ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว  (อ่าน 24316 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28420
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
« เมื่อ: มกราคม 30, 2010, 09:43:12 am »
0

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

 

ทำไม “เด็ดดอกไม้” จึง “สะเทือนถึงดวงดาว” ใครรู้ยกมือขึ้น…


ผมได้ความคิดในการเขียนเรื่องนี้จากบล็อกของคุณ Nabhasan2007 แห่ง mBlog  โดยเธอได้เขียนเรื่อง “ทำไมเด็ดดอกไม้แล้วสะเทือนถึงดวงดาว” ตั้งคำถามในเรื่องนี้ แล้วมีผู้เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นหลายคน รวมทั้งผมด้วย

ผมได้ยินประโยคนี้เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน เพราะเป็นชื่ออัลบั้มเพลงของกลุ่มดนตรีเฉลียง (ถ้าจำไม่ผิด)  ต่อมาจึงได้รู้ว่า เป็นคำอธิบายที่มีผู้ใช้อธิบายถึงทฤษฎีแห่งความไร้ระเบียบ หรือทฤษฎีความอลวน หรือ ทฤษฎีความโกลาหล ซึ่ง แปลมาจากภาษาอังกฤษคำเดียวกัน คือ Chaos Theory  ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวนี้ ในภาคภาษาไทยมีผู้อธิบายไว้หลายแห่งโดยคนหลายคน  ที่น่าสนใจและทำความเข้าใจได้เป็นเบื้องต้น ก็คือ คำอธิบายเรื่องทฤษฎีความโกลาหล ของ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิช แห่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

ในทางวิชาการนั้น คำอธิบายของประโยคที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ที่อิงแอบอยู่กับทฤษฎีความไร้ระเบียบ  ได้ก่อให้เกิดความสับสนงุนงงแก่ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านวิชาการ  หรือไม่มีพื้นความรู้เรื่องทฤษฎีดังกล่าว  ตัวผมเองแม้มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่สนใจเรื่องทฤษฎีความไร้ระเบียบ (ผมชอบคำแปลคำนี้ ซึ่งแปลโดย อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ ในหนังสือชื่อ “ทฤษฎีความไร้ระเบียบกับทางแพร่งของสังคมสยาม”) จนถึงขั้นลงมือศึกษาค้นคว้าด้วยความอยากรู้ แต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ไป เพราะไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจในเชิงวิชาการได้

ดังนั้น ผมจึงหันมาพิจารณาทำความเข้าใจในเชิง “วิชากู” หรืออาจจะเรียกว่า “วิชาเกิน” ก็ได้ นั่นคือ คิดค้นทำความเข้าใจโดยใช้รสนิยมของตัวเองล้วนๆ  จนตกผลึกเป็นความคิดชุดหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังที่ผมได้แสดงความคิดเห็นไว้ในบล็อกของคุณ Nabhasan2007 ซึ่งผมจะขอยกมานำเสนอไว้ในที่นี้โดยพิสดาร(คือยาวขึ้นมาหน่อยนั่นแหละครับ)


โดยอาศัยหลักวิชากูที่ได้นั่งคิดนอนคิดมาจนผมร่วงไป ครึ่งหัว (ร่วงเป็นสไตล์ชะโดตีแปลงซะด้วย) ผมก็ได้คำอธิบายว่าเรื่อง “เก็บดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ซึ่งคำกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำพูดโก้ๆของนักปรัชญาจอมปลอม หากแต่เป็น “สัจธรรม” (Truth) หาใช่ “ความจริงพื้นๆ” (Real) ไม่ (เอ๊ะ! ใช้ภาษาอังกฤษถูกหรือเปล่าหว่าเนี่ย)

ผมคิด (และเชื่อด้วย) ว่า ประโยคเด็ดที่ว่า “เก็บดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” เป็นคำอธิบายในเชิงเปรียบให้เราเห็นถึงกระบวนการต่อเนื่องของสรรพสิ่ง ที่ส่งผลต่อกันไปเป็นลูกโซ่ ซึ่งเมื่อเราเข้าใจแล้ว จะทำให้เรามีความรอบคอบในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบอันไม่พึ่งประสงค์ที่จะตามมาในภายหลัง

ที่เป็นดังนี้เพราะว่า การกระทำของเรา ณ กาลเวลาและสถานที่หนึ่งในปัจจุบัน ย่อมส่งผลต่อเนื่องไปถึงอนาคต  หรือในทางกลับกัน การกระทำของเรา ณ กาลเวลาและสถานที่หนึ่งในอดีต ส่งผลมาถึงเราในกาลเวลาและสถานที่ปัจจุบันนี้ นั่นเอง


อธิบายอย่างง่ายให้เห็นภาพต่อเนื่องชัดเจนขึ้นดังนี้

ณ กาลเวลาปัจจุบัน เราอยู่ ณ สถานที่หนึ่งคือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราเดินไปพบดอกไม้ป่าที่สวยแปลกอยู่ดอกหนึ่ง ด้วยความเห็นแก่ตัว ไร้ความรับผิดชอบ  ปราศจากจิตใจแห่งสาธารณะ  เราจึงเด็ดดอกไม้ดอกนั้น  และดอกไม้ดอกนั้นเป็นดอกสุดท้ายของฤดูกาลที่มีน้ำหวานให้ผีเสื้อ ผีเสื้อตัวหนึ่งต้องการดื่มน้ำหวานครั้งสุดท้ายก่อนที่จะบินไปวางไข่  เมื่อผีเสื้อไม่ได้กินน้ำหวานก็อดตาย ไม่ได้วางไข่  เมื่อผีเสื้อไม่ได้วางไข่ก็ไม่มีหนอนผีเสื้อออกมาหากินใบไม้  นกที่ต้องอาศัยหนอน

ผีเสื้อที่ออกมาจากแม่ผีเสื้อตัวนั้นเป็นอาหารก็ไม่มี อาหารให้กิน  เมื่อนกไม่ได้กินอาหารก็อดตาย  เมื่อนกอดตายลูกนกที่จะต้องเกิดจากแม่นกตัวนั้นก็ไม่ได้เกิด เมื่อลูกนกไม่ได้เกิด  เมื่อลูกนกไม่ได้เกิดจำนวนนกก็ลดลง ทำให้เหยี่ยวที่อาศัยจับนกเล็กกินเป็นอาหารก็ไม่มีอาหารพอเพียงทำให้ไม่ สามารถออกไข่ที่สมบูรณ์ได้  ส่งผลให้ไม่มีลูกเหยี่ยวเกิดขึ้น  จำนวนเหยี่ยวก็ลดลง  แล้วมีผลทำให้จำนวนเหยี่ยวลดลงด้วย  เมื่อจำนวนเหยี่ยวลดลง จำนวนสัตว์เล็กๆที่เป็นอาหารเหยี่ยว เช่น นกเล็กๆ หนูป่าหนูนาก็เพิ่มขึ้น  หนูเพิ่มขึ้นก็ทำความเสียหายแก่พืชไร่พืชนา ส่งผลให้ผลผลิตของชาวไร่ชาวนาลดลงเพราะถูกทำลาย….แล้วก็ส่งผลต่อเนื่องไป เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

นี่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นเป็นเส้นตรง หรือผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงชั้นเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลกระทบจะแผ่กว้างออกไปทุกทิศทุกทาง เหมือนเราโยนก้อนหินลงน้ำ จนทำให้เกิดคลื่นน้ำแผ่ขยายออกไปรอบทิศ จากคลื่นเล็กๆแล้วขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ นั่นแหละครับ

จะเห็นว่า การกระทำใดๆของเรา ณ กาลเวลาใดเวลาหนึ่ง สถานที่ใดที่หนึ่ง ย่อมส่งผลไปถึงเหตุการณ์ในอนาคตอย่างแน่นอน  เมื่อเราทำในสิ่งที่ดี แนวโน้มผลที่เกิดขึ้นก็ย่อมเป็นไปในทางที่ดี  เมื่อเราทำสิ่งไม่ดี แนวโน้มของผลกระทบย่อมจะเกิดขึ้นทางที่ไม่ดี  นั่นคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามหลักธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้ ทำให้เราเกิดความระมัดระวัง รอบคอบมากยิ่งขึ้น ในการกระทำสิ่งใดๆก็ตาม เพราะไม่ว่าจะทำสิ่งใด มันย่อมนำไปสู่สิ่งอื่นๆในกาลข้างหน้าทั้งสิ้น จะเป็นสิ่งดี สิ่งไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ณ กาลเวลาและสถานที่ปัจจุบัน

นี่แหละเป็นคำตอบ หรือคำอธิบาย หรือ ความเข้าใจของผมเกี่ยวกับประโยคโลกแตกที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว”  มันจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่มันทำให้ผมได้คิดพิจารณา หาเหตุผล หาข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการหาคำตอบเรื่องนี้  ซึ่งก็คือการพัฒนาตัวเองวิธีหนึ่ง เมื่อเราได้พัฒนาตัวเอง ย่อมเป็นที่เชื่อได้ว่า ผลที่ดีๆจะต้องเกิดขึ้นตามมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ณ กาลเวลาและสถานที่หนึ่งในอนาคต

ท่านใดจะคิดเห็นเป็นอย่างอื่น ก็ขอเชิญอภิปรายกันได้  หรือใครมีคำตอบที่แน่ชัดก็ยกมือขึ้น แล้วพิมพ์คำตอบนั้นลงไว้ในที่นี้ด้วย ถ้าไม่หวง  เพื่อทุกๆคนจะได้แบ่งปันคำตอบนั้นไปใช้ประโยชน์ด้วยโดยทั่วกัน.


ที่มา  http://kosoltalk.com/chaos-theory
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28420
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 30, 2010, 09:46:31 am »
0

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ...
ทุกสิ่งที่เรากระทำ ล้วนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและโลกใบนี้ไม่มากก็น้อย


... วันนี้ฝนก็พรำมาอีกครั้ง หลังจากฟ้าสดใสมาเป็นอาทิตย์  คุณ ย่ารหัสปูเคยบอกว่า แค่เพียงเราตื่นเช้าขึ้นอีกนิด แล้วออกไปเดินเล่น ดูวิถีชีวิตของธรรมชาติ สรรพสิ่งทั้งหลาย สังเกตต้นไม้ ใบหญ้า  ดอกไม้ป่า ก็งามล้ำ ชีวิตก็มหัศจรรย์ได้แล้ว ...

... อยากจะเด็ดเหลือหลาย แต่ต้องอดใจไว้ค่ะ เพราะเคยได้ยินสำนวน เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ...  ทุกสิ่งที่เรากระทำ ล้วนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและโลกใบนี้ไม่มากก็น้อย  ... บทกลอนที่พระญาติแต่ง

ดวงดาวสูงสุดฟ้า แสนไกล
ดอกไม้กลางพงไพร มากล้น
สองสิ่งแสนห่างผูก- พันธ์เกิด
อดเถิดเด็ดดอกไม้ อย่าให้ดาวสะเทือน


เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว  ...  ทำให้คิดถึง หนังสือเล่มหนึ่งจากกัลยาณมิตร และหนังเรื่อง Butterfly Effect  และยังเชื่อมโยงไปได้หลาย ๆ เรื่อง ที่เกี่ยวข้องกัน  เช่น 

 

1.    แม้การกระทำเพียงเล็กน้อยของเรา สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รอบตัว ชุมชน ประเทศ หรือจนถึงโลกเราได้

2.    แม้ หลายครั้ง หลายครา ที่เราอยากจะเปลี่ยนแปลงอดีต ซึ่งเคยทำสิ่งที่ผิดพลาด หรือรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกต่อไป

3.    หลัก ปรัชญา เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของมนุษย์เรา ซึ่งควรอยู่กับปัจจุบัน และทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะ วันนี้คือของขวัญ อันวิเศษที่เรามีอยู่

4.    หรือมองลึกในเชิงคณิตศาสตร์ เกียวกับทฤษฎีความยุ่งเหยิง หรือ Chaos Theory  ซึ่งตรงนี้ในรายละเอียด ต้องค้นหา หรือขอความช่วยเหลือ จากผู้เชี่ยวชาญ นะคะ J


ดอกไม้ป่า ควรคุณค่า ในไพรสณฑ์ ... พิรุณไหล หลั่งล้น นภากาศ

ธาราไหล ไปมา ภูผาลาด ... ธรรมชาติ ดารดาษ ล้วนสัมพันธ์ ต่อกัน

ดาวดวงน้อย ใหญ่ในฟากฟ้า ... อีกบุปผา ภู่ภมร ฤาอ่อนไหว

ล้วนสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง กันต่อไป ... มนุษย์เรา นั้นไซร์ ต้องรู้คุณ


... ให้ทุกๆ ท่าน หรรษาในวันหยุดนะคะ .... รื่นรมย์กับธรรมชาติ สงบเงียบกับธรรมะ เพลิดเพลินกับทุกกิจกรรมที่รัก มีความสุขทุกโมงยามค่ะ ..

  ที่มา  http://gotoknow.org/blog/lanandaman/273432
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ