ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - juntra
หน้า: 1 [2] 3
41  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การรักษา ศีล เป็นการทำบุญ หรือไม่ คะ เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 08:32:18 am
คือไม่ค่อยมีโอกาส ไปทำบุญ อย่างคนอื่นเขา ก็เลยรักษา ศีล 5 ให้ได้ วันไหนทำได้ ก้อุทิศส่วนกุศลจากการรักษาศีลนี้ไปให้ บุคคลที่เป็นที่รักเป็นต้น

 แต่โดยส่วนตัว ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจคะว่า ศีล นี้จัดเป็น บุญ แล้วอุทิศไปแล้ว ผู้ที่ได้รับจะได้อานิสงค์ อย่างไรในการอุทิศให็คะ

  :88: :58: :c017:
42  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ถ้าลูกน้องเรา มาขอเงิน ไปซื้อเหล้า ควรจะทำอย่างไรดีครับ เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 05:03:26 pm
ถ้ารัก จะภาวนา แล้ว ก็อย่ากลัวลำบาก เลยคะคิดว่า เรื่องงาน ช่วงแรก ต้อง ปรับตัวเหมือนกัน คะยิ่งถ้าเคยสังสรรค์กับลูกน้องมาก่อน อาจจะถูกเข้าใจผิด

  ไม่ควรให้ไปนะคะ แต่ ควรจะเปลี่ยนเงินที่จะให้นั้น เป็นของรางวัลความดี ความชอบให้ลูกน้องในเดือนแทนคะ
ก็ให้เหมือนกันคะ เปลี่ยนจากไร้สาระ มาเป็นมีสาระคะ

 :s_hi: :13:
43  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เวลาภาวนา พุทโธ ควรทำจิตอย่างไร ดีครับ เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2011, 02:29:43 am
อย่างนั้น ต้องกลับไปอ่านเรื่อง การภาวนาเบื้องต้น

จากที่อ่าน อาจจะขาดเรื่องการกำหนด เป้าหมายในการภาวนา คะ

คือ ภาวนานี้เพื่อ อะไรคะ แล้ว วัดผลอย่างไร ที่บอกว่าไม่ได้อะไร ? คือไม่ได้ อะไร คะ

 :smiley_confused1:
44  ธรรมะสาระ / บทสวดมนต์ มนต์พิธี / Re: บทสวดภาณยักษ์ เมื่อ: มิถุนายน 19, 2011, 05:45:35 am
การบูชา เวสสุวรรณ เมื่อก่อนคิดว่าเป็นเรื่องงมงาย

แต่พอได้ติดตามบทความในนี้แล้ว จึงทราบได้ว่า

ท้าวเวสสุวรรณ เป็นผู้ภาวนาตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วย...

สาธุ สาุธุ กับเนื้อหาที่นำมาเสนอ คะ

 :25: :25: :25:
45  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ภิกษุผู้สำเร็จฌาน เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 04:41:55 am
ผู้ได้บรรลุฌานที่หนึ่ง
ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์ ๕ ประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจและทำปัญญาให้ถอยกำลัง เหล่านี้ ได้แล้ว,
เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึง บรรลุ ฌานที่หนึ่ง
ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
เธอ ประพรมกายนี้ทำให้ชุ่มทั่ว ชุ่มรอบ เต็มรอบด้วยปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกนั้น,
ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเธอทั่วทั้งตัวที่ปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกนั้น ไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี.

ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนนายช่างอาบก็ดี หรือลูกมือของเขาก็ดี เป็นคนฉลาด
โรยผงที่ใช้สำหรับถูตัวในเวลาอาบน้ำลงในขันสำริด แล้วพรมน้ำหมักไว้,
ครั้นเวลาเย็น ก้อนผงออกยางเข้ากัน ซึมทั่วกันแล้ว จับกันทั้งภายในภายนอก
ไม่ไหลหยด ฉันใด ;

ภิกษุ ท. ! ภิกษุ ประพรมกายนี้ทำให้ชุ่มทั่ว ชุ่มรอบ เต็มรอบด้วยปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก,
ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกนั้น ไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี,
ฉันนั้นเหมือนกัน.
มู. ม. ๑๒/๕๐๕/๔๗๑


ผู้ได้บรรลุฌานที่สอง
ภิกษุ ท. ! อีกประการหนึ่ง, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ภิกษุจึง บรรลุ ฌานที่สอง
อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว
ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่.
เธอ ประพรมกายนี้ทำให้ชุ่มทั่ว ชุ่มรอบ เต็มรอบ ด้วยปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ,
ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเธอทั่วทั้งตัว ที่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี.

ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำอันลึก มีน้ำอันป่วน ไม่มีปากน้ำทางทิศตะวันออก
ทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศเหนือ แต่ฝนตกเพิ่มน้ำให้แก่ห้วงน้ำนั้น ตลอดกาลโดยกาล,
ท่อน้ำเย็นพลุ่งขึ้นจากห้วงน้ำ ประพรมทำให้ชุ่ม ถูกต้องห้วงน้ำนั้นเอง ;
ส่วนไหน ๆ ของห้วงน้ำนั้นที่น้ำเย็นไม่ถูกต้องแล้วมิได้มี. ข้อนี้ฉันใด,

ภิกษุ ท. ! ... ฉันนั้นเหมือนกัน
มู. ม. ๑๒/๕๐๕/๔๗๒


ผู้ได้บรรลุฌานที่สาม
ภิกษุ ท. ! อีกประการหนึ่ง, เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ
ภิกษุ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย จึง บรรลุ ฌานที่สาม
อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่.
เธอ ประพรมกายนี้ทำให้ชุ่มทั่ว ชุ่มรอบ เต็มรอบ ด้วยลำพังสุขหาปีติมิได้,
ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเธอทั่วทั้งตัวที่สุขหาปีติมิได้ ไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี.

ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในหนองบัวอุบล หนองบัวปทุม หนองบัวบุณฑริก
มีดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก บางเหล่าที่เกิดอยู่ในน้ำ เจริญอยู่ในน้ำ ยังขึ้นไม่พ้นน้ำ
จมอยู่ภายใต้อันน้ำเลี้ยงไว้, ดอกบัวเหล่านั้น ถูกน้ำเย็นแช่ชุ่ม ถูกต้องตั้งแต่ยอดตลอดราก,
ส่วนไหน ๆ ของดอกบัวเหล่านั้นทั่วทั้งดอก ที่น้ำเย็นไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี.

ข้อนี้เป็นฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ... ฉันนั้นเหมือนกัน.
มู. ม. ๑๒/๕๐๖/๔๗๓


ผู้ได้บรรลุฌานที่สี่
ภิกษุ ท. ! อีกประการหนึ่ง, เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้, เพราะ
ความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, ภิกษุ จึง บรรลุ ฌานที่สี่
อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธ์ิเพราะอุเบกขา แล้ว
แลอยู่.
เธอนั้น นั่งแผ่ไปตลอดกายนี้ ด้วยใจอันบริสุทธ์ิผ่องใส,
ส่วนใดส่วนหนึ่งของกายเธอทั่วทั้งตัว ที่ใจอันบริสุทธ์ิผ่องใส ไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี.

ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนชายคนหนึ่ง นั่งคลุมตัวด้วยผ้าขาวตลอดศีรษะ,
ส่วนไหน ๆ ในกายเธอทั่วทั้งตัว ที่ผ้าขาวไม่ถูกต้องแล้ว (คือไม่คลุมแล้ว) มิได้มี.
ข้อนี้เป็นฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ... ฉันนั้นเหมือนกัน.
มู. ม. ๑๒/๕๐๗/๔๗๔
46  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: มุมอับแสง เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2011, 11:31:13 pm
ปัญญา เฉพาะหน้า ไม่ได้เป็นไปเพื่อใคร แต่เป็นไปเพื่อธรรม

การปล่อยวาง เกิดจากการภาวนา

อย่าเพียง ปรุงแต่ง เป็นสมมุติบัญญัติ มากเกินความจำเป็น

ภาวนาจริง ๆ เท่านั้นที่ เข้าถึงธรรม

  ภาวนาอย่างไร ?

  1 วางทุกสิ่ง ลง ปล่อยตัวตามธรรมชาติ

   2 หายใจเข้า มีสติรู้ว่า หายใจเข้า หายใจออก มีสติ รู้ว่าหายใจ ออก ( รู้ตัวเสียก่อนว่าชีวิตเท่านั้น จึงจะมีการภาวนา ได้ )

  3 กำหนดรู้ สัมผัส ไล่ ทีละ อายตนะ คือ เริ่ม จาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ด้วยความรู้สึก อะไรที่เรียกว่า เรา เป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัว เป็นตนของเรา

  4 เมื่อรู้คำตอบแล้ว จิตจะพัฒนาเข้าสู่ ความรู้ โดยธรรมชาติ ปล่อยวาง โดยธรรมชาติ เบื่อหน่าย ด้วยความเห็นจริง รู้แจ้งด้วยใจ ด้วยตนเอง

  ที่มาจากเมล ของพระอาจารย์


47  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ความเหนี่อย ลำบาก ไม่เคยปราณีใคร เมื่อ: มีนาคม 22, 2011, 05:53:07 pm
เคยไปคะ แต่พอเห็นทางขึ้นแล้วก็ถอย คะ เพียงชมพิพิธภัณฑ์ ด้านล่างคะ

หลวงพ่อฟักท่าน อารมณ์ดีคะ

 :25: Aeva Debug: 0.0004 seconds.
48  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภิกษุณีนิรามิสา เมื่อ: มีนาคม 12, 2011, 02:17:35 pm
บางครั้ง การปฏิบัติธรรม เรามองผลเบื้องปลายกันเกินไปคะ

 พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัส แสดงผลในปัจจุบัน มากกว่านะคะ

  อนาคต เป็นผลจากปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันทำถูกต้อง อนาคต ก็น่าจะต้องดีคะ

 :96:
49  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เพื่อนสมาชิก มีความคิดอย่างไร กับวัดติดทีวี ในห้องส้วม จ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 05:48:53 pm


อยากฟังความเห็น คะว่าที่วัดติดทีวีดาวเทียมที่ห้องน้ำคะ

 :c017:
50  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ธรรมธวัช...ไปกราบหลวงตา (มหาบ้ว) เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 07:03:02 pm
ภาพเยอะนะคะ คุณธรรมธวัช เล่าด้วยภาพ คนที่เน็ตช้า ลำบากแน่ ๆ คะ

 :25:
51  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: test ห้องดาวน์โหลด เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 07:00:02 pm
หนู เสนอให้ สมัคร youtube เพื่อโหลด ไฟล์เสียง และ วีดีโอ และ มาแปะลิงก์ในที่นี้คะ

เพื่อช่วยเรื่อง แบนด์วิธ ของเว็บคะ


้เห็นด้วยครับ มิฉะนั้น ทางเว็บจะประสพปัญหา เรื่อง Bandwidth รวมทั้งหมด
เพราะผมจำได้ว่า อ่านปัญหาเรื่อง Server ไปไม่กี่วันนี่เอง

server มีปัญหา ดิสก์แคช 1 ชม. 11.07 - 12.10 น.
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3123.0

ดิฉันว่าเป็นคำแนะันำที่ดี คะ เพียงลิงก์ ก็พอ ส่วนเสียง หรือ วีดีโอให้นำไปใส่ไว้ใน youtube คะ

 :08:
52  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีใครทำบุญในชาตินี้ แล้วให้ผลในชาติ นี้บ้างคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 07:09:52 am
แบบว่า เวลาไปทำบุญ พระท่านบอกว่าทำบุญแล้ว ก็จะไปสวรรค์ ไปนิพพาน แล้วบุญที่เป็นสวรรค์ นิพพาน

แบบในปัจจุบัน มีหรือไม่คะ เพราะสงสัยว่าทำไมทำบุญแล้วเราต้องไปรับผลในชาติต่อไป เวลาทำกรรมไม่ีดี

ยังรับกันในชาตนี้เลย ไม่ใช่หรือคะ

 :25:
53  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: มีใครเคยประสพปัญหาชีวิต ถึงขั้นตกอับยากจน ล้มละลาย เพื่อนทิ้ง ประมาณนี้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 05:35:48 am
ประสพการณ์ ที่ผ่านมรสุม ของชีวิต น่าจะมีกันทุกท่าน ทุกคน แตกต่างที่ความหนัก ความเบา
แต่สำหรับคนที่ผ่านมรสุม ที่หนัก ๆ มาได้ นับว่าน่าสนใจ ที่ท่านสามารถประคองสติ และชีวิตของท่านมาได้อย่างไร
ในสถานการณ์อย่างนั้น

การฆ่าตัวตาย ก็น่าจะเป็นผลจากการพ่ายแพ้ต่อมรสุมชีวิต อีกประเภทหนึ่ง
รวมถึงคนเป็นโรคจิต โรคบ้า วิกลจริต ไร้สติ อันนี้ก็น่าจากมรสุม ชีวิตอีกประเภทหนึ่งเช่นกัน

 :25:
54  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ถ้าท่านไปสอบ เพื่อเข้าศึกษาต่อ หรือ สอบเพื่อปรับระดับ แล้ว... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 05:33:09 am
ถ้าท่านไปสอบ เพื่อเข้าศึกษาต่อ หรือ สอบเพื่อปรับระดับ แล้ว...สอบไม่ได้ต้องรอคิว ถึง 4 ปี

ท่านจะมีความรู้สึกอย่างไรคะ เมื่อสอบไม่ได้ หรือ ไม่ผ่าน ควรนำธรรมใดมาใ่ส่ใจในขณะนั้นคะ

นี่ก็ใกล้ เอ็นทรานส์ อีกแล้วก็อยากให้เด็กที่อ่านแ้ล้ว สอบไม่ได้ ได้รับประโยชน์จากหลักธรรม

ส่วนนี้บ้างคะ



ภาพประกอบจา http://campus.sanook.com
55  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: อยากทำโพลล์ ให้คะแนนเรื่องกับนักโพสต์ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 05:26:28 am
ดูข้อมูล แล้ว ผู้ที่โพสต์ ข้อมูลธรรมะ แต่ละท่านล้วนมีความพยายาม ดีคะก็ให้มีความก้าวหน้าในธรรมะ
ปฏิบัติให้ถึงฟากฝั่ง คือพระนิพพาน ทุกท่านนะคะ

 :s_hi:
56  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ประกาศเรื่องการจัดรายการออกอากาศ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 05:25:15 am
ไม่เคยได้ฟังเลยคะ เพราะงานส่วนมากอยู่ดึก ๆ ถึงเช้าคะ จึงไม่มีความเห็นนะคะ
แต่ขอเสนอให้เปิดเป็น ดาวน์โหลดเสียง ไปฟังดีกว่าหรือไม่คะ ประหยัดต้นทุนการจัดทำ ซีดี ด้วยคะ

 :25:
57  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขยายเวลานมัสการ ธรรมเจดีย์ จาก นอร์เวย์ ถึง 20 พ.ค.54 ที่พุทธมณฑล เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 05:23:26 am
อนุโมทนาสาธุ คะ
 :25:
58  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ร่วมไว้อาลัย ต่อการจากไปของ หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป จ.สกลนคร เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 05:23:00 am
เป็นงานศพที่เรียบง่ายดีนะคะ

สาูธุ กับหลวงปู่ ที่เป็นแบบอย่างในการภาวนาด้วยคะ

 :25:
59  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การสังคายนา ในพระพุทธศาสนา มีมากี่ครั้งแล้วคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 04:57:23 am
อนุโมทนา ด้วยคะ ข้อมูล มีมากจริง ๆ อ่านกว่าจะจบ ชม.กว่า ๆ สำหรับหัวข้อนี้

ได้รู้เรื่องประวัติศาสตร์ และ มูลเหตุการสังคายนา ส่วนใหญ่ ก็เพราะเกิดความเข้าใจผิด

ปฏิบัติผิด จึงต้องรื้อฟื้นการทำสังคายนา

 ส่วนตัวอ่านแล้วสรุปดังนี้คะ

 1.แรกเริ่มทำสังคายนา ใช้การทรงจำ ท่องปากเปล่าไว้

 2.และจึงทำสังคายนา ด้วยภาษามคธ

 3.การทำสังคายนา จึงมีภาษาอื่น ๆ ในครั้งที่ 3 และ 4

 4.พระไตรปิฏก ในประเทศไทย เป็นภาษาไทยล้านนา สมัยพระเจ้า ติโลกราช

 5.สังคายนาคำผิดในพระไตรปิฏก

 6.และแปลพระไตรปิฏกเป็นภาษาไทยปัจจุบัน ในสมัย ร 5

 7.สมัย ร.7 มีพระไตรปิฏฉบัับ สยามรัฐ

 8.สมัยปัจจุบัน มีพระไตรปิฏก หลายแบบ และ หลายสำนักพิมพ์ สถาบันการศึกษา

   นับว่าสมัยนี้เฟื่องฟูด้วยสื่อการสอน มีพระไตรปิฏกรูปแบบต่าง ๆ พอสรุปได้ดังนี้

  1.พระไตรปิฏกหลวง ฉบับสยามรัฐ ไทย บาลี

  2.พระไตรปิฏก ฉบับมหามกุฏ มีอรรถกถา 91 เล่ม

  3.พระไตรปิฏ ฉบับ มหาจุฬา แบบบทสรุป 45 เล่ม

  4.พรไตรปิฏกฉบับประชาชน 100 เล่ม

  5.พระไตรปิฏก ฉบับประชาชน 1 เล่ม ย่อ

  6.พระไตรปิฏก ฉบับออนไลน์ 84000.org

  7.พระไตรปิฏก ฉบับประชาชน Cd วัดสระเกศ

  8.พระไตรปิฏก เสียงอ่าน ทุกเล่ม ทุกพระสูตร

  9.พระไตรปิฏก หินอ่อน พุทธมณฑล วัดปากน้ำ

  10.พระไตรปิฏก หินแกรนิต หินทราย วัดป่าหนองหลุบ

  11.พระไตรปิฏก ฉบับ พุทธวัจน์

  12.และอีกมากมาย ที่ยกเรื่องออกมา


 แต่สำหรับ ส่วนตัวชอบพระไตรปิฏก ที่เป็นฉบับออนไลน์ จะอ่านบ่อย ๆ ด้วยการโพสต์ ของแต่ละบุคคลที่

จะยกมาให้อ่านคะ แต่จะให้ไปอ่านฉบับหนังสือ แล้วบอกตรง ๆ ไม่ค่อยจะอ่านคะเพราะอ่านยากคะ

 :25:
60  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การดูกีฬา เหล่านี้เป็นบุญหรือบาป คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 04:47:08 am
การดูกีฬา เป็น บุญ หรือ บาป ถ้าต้องวินิจฉัยอย่างนี้ต้องหยุดการกระทำในโลก คะ เพราะว่า

กิจกรรมทุกอย่างที่มนุษย์ทำนั้น มีทั้งบุญและบาป แต่จะชี้ชัดว่าอะไรเป็นบุญหรือ บาป ก็ยังไม่ได้

ต้องดูภาวะ เหตุปัจจัย อันเนื่องซึ่งกันและกันด้วยคะ

  ดูกีฬา เพื่อส่งเสริม วัฒนธรรม และ สุขภาพ ก็เป็นบุญ คะ

  ดูกีฬา เพื่อส่งเสริม การพนัน และ ความสะใจแห่งจิต ก็เป็นบาป คะ

   :banghead:
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: พุทโธ ใครก็ได้ช่วยผมที เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2011, 01:28:20 am
การเดินจงกรม มีแบบ สติ กับ แบบ สมาธิ

  แบบสติ น้อมจิตไปในอิริยาบถ เป็นหลัก ...เช่น ยืนหนอ เดินหนอ ย่างซ้ายหนอ ย่างขวาหนอ เป็นต้น

  แบบสมาธิ น้อมจิตไปในนิมิต ส่วนใด ส่วนหนึ่ง และกำหนด บริกรรม เช่น พุทโธ เป็นต้น

    ดังนั้นวิธีเดินเป็นสมาธิ นี้ต้องกำหนดนิิมิตวางจิต ไว้ที่ใดที่หนึ่ง นิยมกำหนดวางไว้ที่ สะดือ ( ศูนย์นาภี )

 :25:
62  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การที่เราพิจารณาร่างกาย เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นวิปัสสนาหรือยัง เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 01:33:43 am
การที่เราพิจารณาตามความเป็นจริงว่า ร่างกายเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่เป็นวิปัสสนารึยังคะ

ใช้การพิจารณาอย่างนี้ ว่า กายนี้เป็น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน เหมือนท่องอยู่

 :25: :25: :25:
63  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวดมนต์ กับ นั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิเหมือนกันหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 01:30:19 am
64  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวดมนต์ กับ นั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิเหมือนกันหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 01:29:20 am
http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html

โรคเบาหวานหายได้

ท่าน นายกพุทธสมาคมและสมาชิกสภาจังหวัดอุทัยธานี ท่านหนึ่ง มีธุระต้องนำหนังสือเชิญคณะกรรมการพุทธสมาคม จังหวัดอุทัยธานี มาประชุมประจำเดือน จึงขึ้นรถเครื่องตระเวนไปส่งหนังสือจนครบทุกคน แล้วรีบกลับบ้าน เพื่อเตรียมวานการประชุมต่อไป ครั้นรถเครื่องวิ่งมาถึงสี่แยกไฟแดงวัดสังกัสรัตนคีรี มีรถกะบะวิ่งสวนมาอย่างรีบร้อน หักพวงมาลัยเลี้ยวขวาอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะที่รถของท่านกำลังวิ่งสวนมา จึงเกิดเฉี่ยวชน ถูกขาขวาของท่านหัก และมีบาดแผลที่ขาอีกหลายแห่ง กระเด็นลงไปกลิ้งอยู่กับถนน แต่ไม่มีส่วนอื่นใดอีกที่ได้รับอันตราย รถเครื่องเสียหายเพียงเล็กน้อย รถกะบะไม่เสียหายอะไรเลย ปรากฎว่าผู้ขับขี่รถยนต์กะบะ เป็นผู้หญิงออกรถยนต์มาใหม่ ๆ คาดว่าชั่วโมงการขับคงยังมีน้อย เพราะก่อนหน้าสักวันหรือสองวันก็ปรากฎว่า ขับชนกับเสาไฟฟ้ามาแล้ว คนขับเขาไม่มีเจตนาที่จะขับชน แต่เป็นเพราะท่านขับรถช้าเอง มีผู้นำส่งโรงพยาบาลอุทัยธานี วันนั้นหมอกระดูกไม่อยู่ ต้องทรมานปวดอยู่อีก ๑ วัน วันรุ่งขึ้นจึงได้เข้าเฝือก คงจะเป็นกรรมที่ขับรถชนสุนัขขาหักกระมัง

ก่อน จะถูกรถชนครั้งนี้ เป็นเวลาหลายวันมาแล้วที่ท่านไม่มีความสบายใจ ใจคอห่อเหี่ยวและหดหู่ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งที่ไม่น่าดู เห็นผู้คนแปลกหน้าไปหมด เบื่อสังคม ดูโลกไม่สดชื่นเลย นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ ประเดี๋ยวก็ตื่น นอนหลับไม่ถึง ๓๐ นาทีก็ตื่นแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นอะไร จึงต้องขอพึ่งพระรัตนตรัย เข้าห้องพระ สวดมนต์ ทำสมาธิ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและแผ่เมตตา ทำให้นอนหลับในห้องพระนั้นได้บ้าง เป็นที่กังขาของแม่บ้านยิ่งนัก

แต่ ก็นับเป็นสิ่งที่แปลกมากอยู่เหมือนกัน เมื่อถูกรถชนแล้ว ใจกลับรู้สึกปลอดโปร่ง มีกำลังใจดี บอกกับบุตรภรรยาว่า อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด ท่านไม่มีห่วงอะไรแล้ว แม้จะพิการหรือถึงแก่เสียชีวิตเพราะมีอายุที่ได้ใช้มาคุ้มทุนแล้ว อายุที่อยู่ในปัจจุบันเป็นส่วนของกำไร จึงขอให้ทุกคนทำใจให้ได้

อนึ่ง ท่านเป็นโรคเบาหวาน ตรวจพบหลายปีแล้ว มีค่าน้ำตาลในโลหิต ๒๐๕ มิลลิกรัม ต่อ ดีแอล หมอสั่งให้รับประทานยาเป็นประจำ แต่ก็ไม่ยอมลด เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ นอกจากรักษาโรคกระดูกหักแล้ว ยังต้องรักษาโรคเบาหวานอีกด้วย เข้าโรงพยาบาลรักษาแผลเป็นเวลาได้ ๑ เดือน บาดแผลที่ขาก็ไม่หายและมีทีท่าว่าจะติดเชื้อ ตรวจโลหิตเบาหวานก็ไม่ยอมลด ฉายเอ๊กซเรย์กระดูกปรากฎว่า ไม่ยอมติดกันเลย จึงสอบถามนายแพทย์ชยันตร์ ตันวัฒนกุล ซึ่งเป็นหมอประจำตัวว่าจะต้องถูกตัดขาหรือไม่ หมอตอบว่ามีทางเป็นไปได้ ในระหว่างนี้อยู่ในเกณฑ์ ๕๐ หมอจึงทำการผ่าตัดโดยนำเอาเนื้อที่สะโพกไปปะที่ขาทั้ง ๓ แผล

ใน ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งนี้ ท่านใช้เวลาให้หมดไป ด้วยการอ่านหนังสือธรรมะ มีหนังสือของหลวงพ่อที่รวบรวมไว้ หนังสือวิปัสสนากรรมฐาน ของพระธรรมธีราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ.๙) วัดมหาธาตุ และของท่านอื่น ๆ อีกมาก เมื่อทราบว่ามีโอกาสที่จะถูกตัดข้าทิ้งกลายเป็นคนพิการในไม่ช้านี้ ก็รำลึกถึงหลวงพ่อขอให้ท่านช่วยด้วย บังเกิดแรงดลใจ นำหนังสืออานิสงส์ของการสวดพระพุทธคุณของหลวงพ่อมาทบทวน และปฏิบัติตามทันที

ตาม ปกติก่อนนอน ท่านก็สวดมนต์เป็นนิตย์ ตั้งจิตภาวนาเป็นประจำ อโหสิกรรมทุกวันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เพิ่มการสวดมนต์บทพาหุงมหากาฯ คาถาชินบัญชร และสวดพุทธคุณเท่าอายุเพิ่มเข้าไปอีก ตอนนั้นท่านอายุ ๖๗ ปี สวดพุทธคุณ ๖๘ จบ จิตใจปราศจากการฟุ้งซ่าน

เกิดปรากฎการณ์ที่น่า สนเท่ห์ คือแผลที่ขาขวา ๓ แผลนั้น แผลใหญ่ ๒ แผล เนื้อที่นำมาปะติดนั้นติดกันดี ส่วนแผลเล็กอีกหนึ่งแผล ไม่ยอมรับเนื้อใหม่ แต่แสดงอาการดีขึ้น รักษาแผลตอนนี้ ใช้เวลาอีก ๑ เดือน บาดแผลใหญ่น้อยก็หาย เมื่อไปฉายเอ๊กซเรย์ดูอีกครั้ง ปรากฎว่ากระดูกยังไม่ยอมติด เพราะบอบช้ำมาก มีบางส่วนหักป่นไปหมด จึงนำเข้าห้องผ่าตัด นำกระดูกเชิงกรานไปต่อกระดูกที่ขา และนำเหล็กไปดามกระดูกไว้ผ่าตัดครั้งนี้ มีแผลที่ ขายาว ๑๕ เซนติเมตร พอครบ ๑๐ วัน ก็สามารถตัดไหมออกได้ บาดแผลไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลย ท่านรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา ๙๐ วันพอดี ก็ออกมาพักฟื้นอยู่กับบ้านอีก ๒ เดือน จึงทำการผ่าตัดเอาเฝือกออก ปัจจุบันสามารถเดินได้โดยไม่ต้องมีไม้ค้ำยัน แต่ยังเดินไม่ได้ดีเหมือนเก่า หมอจึงสั่งให้ทำกายภาพบำบัดต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

การที่ท่านรอดพ้น จากการถูกตัดขาทิ้ง เพราะโรคเบาหวานไปได้นี้ ส่วนหนึ่งเป็นด้วยอำนาจของการสวดพระพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งด้วยการดูแลของหมอโรคกระดูก และเป็นหมอประจำตัวของท่านเป็นอย่างดีด้วย

ผู้ใดที่มีทุกข์เพราะโรค ภัยเบียดเบียนก็ดี หรือทุกข์เพราะความผิดหวังก็ดี หรือทุกข์เพราะประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาก็ดี ขอให้ลองรำลึกถึง หลวงพ่อและสวดบทพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่งเป็นประจำ อาจจะได้รับผลอย่างที่ท่านได้ปฏิบัติมา ท่านได้รับทุกข์เพราะรถชนครั้งนี้ คิดว่าเป็นกรรมที่ทำไว้ ตามมาให้ผลสมดังที่พระพุทธองค์ดำรัสว่า เราทำดีก็ตาม ทำชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น กรรมเก่าเป็นของแก้ไม่ได้ เพราะแล้วไปแล้ว แต่กรรมที่จะทำใหม่ บุคคลควรละฝ่ายชั่วเสีย ทำแต่กรรมดี กิเลสนั้นเมื่อคนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็หมดเรื่อง ส่วนเรื่องกรรมนั้นถึงสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ถ้ายังไม่นิพพานก็ยังต้องเสวยผลของกรรมเก่า ต่อเมื่อนิพพานแล้วจึงจบเรื่องกรรม กมฺมสฺสโกมฺหิ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน...

จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม ๘ เรื่อง สวดพระพุทธคุณแก้กรรม (โรคเบาหวาน) โดย ยงยุทธ สาธิตานนท์
65  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: รับศีล แต่ไม่มั่นใจว่าจะรักษาได้.. เมื่อรับมาแล้ว รักษาไม่ได้ เป็นบาปมากหรือไม่. เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 04:04:23 am
ไม่ผิดคะ เพราะ ศีลมีองค์ เจตนา ประกอบด้วยคะ ว่าด้วยเรื่ององค์ประกอบของการผิดศีลคะ
 :93:
66  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวดมนต์ กับ นั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิเหมือนกันหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 07:11:29 am
การสวดมนต์ เป็นการเจริญสติ นะคะ เพราะระหว่างทีสวดนั้นต้องมีสติ กับ บทสวด เมื่อจิตจำคล่องแคล่ว
แล้วก็เป็นการเจริญสมาธิ การสวดมนต์ ในทางคุณสมบัติ อยู่ที่ความห้าวหาญในการสวดด้วยคะ

เสียงมีพลังนะคะ ถ้าเราออกเสียงได้่ดี

สำหรับพวกโยคะ การออกเสียงระหว่างการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ นั้นเป็นเรื่องสำคัญ คีย์เวิร์ดเช่น โอม เป็นต้นคะ

กา่รสวดมนต์ เป็นสมาธิ ได้ด้วยคะ
67  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวดมนต์ กับ นั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิเหมือนกันหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2011, 02:12:29 am
สวดมนต์ กับ บริกรรมคล้าย ๆ กันนะคะ

ถ้าต้องการสมาธิ สำหรับคนที่ฟุ้ง ก็ใช้การออกเสียงให้เป็นสมาธิ

ส่วนคนที่มีกำลังจิตดีแล้ว ก็บริกรรมโดยไม่ต้องออกเสียง

 :25:
68  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "พระสารีบุตรเป็นมิจฉาทิฏฐิ" ใครหนอ??!!กล่าวเช่นนี้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 01:32:05 am
เห็นด้วยกับการดูแล อุปัฏฐาก ครูอาจารย์ คะเพราะเราจะเรียนธรรม โดยเฉพาะวิชากรรมฐาน นี้
ไม่ได้หาครูอาจารย์ ทั่วไปมาสอนได้คะ ต้องดูแล อุปัฏฐาก คะ

และให้ความเคารพ

พ่อแม่ ให้ชีิวิต

ครูอาจารย์ให้ความรู้

พระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ ให้ความสิ้นสุดแห่งกองทุกข์คะ

  :25:
69  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ความผัน กับ ความจริง ทำไมจึงสอดคล้องกัน... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 01:24:31 am
ในทางทฤษฏี เป็นไปได้คะ ความฝัน จะ สอดคล้อง กับความเป็นจริง คะ

 :25:
70  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ลำดับทานที่ควรรู้ คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 04:51:42 am
มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี
เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย
ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ

๑ . ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์
แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม
ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

๒ . ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๓ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทาน
ดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

๔ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทาน
แก่ผู้มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๕ . ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ

พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน
บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น " พระ "
แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า " สมมุติสงฆ์ " พระที่แท้จริงนั้น
หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป
ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น " พระ "
ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ
" พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธมเจ้า " และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

๖ . ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่ - พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทาน
ดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ( ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ
เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น )

๗ . ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทาน
ดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๘ . ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทาน
ดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๙ . ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทาน
ดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๐ . ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทาน
ดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๑ . ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทาน
ดังกล่าวแด่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๒ . ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญ
น้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทาน
ดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๑๓ . การถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง
ก็ยังได้บุญน้อยกว่า " การถวายวิหารทาน " แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
" วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม
ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน "
อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใประโยชน์ร่วมกัน
แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น " โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ
แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ " ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

๑๔ . การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ( ๑๐๐ หลัง ) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้
" ธรรมทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะ
แก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้รู้ได้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรค ผล นิพพาน
ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม
รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ "

๑๕ . การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้
" อภัยทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือ " การไม่ผูกโกรธ
ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู " ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน
เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อ " ละโทสะกิเลส " และเป็นการเจริญ " เมตตาพรหมวิหารธรรม "
อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร ๔ นั้น
เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา
ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด
ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง " พยาบาท " ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้
การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง
อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งมวล
ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า " ฝ่ายศีล " เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน

การรักษาศีลเป็นการเพียรพยายามเพื่อระงับโทษทางกายและวาจา
อันเป็นเพียงกิเลสหยาบมิให้กำเริบขึ้น และเป็นการบำเพ็ญบุญบารมีที่สูงขึ้นกว่าการให้ทาน

ทั้งในการถือศีลด้วยกันเองก็ยังได้บุญมากและน้อยต่างกันไปตามลำดับต่อไปนี้ คือ

๑ . การให้อภัยทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๕ แม้จะถือเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๒ . การถือศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๘ แม้จะถือเพียงครั้งเดียวก็ตาม

๓ . การถือศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๑๐ คือ
การบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม

๔ . การที่ได้บวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แล้ว รักษาศีล ๑๐ ไม่ให้ขาด ไม่ด่างพร้อย
แม้จะนานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนาที่มี
ศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม

ภาวนา

การเจริญภาวนา นั้น เป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา
จัดว่าเป็นแก่นแท้และสูงกว่าฝ่ายศีลมากนัก การเจริญภาวนานั้น มี ๒ อย่างคือ " สมถภาวนา
( การทำสมาธิ )" และ " วิปัสสนาภาวนา ( การเจริญปัญญา )"

แต่ไม่ว่าจะเลือกปฏิบัติวิธีใดก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาศีลให้ครบถ้วนบริบูรณ์ตามเพศ
ของตนเสียก่อน คือหากเป็นฆราวาสก็จะต้องรักษาศีล ๕ เป็นอย่างน้อย หากเป็นสามเณรก็จะ
ต้องรักษาศีล ๑๐ หากเป็นพระก็จะต้องรักษาศีลปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อให้บริบูรณ์ ไม่ให้ขาดปละด่างพร้อย
จึงจะสามารถทำจิตให้เป็นฌานได้ หากว่าศีลยังไม่มั่นคง ย่อมเจริญฌานให้เกิดขึ้นได้โดยยาก
เพราะศีลย่อมเป็นบาทฐาน ( เป็นกำลัง ) ให้เกิดสมาธิขึ้น

อานิสงส์ของสมาธินั้น มีมากกว่าการรักษาศีลอย่างเทียบกันไม่ได้
ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า " แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อย
มานานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญกุศลน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิเพียงให้จิตสงบนานเพียงชั่วไก่กระพือปีก
ช้างกระดิกหู


จาก

http://www.dhammabookstore.com/book/pdf/90000.pdf

วิธีสร้างบุญบารมี โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
71  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เมื่อลูกศิษย์ ถามผมว่า "ปล่อยปลาลงแม่น้ำได้บุญ หรือบาปครับ" เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 04:49:45 am
อยากสุขภาพดี ก็รักษาศีล รักษาพระอาพาธ
อยากมีกินมีใช้ ก็ถวายอาหารเลี้ยงพระ
อยากผิวงาม ก็หมั่นข่มความโกรธ
อยากได้ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ก็อ่อนน้อมถ่อมตน

 :88:
72  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผี กลัว พระ จริง หรือไม่ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 01:33:15 am
ผี น่าจะไม่กลัว พระ นะ เพราะสมัยครั้งพุทธกาล ทั้ง ผี ยักษ์ เทวดา งู กระทิง เสือ เหล่านี้ พิชิตพระมามากต่อมาก

แม้พระอรหันต์ ก็ยังโดนพิชิตเลย นะจ๊ะ

สมัยนี้ ผีมีวิวัฒนาการด้วย สามารถใช้อุปกรณ์ไฮเทค ยิ่งทำให้พระหนีหาย เหลือน้อยลงทุกวัน ๆ

 ผี สำหรับเรา หมายถึง กิเลส นะจ๊ะ

 :s_hi:
73  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: คำตำหนิและคำด่า แตกต่างกัน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 10:27:16 pm
บางทีเราพูดออกไปเฉย ๆ ไม่ทั้งต้องการด่า และ ต้องการตักเตือน คนฟังยังจับไปคิดว่าด่า อยู่เลย

เรื่องอย่างนี้ก็เห็นอยู่เป็นอันมาก

  โดยเฉพาะ การด่า นั้นไม่ใช่แค่เรื่อง พูดคะ เขียนเป็นตัวหนังสือ หรือ ทำมือให้ดูก็รู้ว่าด่าคะ  :96:
 :040: :33:
74  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ในครั้งพุทธกาล มีพระบรรลุธรรมในระหว่างเดินจงกรม หรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:43:19 am
น่าจะมี พระอีก 2 รูปนะคะ

  1.น่าจะเป็นพระจักขุบาล ที่ชอบเดินจงกรม และ ปฏิบัตเนสัชชิกะ

  2.พระโสณโกฬวิสะ อีกรูป

    เดินจงกรม คลานจงกรม จนเท้าเข่ามือแตกเลือดไหล ก็ยังไม่บรรลุ

    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2915.0

 อ่านปฏิปทา แล้ว ยอมแพ้ใจท่านเลยคะ กับการสละชีวิต เพื่อธรรมคะ

  :25: :25: :25:
75  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ลูกไม้ หล่น ไม่ไกลต้น .... ( สงสัย ) เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:40:36 am
อยากให้มีลูกไม้ อย่างนี้มาก ๆ คะ เพื่อทำให้โลกสงบเย็น มากขึ้น

ที่ใดมีธรรมะ ที่นั้นมีความสงบสุข เพราะเชื่ออย่างนี้คะ

อนุโมทนากับคุณลูกไม้ที่หล่น ไกลต้น คะ

 :25:
76  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผู้หญิงขับรถให้พระไม่ได้ ให้ทองพระก็ไม่ได้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:38:51 am
ผู้หญิง สร้างวัดมากกว่าผู้ชายนะคะ

พวกผู้ชาย ปฏิบัติธรรมน้อยกว่า พวกผู้หญิง คะ

บางครั้งก็หาผู้ชายมาช่วยงาน ลำบากคะ

 :41:
77  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ธรรมสัญจร เพชรบุรี - นครปฐม เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:37:15 am
เข้าไม่ได้เช่นกัน พึ่งรู้ว่า มีระดับสมาชิกด้วยคะ
 :smiley_confused1:
78  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสงฆ์ในอุดมคติ ของ ชาวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นอย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2011, 12:13:51 am
พระในอุดมคติ ก็ต้อง ทรงธรรมและวินัย คะ แต่ก็ไม่ใช่ 100% นะคะ เอาพอให้สามารถสอนให้เราเข้าใจ

เรื่องทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เพื่อภาวนาใน อริยะมรรค ได้คะ

 :08:
79  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไม พระสงฆ์ปัจจุบัน ถึงได้ พยายามสร้าง เทวรูป ต่าง ๆ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 11:00:41 pm
ผมว่า หัวข้อนี้ หมิ่นเหม่ ต่อการปรามาสนะครับ ต้องระมัดระวัง แต่ท่านที่ได้พบประสบมา

ด้วยตนเองอย่างนั้น พวกเราก็ชื่นชมกับคุณธรรม ที่รู้เท่าทันกิเลส ในตัวให้มากนะครับ

เพราะแท้ที่จริง การเห็นผู้ือื่นด้อยกว่า และ ดีกว่า เสมอกัน นั้นก็ยังจัดเป็นกิเลสเรียกว่า มานะทิฏฐิ นะครับ

 :25:

แหมคุณสมชิต ให้ละมานานุสัย เลยหรือคะ ระดับนี้ พระอนาคามี ขึ้นไปเชียวนะคะ ไม่ใช่ธรรมดา อนุโมทนาด้วยคะถ้าทำได้

แต่สำหรับคำวิจารณ์นั้น ก็เป็นการเสวนาให้เกิดความเข้าใจ ไม่ได้มาตำหนิ หรือ ติ เพื่อทำลายนะคะ

แต่เรามาร่วมวิจารณ์ หรือ ติ เพื่อ ก่อ นะคะ

สำหรับประเด็นที่ จขกท. เปิดไว้ ก็คือ ทำไมพระสงฆ์ยุคปัจจุบัน สร้างแต่เทวรูป ซึ่งดิฉันก็เห็นด้วยคะว่า

พระสวฆ์ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างเทวรูปขึ้นมา จะเป็นพระศิวะ หรือ พระพรหม หรือพระพิฆเนศร์ เป็นต้น

เพราะลำพังการสร้างพระพุทธรูป ก็เห็นมีที่พูดกันมานานแล้ว ก็มีสายสวนโมกขพลาราม กับนิยามคำว่า

 ไหว้พระพุทธระวัง สะดุดทองคำ เป็นต้น และยังมีวัดป่าสามแยกอีกวัดที่ออกมาถึง ขั้นร่วมกันทำลาย เผาพระพุทธรูป

อีกซึ่งดูแล้วก็หนักหนาสาหัส ต่อวัฒนธรรมไทย กันถ้าต้องการใหเปลี่ยนแบบอย่างครั้งพุทธกาลแบบอินเดียก็คงต้องให้

ไปรับประเพณีเขามาปฏิบัติด้วยดีกว่าหรือไม่ เช่นพระสงฆ์ท่าน นั่งพับเพียบ แต่พระสงฆ์แขกนั่งกระโหย่ง เป็นต้น

นึกดู นึกดู ว่ามองเห็นถึงถึงวัฒนธรรมที่มาด้วยหรือไม่

  ที่นี้การสร้าง เทวรูป น่าจะมาจากพวกพราหมณ์เพราะพระสงฆ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะสายปลุกเสกนั้น ก็ยังอีงกับพวก

พราหมณ์มาทำพิธี เห็นประจำเลย เวลาไปงานปลุกเสก สะเดาะเคราะห์ หล่อพระ ต้องมีพราหมณ์เข้ามาร่วมด้วยดังนั้นก็

อาจจะมีพระสงฆ์ส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่า ทำงานร่วมกับพราหมณ์ในเชิง พุทธพานิชย์ ขายวัตถุมงคล อะไรพวกนี้แหละเป็นพวก

สร้าง ที่นี้มาดูความเป็นจริง ในระบบพระสงฆ์ปัจจุบัน มีการส่่งเสริมพระสงฆ์ให้ศึกษาทางโลก มี ป.ตรี ป.โท ที่เห็นมาก็

ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงอะไรในทางธรรม มีแต่ความถือเนื้อ ถือตน ว่าฉันนี้เลิศประเสริฐศรีกว่าชาวบ้าน ทั้ง ๆ ที่ก็อาศัยคนอื่น

อยู่ ตอนนี้พระสงฆ์ เรียน ป.ตรี ป.โท ป.เอก เป็นแฟชั่น ไม่ได้เรียนมาเเพื่อพัฒนาทางธรรมหรอกคะ บางท่านจบมาก็สึก

ไปมีเมียก็มากที่เห็นมาหลายคน ใช่ไหมคะ คุณสมชิต ....อิ อิ อิ

  สรุปที่เป็นอย่างนี้ เพราะ มส. ขากการส่งเสริมพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ กับไม่เชื่อว่า ยังมีพระที่เป็นพระอริยะอยู่จริงใน

โลกนี้ สิ่งสำคัญก็ความเชื่อว่า ไม่มีผู้ปฏิบัติได้แล้วในยุคนี้ ยังคงมีอยู่ในกลุ่มพระสงฆ์กลุ่มใหญ่เลย ที่ดิฉันเข้าไปสอบถาม

ขนาดปฏิบัติอย่างหลวงปู่สุก หลวงปู่มั่น แม้หลวงตามหาบัว พวก มส. พระนิสิต จร. จล. สังฆาธิการ ทั้งปวง ยังไม่เชื่อ

เลยคะ ถามว่าท่านเชื่อว่าผู้ใดปฏิบัติได้ คำตอบคือไม่เชื่อใครหรอกคะ นอกเสียจากคนที่ให้ ฐานันดรกับท่าน ท่านถึงจะเชื่อ


 :08:
80  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / วิปัสสนา ตั้งจิตอย่างไร และ ควรปฏิบัติ ตอนไหน คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 11:05:16 pm
วิปัสสนา ตั้งจิตอย่างไร และ ควรปฏิบัติ ตอนไหน คะ

 จะรู้กิเลสว่าดับได้อย่างไร มีหลักปฏิบัติแบบที่พอเหมาะอย่างดิฉัน ได้วางอารมณ์ ที่อายตนะ ภายใน และ นอก

เมื่อกระทบกัน และ ทำสติให้จิตรู้ และ ปล่อยวางอารมณ์ จึงไม่ขัดข้อง คะ

 แต่ถึงแม้จะกระทำได้อย่างนี้ ก็ยังรู้ตัวเองว่าดับ กิเลสยังไม่ได้ อยากทราบว่า มีข้อบกพร่องส่วนไหนคะ

 :c017:
หน้า: 1 [2] 3