ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยุติ "วงจรปฏิจจสมุปบาท" เพื่อตัดภพให้สิ้นชาติ  (อ่าน 976 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ยุติ "วงจรปฏิจจสมุปบาท" เพื่อตัดภพให้สิ้นชาติ
โดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

หากต้องการสิ้นสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด ต้องเข้าใจในปฏิจจสมุปบาท แต่เข้าใจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องทำลาย วงจรปฏิจจสมุปบาท ด้วย เพื่อให้กระจ่างในเรื่องนี้ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญตอบปัญหาธรรมที่มีผู้สนใจส่งเข้ามาในหัวข้อปฏิจจสมุปบาท เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการปฏิบัติ และเข้าใจในหลักธรรมนี้มากขึ้น

 ask1 ans1 ask1 ans1

ปฏิจจสมุปบาทและอิทัปปัจจยตา เหมือนหรือแตกต่าง กันอย่างไร.?

ตามจริงแล้วเป็นหลักธรรมเดียวกัน ท่านเรียกว่า “อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท” เป็นกระบวนการของธรรมที่ส่งต่อกันเป็นลูกโซ่ หรือเป็นเหตุปัจจัยที่ส่งต่อให้เกิดสิ่งต่าง ๆ แต่เพราะเป็นหลักธรรมชื่อยาวเรียกยาก จึงนิยมแยกเรียกเป็นอิทัปปัจจยตาบ้าง ปฏิจจสมุปบาทบ้าง

 ask1 ans1 ask1 ans1

ทำอย่างไรไม่ให้เกิดการยึดติด (อุปาทาน)

การยึดติด หรือที่ท่านเรียกว่า “อุปาทาน” เกิดขึ้นจากตัณหา มันเป็นกระบวนการสืบทอด อุปาทานไม่สามารถเกิดขึ้นมาเองได้  ซึ่งในวงจรของปฏิจจสมุปบาทอธิบายไว้ชัดเจนว่า อุปาทานมาจากตัณหา ตัณหาก็มาจากเวทนา เวทนาก็มาจากผัสสะ ทีนี้ผัสสะหรือการกระทบ เมื่อผัสสะเกิดขาดสติ กิเลสก็มาจึงเกิดเป็นเวทนา หรือความรู้สึก มีความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ จึงเกิดตัณหาตามมา ไม่ต่างจากวงจรชีวิตของหนอน ที่จะกลายเป็นผีเสื้อในวันข้างหน้า จากตัณหาก็เป็นอุปาทาน

ทำอย่างไรไม่ให้เกิดอุปาทาน มีวิธีเดียว คือ การมีสติในขณะเกิดผัสสะ เช่น เห็นก็รู้ว่าเห็น ได้ยินก็รู้ว่าได้ยิน เราก็จะมีสติในการเห็นและการได้ยิน เพียงเท่านี้ก็ไม่เกิดเป็นตัณหา พอไม่มีตัณหา อุปาทานก็ไม่มีเช่นกัน การที่จะละอุปาทานไม่สามารถทำได้ทันที เพราะอุปาทานคือผลที่เกิดจากตัณหา ถ้าจะไม่ให้เกิดการยึดติด (อุปาทาน) ต้องไปกำจัดที่เหตุ

ตัวอย่างเช่น มีสิวขึ้นที่ใบหน้า แล้วเราไปบีบสิว ไม่นานเดี๋ยวสิวมันก็ขึ้นมาใหม่ บีบให้ตายอย่างไร สิวมันก็จะต้องขึ้นมาอีก ถ้าจะให้สิวหายขาดก็ต้องไปตรองถึงสาเหตุของสิวว่ามันมาจากไหน  แล้วไปแก้ที่ตรงนั้น ดังนั้นการละอุปาทาน หรือไม่ให้เกิดการยึดติด ควรละที่เหตุ คือการมีสติในขณะที่เกิดผัสสะ

 ask1 ans1 ask1 ans1

องค์ธรรมใดในวงจรปฏิจจสมุปบาท ที่ทำลายแล้วทำให้ยุติวงจรนี้ ได้ง่ายที่สุด

หากจะหยุดวงจรนี้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การหยุดที่ผัสสะ ผัสสะคือการได้เห็น ได้ยิน มีการคิด มีการนึก ขณะที่เกิดผัสสะ แล้วมีสติเกิดขึ้นด้วย วงจรปฏิจจสมุปบาทก็จะยุติทันที ซึ่งรวมไปถึงวงจรของสังสารวัฏด้วย เพราะมันจะขาดช่วงไปต่อไม่ได้ เมื่อสติเกิดขึ้นในขณะที่มีผัสสะ ตัณหาก็ไม่เกิด ซึ่งจะนำไปสู่การไม่เกิดขึ้นขององค์ธรรมอื่น

ดังนั้นการที่เขาฝึกเจริญสติปัฏฐาน 4 ต้องมีการฝึกเดินจงกรม เพื่อให้เกิดสติขึ้นระหว่างที่เกิดผัสสะ ขณะที่กำลังเดินย่างเราก็กำหนดมีสติรู้ว่าเท้าข้างนี้ย่าง (หนอ) การมีสติก็คือนิโรธ เป็นหนทางของวิชชาและธรรมะ เครื่องกั้นกิเลสไม่ให้ดึงไปสู่ชาติ ชรามรณะ และทุกข์ต่อไป เป็นการตัดภพสิ้นชาติอย่างสิ้นเชิง


 
พระอาจารย์ผู้ตอบปัญหาธรรม : พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
ขอบคุณเว็บไซต์ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/123280.html
By nintara1991 ,12 November 2018
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ยุติ "วงจรปฏิจจสมุปบาท" เพื่อตัดภพให้สิ้นชาติ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2018, 07:14:02 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา