ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หิริโอตตัปปะหดหาย : เหตุให้สังคมหายนะ  (อ่าน 219 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
หิริโอตตัปปะหดหาย : เหตุให้สังคมหายนะ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2022, 06:48:50 am »
0



หิริโอตตัปปะหดหาย : เหตุให้สังคมหายนะ

ในโลกของปุถุชนคนหนาด้วยกิเลสเฉกเช่นในปัจจุบัน ตื่นเช้าขึ้นมาฟังข่าวทางโทรทัศน์ทุกช่อง โดยเฉพาะช่อง 3 และช่อง 7 หรือกดเลข 33 และ 35 ก็จะพบกับข่าวสังคมอันเป็นอัปมงคล เช่น จี้ปล้น คลั่ง เนื่องจากเสพยาทำร้ายคนในครอบครัวไปจนถึงการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนข่าวสังคมอันเป็นมงคล เช่น เข้าวัดทำบุญ ฟังเทศน์ละกิเลสด้วยการทำสมาธิ รวมไปถึงคนทำดีด้วยการช่วยเหลือคนอื่น เช่น ช่วยคนบาดเจ็บ และเก็บเงินได้นำคืนเจ้าของ เป็นต้น มีอยู่ส่วนน้อย และนี่คือสัจธรรมของชีวิตในโลกปุถุชนตามนัยแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ความดีคนดีทำได้ง่าย แต่คนชั่วทำได้ยาก” ในทางกลับกัน ความชั่วคนชั่วทำได้ง่าย แต่คนดีทำได้ยาก และที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ในโลกของปุถุชนคนดีมีศีลมีธรรมมีจำนวนน้อยกว่าคนชั่ว และในจำนวนนี้มีทั้งชั่วโดยสันดาน และชั่วเพราะความจำเป็น

2. ด้วยเหตุตามข้อ 1 ในการเลือกคนเข้ามาปกครองประเทศ จำเป็นต้องเลือกคนดีมีคุณธรรมเข้ามาปกครองประเทศ เพื่อให้ใช้อำนาจโดยความชอบธรรม สร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ประเทศ และประชาชนโดยรวม ในขณะเดียวกัน ใช้อำนาจรัฐในทุกรูปแบบป้องกันมิให้คนชั่วก่อความเดือดร้อนแก่ผู้คน และประเทศโดยรวม

ในทางกลับกัน ถ้าเลือกได้คนเลวเข้ามาปกครองประเทศ ผู้ปกครองประเทศก็จะเลือกคนเลวด้วยกันเข้ามาปกป้องอำนาจของตน ซึ่งเป็นตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า คนธาตุเดียวกันย่อมเข้ากันได้คือ คนดีย่อมเข้ากันได้กับคนดี ส่วนคนเลวย่อมเข้ากันได้กับคนเลว

@@@@@@@

ด้วยปัจจัยสองประการนี้ สังคมในปัจจุบันจึงเดือดร้อน ส่วนว่าจะเดือดร้อนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยข้อ 1 คือ ถ้าผู้ปกครองประเทศเป็นคนดี แล้วเลือกคนดีด้วยกันเข้ามาทำงาน ก็จะเดือดร้อนน้อย ในทางกลับกัน ถ้าผู้ปกครองประเทศเป็นคนเลว และเลือกคนเลวด้วยกันเข้ามาทำงาน ก็จะเดือดร้อนมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. คนชั่วไม่มีหิริคือ ความละอายต่อบาป และไม่โอตตัปปะคือ ความเกรงกลัวต่อบาป จึงกล้าทำความชั่วในทุกรูปแบบเพียงเพื่อให้ตนเอง และพวกพ้องได้ประโยชน์

2. ในโลกที่ถูกครอบงำด้วยวัตถุนิยม และบริโภคนิยม เฉกเช่นปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะมุ่งแสวงหาความสุขอันเกิดจากวัตถุ ซึ่งสามารถซื้อหามาด้วยเงิน จึงมุ่งแสวงหาเงิน และในขณะเดียวกัน มองข้ามความสุขทางด้านจิตใจ ซึ่งสามารถหามาได้ด้วยความพอใจในสิ่งที่ตนเอง รวมไปถึงสิ่งที่ตนหามาได้ด้วยความชอบธรรม

3. โดยปกติปุถุชนส่วนใหญ่จะหลงในวัยคือ คิดว่าตนเองอายุยังน้อย ยังไม่เจ็บไม่ป่วย จึงมุ่งแสวงหาความสุขทางกายซึ่งหาได้โดยอาศัยวัตถุ ด้วยการใช้เงินหรือแม้กระทั่งคนแก่ที่มีอำนาจก็หลงในอำนาจ ด้วยคิดว่าเป็นของยั่งยืนถาวร โดยลืมคิดไปว่าสิ่งที่ได้มาไม่ว่าลาภยศหรือความสุขอันเกิดจากการมีอำนาจเกิดได้เสื่อมได้ และที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากว่า คนเหล่านี้ยังไม่มีความทุกข์ และยังไม่ใกล้ตาย เมื่อไหร่เดินมาถึงจุดนี้ เชื่อว่ามองเห็นสัจธรรมที่ว่านี้




Thank to : https://mgronline.com/daily/detail/9640000108207
เผยแพร่ : 1 พ.ย. 2564 16:11 , ปรับปรุง : 1 พ.ย. 2564 16:11, โดย : สามารถ มังสัง
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ