ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ???  (อ่าน 4000 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ???
« เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 07:38:37 pm »
0

น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง


     ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของกรุงเทพฯ จะหาน้ำท่วมปีไหนที่รุนแรงและเป็นที่จดจำมากเกินไปกว่า “น้ำท่วมใหญ่” ปลายปี พ.ศ.๒๔๘๕ เป็นไม่มี

     ในครั้งนั้นยังไม่มีเขื่อน ไม่มีพนังกั้นน้ำ น้ำเหนือที่ไหลเอ่อท้นจึงแผ่ซ่านเข้าท่วมทุ่งราบภาคกลางทั้งหมดอย่างเสมอภาค และกรุงเทพฯ ก็ย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น

     พื้นที่ส่วนใหญ่ในกรุง (ยกเว้นภูเขาทองวัดสระเกศ) ถูกน้ำท่วมสูง รถยนต์ต้องหลีกทางให้แก่เรือพายนานาชนิดที่กลายมาเป็นเจ้าถนนชั่วคราว



     ข้าราชการได้รับอนุญาตให้นุ่งกางเกงขาสั้นไปทำงานได้ เพราะต้องลุยน้ำกันทั่วหน้า รัฐมนตรีต้องนั่งเรือพายไปประชุม ครม. ที่ทำเนียบ

     ว่ากันว่าท่านนายกฯ คือจอมพล ป. พิบูลสงคราม เรียกก๋วยเตี๋ยวเรือมาเลี้ยง เป็นที่สนุกสนานอิ่มหนำสำราญ แล้วเลยเกิดไอเดียว่าไหนๆ ผักหญ้าก็หายาก จึงควรสนับสนุนให้คนไทยขายก๋วยเตี๋ยวและกินก๋วยเตี๋ยวกันอย่างจริงจัง ถึงแก่มีคำขวัญว่า “อาหารกลางวันของท่านคือก๋วยเตี๋ยว !"

     ในเวลานั้นอยู่ในยุคของสงครามมหาเอเชียบูรพา ทหารญี่ปุ่นเต็มพระนคร ยังดีที่สัมพันธมิตรเพลาๆ มือ งดการส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดในช่วงนั้นไปบ้าง


     บางคนว่าประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอย หลายคนไม่เชื่อ แต่เราไม่แน่ใจ…



ที่มา
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=News&file=article&sid=1101
ขอบคุณภาพจาก www.muangboranjournal.com,www.bangkokbiznews.com
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
น้ำท่วมกรุงเทพ ปี 2485
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 07:52:04 pm »
0






บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ???
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 08:03:36 pm »
0





      เพลง น้ำท่วม
      คำร้อง/ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน
      ศิลปิน ศรคีรี  ศรีประจวบ

     น้ำท่วมน้องว่าดีกว่า ฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้ง ให้ฝนแล้งซ่ะยังดีกว่า   
     น้ำท่วมปีนี้ทุกบ้านล้วนมีแต่คราบน้ำตา พี่หนีน้ำขึ้นบนหลังคา     
     น้ำตาไหลเคล้าสายชล

     น้ำท่วมใต้ฝุ่นกระหน่ำซ้ำสอง เสียงพายุก้อง เหมือนเสียงของ มัจจุราชบ่น   
     น้ำท่วมที่ไหน ก้อต้องเสียใจด้วยกันทุกคน เพราะต้องพบกับความยากจน
     เหมือนคนหมดเนื้อสิ้นตัว

   
     บ้านพี่ก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน ที่ประจวบคีรีขันธ์
     เหมือนกันไปทุกครอบครัว พื้นนาก้อล้มไร่แตงก็จมเสียหายไปทั่ว     
     พี่จึงเหมือนคนหมดตัว หมดตัวแล้วนะแก้วตา
     
     น้ำท่วมพี่ต้องผิดหวัง ชอกช้ำ พี่คิดเช้าค่ำ ปล่อยให้น้ำท่วมตายดีกว่า
     น้องอยู่บ้านดอนช่างไม่อาทร ถึงพี่สักครา   
    ไม่มาช่วยพี่ซับน้ำตา ไม่มามองพี่บ้างเลย

   
หมายเหตุ เพลงน้ำท่วมนี้ ครูไพบูลย์แต่งจากชีวิตจริงของศรคีรี


ที่มา http://solno07.exteen.com/20090713/entry-7
ขอบคุณภาพจาก http://sl.glitter-graphics.net
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ???
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 10:22:20 pm »
0
ทั้งท่วม ทั้งแล้ง ก็ไม่ดีทั้งสองอย่าง
ทางสายกลาง พอดี ๆ นี่แหละดีที่สุด


  น้ำตา +  น้ำใจ = พอทนได้

  น้ำตา + ไร้น้ำใจ = ชอกช้ำ

  น้ำตา + ชอกช้ำ = สิ้นหวัง

  น้ำตา + สิ้นหวัง = ตายทั้งเป็น ( ทุกข์ )

  ตายทั้งเป็น จะหาอะไรเป็นที่พึ่ง นอกจากตนเอง

  จะพึ่งตนเอง ได้ ก็ต้องมีสติ

  เมื่อมีสติ ธรรมที่ควร ตื่น ก็ควรจะมี

  ธรรมที่ควรตื่น ก็คือ เห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งทุกข์ รู้เป้าหมายของการพ้นทุกข์ และ เห็นทางสู่ความพ้นทุกข์


 :93: :73: ??? :smiley_confused1:


  ทุกข์ สุข ที่อารมณ์ มีได้ อยู่ สติ มีมาก หรือ น้อย

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 28, 2011, 08:20:20 am โดย นักเดินทาง »
บันทึกการเข้า

juntra

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 108
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ???
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 28, 2011, 09:46:28 am »
0
ทั้งท่วม ทั้งแล้ง ก็ไม่ดีทั้งสองอย่าง
ทางสายกลาง พอดี ๆ นี่แหละดีที่สุด



  อะไรมันจะเกิด ก็ต้องเกิด อะไรมันจะดับ ก็ต้องดับ

  แล้วที่สำคัญ เราจะทำอย่างไร ในระหว่าง ความเกิด และความดับ นั้น ๆ

      1.ตามดู  และรับชะตากรรมกันไป
 
      2.ตามเห็น และรับชะตากรรมกันไป
   
      3.ตามรู้ และรับชะตากรรมกันไป

      4.ไม่ต้องตามดู ตามเห็น ตามรู้ และรับชะตากรรมกันไป

      5.ต้องตามดู ตามเห็น ตามรู้ และรับชะตากรรมกันไป

    หรือ มีทางออกอื่น ๆ อีก

      ถ้าเป็นอย่างนี้ เราจักพ้นจากกรรมได้อย่างไร
     กรรมฐาน จักแก้กรรมได้อย่างไร
   
     ในเมื่อกรรม ทั้งหลายไม่ได้เปลี่ยนไปกันเลย

    :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ???
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 28, 2011, 11:37:14 am »
0
ทั้งท่วม ทั้งแล้ง ก็ไม่ดีทั้งสองอย่าง
ทางสายกลาง พอดี ๆ นี่แหละดีที่สุด


  น้ำตา +  น้ำใจ = พอทนได้

  น้ำตา + ไร้น้ำใจ = ชอกช้ำ

  น้ำตา + ชอกช้ำ = สิ้นหวัง

  น้ำตา + สิ้นหวัง = ตายทั้งเป็น ( ทุกข์ )

  ตายทั้งเป็น จะหาอะไรเป็นที่พึ่ง นอกจากตนเอง

  จะพึ่งตนเอง ได้ ก็ต้องมีสติ

  เมื่อมีสติ ธรรมที่ควร ตื่น ก็ควรจะมี

  ธรรมที่ควรตื่น ก็คือ เห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งทุกข์ รู้เป้าหมายของการพ้นทุกข์ และ เห็นทางสู่ความพ้นทุกข์


 :93: :73: ??? :smiley_confused1:


  ทุกข์ สุข ที่อารมณ์ มีได้ อยู่ สติ มีมาก หรือ น้อย

 

    คุณนักเดินทาง กล่าวธรรมได้ดีครับ :s_good: :13:
   
    พระพุทธองค์ตรัสว่า  " ภิกษุทั้งหลาย  เพราะบุคคลอาศัยคนอื่น  ไม่สามารถเพื่อจะมีสวรรค์หรือมรรคเป็นที่ไปในเบื้องหน้าได้,  ฉะนั้นตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งของตน, คนอื่นจะทำอะไรได้ " ดังนี้แล้ว   ตรัสพระคาถานี้ว่า:-

                   อตฺตา  หิ   อตฺตโน นาโถ         โก หิ นาโถ  ปโร สิยา       
                   อตฺตนา หิ สุทนฺเตน                 นาถํ  ลภติ  ทุลฺลภํ.

                 "ตนแลเป็นที่พึ่งของตน.  บุคคลอื่นใครเล่า  พึงเป็นที่พึ่งได้       
              เพราะบุคคล มีตนฝึกฝนดีแล้ว  ย่อมได้พึ่ง  ที่บุคคลได้โดยยาก."



ที่มา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 208
ขอบคุณภาพจาก http://p-power.org
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ