนี้ไม่เรียกว่า เป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างเห็นแก่ตัวก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้วครับ  ถามว่า...คนรวยในกรุงเทพฯเคยมีจิตใจที่คิดจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ เพื่อนำเงินรายได้ของชาวกรุงเทพฯไปชดเชยประชาชนในพื้นที่ข้างเคียงที่ ต้องอยู่ใต้น้ำแทนคนกรุงเทพหรือไม่...ไม่เคยและไม่คิดจะทำด้วย อย่างนี้ไม่เรียกว่าเอาเปรียบ ใจแคบ เห็นแก่ตัวก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว
 
นอก จากจะมีเล่ห์เหลี่ยมในการเอาเปรียบพื้นที่รอบๆแล้ว คนกรุงเทพฯ ก็ยังยกภาระการจ่ายค่าชดเชยทั้งหมดไปให้รัฐบาลกลางแทน อย่าลืมนะครับว่าเงินของรัฐบาลที่นำมาจ่ายเป็นค่าชดเชยน้ำท่วมก็คือเงินของ ประชาชนทั้งประเทศนั่นเอง  เมื่อรัฐบาลนำเงินจำนวนนี้มาจ่ายเป็นค่าชดเชยน้ำท่วมเสียแล้ว เงินที่จะนำมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศให้กับประชาชนในชนบทในอนาคต ก็ต้องถูกตัดทอนลงไป
 
 
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนกรุงเทพฯ ไม่ยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ แต่โยนภาระทั้งหมดให้คนจนในชนบทที่ต้องใช้เงินของตัวเองมาชดเชยให้ตัวเองจาก ปัญหาน้ำท่วม การทำแบบนี้เป็นวิธีการทางการคลังสาธารณะที่แยบยลมาก ผมเองไม่คิดเลยว่าคนไทยด้วยกันจะกล้าทำกันขนาดนี้
 
สรุปความได้ว่า การบริหารจัดการน้ำท่วมของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นเพียงการแก้ปัญหาแบบตัว ใครตัวมัน ใครมีเงินมากกว่า มีอำนาจทางเศรษฐกิจเหนือกว่า เช่น ชาวกรุงเทพมหานคร หรือคนในเขตเมืองใหญ่ๆ ก็ใช้อิทธิพลของตัวเองสร้างสิ่งปลูกสร้างที่แข็งแรงกว่าเพื่อผลักน้ำให้ไป ท่วมพื้นที่รอบนอกแทน ทำให้พื้นที่อื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอยู่แล้วต้องอยู่ใต้น้ำนานขึ้นและ/หรือเผชิญกับ ระดับน้ำที่สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น การกระทำอย่างนี้ไม่เรียกว่าเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว มักง่ายก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้วครับ.

 

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1316606565&grpid&catid=02&subcatid=0200

http://www.lampangclub.com/board/index.php?topic=7547.0
27  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watpanamjone.org/ วัดป่าน้ำโจน เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 09:52:08 am

เว็บไซต์  http://www.watpanamjone.org/
วัดป่าน้ำโจน



พระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม
วัดป่าน้ำโจน
เลขที่ 419 หมู่ 13 ต.พันชาลี
อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 65130
โทรศัพท์ 08-94387-648, 08-1886-8761


วัด ป่าน้ำโจน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2536 มี พระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นชาวสกลนครโดยกำเนิด อายุ 48 ปี พรรษา 18 (เมื่อปี พ.ศ. 2549) ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร แห่งวัดประชาชุมพลพัฒนาราม (วัดป่าบ้านหนองใหญ่) บ้านหนองใหญ่ ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ช่วงที่ออกธุดงค์เพื่อจะขึ้นไปพำนักในถ้ำแถบจังหวัดลำปางได้ผ่านพิษณุโลกและ พักปักกลดที่สวนมะม่วงของโยมคนหนึ่ง

จึงเป็นโอกาสให้คุณยายนันทนา นาคอินทร์ ได้รับฟังธรรมจากท่าน และด้วยเหตุที่ซาบซึ้งในรสพระธรรมและศรัทธาในปฏิปทาข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่ง ครัดของพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งคุณยายไม่เคยพบมาก่อน คุณยายจึงบริจาคที่ดินเพื่อสร้างวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน และนิมนต์พระอาจารย์อังคาร มาพำนักจำพรรษาอย่างถาวรจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ปัจจุบันวัดมีพระสงฆ์ 1 รูป คือพระอาจารย์อังคาร ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากวัดค่อนข้างขาดแคลน และพระอาจารย์เป็นคนพูดตรงโผงผาง

วัด ป่าน้ำโจน เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะกับนักปฏิบัติ นักภาวนา มากพอควร บริเวณวัดเป็นป่าร่มรื่นและสงบเย็น มีคนเข้า-ออกน้อยมาก ไม่มีไฟฟ้า ใช้การจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่าง กุฏิหลังคามุงแฝก กว้างประมาณ 2 x 3 เมตร ผนังทั้ง 4 ด้านใช้ผ้าจีวรเก่าเป็นม่านรูดเปิด-ปิด มีทางจงกรมที่เป็นส่วนตัวทุกกุฏิ เป็นวัดที่เน้นให้ผู้ไปปฏิบัติมีความมักน้อยสันโดด มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการสู้รบกับกิเลส-ตัญหาของตนเอง และเน้นให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะรู้จักเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ทางไปวัดค่อนข้างซับซ้อน

ธรรมะที่พระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม สอนเป็นธรรมะที่ค่อนข้างทันสมัยสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีเหตุมีผล ต้องพิจารณาและทดลองปฏิบัติก่อนแล้วจึงเชื่อ ซึ่งตรงตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งมีโอกาสไปพักค้างปฏิบัติที่วัดป่าน้ำโจนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ มีความเห็นว่าตัวพระอาจารย์เองมีความสามารถในการนำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า มาอธิบายหลักวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจ ในขณะที่การปฏิบัติยังยึดหลักพระป่าสายหลวงปู่มั่น

เบอร์โทรศัพท์ของ คุณยายนันทนา นาคอินทร์ หรือคุณจุ๋ม
ซึ่งพักค้างอยู่ที่วัดป่าน้ำโจน คือ 089-4387-648, 081-886-8761

การเดินทาง

- เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ไปถนนสายเอเซียเบี่ยงซ้ายไปใช้เส้นทางที่ผ่านอำเภอตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข11) ตรงไปใช้เส้นทางผ่านกิ่งอำเภอสากเหล็ก สู่อำเภอวังทอง สังเกตุปั้มบางจากขวามือ (กม. 27) กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายมือ ตรงบ้านวัดตายมไปวัดป่าน้ำโจน ระยะทาง ประมาณ 15 กิโลเมตร

- เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร เส้นผ่านจังหวัดนครสวรรค์สู่พิษณุโลกไปอำเภอวังทองเลี้ยวแยกขวาตรงไฟจราจร (เส้นไปกรุงเทพมหานคร) จากอำเภอวังทอง ไปบ้านวัดตายม ประมาณ 30 กิโลเมตร ถึงบ้านวัดตายมแล้วเลี้ยวซ้าย ไปวัดป่าน้ำโจนระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร

- เริ่มต้นจากอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร จากอำเภอวังทอง จะพบปั๊มน้ำมันบางจากอยู่ทางซ้ายมือ ตรงไปสักครู่จะพบป้ายบ้านวัดตายม และป้ายชี้ทางไปวัดป่าน้ำโจน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย และไปตามที่ป้ายบอกทางไปวัดป่าน้ำโจน ซึ่งจะมีเป็นระยะๆ อีกประมาณ 15 กิโลเมตร แล้วก็จะถึงวัดป่าน้ำโจน

28  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับผู้บริจาค เน็ตบุ๊ค ให้กับงาน สำันักงานส่งเสริมพระกรรมฐาน เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 11:32:34 am
นาน ๆ ได้เห็นโพสต์ ของพระอาจารย์ ต้องขอบคุณผู้บริจาคด้วยคะ

ทีทำให้พระอาจารย์ มาโพสต์ในช่วงกลางพรรษาได้ คะ

อนุโมทนา กับ ธรรมทาน ที่สนับสนุนครั้งนี้ด้วยคะ

  :25:
29  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำงานไปด้วย ฟังธรรมไปด้วย เป็นการไม่เคารพพระธรรมหรือไม่ เมื่อ: กันยายน 14, 2011, 10:30:36 am
วันก่อนได้ฟัง รายการ RDN ว่าการฟังธรรม โดยความเคารพ นั้นต้องตั้งสติ แล้วฟังด้วยความตั้งใจ

แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็เคารพธรรม

  ที่นี้เวลาตัวเองฟังธรรม ก็มักทำงานไปด้วย พูดคุยไปบ้าง อ่านหนังสืออยุ่ บ้าง

 อย่างนี้จัดเป็นการไม่เคารพธรรม ใช่หรือไม่ ครับ

 ถ้าอย่างนั้น เราควรทำอย่างไรดี ปิดเสียงรายการไปแล้วทำงานไป หรือ เปิดฟังไป ทำงานไปดี ครับ

  :smiley_confused1: :c017:
30  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / บ้านจิตสบาย ขอเชิญร่วมฟังธรรม 21 ส.ค.54 เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 08:54:33 am
วันอาทิตย์ที่  21  สิงหาคม  2554 

เวลา 9.00 - 11.00 น.  แสดงพระธรรมเทศนา 

โดยพระอาจาย์มานพ  อุปสโม
ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาราชนครินทร์
(เขาดินหนองแสง)  จ. จันทบุรี 

ณ ศาลาไตรสิกขา   บ้านจิตสบาย
พุทธมณฑลสาย 2


เวลา 13.00 - 15.00  แสดงพระธรรมเทศนา

โดย  อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง 

ณ ห้องกรรมฐาน   บ้านจิตสบาย



รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392
เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น. หยุดวันพุธ

31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เรื่องหลอนเรื่องที่สอง เกิดที่มหาลัย.. ประสพการณ์เรื่องสยองขวัญ เมื่อ: สิงหาคม 09, 2011, 08:55:03 am
ระหว่างทางป้าก็เมาท์ไปตลอดทาง ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อย  ดูป้าจะตื่นเต้นมาก เหมือนว่าปกติไม่ได้ออกมาดูข้างนอกน่ะ..

เดินขึ้นบันได (ธรรมดาๆ ) ป้าก็จับบันไดแล้วบ่นว่า สวย.. บันไดสวย... คือป้าปลื้มคณะเรามาก..


เดิน ขึ้นไปที่ "ห้องนั้น" มีอาจารย์อีกภาคเขาโผล่ออกมา เขาก็คงงงๆ ยืนมองกลุ่มเราอยู่ ป้าก็มองหน้าแก ค้อนขวับ.. "จ้องชั้นทำไม.."  อาจารย์ชายนั้นก็งง ผลุบเข้าห้องไป..

เราพาป้าไปดูห้องที่คาดว่าจะให้มาอยู่กัน เป็นห้องเลคเชอร์ใหญ่ ทำกิจกรรมได้ด้วย..

ก็ โอ้โลมป้า ว่าห้องนี้ดีนะ มีแอร์เย็น พวกป้ามาอยู่กันก่อนได้ รอให้ตึกเสร็จแล้วก็ค่อยกลับไปอยู่โรงละครไง  ป้าก็เห็นดีเห็นงามด้วย.. 

เรา ก็พากันกลับมาที่โรงละคร..   เราก็ขอให้ป้าช่วยพูดกับคนที่เหลืออยู่ ว่าให้ออกไปได้แล้ว ให้พากันไปอยู่ที่ห้องใหม่.. คือขอให้ป้าช่วยอธิบายให้พวกเขาเข้าใจกันน่ะ..

ป้าก็ช่วยเต็มที่ (คิดถึงแล้วตลกมาก) ป้าก็บอก "โฮ้ย..สงสารลูกหลานมัน  พวกเรา ไปกันเถอะ เขาหาห้องใหม่ให้แล้ว เย็นด้วย เย็นฉ่ำ ห้องสวยมาก บันไดส้วย สวย.. ไปกันเถอะพวกเรา "  คือแกก็เชิญชวนเต็มที่น่ะ  พวกที่เชื่อแกก็มี แต่ไม่เชื่อก็มี

พอถึงตรงนี้ ป้าก็ออกไป  เด็กคนนั้นก็ฟื้นขึ้นมา.. 

ตัวเราเองก็วิ่งไปดูทีละคน แล้วก็เจรจาจนออกไปกันหมด ที่ออกเองก็มีบ้าง สรุปแล้วเวลาผ่านไปสามชั่วโมงกว่า เหลืออยู่สองราย ไม่ยอมออก


รายแรก.. เข้าหลายตน  สามสี่ตน เวียนเข้าเวียนออก (เด็กคนนี้จิตอ่อนเป็นทุน และมารู้ทีหลังว่าครอบครัวมีประวัติเข้าทรง) 

เรา ได้สังเกตอาการใกล้ชิดเลย อาการตอนผีออก และอาการตอนผีเข้า  เด็กคนนี้ไม่พูดนะ ร้องไห้อย่างเดียว ไม่พูด ตัวสั่นบ้าง ร้องเพลงบ้าง โดนเข้าไปหลายตน

ผีนางรำ ผีนักร้อง ผีเด็กกุมาร และผีที่น่ากลัวที่สุดคือผีผู้ชาย.. 


อาการ ทางร่างกายมันชัดมากเลย ทั้งเหงื่อ ลมหายใจ การกระตุกของกล้ามเนื้อง..เด็กแกไม่ได้แสร้งทำเอามันแน่นอน..  บางทีดิ้นจนกระโปรงเปิด เด็กผู้ชายเพื่อนเขาก็ต้องคอยปิดให้  เราใช้ทุกไม้ที่รู้ตอนนั้นน่ะ..  สวดมนต์ อุทิศกุศล  ทั้งขู่ทั้งปลอบ.. ทั้งสัญญา เอาบุญมาจูงใจ สารพัดเลย.. เอาพระไปคล้องคอ.. 

สุดท้ายเหลือผู้ชายคนเดียวที่ไม่ออก..  คนนี้ไม่พูดไม่จา นั่งหน้าง้ำ..


พวกอาจารย์ก็ไม่รู้จะทำไงดี กำลังคิดว่าจะต้องไปหาพระมาแล้วล่ะมั้ง..

ทันใดนั้น..คุณผีก็ช่วย.. ป้ากิมจูก็เข้าร่างเด็กอีก  ก็เลยถามป้ากิมจูว่า คนนั้นเป็นใคร
ป้าบอกไม่รู้จัก คนนั้นอยู่มานาน ไม่ยุ่งกับใคร เขาไม่คบใคร..

อีก คนที่ยังไม่ออกก็ผู้ชาย เป็นคนสวน คนนี้ป้าว่านิสัยไม่ดี.. สรุปว่าป้าไม่ยุ่ง ป้าเข้ามาเฮฮาอีกสักพัก ป้าก็ออกไปเป็นการถาวร โดยอาจารย์อีกคนกับเด็กกลุ่มนึงพาป้าไปส่งที่ห้องนั้น

ได้ความรู้ว่าป้าไปเองไม่ได้ คนต้องพาไป..

เวรกรรม...!!


ตัวเราเองก็คิดๆๆๆ  คิดขึ้นมาได้มุขนึง.. เคยได้ยินเขาเล่ามาน่าจะลองใช้..

เราก็ควักแบงค์ร้อยค่ะ  เอาแบงค์ออกมา เดินไปหาเด็กคนนั้น..

แล้วก็บอกเขาว่า.. ที่ว่าเป็นข้าราชบริพารน่ะ จริงไหม..

ได้ ผลนะ ร่างนั้นหันขวับมามอง (จากที่นั่งก้มหน้าอยู่)  เราก็เอาแบงค์ที่มีรูปในหลวงให้เขาดู..  นี่ๆ เห็นมั้ย..  เห็นในหลวงมั้ย.. เขาก็คว้าแบงค์ไป

เราก็เป็นครูไง อบรมเลย..  ในหลวงของคุณรัชกาลที่ 6 ใช่ไหม.. (เขาพยักหน้า)

นี่ ในหลวงของเราในแบงค์ รัชกาลที่ 9 แล้วนะ.. ผ่านมาตั้ง 3 รัชกาลแล้วนะ.. คุณรู้ไหม.. คุณรักในหลวงไหมล่ะ... ในหลวงองค์นี้นะ.. ใจดีมากๆ เป็นหลานของในหลวงของคุณไง..   (เราเห็นเขาโอนอ่อนโยนลงก็รีบเสริม)  ถ้าเป็นข้าราชการก็ต้องเคารพในหลวงใช่ไหม..  จะขัดคำสั่งไม่ได้นะ..  ต้องทำดีใช่ไหม..

นี่ๆ เด็กคนนี้ก็เรียนที่นี่ อยู่ในวังก็เป็นคนของในหลวงเหมือนกัน..  เด็กพวกนี้เป็นข้าราชบริพารเหมือนกัน  คุณทำร้ายเขาไม่ได้นะ..  เขาเหนื่อยมากแล้ว สงสารเขา ให้คุณออกไปก่อน แล้วจะให้เด็กคนนี้เอาเงินนี้ไปทำสังฆทานให้คุณโอเคไหม..

เขาก็ลังเล จับแบ้งค์กำแน่น ร้องไห้ด้วย..   เราก็ย้ำว่า เงินนี่น่ะ ถือไปเลย..

เดี๋ยวคุณออกไปแล้ว จะพาเด็กคนนี้ไปทำสังฆทานให้เลย..  อย่ามารบกวนกัน
เราเป็นอาจารย์เขา เรารับรองว่าจะไม่ให้เดือนร้อนกัน ให้อยู่กันต่อไปได้ โอเคไหม..

เขาพยักหน้า.. แล้วก็ออกไป..







อันนี้นี่เป็นฉากตื่นเต้นที่สุด  จบฉากไปแล้ว เพื่อนเข้าก็ปฐมพยาบาลเด็กคนนั้นก็มีสติกลับมาเป็นปกติ

เราก็ถอยมานั่งหมดแรง.. ใจยังเต้นอยู่เลย..   ในหลวงนี่แม้แต่ผียังรักเลย.. ใช้ได้ผลจริงด้วยแฮะ...

จากคุณ    : chaosy
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องหลอนเรื่องที่สอง เกิดที่มหาลัย.. ประสพการณ์เรื่องสยองขวัญ เมื่อ: สิงหาคม 09, 2011, 08:52:05 am
เปลี่ยนบรรยากาศ อ่านเรื่องเบา ๆ บ้างนะครับ


เรื่องหลอนเรื่องที่สอง  เกิดที่มหาลัย..

เรื่องนี้มีผลกับชีวิตเรามาก และนำเรามาสู่การปฏิบัติธรรมแบบเต็มๆ


วัน นึงเขาจะรื้ออาคารโรงละครเก่า เพื่อจะเอาที่ตรงนั้นสร้างอาคารใหม่  ทางที่ทำงานเราก็เลยจัดพิธีซะหน่อย  ด้วยความเชื่อในเรื่องครูอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ทั้งสถาบันนี่ก็คงจะมีแต่เด็กละครแหละที่เชื่อเรื่องอย่างนี้กัน  ทำละครทีก็มีบวงสรวงบ้าง จุดธูปไหว้บ้างตามเรื่อง


สมัยเรา เรียนก็จะออกแนวจุดธูปไหว้ อย่างมากก็มีน้ำบ้าง ก็เพื่อบูชาครู และท่านเจ้าที่เจ้าทางที่โรงละคร  แต่สมัยหลัง เด็กมันเพี้ยนกันไปใหญ่ ออกแนวมีอาหารคาวหวาน หัวหมู น้ำแดง เหล้า ด่ามันบอกมันก็ไม่เชื่อหรอก  คือมันเชื่อของมันไง  มันขลังดีใช่ไหม.. ก็สืบทอดกันมาจากพี่สู่น้อง (ไอ้เรื่องดีๆ น่ะมันไม่มีสีสัน มันเลยชอบสืบทอดเรื่องที่มีสีสัน แต่มันไม่ดีน่ะ..)


เราเองมารู้ทีหลังว่า.. ผีทั้งสถาบัน เขาก็คงมาชุมนุมกันแถวโรงละครเราแหละ... ก็เด็กมันไปเลี้ยงเขาไง  ใครจะเชื่อว่าจริง..  ไอ้ที่ทำกันก็ทำเพราะความเชื่อแหละ  แต่ที่จริงเด็กก็ไม่ได้เชื่อว่าจริงหรอก  ออกแนวสบายใจ แต่ไม่รู้ความจริง ไม่รู้ธรรมเนียมไง..


เราเคยออกปากเตือนไป แต่ก็เตือนไปด้วยความรู้สึก ไอ้เราก็ไม่เคยเห็นจริงเหมือนกัน.. เตือนไปว่า.. ครูอาจารย์ท่านไม่กินเหล้ากินนำแดงหรอกนะ  พวกเธอไปเซ่นไหว้ผี แล้วอย่ามาร้องกลัวผีนะ...  ว่าเด็กไปอย่างนี้ ไม่นึกว่าจะจริง..


เรื่อง มากระจ่าง เมื่อวันทำพิธีรื้อโรงละครนี่แหละ  เขาไม่ได้ทำพิธีสงฆ์หรอก เขาเชิญอาจารย์ผู้หญิงคนนึงมาจัดพิธีให้ แล้วอาจารย์ของเราเป็นอาจารย์ใหญ่ท่านก็อ่านโองการ.. ทำพิธีเอง ก็ขลังๆ แหละ..   คนมากันเป็นร้อย อาจารย์หลายท่านก็มาเป็นสักขีพยาน..     


เรื่อง มันเริ่มจากอาจารย์คนนึงเขาพูดทักไว้ว่า  อาจารย์ที่ทำพิธีบอกว่า ถ้ามีอะไรก็ให้ปล่อยตามธรรมชาติ อย่าไปฝืน..  เราฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร..


ลืมเล่าไปว่า.. คืนนั้น ใครไม่รู้ไปปลุกด้วย แล้วบอกให้แต่งชุดขาว..  เราก็เชื่อ แต่งชุดขาวมา..   พอถึงพิธีได้ฤกษ์ เขาก็ให้อาจารย์ขึ้นไปบนเวที เด็กก็อยู่ข้างล่างกัน ก็ทำพิธี..
พอเริ่มอ่านโองการ สาธยายมนต์ เด็กก็เริ่มร้องไห้ ตัวสั่น ตัวโยก..     ไอ้เราอยู่บนเวทีก็ชักรู้สึกเหมือนกัน มันซ่านชาขึ้นมาจากขา..   อาการเหมือนจะเข้าสมาธิน่ะ  แต่ในใจมันรู้ มันไม่เอา เลยขยับตัวบ่อยๆ ดูตูดอาจารย์ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า (ขอโทษ ทำอย่างนั้นจริงๆ ดูตูดเขาแล้วคิดว่า ตูดใหญ่จัง.. คือมันคิดขึ้นมาเอง ว่าทำแบบนี้แล้วจะดำรงสติไว้ได้น่ะ)

ระหว่างนั้นก็รู้ได้ว่า..อ๋อ.. อาการผีเข้าเป็นแบบนี้นี่เอง.. แล้วทำไมเขาให้เด็กปล่อยใจฟระ..ไม่ยุ่งกันใหญ่เหรอเนี่ย..   ยังคิดไม่จบ    ผู้ทำพิธีเขาก็เอาค้อนทุบหิน (เป็นพิธี) ว่าทุบโรงละครดังปังใหญ่..   เสียงเด็กสาวๆ กรี๊ด.. สนั่น.. 

ยุ่งกันใหญ่ล่ะทีนี้  พอทุบเสร็จก็จบพิธีช่วงแรก แต่เด็กๆ ไม่จบละสิ.. เริ่มออกอาการ

บ้างก็ตัวโยก ร้องไห้  แบบว่าไม่มีสติน่ะ   บ้างก็เริ่มร้องเพลง..  ส่งเสียงทำนองแปลกๆ คนนึงร้อง อีกคนก็ร้องตาม  เลยร้องกันระงม..

เรา ก็คิดว่า.. เออ..นะ  อุปทานหมู่แหง๋ๆ เลย (ลืมนึกว่าตัวเองก็เจอ จนต้องดูตูดอาจารย์ไง)  คือเด็กเรียนศิลปะมันอ่อนไหวน่ะ  คงจะรู้สึกผูกพันกับสถานที่มาก เลยเศร้าเสียใจ

พอคนนึงทำท่าว่าผีเข้า เลยโน้มน้าวใจตามๆ กันไป..   สรุปผีเข้าไปสิบกว่าคน.



เวลา ผ่านไป เป็นชั่วโมง  ผีก็ยังเข้าเด็กอยู่ เริ่มวุ่นกันแล้ว เพราะมันเยอะมาก  อาจารย์ผู้ใหญ่ก็กลับคณะไปงงๆ  ส่วนอาจารย์ในภาคก็นั่งดูเหตุการณ์ว่าจะเอาไงดี  ถามอาจารย์ที่ทำพิธี  เขาว่า.. เดี๋ยวก็หาย ปล่อยไปอย่างนั้นแหละ..   อาจารย์(เยอะนิ) ผู้สอนเลยได้แต่นั่งดูตาปริบๆ


เราเห็นท่าไม่ดี เลยเข้าไปดูเด็กทีละคน  ก็ออกแนวปฏิบัติการจิตวิทยาไง.. เข้าไปปลอบโยนเด็กๆ คือเขาสมมติว่าเขาเป็นผีใช่ไหม  เราก็สมมติตามเขา แล้วคุยกับเขา

ปลอบ ใจเขา  บอกไม่เป็นไร ทุบแล้วจะสร้างใหม่.. ไม่ต้องกลัว  เดี๋ยวจะทำบุญให้ bla bla bla.. ก็ได้ผลนะ..  จับเนื้อจับตัว บีบนวด ส่งความรู้สึกดีๆ ให้ เขาก็ออกไป  เด็กก็หาย.. บางคนหายแล้วก็รีบกลับหอไปเลย   (แต่บางคนหายแล้วก็เข้าใหม่อีกก็มี)

เราปฏิบัติการจิตวิทยาไปสักสามสี่คน  เริ่มคิดแล้วว่ามันไม่ใช่อุปาทานซะแล้วแฮะ..

คือเวลาที่ผีเข้าเนี่ยมันนานมาก ราวๆ สามสี่ชั่วโมง  เด็กคงไม่อุปาทานอะไรนานขนาดนั้น
เด็กก็เหนื่อย ครูก็เหนื่อย..  (ส่วนแม่หมอ ไม่พูดไม่จา พูดกับผี ผีก็ไม่พูดด้วยซะงั้น)


ใน ช่วงชั่วโมงที่สองเกือบสาม  เคสเบาๆ ก็ออกไปหมดแล้ว เด็กๆ ก็เริ่มฟื้นตัวมีสติ ดื่มน้ำหวานกันได้  นั่งคุยกันมั่ง หนีกลับหอมั่ง   แต่บางเคสยังไม่ออก 


มีเคสนึง แกพูดจาโต้ตอบได้ด้วย  เป็นคุณป้าอายุร้อยกว่าปี  บอกชื่อเสร็จสรรพ แกเล่าว่าเป็นนางรำ สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นลูกคนจีน พ่อแม่มาทิ้งไว้แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีก  แกก็เล่าว่าแกสวย ขาว รำเก่ง  เป็นคนที่เรียกว่าป๊อบปูล่า (เด็กที่โดนผีเข้าปี 4 แล้ว จะว่าแกแอคติ้งก็ได้ คือท่าทางเป็นคนแกขี้เล่นเลยนะ  แต่เรื่องที่เล่าเนี่ย..มันมีรายละเอียดมาก จนน่าสนใจว่าแกไม่น่าจะคิดบทละครสดได้ขนาดนี้)


คุณป้านี้ชื่อกิมจู (ขออนุญาตคุณป้านะ)  คุณป้าใจดีมากจนเด็กมันทะลึ่งถาม

เด็ก ถามว่าป้าดูละครธีซิสบ้างหรือเปล่า  ป้าก็บอกว่าดูทุกเรื่องแหละ ชอบ.. เค้าเล่นกันเก่งๆ ทั้งนั้น.. เด็กมันก็ล้อมเข้ามา ถามว่าป้าดูของหนูไหม ชอบไหม.. แย่งกันถาม

ป้าก็ว่าดู ดูทุกเรื่อง  เด็กคนนึงถามว่า.. ป้าชอบเรื่องไหนที่สุด.. (เราก็แอบกลั้นใจรอฟังคำตอบว่าป้าจะว่ายังไง)  ป้าบอกว่า.. ชอบหมด ดูเยอะจนจำไม่ได้หรอก ป้าชอบทุกเรื่อง.. ดูเชาว์ปัญญาป้านะ...


คราวนี้ครูถามมั่ง  ถามว่าเขาร้องเพลงอะไรกัน  ป้าบอกว่า เพลงนั้นเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง ชื่อเพลงกรุณา (เริ่มขนลุกกันแล้ว)  แต่เขาไม่ร้องเนื้อ ร้องแต่ทำนอง ทำนองฟังดูขนลุกทีเดียว.. เด็กมันฮัมๆ ประสานกัน ได้อารมณ์มาก


เราก็เริ่มถามป้า ว่ารู้จักใครบ้าง ป้าก็บอกว่ารู้จักหลายคน บางคนเป็นคนเก่าคนแก่
บางคนก็ไม่รู้จัก อยู่มาก่อนที่ป้าจะมา  ป้าแกก็แนะนำได้หลายคน ว่าเป็นคนนั้นคนนี้..

ไอ้ครูก็เข้าทางป้าไง  บอกป้า.. ป้าสงสารเด็กมันนะ ป้าบอกเขาได้ไหมว่าให้ออกไป

ป้าก็บอกว่า.. เขากลัวกัน เขากลัวไม่มีที่อยู่ เขาต้องการจะอยู่ที่นี่ แต่เราไปไล่เขา

เราก็บอกว่า เราเป็นอาจารย์ เราให้สัจจะเลยว่าไม่ไล่หรอก แค่จะทุบตึกเก่าทำตึกใหม่น่ะ

พวกป้าก็อยู่กันต่อไปได้นี่..

ป้าว่า..แล้วจะอยู่กันยังไงล่ะ ทุบตึกแล้วจะไม่มีที่อยู่นะ.. จะให้ทำไง...

อาจารย์ อีกคนมาร่วมด้วย บอกป้า.. หรือช่วงนี้ไปอยู่ห้องอื่นก่อนไหม เรามีตึกเยอะ..ไปอยู่ตึกใกล้ๆ นี้ชั่วคราวก่อนก็ได้ ว่าแล้วอาจารย์ท่านนี้ก็ชวนป้าไปดูห้องพักใหม่กัน..

ป้ายอมไปแฮะ..  เราก็เลยพาป้ากิมจูไปดูห้องพักที่ตึกอีกหลังนึง..

จากคุณ    : chaosy
33  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watmahawanaram.com วัดมหาวนาราม ( วัดป่าใหญ่ ) เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 11:15:01 am


http://www.watmahawanaram.com
วัดมหาวนาราม ( วัดป่าใหญ่ )


ประวัติ
     วัดมหาวนารามหรือที่ชาวอุบลนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “วัดป่าใหญ่”  เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี  อยู่ห่างไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของศาลากลางจังหวัด (หรือทุ่งศรีเมือง)   ประมาณ ๑ กิโลเมตร  เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง นามว่า พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
     วัดมหาวนาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ  ซึ่งเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกและแห่งเดียวของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย  ตั้งอยู่เลขที่ ๑๘๓  ถนนหลวง  ตำบลในเมือง  อำเภอเมือง  จังหวัดอุบลราชธานี  สังกัดคณะสงฆ์ตำบลในเมืองเขต ๑  สถานภาพดั้งเดิมเป็นสำนักสงฆ์ตามกฎหมาย เมื่อวันที่ ๑๐  เดือนมีนาคม  พ.ศ. ๒๔๖๐  หรือเป็นวัดก่อนใช้ พ.ร.บ.  คณะสงฆ์  พ.ศ. ๒๔๘๔  เป็นวิสุงคามสีมา  เมื่อวันที่ ๘  เดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ. ๒๔๖๕  เป็นพัทธสีมา  เมื่อวันที่ ๑๐  เดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ. ๒๔๖๘
     วัดมหาวนาราม  มีเนื้อที่ ๑๘ ไร่  ๒ งาน  ๙๕.๒-๑๐ วา-ศอก  ตามหนังสือสำคัญ  คือโฉนดเลขที่ ๑๙๔๓  ออกที่  ที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี

ที่ตั้ง/อาณาเขต
          - ทิศเหนือ จรดกับ ถนนสรรพสิทธิ์ และกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี
          - ทิศใต้ จรดกับ ถนนหลวง
          - ทิศตะวันออก จรดกับ ถนนเทพโยธี
          - ทิศตะวันตก จรดกับ ถนนหลวง และโรงเรียนเอนกวิทยา

การบริหารและการปกครอง
      ๑. พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา
      ๒. พระหงษ์
      ๓. พระสังวาลย์
      ๔. พระโสม
      ๕. พระพวง
      ๖. พระทอง
      ๗. พระครูเคน
      ๘. พระครูนวกรรมโกวิท (นาค ภูริปุญโญ) พ.ศ.๒๔๘๕ - พ.ศ.๒๕๒๘
      ๙. พระเทพกิตติมุนี (สมเกียรติ สมกิตฺติ ป.ธ.๖) พ.ศ.๒๕๒๙ - ปัจจุบัน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนให้ความเคารพศรัทธา
      พระ เจ้าใหญ่อินทร์แปลง สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา (เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ (วัดมหาวนาราม)) ได้พาลูกศิษย์และศิษยานุศิษย์ สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง ๖ ศอก สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี ๑๐ ศอก สร้างลงรักปิดทองด้วยพุทธศิลปะที่งดงาม เพื่อเป็นองค์แทนสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างสำเร็จเมื่อ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ (เดือนเมษายน) เป็นวันเฉลิมฉลองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เป็นประจำทุกปี

สภาพปัจจุบัน
     วัดมหาวนาราม ได้จัดระบบบริหารตามกรอบแห่งการปกครองคณะสงฆ์ภายใต้พระราชบัญญัติการปกครอง คณะสงฆ์ ๒๕๐๕ และตามกฏมหาเถรสมาคม  กล่าวคือ ได้แบ่งเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส ออกเป็นสัดส่วน โดยตัดถนนภายในวัดเป็น ๔ สาย มีประตูเข้าออกวัดทั้ง ๔ ด้าน
          - เขตพุทธวาส ได้แก่ พระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง และพระอุโบสถ
          - เขตสังฆาวาส ได้แก่ กุฏิ เสนาสนะสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่มีอยู่รอบวัด
          - เขตอุทยานการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงฆ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


http://www.watmahawanaram.com/index.php?option=com_content&view=article&id=46&Itemid=55
34  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๑๒ สิงหามหาราชินี เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 11:11:02 am


ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๑๒ สิงหามหาราชินี

ขอเชิญพุทธ ศาสนิกชนทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ

เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหามหาราชินี

ในวันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น.

 ณ พระวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม (พระอารามหลวง)

อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี


http://www.watmahawanaram.com
35  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ควรนั่งสมาธิ นานเท่าไร ต่อ วัน สำหรับมือใหม่ หัดปฏิบัติ เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2011, 04:49:53 pm
เราควรนั่งสมาธิ นานเท่าไร และ กี่ครั้ง ต่อวัน ครับ สำหรับ ผู้ปฏิบัติภาวนาใหม่ ครับ
ที่ดูแล้วไม่เกินกำลัง ไม่เกินความสามารถ

และผลของการ ทำสมาธิ วัดกันอย่างไร ครับ ว่าได้ผลจากการภาวนา

 :s_hi: :c017:


ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com
36  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: วันอัฏฐมีบูชา วันที่ชาวพุทธส่วนใหญ่มักจะลืม( วันนี้จัดเป็นวัน อัฏฐมีบูชา 26/5 ) เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2011, 09:36:33 am
อนุโมทนาสาธุ ครับ ผมเองก็พึ่งจะได้ทราบวันสำคัญวันนี้ด้วยครับ ปกติก็จะนึกถึงแต่วันวิสาขบูชา
จนลืมไปว่า วันที่ถวายพระเพลิง ก็สำคัญครับเหมือนกันครับ

  วันนี้เป็นวันที่ชาวพุทธ ได้รู้จักคำว่า พระบรมสารีริกธาตุ กันก็วันนี้

   ดังนั้นคนที่บูชา พระบรมสาีรีริกธาตุ แล้วควรจะได้ระลึกนึกถึงวันนี้ด้วยครับ


ขอบคุณภาพจาก http://catkm.cattelecom.com

เหตุแห่งการเป็นพระธาตุ

“กระดูกของปุถุชนผู้มีกิเลสหนา ตัณหาเหนียว ย่อมมีโครงสร้างสลับซับซ้อน ประกอบด้วยสารผสมเชิงซ้อนหลายชั้นจนมีสีดำกระดูกของผู้มีศีลธรรม ผู้มีกิเลศเบา ตัณหาบาง ย่อมมีโครงสร้างโปร่งประกอบด้วยสารประกอบที่มีความสับสนน้อย มักมีสีเทากระดูก ของพระอรหันต์ ผู้หมดจดปราศจากกิเลศตัณหา เพราะตัดสายอุปทาน (อันเป็นแรงร้อยยึดเหนี่ยว) เสียได้ กระดูกของท่านจึงสลายตัวกลายเป็นธาตุเดี่ยว กล่าวคือ ส่วนที่เป็นแคลเซียมก็รวมตัวกับแคลเซียม ส่วนที่เป็นซิลิคอนรวมกับซิลิคอน มีสีและคุณสมบัติเป็นธาตุอันอิสระตามเดิม ซึ่งเรียกว่า พระธาตุดังนี้ “จากหนังสือ พระไตรปิฏกฉบับพิเศษ ธรรมธาตุ ธรรมชาติแห่งสรรพสิ่ง ของ ไชย ณ พล

“พระ อริยะหรืออริยบุคคลที่ปฏิบัติธรรมถูกหลักธรรมจักรฯนั้น กายและ ใจของท่านจะได้รับการซักฟอก ชำระล้างด้วยวิมุตติธรรม(ธาตุธรรมอันบริสุทธิ์แท้อยู่ระหว่างรูปกับนาม อยู่เหนืออนิจจังแห่งภพสาม)อนุสัย และ อาสวะกิเลสทั้งหลายค่อยๆ ถูกขจัดออกไปจากส่วนต่างๆทั้งกายและใจ (ทุกส่วนของขันธ์ 5) ส่วนต่างๆที่ลมปราณเคยผ่านไปถึงจึงค่อยๆกลายเป็นพระธาตุไป กล่าวอย่างย่อก็คือว่า จิตอันบริสุทธิ์ของพระอรหันต์นั้น มีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นธาตุอันบริสุทธิ์ จึงเกิดเป็นพระธาตุได้”หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก ต.บ้านป่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระอริยะสำคัญสายพระอาจารย์มั่น และ เป็นสหายร่วมธุดงค์ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้เคยกล่าวไว้ว่า “อำนาจตบะที่อริยบุคคลได้ตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรเพื่อขัดเกลากิเลสนั้น มิได้แผดเผาชำระล้างเฉพาะกิเลสเท่านั้น หากแต่ได้แผดเผา ชำระล้าง ซักฟอกกระดูกในร่างกายให้กลายเป็นพระธาตุไปด้วยในขณะเดียวกัน”จากหนังสือพระบรมธาตุ ของ อ.บริภัทร

http://catkm.cattelecom.com/catblog/wittayasri/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8/
37  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ใครใช้ firefox version ต่ำกว่า version 4 อย่าพึ่ง udgrade version เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 10:30:43 pm
ใครใช้ firefox version ต่ำกว่า version 4 อย่าพึ่ง udgrade version

ผมได้ test ปรับเวอร์ชั่นเป็น เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป ตามคำเชิญของ firefox mozillar team

รุ่นใหม่ไม่เร็วจริงครับ ผมใช้อืดมาก ที่สำคัญ add on ที่สำคัญนั้นไม่ ทำงานด้วยกัน ยกตัวอย่าง

 adobe pdf ไม่เวิกค์ ไม่มีอัพเดท

 internet download maneger ไม่มีีอัพเดท

 อื่น ๆ อีกหลายอัน เลยครับ

 พวก Addon ถ้าเป็น firefox มีให้ uddate ครับ แต่ถ้าเป็น บ. อื่น ๆ ไม่มีครับที่ทำงาน ซัพพอร์ตกับ

เวอร์ชั่น 4 ผมเลยต้องกลับมาใช้เวอร์ชั่น 3.611 ครับ จึงกลับมาเป็นปกติครับ

คงต้องรอจากวันนี้อีกสักพัก ที่แน่ ๆ ไม่เร็วครับ เพราะมีระบบ หน่วงโปรแกรม เช่น ทวีิต เฟคบุ๊ค เป็นต้นหน่วงให้ช้ามากครับ

 :41:
38  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: โอม~ คำนี้เจ๋งกว่าที่คุณคิด เมื่อ: เมษายน 22, 2011, 03:52:42 pm
เจ๋งจริง ๆ ลองเปล่งเสียง แล้วปฏิบัติตามดูแล้ว รู้สึกถึงพลังเลยว่าแต่ฝึกอย่างนี้ แล้วจะส่งเสริมกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ได้หรือไม่ครับ

 :smiley_confused1:
39  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โรคเครียด พัฒนา สู่โรคหัวใจ ได้ พึงระวังครับ..... เมื่อ: เมษายน 22, 2011, 03:51:33 pm
 ถ้า จะพูดถึงโรคร้ายที่คร่าชีวิตประชากรโลกในอันดับต้นๆ “โรคหัวใจ” จะต้องถูกหยิบยกออกมาพูดถึงกันอยู่เสมอ โรคหัวใจเป็นโรคที่หลายคนรู้จักชื่อกันเป็นอย่างดี แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการใช้ชีวิตประจำวัน ของเราเสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจแค่ไหน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนทำงานในปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับความเครียด อยู่บ่อยครั้ง แล้วจะมีวิธีกำจัดความเครียดได้อย่างไร ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลนนทเวชมีวิธีที่ช่วยให้ห่างไกลจากโรคหัวใจที่เกิดจากความเครียดได้

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.oknation.net/blog
โรคหัวใจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจโต ลิ้นหัวใจโตผิดปกติหรืออาจเกิดจากเยื่อหุ้มหัวใจมีความผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน ความเครียด สูบบุหรี่และดื่มสุราจัด แต่ที่จะพบได้มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของคนไทย โดยมีอัตราเสียชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4 คนต่อ 1 ชั่วโมง เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและหัวใจวายเฉียบพลัน ที่สำคัญที่สุดผู้ป่วยมักจะไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคดังกล่าว เนื่องจากโรคนี้มักไม่แสดงอาการ สำหรับอาการบ่งชี้โดยทั่วไปมักมีอาการ จุกเสียด เจ็บแน่นหน้าอกหรือบริเวณลิ้นปี่ เหนื่อยง่าย แขนขาบวม นอนราบไม่ได้ ใจสั่น บางครั้งอาจหมดสติได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะพบในเพศชายอายุ 40 ปีขึ้นไปหรือเพศหญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่สำหรับความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจได้

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.siam-society.com

ทุกวันนี้ความเครียดก็ส่งผลให้ผู้คน เป็นโรคหัวใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน ผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ที่จะใช้เวลาอยู่กับงานค่อนข้างมาก เผชิญกับความเครียด ไม่มีเวลาพักผ่อนและ ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ น้ำหนักตัวมากขึ้นจนเพิ่มภาระให้กับหัวใจ และอาจนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน เมื่อความเครียดเกิดขึ้นร่างกายจะสร้างสารที่เรียกว่า “อะดรีนาลิน (ADRENALINE) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้น ทำให้หลอดเลือดตีบตัว เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ อาจก่อให้เกิดความดันโลหิตสูง และเพิ่มปริมาณไขมันในเลือดให้สูงขึ้น
วิธีกำจัดความเครียดด้วยวิธีง่ายๆ คือ
-  หาวิธีพักผ่อนหย่อนใจ ไปท่องเที่ยว ดูหนัง ออกกำลังกาย พูดคุยกับเพื่อนสนิท
-  คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและถามความรู้สึกตัวเอง
-  พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา การสูบบุหรี่ ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่คอยให้กำลังใจได้ตลอดเวลา
อย่าลืมว่าโรค หัวใจไม่ใช่โรคไกลตัวอีกต่อไป นอกเหนือจากการรักษาสุขภาพกายให้สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว สุขภาพใจก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลโรคได้ แล้วหัวใจที่แข็งแรงจะอยู่กับเราไปอีกนาน
40  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: รายการ RDN ช่วงนี้ไม่ได้ยินเสียงครับ เมื่อ: เมษายน 08, 2011, 11:16:26 am
รายการฟังดีครับ เสียงฟังชัดเจนครับ มีเรื่องถ่าย่่่ทอดเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ด้วย
ฟังแล้วน่าคิดมากครับ

 :s_good:
หน้า: [1] 2