ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - juntra
หน้า: 1 2 [3]
81  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / โครงการอบรม ธรรมะและโยคะเพื่อผู้ป่วย ครั้งที่ ๑๖ 5 ก.พ.54 วปอ. กทม. เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 11:46:08 pm
มีข่าวมาแนะนำนะคะ
โครงการอบรม ธรรมะและโยคะเพื่อผู้ป่วย ครั้งที่ ๑๖
โดย ชีวิตสิกขา เครือข่ายเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจชีวิต
ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต
วันเสาร์ที่  ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๗.๐๐ น.


ภาวะ เจ็บป่วยทางร่างกายที่เกิดขึ้น ไม่เพียงต้องการ การดูแลเยียวยาทางกายภาพที่ดี และเหมาะสมกับโรคเท่านั้น หากยังต้องการองค์ประกอบร่วมทั้งทางด้านจิตใจ สังคมและปัญญา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยอยู่ได้อย่างมีสุขภาวะที่ดีและสมศักดิ์ศรีของความเป็น มนุษย์ เพราะถึงแม้ทางกายภาพอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ศักยภาพทางด้านจิตใจและปัญญา ยังสามารถพัฒนาได้ไปจนถึงขั้นสูงสุด ดังนั้นทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยเองต่างก็ต้องการความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติในการรับมือกับความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถวางใจได้
ว่า แม้กายจะป่วยแต่ใจไม่ป่วยเลย ค่อย ๆ ถอดถอนจากผู้เป็นทุกข์ สู่ผู้เห็นทุกข์ จวบจนกระทั่งสามารถสร้างเหตุปัจจัยในการเตรียมพร้อม ที่จะเผชิญกับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านสำคัญที่สุดของชีวิตอย่างเกื้อกูล ร่วมสร้างกุศลสะสมบุญด้วยการฝึกโยคะกับการภาวนาและกระบวนการเรียนรู้และเข้า ใจ ความจริงของชีวิต

ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมอบรม  สามารถเข้าร่วมได้ทั้งผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย และผู้สนใจทั่วไป

การเตรียมตัว เตรียมเสื่อหรือผ้าปูรองนอนเพื่อฝึกโยคะ (เครือข่ายฯ มีเสื่อเตรียมไว้จำนวนหนึ่ง)
ทางเจ้าภาพจัดเตรียมอาหารกลางวัน (มีมังสวิรัติ) เครื่องดื่ม และของว่างตลอดการอบรม

โปรแกรมอบรม
๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน
๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. ฝึกโยคะกับการภาวนา & ธรรมะกับความเข้าใจความจริงของชีวิต  กรุณานำผ้าปูรองฝึกส่วนตัวมาเอง
๑๒.๐๐-๑๓.๐๐     พิจารณาอาหารกลางวัน   
๑๓.๐๐-๑๕.๐๐     ฝึกการเจริญสติภาวนาแนวหลวงพ่อเทียน
๑๕.๐๐-๑๖.๓๐     วิถีแห่งบัวบาน – วางใจรับมือกับความป่วยระยะสุดท้ายของคุณบัว พระวิทยากร พระอธิการครรชิต อกิณจโน วัดป่าสันติธรรม จ.ชัยภูมิ
๑๖.๓๐-๑๗.๐๐     สรุปธรรมะปฏิบัติ และรับพรเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต

สนใจเข้าอบรมเชิญลงทะเบียนที่ http://jivit.net/
82  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เวลาหลับตานาน ๆ แล้ว เหมือนมีแสงสีม่วงหมุนวน เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 01:35:01 am
อ้างถึง
เวลาหลับตานาน ๆ แล้ว เหมือนมีแสงสีม่วงหมุนวน
   
เวลาที่ผมหลับตาไปนาน ๆ จะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นครับ

คือเหมือนมีแสง? สีม่วง (ผมเห็นเป็นสีนี้จริง ๆ) มีลักษณะเหมือนหมุนวน

จมลงไปตรงกลาง จากขอบ แล้วเหมือน หมุนวนหายลงไปตรงกลาง เรื่อย ๆ

เป็นแบบนี้เรื่อย ๆ ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก จนมาถึงปัจจุบัน เวลาหลับตา

ไม่ได้นอนหลับไปนาน ๆ จะว่าเป็นสมาธิรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ผมก็คิดไปทั่ว

นะเวลาเป็นแบบนี้ มันก็ไม่ได้มีสมาธิเท่าไหร่

เพราะอะไรจึงเห็นเป็นแบบนั้น มีคนเห็นแบบผมรึเปล่า หรือผมเป็นคนเดียว

จากคุณ    : DarkJomega

 อาการอย่างนี้ เกี่ยวกับสมาธิ หรือ ป่าวคะต้องปฏิบัติอย่างไร จึงจะพัฒนาต่อได้คะ

 :25:
83  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขอบคุณข้อบกพร่อง เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 12:48:37 am
ขอบคุณข้อบกพร่อง

ในประเทศสิงคโปร์เมื่อสองสามปีก่อน
หลังจากพิธีแต่งงาน พ่อของเจ้าสาว ดึงต้ว
ลูกเขยคนใหม่ออกมาเพื่อให้คำแนะนำใน
การครองชีวิตสมรสให้ยืนยาวและเป็นสุข
เขาบอกกับพ่อหนุ่มว่า

"เธอคงจะรักลูกสาวของฉันมากนะ"
"มากครับ"พ่อหนุ่มตอบ
"แล้วเธอคงคิดว่าเจ้าสาวของเธอยอดเยี่ยม
ที่สุดในโลก"พ่อตาถาม
"เธอยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบในทุกๆด้านครับ"
พ่อหนุ่มกระซิบเบาๆ



"มันก็เป็นเช่นนั้นแหละในวันที่เธอแต่งงาน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง เธอจะเริ่ม
สังเกตุเห็นข้อพกพร่องของลูกสาวของฉัน
เมื่อใดที่เธอเริ่มจะสังเกตุเห็นข้อพกพร่อง
ของเมียเธอนะ ฉันอยากจะให้เธอจดจำไว้ว่า
ถ้าลูกสาวฉันไม่ได้มีข้อพกพร่องเหล่านี้มา
ตั้งแต่เริ่มแรกแล้วละก็...พ่อลูกเขยเอ่ย....
เขาคงได้ผัวดีกว่าเธอเยอะไปซะแล้วละ!"



ดังนั้นเราควรจะขอบคุณข้อพกพร่องต่างๆ
ในตัวคู่ชีวิตของเรา เพราะถ้าเขาไม่ได้มีข้อ
พกพร่องมาตั้งแต่ต้น เขาก็คงจะสามารถ
เลือกแต่งงานกับใครสักคนที่ดีกว่าเรามาก
เป็นแน่






คุณๆล่ะค๊ะผิดหวังกับการเลือกคู่แต่งงาน
กับผู้ที่มีข้อพกพร่องไหม?
แล้วคุณจัดการกับชีวิตสมรสอย่างไร
จึงทำให้ยืนยาว หรือเลิกรากันไป

อย่างน้อยก็เป็นการให้สติกับหนุ่มสาว
ก่อนตกลงปลงใจแต่งงานกัน
84  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล จะเปลี่ยนชีวิตได้จริงหรือ เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 12:46:58 am
ที่จริงอยากเปลี่ยน ก็เปลี่ยนเถอะจ้า เปลี่ยนแล้วอย่าลืมตัวก็แล้วกัน นะคะ

 เปลี่ยนชื่อแล้ว เปลี่ยนนิสัยด้วย ขยัน ๆ มีศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากขึ้น ด้วยนะคะ

    :29:
85  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "การกลับเพศ" ของพระโสไรยยะเถระ เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 12:44:59 am
เหตุนี้หรือไม่

นี่อย่างนี้ไม่ต้องแปลงเพศ เลยนะนี่ พวกจิตวิปริต จึงชอบมาแซวพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติกันประจำแถววัด
ชอบมาใช้วาจา แทะโลม พวกหลวงตา หลวงพ่อ หลวงพี่ ที่เดินจงกรมกันอยู่ สงสัยหวังจะแปลงเพศด้วยฤทธิ์
จากการปรามาสพระอริยะ แต่สมัยนี้พระสงฆ์ ที่มีคุณสมบัติอย่างท่านพระมหากัจจายนะ นั้นน่าจะมีน้อยหรือไม่มี
นะเพราะเอตทัคคะ อย่างนี้หายาก ผู้ชำนาญใน ปฏิสัมภิทา ผู้เป็นต้นแบบ คัมภีร์ มูลกัจจายนะ

สาธุ กับเรื่องนี้คะ

 :25:
86  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / อุบาสิกากี นานายน (ท่าน ก. เขาสวนหลวง) เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 12:42:07 am

อุบาสิกากี นานายน (ท่าน ก. เขาสวนหลวง) สำนักปฏิบัติธรรมเขาสวนหลวง ราชบุรี ตอน แบบอย่างของสตรีผู้เข้มแข็ง เด็ดขาด และมั่นคงในพระธรรม



“ท่าน ทั้งหลายอย่านึกว่าข้าพเจ้าจำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแสดงแก่ท่านเลย  แต่ข้าพเจ้านำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติตาม แล้วจึงนำมาแสดง...”

 

ทุกๆช่วงเช้าและช่วงเย็นของแต่ละวัน บรรดาแม่ชีและอุบาสิกาที่พักอาศัยอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ จะนัดหมายมารวมตัวกันที่ “หอประชุมธรรมวิจัย” เพื่อทำวัตรสวดมนต์และรับฟังการบรรยายธรรมจากอดีตเจ้าสำนักคนที่หนึ่ง

หัวข้อการบรรยายมีมากมายหลายเรื่อง แต่ละเรื่องมักจะมุ่งตรงไปสู่จุดหมายเดียวกันทั้งนั้นคือ

“การปฏิบัติด้วยความเพียรเพื่อการหลุดพ้น”

ธรรมะ ไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่การบรรยายธรรมะในหอประชุมธรรมวิจัยหลังนี้กลับเป็นเรื่องที่แปลก โดยเฉพาะกับอาคันตุกะหน้าใหม่ที่ก้าวเข้ามาเยือนอย่างพวกเรา..


“การ กำหนดจิตให้มีสติตั้งมั่น  ต้องเป็นการฝึกจริง ถ้าเป็นการฝึกอ่อนแอแล้วไม่ได้เรื่อง  จะมีแต่ความพ่ายแพ้ เพราะการฝึกอบรมจิตนี้ต้องทำจริง เพียรจริง แต่ไม่ใช่เอาความอยากเข้ามาจัดจนเกินไป”

อุบาสิกาท่านหนึ่งที่ต้อนรับพวกเราได้อธิบายว่า เสียงการบรรยายธรรมที่พวกเราได้ยินอยู่นี้เป็นเสียงของ

“อุบาสิกากี  นานายน” หรือ “ท่าน ก. เขาสวนหลวง”

ผู้ ก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ปัจจุบันท่าน ก. เขาสวนหลวงได้ล่วงลับไปนานมากกว่าสามสิบปีแล้ว ดังนั้นเสียงที่พวกเราได้ยินจึงเป็นเสียงที่ได้บันทึกเอาไว้และนำมาเปิดทุก ครั้งหลังจากการทำวัตรสวดมนต์สิ้นสุดลง

โดยส่วนตัวแล้วผมเคยผ่านตากับชื่อ “ท่าน ก. เขาสวนหลวง” แต่ไม่เคยทราบเลยว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร ความเข้าใจเบื้องต้นครั้งแรกผมคิดว่าท่านคือนักเขียนหนังสือมีชื่อเสียงคน หนึ่งเท่านั้น จึงไม่ได้สนใจที่จะสืบค้นต่อ จนเมื่อได้อ่านบทความตอนหนึ่งที่”หลวงตามหาบัว”กล่าวรับรองท่าน ก. เขาสวนหลวง ว่า

“ธรรมที่ท่านอาจารย์ได้แสดงให้พวกเราฟังนั้น สามารถยึดถือเป็นหลักประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องไม่มีผิดพลาด แม้เปอร์เซ็นต์เดียว”

ความ สนใจครั้งนี้ จึงต่อยอดด้วยการที่ผมต้องพาตัวเองเข้าไปพึ่งบริการจากเพื่อนต่อ(มนุษย์ ล่องหน) ก็ได้ทราบความว่าท่าน ก. เขาสวนหลวงเป็นสุภาพสตรี ที่มีจิตใจแน่วแน่และมุ่งมั่นอยู่ในการปฏิบัติธรรม ชนิดที่ว่าสุภาพบุรุษอย่างเราๆท่านๆต้องยอมคารวะในความเป็นตัวตนและคุณธรรม ของท่าน..



เรื่องราวของ “ท่าน ก. เขาสวนหลวง” สำหรับคนบางคนแล้วอาจจะไม่มีความหมายหรือความน่าสนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับผมแล้วต้องยอมรับว่าเรื่องราวของท่านนับเป็นเรื่องวิเศษอันดับต้นๆ ของชีวิตน้อยๆของผมเลยทีเดียวครับ

เรื่อง วิเศษที่ผมว่าก็คือการที่สุภาพสตรีท่านหนึ่ง ได้นำพาตนเองเข้าไปสู่เส้นทางของพระพุทธศาสนา โดยเน้นการปฏิบัติอย่างหนักหน่วงพร้อมกับปฏิเสธเรื่องภูตผี วิญญาณ สิ่งเร้นลับต่างๆ ฯลฯ คงเหลือสิ่งที่ยอมรับอยู่อย่างเดียวคือพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่า นั้นที่เป็นเครื่องนำทางไปสู่จุดหมายในชีวิตของท่าน นั่นคือ “นิพพาน”

 

การ ปฏิบัติของท่านไม่ได้แหวกแนวหรือพิสดารอะไรเลย  ตรงกันข้ามกับเป็นเรื่องที่ใครก็สามารถปฏิบัติได้  ดังนั้นความแตกต่างจึงอยู่ตรงที่ “ใครล่ะสามารถปฏิบัติได้แข็งแรงกว่ากัน” การปฏิเสธความสุขทางโลก รักษาพรหมจรรย์ชั่วชีวิต ทำให้ท่านได้ปลีกตัวออกไปหามุมสงบของชีวิตเพื่อเป็นการกำจัดกิเลส  ตลอดจนสิ่งยั่วยุต่างๆในทางโลก

เล่า กันว่าสถานปฏิบัติธรรมที่ท่านได้สร้างขึ้นมา เกิดจากการที่ท่านและครอบครัวของคุณลุง คุณป้าของท่านได้เข้ามาดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาวัดร้างแห่งหนึ่งบริเวณ เชิงเขา ซึ่งจากวันที่ท่านได้เริ่มเข้ามาปฏิบัติธรรมในสถานที่แห่งนี้ นับเป็นเวลานานกว่าสิบปีทีเดียวกว่าจะสร้างศรัทธาให้คนเข้ามาร่วมปฏิบัติ ธรรมกับท่าน

 

แล้วตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีนั้นล่ะ ท่านทำอะไรอยู่..

แน่ละ...คงจะไม่ใช่การออกไปประโคมข่าวหรือออกโฆษณาตามสื่อต่างๆ...

หาก แต่ท่านใช้การวางตัว การประพฤติตัว การชี้แนะและการขนาบ จนสามารถเกี่ยวมัดจิตใจและสร้างความเชื่อถือให้กับบุคคลทั่วไป  จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจกับการที่สุภาพสตรีท่านหนึ่งต้อง เข้ามาอาศัยอยู่ท่ามกลางป่าเขา โดยไม่ถูกรบกวนจากเพศตรงข้ามหรือสัตว์ร้ายทั้งปวง

อะไรล่ะ  ที่เป็นเกราะคุ้มครองให้ท่านอยู่ได้อย่างปกติสุข..

ความปกติสุขที่ว่านี้ได้ยังผลสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ไม่ เคยปรากฏข่าวเลยว่าสุภาพสตรีที่เข้ามาบำเพ็ญศีลในสำนักปฏิบัติธรรมกลางป่า แห่งนี้ถูกข่มขืน ถูกงูกัด ถูกสัตว์ร้ายคาบไปกินหรือแม้แต่ถูกรบกวนจากโจรผู้ร้าย ฯลฯ

แต่ ขณะเดียวกันทุกคนกลับอยู่กันอย่างปกติสุขท่ามกลางป่าเขา ท่ามกลางธรรมะ ท่ามกลางความศรัทธา อยู่พักอาศัยกันแบบพึ่งพาและพอเพียง มีน้ำใช้สอยตามอัตภาพ เรื่องไฟฟ้าไม่ต้องพูดถึง ทั้งสำนักเปิดบริการพลังงานไฟฟ้าแค่สามจุดคือ โรงครัว เรือนพยาบาลและยามที่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ

 

นอก จากนั้นผู้ที่พักอาศัยตลอดจนสุภาพสตรีที่เข้ามาปฏิบัติธรรมจะมีเพียง  แสงอาทิตย์นำทางในเวลากลางวัน แสงจันทร์นำพายามค่ำคืน แสงจากเปลวเทียนยามที่ต้องค้นหาของในที่พัก แต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนต่างก็มีคือ

”แสงสว่างจากศรัทธาในพระธรรมนำทางไปสู่จุดหมายของชีวิต”

ซึ่ง แสงสว่างที่ทุกคนได้รับถูกจุดประกายขึ้นจากประมุขของสำนักคนแรกที่มีนัยน์ตา ค่อนข้างมืดสนิทและใช้แสงสว่างจากศรัทธาในพระธรรมนำทางไปสู่จุดหมายของชีวิต เช่นกัน..

ว่ากันว่าธรรมะของพระศาสดาเป็นแสงสว่าง เปรียบดั่งดวงประทีปที่ส่องให้เห็นความจริงและส่องให้เห็นได้ด้วยปัญญา

จากกรุงเทพ พวกเรามุ่งหน้าเข้าตัวเมืองราชบุรี เลี้ยวไปทางอำเภอจอมบึง ผ่านหน้าเขางูไปพอสมควรเราก็จะถึงทางแยกเข้าสู่เขาสวนหลวง สามกิโลเมตรบริเวณปากทางเข้าเราก็จะถึงสถานที่แห่งนี้ครับ...

“อุศมสถาน สำนักปฏิบัติธรรม เขาสวนหลวง”



“เกิด หญิงจริงหนึ่งกล้า        ผดุงธรรม

มา    ช่วยชี้ทางนำ      เพื่อนพ้อง

เพื่อ  พ้นผ่านเรือนจำ   ก้าวล้วง     ทุกข์นา

ธรรม ท่านที่ลั่นฆ้อง     บ่รู้เลือนหาย...”

ท่าน ก. เขาสวนหลวง มีนามเต็มว่า”อุบาสิกากี  นานายน” ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๔๔ ปีฉลู ณ ตำบลท่าแจ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี บิดาของท่านชื่อ นายฮก  นานายน  มารดาของท่านชื่อ นางบุญมี  นานายน และในจำนวนลูกทั้งหมดห้าคน ท่าน ก. เขาสวนหลวงคือบุตรสาวคนโตของครอบครัว

 

“แท้ จริงการเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ เกิดมาเพื่อดับไฟกิเลส มิใช่เกิดมาเพื่อให้กิเลสเผาอยู่ทุกวันทุกคืน  ถ้าเราเป็นฝ่ายเผากิเลส  เราก็มีแต่ความสุขเย็น  แต่ถ้ากิเลสเป็นฝ่ายเผาเรา เราก็สุกไหม้และเกรียมไปได้ในที่สุด”

ท่านเล่าว่าตอนที่ท่านอายุได้ประมาณ ๓-๔ ขวบ คุณแม่ของท่านได้สอนให้ท่านสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนและหากท่านเผลอนอนหลับโดย ไม่ได้สวดมนต์ คุณแม่ของท่านก็จะปลุกท่านให้ลุกขึ้นมาสวดมนต์เสียก่อน จึงจะอนุญาตให้ท่านนอนต่อได้

ครั้น พอท่านอายุได้ ๖ ขวบ ท่านก็พบเห็นภาพคุณแม่ของท่านซึ่งขณะนั้นกำลังท้องแก่แต่ก็ยังคงทำงานอย่าง หนัก เช่นการหาบน้ำจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆบ้าน

ท่านจึงบอกคุณแม่ของท่านว่าท่านจะช่วยหาบน้ำบ้าง คุณแม่ของท่านจึงได้ตัดไม้กระบอกให้และท่านจึงได้หาบน้ำด้วยไม้กระบอกนั้นทุกวัน..

 

ใน ช่วงที่ท่านมีอายุ ๗ ขวบ ท่านได้มาอยู่กับญาติที่กรุงเทพ ได้รับค่าขนมวันละหนึ่งอัฐ ซึ่งท่านก็ไม่ได้นำเงินนั้นไปซื้อขนมกินเลย กลับเอาไปซื้อดอกไม้มาบูชาพระทุกวัน ต่อมาเมื่อท่านได้รับค่าขนมเพิ่มขึ้นเป็นวันละหนึ่งไพ ท่านจึงได้ซื้อข้าวที่เขาขายกระทงละหนึ่งไพ นำไปใส่บาตรทุกวัน

จน เมื่อท่านได้กลับมาอยู่บ้านเดิมที่ราชบุรี คุณแม่ของท่านซึ่งปฏิบัติรักษาศีลอุโบสถอยู่เป็นประจำ ได้สอนท่านไม่ให้ทำบาปขณะเดียวกันคุณแม่ของท่านก็ไม่เคยพาท่านหรือลูกๆคน อื่นไปเที่ยวดูการละเล่นเลย

 

ว่า กันว่าความสุขในวัยเด็กก็มีไปอย่างหนึ่ง ความสุขในวัยหนุ่มสาวก็มีไปอย่างหนึ่ง วัยกลางคนก็มีไปอย่างหนึ่ง วัยแก่เฒ่าชราก็มีไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีทางที่จะเหมือนกันหรือสับเปลี่ยนกันได้เลย...

ท่าน ก. เขาสวนหลวงได้เริ่มรักษาศีลอุโบสถเมื่ออายุได้ ๒๔ ปี ท่านได้ศึกษาธรรมะด้วยตัวของท่านเองโดยการปฏิบัติธรรมควบคู่ไปกับการอ่าน หนังสือธรรมะ ขณะเดียวกันท่านก็ยังหาโอกาสไปกราบขอความรู้ ความเข้าใจในธรรมจากครูบาอาจารย์หลายท่าน เช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ ฯลฯ

 

“เรา บังคับโลกนอกตัวเราไม่ได้ก็จริง  แต่เราสามารถควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้สัมผัสโลกแต่ในลักษณะที่จะไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่เราได้ โดยอาศัยธรรมะนั่นเอง” 

ท่าน เล่าว่าครั้งหนึ่งได้มีผู้ใหญ่มาชวนท่านไปเที่ยวงานประจำปี ท่านจึงได้ออกไปเที่ยว หลังจากที่ท่านได้ยืนดูอยู่ได้สักครู่ ท่านก็ได้นึกถึงศีลข้อที่ห้ามไม่ให้ดูการละเล่น การฟ้อนรำต่างๆ ทำให้ท่านเกิดความละอายใจ ท่านจึงได้ขออนุญาตผู้ใหญ่ท่านนั้นกลับบ้าน ท่านว่าหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาท่านก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือออกไปดูการละ เล่นอีกเลย

มีเรื่องจริงที่ถูกบันทึกไว้ว่าเคยมีผู้มาบอกท่านว่า...

เขามีอาจารย์เป็นสมเด็จและทำให้คนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ พร้อมกับคนผู้นั้นได้พยายามชักชวนให้ท่านไปดู ท่านจึงได้ตอบว่า...

“กิเลส มันอยู่ที่ตัวเรา อาจารย์จะมาทำให้หมดกิเลสไม่ได้ เราต้องปฏิบัติละกิเลสด้วยตัวเองจึงจะได้  ฉันไม่ไปหรอก  ถ้าอยากจะสำเร็จแบบนั้นก็ไปเถอะ”

หลัง จากที่ท่านได้ปรนนิบัติสนองคุณบิดามารดาตามหน้าที่จนท่านทั้งสองถึงแก่กรรม แล้ว ในปี ๒๔๘๘ ขณะที่ท่านอายุได้ ๔๔ ปี ท่านจึงได้ปลีกตัวออกไปสู่ความสงบ ณ เขาสวนหลวง พร้อมกับอุบาสกเปลี่ยน รักแซ่และอุบาสิกาแดง รักแซ่

 

อุบาสิกาวัลย์  นานายน ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้นไว้ว่า...

“.......หลังจากบิดาได้สิ้นชีวิตลง ดิฉันก็อยู่กับท่านเพียงสองคนเท่านั้น ไปไหนจึงต้องไปด้วยกันเสมอ ท่านปรารถอยู่เสมอว่า

“การอยู่บ้านเรือนและค้าขายเป็นภาระหนัก เราหาเงินได้สักก้อนหนึ่งแล้ว ไปหาที่สงบอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมดีกว่า”

ท่านเทิดทูนบูชาชีวิตพรหมจรรย์อย่างเหลือเกิน ท่านชี้ให้เห็นว่า

“เรามีมือมีเท้ามีปัญญา ทำไมจะต้องไปเป็นทาสเขาทั้งกายและใจ คนอ่อนแอเท่านั้นที่ต้องพึ่งผู้อื่น ผลที่สุดก็ได้รับความทุกข์ตลอดชีวิต”

ต่อ มาดิฉันก็ได้เปลี่ยนการค้าเล็กน้อยนั้น มาเช่าตึกทำการค้าอยู่ตลาดราชบุรี จนกระทั่งเกิดสงครามใน พ.ศ.๒๔๘๘ ตลาดราชบุรีได้ถูกระเบิด ดิฉันอพยพไปทำการค้าชั่วคราวอยู่ที่ปากน้ำ

ท่านบอกว่า จะไม่ไปด้วยท่านจะไปอยู่เขาสวนหลวง ก่อนจะไป ด้วยความห่วงใยท่านได้ลงไปดูความเป็นอยู่ของดิฉันว่าจะอยู่กันเรียบร้อยหรือ ไม่ แล้วท่านก็ไปอยู่เขาสวนหลวงตั้งแต่นั้นมา


เขาสวนหลวงนี้ท่านเคยสนใจมาก่อนแล้ว เพราะว่ามีคุณลุงและคุณป้า ซึ่งเป็นพี่ชายคุณแม่อยู่ข้างหลังเขาคือ”คุณลุงเปลี่ยน รักแซ่และคุณป้าแดง รักแซ่” ภริยาของคุณลุงเปลี่ยน ทุกครั้งที่ท่านมาเยี่ยมคุณลุงและคุณป้า ท่านจะต้องมาที่เขาสวนหลวงเสมอ.........”

“ตึกไสยาสน์       ว่างเปล่า    เขาสวนหลวง

ธรรมทั้งปวง       อนัตตา      อย่าหลงใหล

กฎธรรมชาติ      ธาตุขันธ์    มันเสื่อมไป

เหตุปัจจัย  ดับไม่เหลือ สิ้นเชื้อเอย...”

ขอ ขอบพระคุณ อุบาสิกาละมัย จุลคำภา ที่เมตตาให้ข้อมูลและบอกเส้นทางเข้าสู่สำนัก บทความบางตอนอ้างอิงจากหนังสือหลายๆเล่มของ ท่าน ก. เขาสวนหลวง คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย สำหรับภาพถ่าย เพื่อนต่อ(มนุษย์ล่องหน)ที่ให้คำชี้แนะและคำขนาบ คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี กับกำลังใจที่มีให้เสมอมาครับ

อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่นี่คะ
http://www.oknation.net/blog/sitthi/2009/03/13/entry-1
87  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิ์เด็ก รับสมัครงาน วุฒิ ปริญญาตรี 6 อัตรา ด่วน เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 11:37:32 pm
ประกาศ 22 ม.ค.2554
นักจิตวิทยา (2 อัตรา)
   - วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ด้านจิตวิทยาคลินิก
   นักสังคมสงเคราะห์ (1 อัตรา)
   - วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
   พนักงานประชาสัมพันธ์ (1 อัตรา)
   - วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป สาขานิเทศศาสตร์สื่อสารมวลชน มนุษยศาสตร์ หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร  พนักงานประสานงานต่างประเทศ (1 อัตรา)   
             - วุฒิปริญญาตรีขึ้นไป ด้านศิลปศาสตร์ อักษรศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ หรือสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง   นักกิจกรรมพัฒนาเด็ก (1 อัตรา)
   - วุฒิปริญญาตรี สาขาการศึกษา วิทยาศาสตร์สุขภาพ กิจกรรมบำบัด สุขศึกษา จิตวิทยาสังคมสงเคราะห์ หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง
   สมัครด้วยตนเองหรือส่งจดหมายสมัครงานพร้อมหลักฐานได้ที่ มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิ์เด็ก 979 ถ.จรัญสนิทวงศ์ 12 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.10600 Tel.0 2412 1169, 0 2412 0739, 0 2864 1421 E-mail: cpcrhuman@yahoo.com บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2554

http://jobs.narak.com/jobs.php?No=21216
88  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: จับความรู้สึกไม่ได้ ทำไงดีคะ เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 12:36:07 am
อ้างถึง
แต่พอออกมาแล้ว มาดูตำราก็เหมือนจะไม่ใช่ปิตินะคะ (งง ๆ ) แล้วก็ความรู้สึกเหมือนกลับไปจับลมหายใจอยู่ตลอดค่ะ

เมื่อนั่งพระกรรมฐาน ครั้งแรก ตามที่อธิษฐาน ก็คือการเข้าถึง สภาวะ ของจิต ที่กระทบกับกาย อันเนื่องด้วยจิต

ลมหายใจ เข้า ออก เป็นเพียงกาย เท่านั้น ส่วน จิต กระทบ กาย นั้นเริ่มที่ปีติ ส่วนกาย ก็คือ พระลักษณะ คะ

พระลักษณะ ก็คืออาการที่จิต กระทบกับกาย ตามฐานจิต แบ่งเป็น 5 ฐานจิต ในพระธรรมปีติ คะ

เริ่มตั้งแต่  1. พระขุททกาปีติ ธาตุดิน ลักษณะ ที่เกิด เช่น ขนลุก ขนพอง เป็นต้น

  พระลักษณะ เกิดขึ้นได้ เมื่อภาวนา พุทโธ รวมลงที่ ฐานจิต บังคับให้เกิดขึ้นไม่ได้ จะเกิดขึ้นเอง เมื่อจิต รวมศูนย์จิตได้ ตั้งมั่นได้แล้ว ถ้าจิตผูกอยู่กับ ลมอยู่ ก็ไม่สามารถกระทบส่วนนี้ได้ เพราะ การฝึกอานาปานสตินั้น มี 16 ขั้น

การที่อยู่ลมหายใจ เข้า ออก ก็อยู่แค่ 4 ระดับ ต้องระงับ กายสังขารได้ ขั้นที่ 5 ปีติจึงเกิด ขั้นที่ 6 สุขจึงเกิด
เป็นต้น ดังนั้นถ้าจิตของคุณยังผูกอยู่กับลมหายใจ ก็ไม่มีทางเข้าถึง ปีติ นี้ได้ นะจ๊ะ"

ที่มา จากคำตอบทางเมล ของพระอาจารย์สนธยา ธัมมะวังโส
89  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เราควรวางใจอย่างไร ดีคะ เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 01:14:07 am
มีใครเกิดมาแล้ว ไม่ตาย นั้นไม่มีครับ

สัพเพ สังขารา อะนิจจา.
สังขารคือร่างกาย จิตใจ และรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไปมีแล้วหายไป.

สัพเพ สังขารา ทุกขา.
สังขารคือร่างกาย จิตใจ แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น มันเป็นทุกข์ทนยาก เพราะเกิดขึ้นแล้ว แก่ เจ็บ ตายไป.

สัพเพ ธัมมา อะนัตตา
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นสังขาร แลมิใช่สังขารทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา.

อะธุวัง ชีวิตัง       ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน

ธุวัง มะระณัง               ความตายเป็นของยั่งยืน

อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง         อันเราจะพึงตายเป็นแท้

มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง         ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุดรอบ

ชีวิตัง เม อะนิยะตัง           ชีวิตของเรา เป็นของไม่เที่ยง

มะระณัง เม นิยะตัง           ความตายของเรา เป็นของเที่ยง

วะตะ               ควรที่จะสังเวช

อะยัง กาโย           ร่างกายนี้

อะจิรัง               มิได้ตั้งอยู่นาน

อะเปตะวิญญาโณ         ครั้นปราศจากวิญญาณ

ฉุฑโฑ               อันเขาทิ้งเสียแล้ว

อะธิเสสสะติ         จักนอนทับ

ปะฐะวิง               ซึ่งแผ่นดิน

กะลิงคะรัง อิวะ         ปะดุจดังว่าท่อนไม้และท่อนฟืน

นิรัตถัง               หาประโยชน์มิได้
90  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เราควรจะช่วยหรือวางเฉยดี เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 01:04:43 am
ควรฟังคุณพ่อ คุณแม่คะ ยิ่งปล่อยนานไป จะบานปลายนะคะ
อย่างที่คุณหมวยบอก ถ้าเกิดโตอีกหน่อยแล้วไปกัดคนเข้าละก็ ตอนนั้นน้องจะนั่ง นอนทุกข์ กว่านี้

ที่อ่านดูก็เห็น น้องไม่มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบ ต่อสุนัขทั้ง 5 ตัวนี้ได้ อย่าลืมนะคะ ว่าพัฒนาการ ๆ ของสุนัข
2 เดือน ก็มีลูกแล้ว ซึ่งอาจจะปวดหัวมากกว่าเดิมนะคะ
 :88:
91  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: เด็กนักเรียนโพสกระทู้โวยพ่อไม่ซื้อ ไอโฟน 4 ให้ เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 11:24:01 pm
ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง นะ เด็กคนนี้อย่าไปเฉียดใกล้เลย ถ้าวันหนึ่งเธออยากเป็นนายก ขึ้นมาละก็ คงจะด่ากระเจิง
เลยคะ ถ้าจะว่าไปแล้วบนเวที ที่ประชุมกันอยู่ก็ประมาณนี้คะ เหตุผลแบบเดียวกัน คะสงสัยลูกพวกนี้หรือป่าว กรรม

 :96:
92  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การไม่เชื่อเรื่องอภินิหาร ปาฏิหาร ภูตผีปีศาจ เทวดา ผิดไหม บาปไหม เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 11:43:16 pm
การไม่เชื่อเรื่องอภินิหาร ปาฏิหาร ภูตผีปีศาจ เทวดา ผิดไหม บาปไหม

และจะขัดต่อการปฏิบัติภาวนา หรือป่าวคะ ถ้าหากเราไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้

 :25:
93  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ช่วยด้วยค่ะ ถูกเจ้ากรรมนายเวรตามล่า ต้องทำยังไงดี เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 11:41:14 pm
คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เราเป็นคนที่กลัวสัตว์ปีกทุกชนิดมาตั้งแต่เล็ก

คือเข้าใกล้ไม่ได้เลย อาการเหมือนคนที่กลัวสัตว์น่าเกลียดน่ากลัว

แต่ของเราหนักกว่าคือ กลัวแม้แต่เสียงนก ทั้งที่ยังไม่เห็นตัวด้วยซ้ำ

แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไร บ่อยครั้งเราจะรู้สึกเหมือนถูกตามล่า

คือส่วนใหญ่ทุกครั้งที่เห็นไม่ว่านกหรือไก่อะไร

เขาจะบินจะเดินเข้ามาใกล้เรามากๆ

มีครั้งนึงเขาเคยมาเกาะตรงเบาะเก้าอี้ จำเป็นต้องไล่เขาออกไป

ก็เลยเอาสมุดปัดๆ เขาก็บินขึ้นสูง แล้วก็บินลงมาตีที่หัวเรา น่ากลัวมากๆ

แล้วก็จะมีนกหลงเข้ามาในร้านค้าที่ทำงานอยู่ ทั้งๆที่ก็เป็นตึกติดถนน

ถามบ้านอื่นติดๆกันก็ไม่เคยมีเข้ามา บางทีก็เข้ามาในบ้าน

บินวนอยู่หน้าห้องนอน เดินเข้ามาดื้อๆตอนกำลังนั่งเล่นคอมก็มี

ทั้งหลายทั้งแหล่ที่เล่ามานี้ จำเพาะต้องเป็นเราที่มาเจอเองทุกทีด้วย

ทั้งๆที่บ้านและที่ทำงานก็มีคนอยู่เยอะ

มีอยู่ครั้งเคยนั่งสมาธิแล้วเห็นภาพเรากำลังย่างนกกระจอกอยู่ เลยเข้าใจว่า

ชาติที่แล้วคงทำกรรมไว้กับเขามาก ก็พยายามอุทิศส่วนบุญให้ทุกครั้งที่ทำบุญ

ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนมีอยู่วันหนึ่งจู่ๆก็นึกขึ้นมาว่า

ถ้าเราเลิกกินไก่กับไข่นกกระทา อาจจะดีขึ้นก็ได้ เพราะเราไม่ได้กินนกอยู่แล้ว

ส่วนไข่ไก่นี่ต้องขอ เพราะบางครั้งไม่สามารถเลือกกินได้มาก

ตั้งแต่นั้นเขาก็มากวนน้อยลงจนนึกว่าวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ถูกแล้ว...จนวันนี้

เรากำลังนั่งทำงานอยู่ในร้านขายของ ใกล้เที่ยงก็ล้วงข้าวกล่องที่เตรียมมาด้วย

ออกมากิน เป็นข้าวกับไข่ดาวต้มขิง

ขณะกำลังจะกิน นกตัวหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ บินเหมือนกำลังตกใจกลัวอะไร

บางอย่าง แล้วมาใกล้มาก เราก็ตกใจ เดินหนี เขาก็เดินตาม ปรบมือไล่ก็ไม่ไป

แล้วก็บินออกไป เราก็นึกว่าคงหลงเข้ามาเหมือนเคย ก็กำลังจะกินต่อ

เขาก็เข้ามาอีก คราวนี้มากัน4-5ตัวเลย เราก็วิ่งไปยืนห่างๆ

เขาก็แยกกันบินล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วก็ไป เราก็บอกเขาว่าอย่าเข้ามาอีกเลย

พรุ่งนี้จะไปใส่บาตรให้ แล้วก็เดินไปเปิดเทปบทสวดเจ้าแม่กวนอิมฟัง

เพื่อให้ขวัญตัวเองกลับมา ฟังไปก็เริ่มสบาย กำลังเคลิ้ม เขาก็โผล่มาด้านหลัง

คราวนี้ตกใจจนร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก จะออกมาจากร้านก็ไม่ได้

เพราะคนที่ผลัดเวรเฝ้าด้วยยังไม่มา แถมรถของเราที่จอดไว้หน้าร้านก็ถูกพวก

เขาล้อมไว้หมดแล้ว แล้วก็ดันมีลูกค้าเข้าร้าน เราก็ต้องแข็งใจ

เช็ดน้ำตาแล้วก็เดินออกไปขายของ (ลูกค้าก็มองหน้างงๆ)

ขณะกำลังขายของก็ยังมีบินมาโฉบผ่านหน้าอีกสองตัว

กว่าจะมีคนมาเปลี่ยนเวร เล่นเอาแทบจะกลัวจนบ้าตาย

เลยตั้งใจจะเข้าถามว่า มีใครเป็นเหมือนเราบ้างมั้ยคะ

แล้วถ้าเป็นแบบนี้จะมีวิธีแก้ยังไงบ้าง ทรมานมากๆค่ะกับการกลัวอะไร

ที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็ต้องพบต้องเจอทุกที่ ถ้ามีใครทราบวิธีบรรเทาให้ดีขึ้น

ก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่เล่าเรื่องยาวมาก

คืออยากจะให้เห็นภาพชัดๆว่า มันไ่ม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้วน่ะค่ะ

ที่มาจากคำถามของสหายธรรม
94  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากทราบความหมาย ของคำว่า อธิษฐาน คืออะไรครับ เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 10:25:07 pm
ความสำคัญของ "อธิษฐานบารมี"

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=434.0

พระเจ้าเนมิราชทรงบำเพ็ญ อธิษฐานบารมี

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=481.msg1918#msg1918

ทศชาติชาดก (เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว)

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=676.0

เห็นว่าเรื่องนี้มีคนสนใจอ่านกันมาก แต่ยังไม่มีใครช่วยตอบก็ อ่านตามลิงก์ก่อนนะคะ

 :08:
95  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ใครเคยบวชชีพราหมณ์บ้างคะ ช่วยเล่าประสบการณ์กับรายละเอียด เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 09:18:05 pm
ขั้นตอนการบวชชีพราหมณ์ / เนกขัมมะที่วัดสังฆทาน และการลาสิกขา



ในตอนแรกจะมีแม่ชีมาอบอรมขั้นตอนให้ค่ะ
ให้เราหยิบใบขาวๆ ที่บอกรายละเอียดบทสวดต่างๆไว้มาหนึ่งชุด

เมื่อพระท่านมาถึงแล้วให้กราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง
แล้วสวดมนต์ตามขั้นตอนในใบนั้นค่ะ

เอาที่เกี่ยวกับการขอบวชมาให้อ่านคร่าวๆนะคะ


คำขอบวชเนกขัมมะ

เอสาหัง ภันเต/ สุจิระปะรินิพพุตัมปิ/ ตัง ภะคะวันตัง/
สะระณัง คัจฉามิ/ ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ/ ปัพพัชชัง
มัง ภันเต/ สังโฆ ธาเรตุ/ อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง/ สะระณัง คะตัง.


ข้าแต่ท่านผู้เจริญ/ ข้าพเจ้าขอถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า/
แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้ว/ กับทั้งพระธรรม และพระสงฆ์/
ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก/ ขอพระสงฆ์จงจำข้าพเจ้าไว้ว่า/ เป็นผู้บวชใน
พระธรรมวินัย/ ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต/ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.


คำอาราธนาศีล 8

มะยัง* ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ/ อัฏฐะ สีลานิยาจามะ*/
ทุติยัมปิ มะยัง* ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ/ อัฏฐะ สีลานิยาจามะ*/
ตะติยัมปิ มะยัง* ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ/ อัฏฐะ สีลานิยาจามะ*/


ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย* ขอสมาทานศีล 8 ประการ
พร้อมทั้งไตรสรณคมน์.
แม้ครั้งที่ 2 ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย* ขอสมาทานศีล 8 ประการ
พร้อมทั้งไตรสรณคมน์.
แม้ครั้งที่ 3 ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย* ขอสมาทานศีล 8 ประการ
พร้อมทั้งไตรสรณคมน์.

หมายเหตุ*
ถ้าคนเดียวใช้คำว่า อะหัง แทน มะยัง
ยาจามิ แทน ยาจามะ
ข้าพเจ้า แทน ข้าพเจ้าทั้งหลาย


ศีล 8

1. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการฆ่าสัตว์)

2. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้)

3. อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการประพฤติที่ไม่ใช่พรมจรรย์)

4. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการพูดเท็จ)

5. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการเสพของมึนเมาคือสุรา เมรัย
และสิ่งเสพติดอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท)

6. วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล)

7. นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา,มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะ
วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี
ดูการเล่นชนิดที่เป็นข้าศึกต่อกุศล และการทัดทรงสวมใส่เครื่องประดับ
ตกแต่งกายด้วยดอกไม้ของหอม และเครื่องผัดทาย้อมผิว)

8. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขา ปะทัง สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท เว้นจากการนั่งนอนบนที่สูงและที่นอนใหญ่)




คำสรุปท้ายศีล 8

อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท 8 ประการเหล่านี้)

หมายเหตุ พระกล่าวครั้งเดียว ผู้สมาทานกล่าว 3 ครั้ง


จากนั้นพระจะสวดแสดงอานิสงน์ของศีล เราก็รับว่า "สาธุ" ค่ะ

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการสวดแล้ว
พระท่านจะสอนธรรมะแนะแนวการปฏิบัติสมาธิ
รวมถึงให้กรรมฐานแก่นักบวชเนกขัมมะทุกคน


เพียงเท่านี้เราก็พร้อมจะปฏิบัติธรรมกันแล้ว
แต่จะปฏิบัติอะไรบ้างนั้น คลิกอ่านได้ที่บลอคหน้าจ้ะ

ที่มาเนื้อหาของ กัลยาณมิตร คะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hobbit&month=01-2008&date=01&group=7&gblog=32
96  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ใครเคยบวชชีพราหมณ์บ้างคะ ช่วยเล่าประสบการณ์กับรายละเอียด เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 09:16:09 pm
ที่จริงเรียกกันให้ง่าย มากกว่านะคะ

  เพราะว่า ถ้าบวชชี แล้ว ก็คือ นุ่งขาว ห่มขาว หรือ ชุดขาว ประมาณนี้ แล้วต้อง โกนผม

 แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย ๆ เรียก ชีพราหมณ์

  ก็เพราะว่า นุ่งขาว ห่มขาว หรือ ชุดขาว แต่ ไว้ผมได้

 ซึ่งการบวชชีพราหมณ์ ก็อาจจะใช้เวลา 2 - 15 วัน ขึ้นอยู่กับสำนักปฏิบัติธรรม คะ



หน้า: 1 2 [3]