ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - เมตตา
หน้า: 1 [2] 3
41  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: จิตปภัสสร เป็นเช่นไร เมื่อ: มกราคม 17, 2011, 02:49:53 pm
เมื่อจิตเป็น ประภัสสร ก็หมายความคนทุกในโลกนี้ ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรมได้ใช่หรือไม่

หรือยกเว้นพวก ปทปรมะ  คืออยากให้วิจารณ์ว่า ในบุคคล 4 เหล่านี้มีทุกคนหรือไม่

 :smiley_confused1:

ประเด็นนี้น่าสนใจ คะว่า จิตประภัสสรนั้น เป็นจิตของบุคคลที่พร้อมเข้าถึงธรรมหรือไม่ คะ

หรือ สากลแ่ก่ทุกคน
 :25:
42  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ประกาศเรื่องการตอบปัญหาธรรม ทั้งในกระทู้ และ เมล เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 03:17:50 pm
แบบว่า ลูกศิษย์ยังปฏิบัติ ไม่เก่งคะ จึงต้องให้พระอาจารย์ตอบเองคะ
 :58:
43  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ขับรถเที่ยวเชียงใหม่ แม่วาง-แม่จอนหลวง Posted by cm_coffee เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:14:03 pm
ขับรถเที่ยวเชียงใหม่ แม่วาง-แม่จอนหลวง Posted by cm_coffee


    เส้นทางขับรถยนต์ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ สู่สถานที่พักผ่อนในขุนเขา
ที่มีแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางหลายแห่งด้วยกัน คือเส้นทางจากเชียงใหม่
ล่องใต้ไปตามทางหลวง 108 ไปราว 27 กิโลเมตรผ่านอำเภอสันป่าตอง
จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ทางหลวงชนบท ไปยังอำเภอแม่วาง แล้วตรงไป
ตามเส้นทางสู่บ้านแม่วิน ผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนามองไปสุดสายตาทิศตะวันตก

เห็นทิวทัศน์เทือกดอยอยู่ด้านหน้า อีกราว 20 กว่ากิโลเมตรก็จะวิ่ง
เลียบลำห้วย ธารน้ำ แหล่งพักผ่อนท่องเที่ยว บ้านแม่วิน ซึ่งมีล่องแพ และ
ปางช้าง สำหรับกลุ่มท่องเที่ยวแบบแทรกกิ้งทัวร์ ที่จะล่องแพไม้ไผ่
ซึ่งจัดไว้หลายขนาด ทั้ง 2-6 คนในแต่ละแพ และ สำหรับผู้ชื่นชอบ
ในการนั่งช้างเดินเที่ยวในป่าเขา ของสถานที่แห่งนี้

หากท่านออกจากตัวเมืองเชียงใหม่แต่เช้าหน่อย ก็มีเวลาพอสำหรับการ
นั่งช้าง เดินเที่ยวชมวิวชายป่า แต่จะล่องแพคงจะไม่มีเวลาพอเดินทาง
ต่อไปไปจุดอื่นๆให้ถึงปลายทางแม่จอนหลวง ในวันเดียวได้...

จากนั้นจะเดินทางต่อจากบ้านแม่วิน เป็นเส้นทางคดเคี้ยวและ
ขึ้นเขาไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ สู่บ้านป่าเกี๊ย(ป่าไม้สน) ที่มีความสูง
ประมาณพันกว่าเมตรจากระดับน้ำทะเล วิ่งผ่านทางค่อนข้างแคบคดเคี้ยว
สองข้างทางเป็นป่าไม้สนสามใบขึ้นตลอดทาง และ มีจุดพักผ่อนชมวิว



ออกเดินทางต่อไปสักระยะหนึ่ง จะมีทางแยกซ้ายมือเพื่อไปยัง
ด้านเทือกเขาอินทนนท์ ด้านเขตอำเภอแม่แจ่ม ทางเส้นนี้ไปปรับปรุง
ลาดยางใหม่แล้ว ที่จะลัดไปสู่เส้นทางดอยอินทนนท์ได้ด้วย

วิ่งต่อไปตามเส้นทางราวสิบกว่ากิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านขวามือ
จะมีทางแยกขวาเพื่อเดินทางเดิมไปยัง บ้านแม่จอนหลวง
เป็นทางลูกรังใช้รถกะบะ วิ่งผ่านได้สบายๆ

วิ่งผ่านไปตามเส้นทางปรับปรุงใหม่ราวอีกสิบกว่า กม.มีทางแยกขวา
หน้าหมู่บ้านไปสู่ปลายทางที่หมาย บ้านแม่จอนหลวงราว 5-6 กม.



บ้านแม่จอนหลวง เป็นที่ตั้งของโครงการเกษตรหลวงฯ
ทดลองปลูกพืชเมืองหนาว ชา และ กาแฟ ของกรมวิชาการเกษตรฯ
อยู่ด้านตะวันตกของเทือกเขาอินทนนท์ ติดเขต อ.แม่แจ่ม



มีสำนักงานที่ทำการ สโมสร และ บ้านพักรับรองนักท่องเที่ยว
ห้องประชุม และ ที่พักเป็นหมู่คณะเพื่อศึกษา-ดูงานด้านการเกษตรฯ
มีบริเวณพื้นที่ลาดเชิงดอยกว้างขวาง ในธรรมชาติที่สงบสวยงาม


มีจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยว สามารถเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากยอดดอย
ในยามเย็น และ มีบริเวณที่จัดไว้ให้กางเต้นท์แคมป์พักได้จำนวนมาก
รวมทั้งบ้านพัก ที่จัดให้บริการแด่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนด้วย


โครงการเกษตรหลวงขุนวาง มีทิวทัศน์แปลงทดลอง และ ไร่ชา
เป็นลักษณะไร่เชิงดอย แบบขั้นบันใด เป็นแปลงไม้ผลด้วย


 

   


 

   เส้นทาง-ติดต่อที่พัก
    ๐ เส้นทางแรกนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับรถท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
        แวะพักผ่อนสถานที่ต่างๆ รวมระยะทางจากเชียงใหม่ไป ราว 70 กม.
     ๐  และ สามารถเดินทางไป-กลับ เส้นที่สะดวกสบายกว่าได้ ในเส้นทาง
     สู่ดอยอินทนนท์ แล้วแยกเข้าเส้นทาง ณ บ้านขุนกลาง ไปอีกราว 16 กม.
     ผ่านโครงการหลวงขุนวาง ไปยังบ้านแม่จอนหลวงได้ ระยทาง 115 กม.
 
๐ สำหรับที่พัก ท่านจะสามารถติอต่อล่วงหน้า ได้ ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวง
   เชียงใหม่ โทรฯ 053.432275-6





















ขอบคุณรูปภาพ จาก http://www.oknation.net/blog
44  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เปรียบเทียบผู้หญิงตามอายุในสายตาผู้ชาย เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 12:12:16 pm


เปรียบเทียบผู้หญิงตามอายุในสายตาผู้ชาย

 

อายุ 10-15

จะเหมือนดอกไม้ที่น่าถนุถนอมดั่งเพชรในหิน (น่าเอ็นดู)

อายุ 15-20

จะเหมือนลูกฟุตบอลที่คนต่างแย่งกันเตะ (แย่งกันครอบครอง)

อายุ 20-25

จะเหมือนลูกเทนนิสที่ตีตอบโต้กันไปแล้วแต่ยถกรรม (ตีกันไปตีกันมาเข้าหน้าผู้ชม)

อายุ 25-30

จะเหมือนใบไม้ที่ร่วงโรย มีคนเก็บบ้าง ปล่อยร่วงเลยบ้าง (ไม่ค่อยมีคนสนใจ)

อายุ 30-35

จะเหมือนลูกกอล์ฟที่คนหวดและตี (ตีไปห่างๆ) และลงหลุมไป (ไกลๆ) ยิ่งดี (ประมาณว่าไม่เอา)

อายุ 40 ขึ้น

จะเหมือนพระเอาไว้บูชาบนหิ้งบนศาลเพื่อความเป็นสิริมงคล

อายุ 50 ขึ้น

จะเหมือนสิ่งแปลกปลอมที่อยากไล่ไปไกลๆ

อายุ 60 ขึ้น

จะเป็นสิ่งที่เคารพรัก (และเทิดทูน)

 

แต่ความจริงแต่ผู้หญิงคนนั้นรวย

จะเปรียบเหมือนตู้ ATM เคลื่อนที่

 

ตรงรึเปล่าค่ะ ? ^^
45  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ครูบาอินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 11:30:49 am


 


อมตะมหาเถราจารย์แห่งเมืองนครพิงค์ ผู้สูงยิ่งด้วยศีล จริยาวัตร

เชี่ยวชาญสรรพวิชาพุทธาคมตามตำราโบราณล้านนา จนเป็นที่ประจักษ์ทั่วไป

ดังคำกล่าวของบรรดาพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ว่า

 

“ขอเธอจงไปกราบครูบาอินที่เชียงใหม่และขอศึกษาวิชาจากท่านให้ดีๆ เถิด

ท่านเป็นพระผู้เก่งกล้าสามารถมากจริงๆ”

เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท

 

“ดีอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว พระของครูบาอิน ไม่ต้องเสกอะไรอีกแล้ว”

หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง

 

“จิตของครูบาอิน ประภัสสรยิ่งแล้ว”

หลวงพ่อชม วัดโป่ง จังหวัดชลบุรี

 

“ครูบาอิน ท่านมีจิตมีจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งเลยทีเดียว”

ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน

 

“หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งนั้น ดีที่หนึ่งเลย”

หลวงปู่สิม  พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่

 

“ครูบาอินท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบนะ”

หลวงพ่อดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จังหวัดเชียงราย

 ฯลฯ

 หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท ถือเป็นพระเถระสำคัญผู้เจริญด้วยพรรษาสูงแห่งเชียงใหม่

อีกทั้งยังเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม

ที่มีให้แก่ผู้เคารพนับถือตราบวาระสุดท้ายของชีวิต

อันเป็นเหตุให้สมควรนำเถรประวัติและคำสอนของท่าน

มาเผยแพร่เป็นสังฆบูชาสืบต่อไป

ที่มาประวัติหลวงปู่ครูบาอ่านได้จากที่นี่ครับ

http://krubain.awardspace.com/history_kruba.htm
46  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อวยพรส่งท้ายปีเก่า 2553 และ ต้อนรับปีใหม่ 2554 กันเถอะคร้า.... เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 06:05:27 pm


47  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ช็อก! พ่อแม่ผิวสีเมืองผู้ดีให้กำเนิดลูกผิวขาว เมื่อ: ธันวาคม 28, 2010, 04:36:48 pm


"แม้ว่าผมจะค่อนข้างตกใจว่า เอ็นมาจิ ใช่ลูกผมจริงหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าเธอคือลูกของผม และเธอคือปาฏิหาริย์จากพระเจ้า เป็นความสวยงามจากพระเจ้า ตามความหมายของคำว่า เอ็นมาจิ ในภาษาบ้านเกิดของผมในไนจีเรีย" เบนผู้เป็นบิดา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ไบรอัน สไปค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ยืนยันว่ากรณีของหนูน้อยเอ็นมาจิถือเป็นเรื่องที่น่าพิศวง แต่หนูน้อยรายนี้ไม่น่าจะใช่เด็กเผือกแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอมีสีผิวเป็นสีขาว แตกต่างจากพ่อแม่น่าจะมาจากยีนผิวขาวที่หายไปในหลายช่วงคน ก่อนที่จะกลับมาปรากฏอีกครั้งในตอนนี้มากกว่า
48  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นำไตเติ้ล ตัวอย่าง วีดีโอ กรรมฐาน ชุดพิเศษ จะจัดทำเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 07:29:50 pm
 :035: :035: :a102: :25:

สาธุุ คะ

49  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประมวลภาพวันที่ ๑๑ ธ.ค. ๕๓ ณ ศาลา ๑ วัดแก่งขนุน สระบุรี เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 11:34:05 am
อนุโมทนา คะ รออ่านหนังสือเล่ม 2 อยู่นะคะ

พระอาจารย์ จะส่งมาเมื่อไหร่ คะ
 :25:
50  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ธรรมะสัญจร ภาคเหนือ เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 11:33:05 am
ตอนนี้ภาคเหนือ หนาวมากนะคะ

เตรียมเสื้อกันหนาว มาให้พร้อมนะคะ เป็นห่วงสุขภาพ ญาติธรรม ทุกท่านคะ
 :25:
51  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งกรรมฐาน แล้วรู้สึก มีคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านหน้า ด้านหลัง เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 03:39:01 pm
นั่งกรรมฐาน แล้วพอภาวนาได้ อยู่กับพุทโธ แล้ว ก็ฐานจิต แล้ว ปรากฏว่า

มีความรูสึก เหมือน มีคนเดินป้วนเปี้ยน อยู่รอบตัว อันนี้ควรทำอย่างไรดีคะ

 :25:
52  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สั่งปลด ป้ายสำนักสงฆ์ บังคับน.ร. นอนในโลงศพ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 06:43:29 pm



เจอกันแล้ว จะแผ่เมตตา ให้หรือจะหนีก่อนดีคะ

 :25:
53  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สั่งปลด ป้ายสำนักสงฆ์ บังคับน.ร. นอนในโลงศพ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 06:42:05 pm


งูขนาดนี้ ลองดูคลิปนะคะ กินควายได้ทั้งตัวเลย คนไม่เหลือหรอกถ้าถูกกิน
54  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สั่งปลด ป้ายสำนักสงฆ์ บังคับน.ร. นอนในโลงศพ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 06:39:14 pm


อันนี้คลิปพระ ท่านจับได้ และปล่อยงูไปคะ
55  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตำนานเรื่อง นารีผล เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 10:12:29 am

นารีผล หรือมักกะลีผล หรือมัคคะลีผล เป็นพืชวิเศษชนิดหนึ่ง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ ว่ากันว่า นารีผล ขั้วลูกอยู่ด้านบนศีรษะ มีรูปร่างเป็นหญิง ผลสด รูปร่างสะโอดสะอง สมส่วน ผิวพรรณงดงาม ปานเทพธิดา

ข้าพเจ้า เคยได้ยินเรื่องเล่าถึงนารีผล ในใจก็ใคร่อยากชมดูอยู่เหมือนกัน แต่จนใจ เราไม่มีตาทิพย์ ไม่มีฤทธิ์ จึงมิอาจไปชมดูได้... จึงได้แต่ตั้งจิตอธิษฐาน ขอเห็นในนิมิตฝันก็ยังดี... เมื่อจิตเป็นสมาธิดี เกิดนิมิตขึ้น ก็ได้เห็นนารีผลจริงๆ แต่เป็นนารีผล ที่มีใครไม่ทราบเด็ดมาจากต้นแล้ว นั่นคือข้าพเจ้า ไม่ได้เห็นต้นนารีผล เห็นเพียงร่างนารีผล ที่นอนเปลือยเปล่าอยู่พื้นหินแห่งหนึ่ง เท่านั้น... แต่นิมิต ก็คือภาพนิมิต ไม่ใช่ความจริง ไม่เหมือนเห็นด้วยตาจริง เชื่อถือไม่ได้...



ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า

เมื่อประมาณหลายหมื่นปีก่อน ครั้งที่พระเวสสันดร พระนางมัทรี พร้อมด้วยบุตร ๒ คนคือ ชาลีกุมาร และ กัณหาชิณากุมารี ถูกเนรเทศจากนคร ได้เดินทางสู่ป่าหิมพานต์ และบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั้น

ที่ป่าหิมพานต์ มีสัตว์ป่ามากมายอันตรายรอบด้าน ทว่า สัตว์ป่าทั้งหลาย เมื่อได้รับเมตตาจิตจากพระเวสสันดร ก็คลายความดุร้ายลง กลายเป็นมิตร ... นอกจากสัตว์ป่าทั้งหลายแล้ว ก็ยังมีดาบส ฤๅษี นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ ทั้งหลายอาศัยอยู่ หรือไปมาอยู่เรื่อยๆ พระนางมัทรี ผู้มีรูปร่างโสภา บางครั้งออกหาอาหาร หาผลไม้ตามลำพังคนเดียว หากนักสิทธิ์ วิทยาธร ตลอดถึงฤๅษี มาพบเข้า อาจตบะแตก แล้วล่วงศีลได้...

ท้าวสักกะเทวราช ซึ่งเป็นพระอินทร์ เล็งเห็นเหตุร้ายนี้แล้ว เพื่อเป็นการป้องกัน พระองค์จึงเนรมิต ต้นไม้วิเศษ ไว้รอบทิศ ณ ที่ไกล ก่อนถึงถิ่นแดน อันเป็นที่พำนักของพระเวสสันดรและนางมัทรี รวม ๑๖ ต้น

ต้นไม้วิเศษนี้ ออกผลซึ่งมีรูปร่างเหมือนสตรี ผลโตเต็มที่ จะมีทรวดทรงปานสาวงามแรกรุ่น แต่ผิวพรรณ ทรวดทรงองค์เอว รูปร่างหน้าตา งดงามปานเทพธิดา...

ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว ผลหนึ่งผล ก็คือรุกขเทพธิดาหนึ่งนาง หรือ เมื่อต้นนารีผลออกดอก เสมือนเกิดวิมานแห่งรุกขเทพธิดาขึ้นที่นั่น เมื่อติดลูก ก็คือเทพธิดาจุติลงมาเกิดที่นั่น ความสวยงามสมบูรณ์แห่งผลนารีผล แต่ละผล จึงสวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญของเทพธิดาแต่ละนางด้วย...

เมื่อเหล่านักสิทธิ์ วิทยาธร เดินทางมาพบเข้า หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ตบะแตก ก็จักได้เสพบำเรอกับนารีผล... เมื่อตบะแตก ฤทธิ์เสื่อม เหาะไปต่อไม่ได้ ... เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ไม่มีทางจะได้พบกับพระนางมัทรี.... การจะเดินทางต่อ หรือออกไป จำต้องบำเพ็ญเพียรใหม่ ยกระดับจิตขึ้นแล้ว จึงกลับออกมาได้....

นี่คือด่านป้องกัน ไม่ให้ใครไปล่วงศีลกับพระนางมัทรี และเทพธิดาที่จุติไปเกิดที่นารีผล แต่ละนางก็ไปด้วยกรรมของตน มิได้บังคับไปแต่อย่างใด

แม้ว่า พระเวสสันดร พระนางมัทรี จะเสด็จออกจากป่าเข้าเมืองไปแล้ว ต้นนารีผล ก็ยังคงมีอยู่ในที่นั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ ยังมีดอกหอมกรุ่น มีนารีผลห้อยระย้าอยู่ดังเดิม แม้ลูกที่หมดอายุขัยจะร่วงหล่นเหี่ยวเฉาไป ลูกใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่ไม่ได้ขาด

ว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะกล้า กิเลสสงบรำงับ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่น ก็มี

และว่ากันว่า พวกนักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา

นารีผล เป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมาเก็บเอาไป

มีเรื่องราวในอรรถกถาเกี่ยวกับนารีผลตอนหนึ่งว่า

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ณ กาสิกรัฐ เจริญวัยแล้ว ถึงความสำเร็จในสรรพศิลปศาสตร์แล้วบวชเป็นฤๅษี มีมูลผลาผลในป่าเป็นอาหาร ยังอัตภาพให้เป็นไปในป่ากว้าง. ครั้งนั้น แม่เนื้อตัวหนึ่ง เคี้ยวกินหญ้าอันเจือด้วยน้ำเชื้อ ในสถานที่ปัสสาวะของพระดาบสนั้นแล้วดื่มน้ำ.

และด้วยเหตุเพียงเท่านี้เอง มันมีจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ในพระดาบส จนตั้งครรภ์ นับแต่นั้นมาก็ไม่ยอมไปไหน เที่ยวอยู่ใกล้ ๆ อาศรมนั่นเอง. พระมหาสัตว์กำหนดดูก็รู้เหตุนั้นทั่วถึง ต่อมา แม่เนื้อคลอดบุตรเป็นมนุษย์. พระมหาสัตว์จึงเลี้ยงทารกนั้นไว้ด้วยความรักใคร่ว่าเป็นบุตร ตั้งชื่อให้ว่า อิสิสิงคกุมาร ในเวลาต่อมา พระมหาสัตว์ จึงให้อิสิสิงคกุมารผู้รู้เดียงสาแล้วบวช ในเวลาตนชราลง ได้พาดาบสกุมารนั้นไปสู่นารีวัน (ป่านารีผล) กล่าวสอนว่า

ลูกรัก ขึ้นชื่อว่าสตรีเช่นกับดอกไม้เหล่านี้ มีอยู่ในป่าหิมพานต์นี้ สตรีเหล่านั้นย่อมยังชนผู้ตกอยู่ในอำนาจตน ให้ถึงความพินาศอย่างใหญ่หลวงได้ ไม่ควรที่เจ้าจะไปสู่อำนาจของสตรีเหล่านั้น ดังนี้แล้ว

ครั้นในเวลาต่อมา ก็ทำกาลกิริยา เป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า. ฝ่ายอิสิสิงคดาบส เมื่อประลองฌานกีฬาก็พักอยู่ในหิมวันตประเทศ ได้เป็นผู้มีตบะกล้า เป็นผู้มีอินทรีย์อันชำนะแล้วอย่างยวดยิ่ง

ครั้งนั้นพิภพของท้าวสักกเทวราชหวั่นไหว ด้วยเดชแห่งศีลของพระดาบส ท้าวสักกเทวราช ทรงใคร่ครวญดูก็ทราบเหตุนั้น ทรงพระดำริว่า พระดาบสนี้จะพึงยังเราให้เคลื่อนจากความเป็นท้าวสักกะ เราจักต้องส่งนางอัปสรคนหนึ่ง ให้ไปทำลายศีลของเธอ ดังนี้แล้ว ทรงพิจารณาเทวโลก ทั้งสิ้น ในท่ามกลางเหล่าเทพบริจาริกาจำนวนสองโกฏิครึ่งของพระองค์ มิได้ทรงเห็นใครอื่นซึ่งสามารถ ที่จะทำลายศีลของพระอิสิสิงคดาบสได้ นอกจากนางเทพอัปสร ชื่ออลัมพุสาผู้เดียว จึงรับสั่งให้นางมาเฝ้า แล้วทรงบัญชาให้ทำลายศีลของพระอิสิสิงคดาบสนั้น

นางอลัมพุสาเทพอัปสรนั้น เข้าไปหาอิสิสิงคดาบสนั้น ซึ่งประกอบความเพียรในกลางคืนแล้ว สรงน้ำแต่เช้าตรู่ ทำอุทกกิจเสร็จแล้ว ยับยั้งอยู่ด้วยฌานสุขในบรรณศาลาหน่อยหนึ่ง จึงออกมากวาดโรงไฟอยู่ นางยืนแสดงความงาม ของหญิงอยู่ข้างหน้าของพระอิสิสิงคดาบสนั้น?

นางอลัมพุสา แสดงมายาหญิงเย้ายวน จนดาบสหนุ่มหลงใหล.. และในที่สุด ดาบสหนุ่มก็ถูกทำลายศีล...




ที่มา
http://www.lampangnha.com/index.html
56  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เกี่ยวกับเรื่อง ตทังคนิพพาน เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 11:06:51 am
เรื่องเกี่ยวกับ นิพพาน อันบุคคลคิดว่า ไม่สามารถเข้าไปแตะต้องได้

 แต่ ตทังคนิพพาน คือ อะไรคะ วิธีเข้าสู่ นิพพาน ทำอย่างไร คะ

   :25:
57  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: หายไปไหน 100 นึง ฝึกสมองกันหน่อย เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 08:43:41 pm
คิดตั้งนาน แท้ที่จริง ก็อย่างนี้นี่เอง

 :s_laugh:
58  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ปิดทองลูกนิมิต กับหัวข้อธรรม ที่ควรทราบ เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 05:54:05 pm


ผู้ถาม“หลวงพ่อครับ การปิดทองลูกนิมิตมีอานิสงส์อย่างไรครับ”
หลวงพ่อ“โอ๊ะ...อานิสงส์ใหญ่มาก ปิดหนึ่งลูกก็ไปอุดประตูนรก 1 ประตู นี่ฉันโกหกนะ”
ผู้ถาม“อ้าว....แล้วกัน”
หลวง พ่อ“ที่ว่ามีอานิสงส์ใหญ่มาก เพราะว่าช่วยให้พระสงฆ์มีเขตทำสังฆกรรม อย่าลืมนะวัดทั้งวัด ส่วนสำคัญที่สุดมันอยู่ที่โบสถ์ โบสถ์มีสวนสำคัญเพราะเป็นที่ประชุมสงฆ์ ถ้าไม่งั้นสงฆ์ไม่มีที่ประชุมในการทำสังฆกรรม ก็ถือว่ามีอานิสงส์หนัก เพราะลูกนิมิตมันหนัก ติด 10 ลูกก็ได้ 10 หนัก
แต่ ว่าถ้าปิดทองลูกนิมิตนี่ต้องจังหวัดสุพรรณบุรี โอ้โฮ....สมัยก่อนรถเรือมันไม่มีใช่ไหม ขนาดนอนค้างคืนยังไปเลย ศรัทธามาก ก็มีวัดหนึ่งฉันไปเทศน์ ถามโยมคนหนึ่งว่ามาจากไหน มาค้างคืนหรือเปล่า....บอกว่าค้างตามทางมาสองคืน ถามว่าเพราะอะไร...เขาบอกว่า ปิดทองลูกนิมิต 7 วัด ไม่ตกนรก”
ผู้ถาม“จริงหรือครับ”
หลวงพ่อ“เรื่องนี้จริง ถ้ากำลังปิดอยู่แม้แต่วัดเดียวก็ไม่ตกนรก...มันยังไม่ตายนี่”
ผู้ถาม“อ๋อ.....”(หัวเราะ)
หลวง พ่อ“ความจริงก็ดี ถ้าเขามีเจตนาแบบนั้น เขามีความเชื่อแบบนั้นนะ และก็จงอย่าลืมว่า ถ้าเวลาที่เขาป่วย จิตมันจะคิดอยู่เป็นอนุสสติ ก็ลงนรกไม่ได้จริง ๆ”
ผู้ถาม “สมมุติว่ากำลังจะตายมิตายแหล่ เห็นลูกนิมิตมาลอยเคว้งคว้างล่ะครับ”
หลวง พ่อ“ถ้าอย่างนั้นขึ้นสวรรค์ทันที ถึงแม้จะไม่เห็นมาลอยก็ตาม แต่จิตคิดว่าเราเคยปิดทองมาแล้ว 7 วัด เราไม่ตกนรกแน่ จิตมันก็เป็นกุศล ใช่ไหม...นี่ถูกของเขา”

โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ปริศนาธรรมในงาน "ปิดทองฝังลูกนิมิต



ชาว พุทธเชื่อว่า การทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตได้บุญมาก เพราะเหตุผลคือ หนึ่งวัดจะจัดได้เพียงครั้งเดียว การเตรียมการก็ประกอบด้วย อุปกรณ์และสิ่งของอันเป็นมงคลมากมาย การประกอบพิธีก็จะต้องมีการสวดถอนสีมา เพื่อให้เป็นสถานที่ที่บริสุทธิ์จริงๆ พ้นจากสภาพที่อาจเคย เป็นสีมามาก่อน และสถานที่นั้นต้องได้รับ พระราชทาน เป็นเขตวิสุงคามสีมา เป็นสิทธิของสงฆ์แห่งวัดนั้นถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ ที่มีโอกาสได้ทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิต จึงถือว่าได้ทำบุญ ที่ยิ่งใหญ่เป็นมหากุศลบารมีประดับชีวิตตลอดไป เป็นบุญที่จะหาโอกาสทำได้ไม่ง่ายนัก
เมื่อ มีพิธีปิดทองฝังลูกนิมิตแต่ละครั้งจะต้องเตรียมของที่จะใส่ลงไปกับลูกนิมิต ทางวัดต้องจัดไว้จำหน่ายหรือผู้มีศรัทธาจัดหามาเอง และต้องเป็นสิ่งที่ถือเป็น ความหมายมงคล ประกอบด้วย
๑.ดอกไม้ จะใช้ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย และอื่นๆ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม ผู้ที่ได้โปรยหรือใส่ดอกไม้ลงไปในหลุมนิมิต บูชาพระอริยสงฆ์ เกิดทุกภพทุกชาติจะเป็น คนที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณผุดผ่อง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีแต่คนเคารพนับถือ ยึดมั่นในหลักศีลธรรม
๒.ธูป ใส่ธูปลงไปภายในหลุมนิมิตเพื่อถวายการบูชา พระคุณของพระพุทธเจ้า ๓ ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ เกิดชาติใดภพใดก็จะไม่ห่างเหินจากพระพุทธศาสนา หรือได้พบเห็นพระพุทธเจ้า
๓.เทียน ใส่เทียนลงไปในหลุมนิมิตเพื่อบูชาพระธรรม ที่ให้แสงสว่างทางปัญญาแก่มวลมนุษยชาติ เกิดชาติใดภพใด ก็จะไม่ห่างเหินจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และทำให้มีปัญญาสามารถเข้าใจและ รู้ธรรมนำให้หมดกิเลสพ้นทุกข์ได้
๔.เข็ม เป็นสัญลักษณ์ของความแหลมคม ผู้ที่ได้ทำบุญถวายเข็มลงไปในหลุมนิมิต เกิดทุกภพทุกชาติจะเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว แก้ปัญหาชีวิตประจำวันได้ไม่ติดขัด เป็นคนมีเหตุผลละเอียดรอบคอบ สามารถบรรลุธรรมและพ้นทุกข์ได้ในที่สุด
๕.ด้าย เป็นสัญลักษณ์แห่งความยืดยาว การทำบุญด้วยการใส่ด้ายลงไปในหลุมนิมิต เชื่อว่าจะทำให้เป็นคนที่มีอายุยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
๖.แผ่น ทองคำ เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคาในตัว มีความสวยงาม ไปอยู่กับสิ่งใดทำให้สิ่งนั้นมีค่ามีราคายิ่งขึ้น การนำแผ่นทองคำมาปิดองค์พระ ปิดลูกนิมิต หรืออื่นๆ เป็นการยกย่องเชิดชูให้เป็นสิ่งสูงส่งควรแก่การสักการะ เชื่อว่าจะทำให้เป็นคนที่มีเกียรติยศสูงส่ง มีคนยกย่องนับหน้าถือตา มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณงดงามทุกภพทุกชาติ
๗.สมุด ดินสอ เป็นอุปกรณ์การบันทึก เป็นสัญลักษณ์แห่งการจดจำ ผู้ที่ทำบุญด้วยการใส่สมุด ดินสอ ลงไปในหลุมนิมิต จะเป็นคนที่มีสติปัญญาเยี่ยม มีความทรงจำไม่เลอะเลือน เป็นเลิศ สติไม่ฟั่นเฟือนก่อนตายสงบ ไม่ทุรนทุรายทรมาน และไปสู่สุคติ

ความหมายลูกนิมิต



เมื่อ ได้มีการสร้างวัด กับทั้งการสร้างอุโบสถ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเสร็จเรียบร้อยแล้วยังคงเหลืองานใหญ่อีก อย่างหนึ่ง คือ งานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เป็นกิจที่ต้องทำในเมื่อสร้างอุโบสถแล้ว ตามธรรมดาอุโบสถที่สร้างกันอยู่ทั่ว ๆ ไปนั้นต้องสร้างในเขตวิสุงคามสีมาที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งเป็นแดนต่างหากจากแดนบ้าน ไม่ปะปนกับใคร นับว่าเป็นดินแดนที่พิเศษบริสุทธิ์ใช้ทำสังฆ์กรรมต่าง ๆ ได้แล้ว ประกอบด้วย
คณะสงฆ์ได้พร้อมเพรียงกันกระทำ พิธีฝังลูกนิมิตผูกพัทธสีมานั้นอีก เป็นการประกาศให้รับรู้กันทั้งฝ่ายบ้านเมือง และคณะสงฆ์ว่าที่ตรงนี้ทางการบ้านเมืองยกให้คณะสงฆ์ สงฆ์ก็รับไว้จึงทำให้เนื้อที่นั้นบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์วิเศษยิ่งขึ้น การผูกพัทธสีมาหรือการฝังลูกนิมิตที่กระทำกันโดยทั่วไปเวลานี้ นิยมใช้หินกลมขนาดไม่ใหญ่เท่าศีรษะช้าง จำนวน ๙ ลูก สำหรับใช้เป็นลูกนิมิตประจำทิศละ ๑ ลูก
อีก ลูกหนึ่งอยู่ในอุโบสถ เรียกกันว่า "ลูกนิมิตเอก" ท่านแนะนำไว้ว่าหลุมที่ฝังลูกเอกนี้ต้องอยู่ตรงที่สายพระเนตรพระประธานทอดลง หลุมนั้นพอดีถือว่าเป็นอุดมมงคล ถ้าหลุมนิมิตอยู่ห่างไปเวลาทอดพระเนตรหลุมนิมิต ต้องเงยพระพักตร์ขึ้นจึงทอดพระเนตรหลุมนิมิต อย่างนี้ท่านว่าเจ้าอาวาส พระ เณร ในวัดเอาใจใส่แต่เรื่องนอกวัด เรื่องในวัดไม่ค่อยเอาธุระ ถ้าหลุมนิมิตเข้าหาพระประธานมาก เวลาทอดพระเนตรหลุมนิมิตต้องก้มพระพักตร์ลง เช่นนี้ เจ้าอาวาส พระ เณร ในวัดนั้นมักจะเอากิจวัตรไม่เหลียวแลชาวบ้านบ้างเลย ที่ว่านี้เป็นมติของเกจิอาจารย์ น่าพิจารณา
พุทธศานิกชนนิยมปิดทองลูกนิมิต เพราะเป็นการกระทำที่มีความบริสุทธิ์ คือ ..
๑. ลูกนิมิตเป็นหินบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ ไม่ใช่ของเก๊ของปลอม
๒. ทองคำเปลว เป็นของบริสุทธิ์ธรรมชาติปราศจากมลทิน ไม่มีสนิม
๓. จิตของผู้ที่ปิดทองลูกนิมิตก็บริสุทธิ์ อิ่มเอิบด้วยศรัทธาปสาทะ ปราศจากโลภะ เจตนาอันจักทำให้มัวหมอง
การ ปิดทองลูกนิมิตนั้นประกอบด้วยความบริสุทธิ์ดังนี้ จึงทำให้ผู้ปิดทองได้บุญมากและเพื่อนำท่านผู้ปิดทองลูกนิมิต ให้มีแนวน้อมใจระลึกในเวลาปิดทองขอให้โปรดเข้าใจดังนี้ คือ
นิมิต ลูกเอกอยู่ในโบสถ์เป็นเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับเป็นใหญ่ เป็นประธานอยู่ในท่ามกลางสงฆ์ เป็นเอกองค์เดียวไม่มีสอง ดังนั้นเมื่อเวลาปิดทองลูกนิมิตลูกเอก ก็ให้น้อมใจระลึกถึงพระพุทธคุณว่า อรหังสัมมาสัมพุทโธ บทใดบทหนึ่งทำใจให้ถึงพระพุทธเจ้า และปิดทอง ส่งอีก ๘ ลูก ที่อยู่ใน ๘ ทิศนั้น เป็นเครื่องหมายแทนพระอรหันต์สาวกผู้ล้ำเลิศด้วยคุณธรรมที่พระพุทธองค์ทรง ยกย่อง ๘ องค์ อยู่ประจำทิศละองค์เรียกว่า "พระอรหันต์ ๘ ทิศ" ดังนี้
๑) ลูกทิศตะวันออก เป็นเครื่องหมายพระอัญญาโกญฑัญญะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในทางรอบรู้ราตรี ในทางผู้อาวุโส (ปัจจุบัน ตาทิพย์ หมอดู โหร หรือ นักดาราศาสตร์)
๒) ลูกทิศอาคเนย์ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระมหากัสสปะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในทางธุดงค์คุณ (ปัจจุบันเรียกว่า มีกำลังภายในดี)
๓) ลูกทิศทักษิณ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระสารีบุตร อัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางปัญญารอบรู้ (ปัจจุบันเปรียบด้วยนักวิทยาศาสตร์)
๔) ลูกทิศหรดี เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระอุบาลีเถระ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางทรงไว้ซึ่งพระวินัย (ปัจจุบันเปรียบด้วยนักกฎหมาย)
๕) ลูกทิศปัจฉิม เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระอานนท์ เป็นพุทธอุปัฏฐากของพระพุทธองค์ ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในคุณธรรม ๕ ประการ มีความทรงจำไม่หลงลืมเป็นต้น
๖) ลูกทิศพายัพ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระควัมปติ เป็นพระอรหันต์ที่นับเข้าในจำนวนสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่งในคราวที่สมเด็จพระบรม ศาสดาทรงส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ท่านได้ประกาศพระศาสนาในนานาชนบทช่วยสั่งสอนให้กุลบุตรกุลธิดาเกิดความเชื่อ ความเลื่อมใส
๗) ลูกทิศทักษิณ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระโมคคัลลานะ อัครสาวกผู้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางมีอิทธิฤทธิ์มาก
๘) ลูกทิศอิสาน เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระราหุล ผู้เป็นพุทธชิโนรส ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางการศึกษา
๙) ลูกที่อยู่กลางโบสถ์ เป็นเครื่องหมายแทนองค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า
สรุป ย่อ ๆ แล้วก็คือ วัดเป็นเครื่องหมายในแดนวัตถุ และในด้านตัวคน สำหรับในด้านตัวคนก็มีความหมายหลายประเภท หลายชั้น หลายตระกูล หลายวรรณะ มีทั้งดีและชั่ว มีเกียรติ ไม่มีเกียรติ มั่งมีศรีสุข และมีทั้งแร้นแค้นยากจน นานาประการ ส่วนด้านวัตถุก็มีหลายอย่าง หลายประเภท หลายแบบ นับตั้งแต่รูปพรรณขนาด หรือในตัวอาคารบ้านเรือน ตึก ปราสาท ตัวราชฐาน ก็จะนำไปรวมกันไว้ที่วัดหมด

ข้อมูลจาก:วัดเจริญราษฎร์บำรุง (วัดหนองพงนก) เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๑๒
ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๘๐


"คำอธิษฐานปิดทองลูกนิมิต ๙ ทิศ"
ปิดนิมิตอุโบสถทศพล เริ่มลูกต้นกลางโบสถ์โชติตระการ ปิดนิมิตลูกเอกเสกประสาท งามโอภาสมาสเฉลิมเสริมสัณฐาน
เป็นนิมมิตเตือนตาสาธุการ ท่ามกลางงานบุญพิธีผูกสีมา เกิดชาติหน้าอย่ารู้เข็ญได้เป็นใหญ่ รูปวิไลเป็นเสน่ห์ดังเลขา
" ทิศบูรพา" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศ บูรพา ให้ก้าวหน้า เกียรติยศ ปรากฏไกล
" ทิศอาคเนย์" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศ อาคเนย์ ขอให้เทวา ประสิทธิ์ พิสมัย
" ทิศทักษิณ" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศทัก ษิณศักดิ์ชัย ให้สมใจ สมบัติ วัฒนา
" ทิศหรดี" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศ หรดี ขอให้ชี วิตมั่น ชันษา
" ทิศปัจจิม" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศปัจจิม อิ่มอุรา ปรารถนา ใดได้ ดั่งใจปอง
" ทิศพายัพ" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศพายัพ ดับทุกข์โศก นิราศโรค นิราศภัย ร้ายทั้งผอง
" ทิศอุดร" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศอุดร กรประคอง ได้เงินทอง สมหมาย ทุกรายการ
"ทิศอีสาน" ปินิมิต ลูกทิศอีสาน ประการท้าย ให้สมหมาย ได้สุข ทุกสถาน
รวมเก้าลูก สุกใส ใจเบิกบาน กว่าจะถึง ซึ่งนิพพาน เมื่อนั้นเทอญ...

นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ อนาคะเต กาเล
59  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: หายไปไหน 100 นึง ฝึกสมองกันหน่อย เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 05:26:39 pm
คิด ตาม แล้วรู้สึกว่ายังงง อยู่เหมือนกัน

    จ่ายเงิน ไปคน ละ 1000 ได้คืนคนละ 100 = 1000 -100 = 900 บาท

    900 x 3 = 2700 + อยู่กับ บ๋อย 200 = 2900 เอ๊ะ งง หายไปไหน 100 แป่ว

    คิดใหม่ จ่ายเงิน คนละ 1000 3 คน = 1000 x  3 = 3000

     ได้รับส่วนลด 500 บ๋อยเก็บไว้ 200 คืนไปคนละ 100 = 1000 - 100 = 900

         900 x 3 = 2700 อยู่กับบ๋อย 200 = 2700 + 200 = 2900

         :41: :41: แล้วไม่อยู่ตรงไหน อีก 100 งง ใครแก้ สมการ ได้ บอกหน่อย

 :41: :91:
60  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / การปฏิบัติธรรมที่ศาลากรรมฐาน วัดแก่งขนุน ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553 เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 07:36:24 pm
อยากไป แต่อยู่ ลำปาง เจ๊า
 :25:
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: ประกาศ อนุโมทนา บุญกุศลเรื่อง กิจกรรมการเผยแผ่เว็บ www.madchima.org เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 03:10:42 pm
อนุโมทนา คะ

 :happybirthday3:

62  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / ขอคิดพินิจธรรม คำสอนหลวงปู่ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 02:45:53 pm

ข้อคิดพินิจธรรม
 
 
 
   
......ร่างกายนี้เป็นที่ประชุมแห่งของโสโครก คือ
อุจจาระ ปัสสาวะ (มูตร คูถ ทั้งปวง)
สิ่งที่ออกจากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น
ก็เรียกว่าขี้ทั้งหมด เช่น ขี้หัว ขี้เล็บ ขี้ฟัน ขี้ไคล เป็นต้น
เมื่อสิ่งเหล่านี้ร่วงหล่นลงสู่อาหาร มีแกง กับ เป็นต้น
ก็รังเกียจต้องเททิ้งกินไม่ได้ และร่างกายนี้ต้องชำระอยู่เสมอ
จึงพอเป็นของดูได้ ถ้าหากไม่ชำระขัดสีก็จะมีกลิ่นเหม็นสาบ
เข้าใกล้ใครก็ไม่ได้ ของทั้งปวงมีผ้าแพรเครื่องใช้ต่างๆ
เมื่ออยู่นอกกายของเรา ก็เป็นของสะอาดน่าดู
 แต่เมื่อมาถึงกายนี้แล้ว  ก็เป็นของสกปรกไป
เมื่อปล่อยไว้นานๆเข้าไม่ซักฟอก ก็จะเข้าใกล้ใครไม่ได้เลย
 เพราะเหม็นสาบ ดังนี้จึงได้ความว่าร่างกาย
ของเรานี้เป็นเรือนมูตร เรือนคูถ
เป็นอสุภะของไม่งามปฏิกูลน่าเกลียด
 เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นปานนี้
 เมื่อชีวิตหาไม่แล้วยิ่งจะสกปรก

หาอะไรเปรียบเทียบมิได้เลย
       
  หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตวัดป่าสุทธาวาส จ.อุดรธานี


       
 ....... ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย

ความพลัดพรากจากกันนั้น สิ่งเหล่านี้มีประจำโลกอยู่แล้ว

 ทีนี้ผู้มีธรรมะเมื่อประสบกับภาวะเช่น นั้นแล้ว

จะวางใจอย่างไรจึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก

 ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว

ไม่ให้ไฟไหม้ ...ไม่ใช่อย่างนั้น
       
หลวงปู่ดูลย์ อตุโลวัดบูรพาราม จ.สุรินทร์




 ....... การกิน การนอน การร่าเริงมหรสพต่างๆ

เป็นเพียงสุขชั่วคราว ไม่ยั่งยืน ย่อมแตกดับไปเป็นธรรมดา

 เพราะฉะนั้นทุกคนที่ปฏิบัติธรรม อย่าไปหลงใหลในความสุขชั่วคราวนั้น

 แต่ความสุขชั่วคราวนี้ ไม่มีก็ไม่ได้ เพียงแต่ว่าเมื่อมีมาแล้ว

ก็ให้รู้เท่า ถ้าไม่รู้เท่า ก็จะเป็นทุกข์ พอมันหายไปทุกข์ใหญ่ก็จะเกิดขึ้น
       
  หลวงปู่เหรียญ วรลาโภวัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย
       
  ....... จะเอากิเลสที่นอนเนื่องมานานไปฆ่าเสีย

 ย่อมเป็นทุกข์ลำบากมาก การปฏิบัติธรรมจึงเป็นการยากลำบาก

 เพราะไม่มีการตามใจกิเลส จึงลำบากในขณะปฏิบัติมาอยู่วัด

วัดไม่ใช่ของเรา ของเรามี เพียงหนังห่อร่างอยู่เท่านั้น

นั่นแหละของเรา ชีวิตอยู่ได้เพราะสันตติสืบเนื่องดิน น้ำ ลม ไฟพอดี
       
หลวงปู่บุดดา ถาวโรวัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี
       
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 120 พฤศจิกายน 2553)
63  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 ข้อต้องใส่ใจก่อนเดินทางไปประเทศอินเดีย เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 02:41:16 pm
รุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ร่ำรวยด้วยรูป รส กลิ่น เสียง และสีสัน
ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นแดนภารตะ 'อินเดีย' อันยวนใจ


รุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ร่ำรวยด้วยรูป รส กลิ่น เสียง และสีสัน
 ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นแดนภารตะ 'อินเดีย' อันยวนใจ
นักเดินทางรายไหนไม่คิดจะไปเยือนสักครั้ง
ในชีวิตต้องนับว่าแปลกเอาการ
5 ข้อควรจำสำหรับคนที่คิดจะไปย่ำแดนโรตีเป็นครั้งแรก
 
วางแผนการเดินทางให้ดี อินเดีย ไม่ใช่เมืองเล็กน้อย
แต่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดจะเรียกว่าเป็นทวีปก็ไม่เขินปาก
อย่าคาดหวังว่าจะได้เห็นทุกอย่าง ไปทุกที่ในอินเดีย
ด้วยการเดินทางเพียงครั้งเดียว
 ก่อนไปอินเดียแต่ละทีคิดให้ดีว่าอยากดูอะไร
ต้องไปดูที่เมืองไหนจากนั้นจะไปเมืองไหนต่อและไปอย่างไร
 
'อย่าเร่งร้อน' ความเป็นอินเดียไม่ได้อยู่ที่แหล่ง ท่องเที่ยว เพียงเท่านั้น
แต่หลอมรวมอยู่ในผู้คน หนทาง บ้านเรือน ศาสนสถาน ฯลฯ
 ใช้เวลาช้าๆ แล้วซึมซับให้เต็มที่ ถ้าจะไปอินเดียแบบ 'ทัวร์ชะโงก'
อย่าไปเสียดีกว่าสำหรับนักเดินทางที่อยาก
 
'แสวงหาความสงบ' ในอินเดีย แม้ว่าอาจจะฟังแปลกๆ
ถ้าพูดว่าอยากจะไปเที่ยวเงียบๆ
ในประเทศที่มีประชากรมากกว่าพันล้าน
 แต่ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้ ลองหนีจากความโกลาหลของเมืองใหญ่
อย่างมุมไบ ขึ้นเหนือไปเมืองภูเขาอย่างลาดัก
หรือลงใต้ไปเคราราดูบ้างก็ไม่เลว
 
'สุขภาพ' เป็นเรื่องสำคัญเสมอสำหรับการเดินทางในต่างแดน
หลีกเลี่ยงการกินและดื่มอะไรที่ดูน่าสงสัยเรื่องความสะอาด
ถ้าจะลองกินอาหารพื้นเมืองแบบพื้นเมืองจริงๆ
 ให้เลือกร้านที่ชาวพื้นเมืองไปกินเยอะๆ
จะให้ดีควรพกพาสบู่เหลวหรือยาฆ่าเชื้อไว้ล้างมือด้วย
 
ควบคุมอุณหภูมิภายใน ของขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของอินเดีย
ก็คือการหลอกล่อ หลอกลวง ที่เกิดขึ้นได้กับนัก ท่องเที่ยว ที่ไปเยือน
ใจเย็นๆ ปฏิเสธอย่างหนักแน่นแต่นุ่มนวลแล้วจะดีเอง
...........
64  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มัมมี่ พระญี่ปุ่น เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 11:07:54 am
มัมมี่ พระญี่ปุ่น

 


Mummy เป็นหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร เป็นที่สุดแห่งการปฎิบัติเพื่อการหลุดพ้น(ตามความเชื่อของ นิกาย) แนวทางของพระเหล่านี้มุ่งเน้นที่การหลุดพ้น โดยการ  ทรมาน  ตนเองอย่างยิ่งยวด และมีความเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อ พระพุทธเจ้าเสร็จกลับมายังโลกอีกครั้ง พระที่เป็นมัมมี่ จะฟื้นคืนชีพมารับเสร็จได้อีกครั้ง มาดูแนวทางการปฏิบัติเพื่อเป็นมัมมี่ กันดีกว่า (สำหรับผมแล้วผมว่ามันเกินกว่าขีดจำกัดที่มนุษท์ธรรมดาจะปฏิบัติได้ ถ้าหากขาดซึ่งศรัทธา และความเชื่ออย่างแรงกล้า)

วิธีปฏิบัติตน เพื่อเป็นมัมมี่พระ



 


    * ขั้นแรก ผู้ปฏิบัติจะเริ่มต้นด้วยการงดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ แล้วเขากินอะไรกันก็กิน เมล็ดพืช ต่างๆในป่าที่ปฎิบัติ พร้อมทั้งมีการฝึกกายต่างอย่างเช่น บำเพ็ญเพียรในน้ำตกที่หนาวเย็น (อาดเคยเห็นในหนังกัน) เป็นเวลา 1000 วัน  wowboom


 

รูปชุดเครื่องแต่งกายพระขณะฝึกตนในป่า

 


    * ขั้นที่สอง ผู้ปฎิบัติจะหยุดกิน เมล็ดพืช แต่จะกินเฉพาะเปลือกต้นสน และรากต้นสน และจะหยุดการฝึกตนในป่า แต่จะมาปฏิบัิตธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน เข้าชาญ เป็นเวลา 1000 วัน มีการกล่าวว่าในช่วงท้ายของการปฎิบัติ พระจะมีรูปร่างคล้าย  โครงกระดูก  เดินได้ และเมื่อลงไปอาบน้ำในถัง แล้วตัวจะลอยน้ำ เหล่าลูกศิทษ์้ต้องคอยกดให้ตัวจมน้ำเพื่อให้สามารถอาบน้ำได้

    * ในช่วงวันท้าย ของการปฏิบัติในช่วงที่สองนี้ พระจะต้องฉันชาชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำเลี้ยงต้น Urushi (จะมีลักษณะเป็นน้ำยางสีแดงเลือดนก เข้น ชาวญี่ปุ่นมักนำ้ไปเคลือบ ถ้วยชาม)

    * วันสุดท้าย จะดื่มชาอีกชนิดที่มีส่วนผสมของเกลือจากน้ำพุร้อนศักกิ์สิทธิ์ (จากการวิเคาระห์เกลือนี้พบว่ามีสารหนูประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งว่า ทำไมพระเหล่านี้ถึงตายแล้วไม่เน่าเปื่อย ได้ในประเทศที่มีภูิมิอากาศร้อย ความชื้นที่ไม่อำนวยต่อการรักษาสภาพศพ เช่นนี้ โดยน้ำชาจากต้น Urushi จะไปเคลือบกระเพาะ และลำไส้ และสารหนูซึ่งร่างกายไม่สามารถขับออกจากร่างกายจะไปสะสมตามส่วนต่างของร่าง กาย และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคเตเรียต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของการเน่า
    * ขั้นที่สาม หลังจากดื่มชาผสมเกลือจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไปนั่งในสุสานใต้ดินขนาดพอใหญ่พอดี แค่นั่งได้แล้วทำการฝังทั้งเป็นโดยมีเพียงที่ไม้ไผ่ หนึ่งลำโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเพื่อเป็นท่อหายใจ โดยพระในสุสานจะคอยสั่นกระดิ่งวันละครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ (มีคำกล่าวอ้างว่ามีพระบางรูปสามารถมีชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ถึง 13 วัน) หลังจากวันสิ้นเสียงกระดิ่งวันสุดท้าย (คือมรณภาพ แล้ว) จะเก็บศพไว้อีกเป็นเวลา 1000 วันใต้ดิน หลังจากนั้นจะขุดศพขึ้นมา ซึ่งศพเหล่านี้จะได้รับการแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายของพระชั้นสูง และได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง


 

รูป แบบร่างสุสานใต้ดินที่พระใช้เก็บตัวในวาระสุดท้าย

   
รูป เหล่าพระที่ได้ผ่านการปฎิบัติเพื่อเป็น  มัมมี่
65  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สมองเปลี่ยนแปลงอย่างไร.. เมื่อเราอายุมากขึ้น.. เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 10:53:17 am
สมองเปลี่ยนแปลงอย่างไร.. เมื่อเราอายุมากขึ้น..
เมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ในยุคโลกร้อนนี้ก้าวหน้ามากขึ้น จำนวนคนสูงอายุก็มากขึ้นไปด้วย ถึงแม้จะไม่มีใครอยากถูกเรียกว่าเป็นคนสูงอายุ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันจะได้ตรวจผู้ป่วยอายุสูงเกิน 80 ปีขึ้นไปที่ยังดูดีเดินมาพบแพทย์เองได้ตามปกติมากขึ้น และดังนั้นเราจึงน่าจะมารู้จักการเปลี่ยนแปลงในคนที่อายุมากเพื่อเตรียมตัว รับสถานการณ์กัน

การเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท
เมื่อ หลังคลอดได้ไม่นานเซลล์สมองก็หยุดการแบ่งตัว สภาวะแวดล้อม ร่วมกับโปรแกรมที่ถูกกำหนดมาในรหัสทางพันธุกรรมของเรา ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านกายภาพและสรีรวิทยาของสมอง พบว่าเมื่อแรกคลอด สมองหนัก 350 กรัม และเพิ่มเป็น 1400 กรัมเมื่ออายุ 20 ปี พออายุ 70 น้ำหนักของเนื้อสมองจะลดลงไปร้อยละ 5 และลดลงอีกเท่าตัวทุกอายุ10 ปีที่มากขึ้น โดยเนื้อสมองส่วนนอก (grey matter)จะเหี่ยวลงมากกว่าส่วนอื่น โดยที่จำนวนเซลล์สมองในคนสูงอายุที่ความจำปกติก็ไม่ได้ลดลงแต่สูญเสียส่วน ประกอบบางอย่างเช่น dendritic spines มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์ (reactive synaptogenesis) และการสื่อสารระหว่างเซลล์ลดลง(signal transduction) อย่างไรก็ตามสมองจะมีการปรับตัวตลอดชีวิตของเราที่เรียกว่า neural plasticity

การเปลี่ยนแปลงของ เส้นเลือดในสมอง พบว่าเส้นเลือดใหญ่แข็งขึ้น (atherosclerosis) เส้นเลือดเล็กก็หนาตัวขึ้น และอาจพบสารอมัยลอยด์ในผนังเส้นเลือด

การเปลี่ยนแปลงของ Cytokines ทำให้มีโอกาสเกิดพยาธิสภาพของการอักเสบ(inflammatory response) มากขึ้นซึ่งพบได้ในหลายโรครวมทั้ง Alzheimer’s disease

มีการลดลงของ Neurotrophic factors หรือ Nerve growth factors ในสมอง ทำให้มีการลดลงของ cholinergic neurons ซึ่งทำให้ cognitive function ลดลงในคนสูงอายุ และ cholinergic neurons นี้เองที่ลดลงมากเกินไปในโรค Alzheimer’s disease และทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมตามมา ในอนาคตอาจมีการพัฒนา growth factors มาใช้รักษาโรคสมองเสื่อม และโรคทางระบบประสาทอื่นๆอีกต่อไป

การทำงานของยีน (Gene expression) บางอย่างเปลี่ยนไป มีผลทำให้การสร้างและการทำงานของโปรตีนเปลี่ยนไปด้วย

Blood-brain barrier ที่เปลี่ยนไปจะทำให้การขนส่งสารที่จำเป็นบางอย่างเช่น choline ลดลง ซึ่งอาจจะอธิบายการลดลงเล็กน้อยของความจำในคนสูงอายุที่ปกติ แต่ในขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้น blood-brain barrierก็พบได้ในบางภาวะ รวมทั้งใน Alzheimer’s disease โดยเชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลไกการเกิดโรคดังกล่าวด้วย

Cerebral blood flow พบว่าของ cerebral blood flow ที่สมองส่วน grey matter ลดลง แต่จะไม่เปลี่ยนแปลงที่ white matter และการปรับตัว cerebral autoregulation ลดลงในคนอายุมากกว่า 60 ปี ที่น่าสนใจกว่านั้นมีการศึกษาว่าในคนสูงอายุที่อยู่คนเดียว หรือ แยกตัวไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม และสังสรรค์กับผู้อื่นก็จะมีการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าและส่วน ข้าง (Frontotemporal) คล้ายกับที่พบในโรคสมองเสื่อมบางชนิด

Metabolism ในคนสูงอายุปกติพบว่าการใช้ glucose และ oxygen ของสมองไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่การใช้กลูโคสลดลงอย่างชัดเจนในคนที่สมองเสื่อม นอกจากนั้น พบว่ามีการสะสมของของเสีย (metabolic waste) แคลเซียม รวมทั้งปริมาณ free radicals และ glutamate ในสมองมากขึ้น

Electrophysiological changes มีการเปลี่ยนแปลงของความถี่ของคลื่นไฟฟ้าสมอง รวมทั้งการตรวจ P300 event-related brain potential ซึ่งอาศัยการกระตุ้นทางการมองเห็นและการได้ยินแล้ววัดการตอบสนองที่สมอง จะพบว่าค่า amplitude ลดลง และ latency มากขึ้น

Autonomic พบว่าระดับ plasma noradrenaline สูงขึ้นตามอายุ แต่การตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติกลับลดลง

Neuroendocrine

hypothalamus มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสารต่างๆ ในร่างกายได้ลดลง

ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทางกายภาพ แต่การสร้างและหลั่งฮอร์โมนก็ยังเหมือนเดิม

การ หลั่ง thyroid hormone ลดลงในคนสูงอายุ การตอบสนองต่อ TRH (thyroid releasing hormone ลดลง แต่ระดับฮอร์โมนในเลือดก็ปกติและไม่ได้ทำให้เกิดภาวะ hypothyroid

ปริมาณ การหลั่ง cortisol ใน 24 ชั่วโมงลดลงแต่ระดับ cortisol ในเลือดปกติ และ ตอบสนอง ของ ACTH และ cortisol ในช่วงที่มีการผ่าตัดใหญ่ก็ยังปกติ

ระดับ plasma aldosterone ลดลงตามอายุและเชื่อว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ adrenocortical response ต่อ angiotensin 2 ลดลง

ระดับ plasma norepinephrine เพิ่มขึ้น อาจเพื่อคงระดับการตอบสนองทางcardiovascular

ใน ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนฮอร์โมนเพศ estrogen ลดลง และ gonadotropin (FSH,LH) สูงขึ้น แต่หลังจากหมดประจำเดือน 20 ปี ระดับ gonadotropin ก็ลดลงเช่นกัน

ในผู้ชายโดยมาก testosterone จะเริ่มลดลงหลังอายุ 50 ปี อาจช้ากว่านั้นในรายที่สุขภาพแข็งแรงมากๆ นอกจากนั้นยังมีการเสื่อมถอยของ Leydig cell ใน testisด้วย

Neurochemistry

เมื่อ อายุมากขึ้นร่างกายจะมีสัดส่วนของไขมันมากขึ้น และน้ำในเซลล์สมองลดลง การเผาผลาญไขมันลดลง การทำงานของเอนไซม์บางชนิดลดลง ทำให้การสร้างพลังงาน (ATP) ลดลงด้วย

การลดลงของการทำงานของ mitochondria โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วน complex 1 ซึ่งเป็นแหล่งสร้างพลังงานของเซลล์ ทำให้การรับมือกับการเสียหายจากโรคเช่นสมองขาดเลือดลดลงไป

Superoxide dismutase เป็นเอนไซม์ที่ใช้รับมือกับ free radicals (อนุมูลอิสระ) ทำงานลดลง เชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้เกิดกระบวนการเสื่อมตามอายุ

Mental function
ถ้าไม่มีโรคทางสมอง สติปัญญาก็ยังคงดีเหมือนเดิมถึงแม้จะช้าลงไปบ้างปัจจัยที่อาจมีผลต่อ mental function เช่น

    white matter lesion การตรวจพบความผิดปกติของ deep white matter ใน CT scan หรือ MRI brain พบได้บ่อยแม้ในคนสูงอายุที่ไม่มีอาการสมองเสื่อม จึงต้องใช้ clinical correlation ในการแปลผลด้วย
    hypoxia ซึ่งอาจพบในคนที่มี sleep apnea, COPD ทำให้ metabolism และ การสร้างสารสื่อประสาทของสมองที่สูงวัยอยู่แล้วแย่ลงไปอีก
    alcohol ทำให้สมองแก่ก่อนวัย
    drugs เช่น anticholinergic, beta blocker มีผลต่อ mental function ได้บ่อยกว่าคนอายุน้อย โดยเฉพาะ anticholinergic ทำให้ผู้ป่วยมีอาการสับสน หรือ เคลื่อนไหวผิดปกติได้บ่อย
    depression พบมากขึ้นในคนสูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่พยาธิสภาพในสมองมีมาก อาการและการวินิจฉัยจะยากกว่าในคนอายุน้อย มีการศึกษาว่า cerebral atherosclerosis มีความสัมพันธ์กับ depressionในผู้สูงอายุจึงมีผู้เสนอคำว่า vascular depression มีนัยว่าถ้าพบ depressionในผู้สูงอายุ ควรมองหาภาวะ cerebral atherosclerosisด้วย
    mild cognitive impairment คือการที่ผู้ป่วยหลงลืมมากกว่าปกติแต่ยังไม่ถึงกับเป็นโรคสมองเสื่อม คนกลุ่มนี้พบมากถึงร้อยละ 20 ในคนอายุ 65-75 ปี และร้อยละ 40 ในคนอายุเกิน 85 ปี ความสำคัญก็คือภาวะนี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อม ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงเรื่องการนอนหลับ คนสูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของ circadian rhythm พบว่าจะนอนหลับยากขึ้น (increase latency) หลับไม่สนิท (fragmentation) ระยะเวลาการนอนสั้นลง (reduced total sleep time) ระยะเวลาในการหลับแบบตื้นจะมากกว่าการหลับลึก และ มักต้องการการนอนกลางวันมากกว่าคนอายุน้อย

    นอกจากนั้นปัจจัยอื่นอาจ ส่งผลต่อการนอนหลับของผู้ป่วยเช่น โรคปอด หัวใจ ทำให้เหนื่อย การมี obstructive sleep apnea ทำให้นอนกรน ขาดออกซิเจน และหลับไม่สนิท การมีขาขยับผิดปกติ (restless leg syndrome, periodic limb movement disorder of sleep) จะรบกวนการนอนอย่างมาก โรคทางสมองเช่น Parkinson’s disease, Alzheimer’s disease ก็มักมีความผิดปกติของการนอนหลับร่วมด้วย

    การดูแลทั่วไป

    ควร ให้ผู้สูงอายุได้ออกกำลังกาย เข้าสังคม หากิจกรรมที่คอยกระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แข็งแรงทั้งกาย ใจ และสมอง นอกจากนั้นการออกกำลังกายจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

    ไม่มียาใดที่ชะลอความแก่ได้ นอกจากนั้นการให้ยายังต้องระวังเป็นพิเศษด้วย เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงมากกว่าคนอายุน้อย

    การระวังการหกล้ม ควรต้องปรับปรุงที่พักอาศัยให้เหมาะกับคนสูงอายุ เช่น อย่าให้พื้นลื่น แสงสว่างให้เพียงพอ ระวังสิ่งของที่เกะกะตามพื้นอาจสะดุดได้ง่าย

    การควบคุมอาหาร เป็นมาตรการชะลอความแก่ที่สำคัญ โดยการให้ทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม และมีคุณค่าทางอาหาร

    high-calorie diet จะทำให้ มีระดับ homocysteine ในเลือดสูงเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากการเสื่อมของสมอง (neurodegenerative diseases) โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่มีพันธุกรรมเสี่ยงอยู่แล้ว ในสัตว์ทดลองพบว่าการควบคุมอาหารจะช่วยให้อายุยืนยาวกว่า ช่วยในการปรับสมดุลของสารเคมี growth factors ต่างๆ การสร้างโปรตีน การเปลี่ยนแปลงปรับตัว การซ่อมแซมของเซลล์สมอง และอาจเพิ่มความต้านทานหรือ ชะลอ การเกิดกลุ่มโรค neurodegenerative diseases

    การรักษาโรคร่วม หรือ ปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง งดบุหรี่ เหล้า และโรคร่วมอื่นๆ ล้วนมีความสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี กล่าวโดยสรุปการเปลี่ยนของระบบประสาทในคนสูงอายุมีทั้งในด้านกายภาพ และ สรีรวิทยา แต่เป็นช้าๆและไม่ทำให้เกิดโรคหรืออาการมากนัก เรื่องความจำอาจมีหลงลืมเล็กน้อยในคนแก่ที่ปกติ แต่จะไม่มีผลเสียต่อตนเอง ผู้อื่น เสียงาน หรือมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน การเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของคนสูงอายุจะทำให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ได้ดีขึ้น ผู้ป่วยก็มีจะคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
66  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเพื่อนคนหนึ่ง บ่นเรื่องชีวิต ..... อยากให้อ่านคร้า....จะช่วยอย่างไร? เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 10:39:03 am
อ้างถึง
น้องหมวยควรแสดงความเห็นด้วยนะครับ อย่ากินแรงเพื่อนๆเลย

สงสารป้าหมวย คะ เพราะถ้าให้มาตอบอีก เดี่ยวไม่มีคนโพสต์ คะ เดี๋ยวนี้ ลุงปุ้ม ก็ไม่ค่อยโพสต์ แล้ว

เดี๋ยวจะหายไปอีกคน คะ หนูชอบอ่านติดตามเรื่องทั้งสองคนคะ

ขอบคุณกับ บทความดีๆ ๆ คะ

 :25: :25: :25:
67  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ในโลกนี้ ไม่ใช่ ว่าคนทุกคนจะพูดด้วยธรรมะ ได้เสมอไป เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 10:36:48 am
เห็ฯด้วยคะ ว่าคนไม่มีศีลนั้น มอบธรรมะให้ได้ยาก

แต่ยังมอบได้ด้วยแรงใจ ด้วยการภาวนาว่า "ขอให้เธอ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด" แผ่เมตตาให้คะ

ที่จรงแล้วในที่สุด อาจจะต้อง อุเบกขา พรหมวิหารให้ด้วยคะ


 :bedtime2: :67: :67:
68  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: แม่ยุคใหม่ เป็นอย่างนี้ แหละ อ่านดูเอาต่อ นะ ( ไม่อยากให้มีในไทยเลย ) เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 01:24:28 pm

คนเดียวกันมั้งครับ เห็นมีภาพในเมล์ หลายภาพ เลย

 :96:
69  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เปลี่ยนชีวิตด้วยวิถีแห่งโดราเอมอน เมื่อ: ตุลาคม 26, 2010, 07:34:20 pm
ชอบคะ เพราะเป็นการ์ตูน ที่มีเนื้ัอหาชีวิตสอดแทรก แบบชาวญี่ปุ่นอยู่คะ

แต่ก็อยากให้มีการ์ตูน ทำได้คุณภาพอย่างนี้เหมือนกัน

 :25: :88:
70  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ธรณีพิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว อบต.สั่งอพยพปชช. เมื่อ: ตุลาคม 26, 2010, 07:15:46 pm


http://video.nationchannel.com/data/11/2010/10/02/gA8haB8afd586fBB7jA5b.flv


เผยผลสอบดินทรุดดอยแม่สลอง

กรมธรณีฯ เผยผลสอบดินทรุดดอยแม่สลอง เหตุน้ำใต้ดิน-ก่อสร้างรับท่องเที่ยวเกินพิกัด สั่งหยุดสร้างเพิ่ม เสี่ยงดินถล่มซ้ำ

เมื่อ วันที่ 26 ต.ค. นายนพพล ศรีสุข รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงผลการดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ประสบเหตุดินทรุดตัว และรอยแยก บริเวณบ้านสันติคีรี หมู่ 1 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ว่า สาเหตุของดินทรุดตัว เกิดจากน้ำใต้ดินจำนวนมาก ประกอบกับพื้นดินบริเวณบ้านสันติคีรี ชั้นล่างเป็นหินแกรนิต ส่วนชั้นบนเป็นหินดินดาน ถือเป็นปัจจัยทำให้เกิดดินถล่ม เนื่องจากดินทั้งสองชนิดจะย่อยสลายง่าย ชั้นดินหนาเมื่ออุ้มน้ำไว้นาน ๆ ก็จะพังทลายง่ายกว่าดินชนิดอื่น ๆ ทั้งยังมีการคืบตัวของดินอย่างช้า ๆ ตามที่ลาดเชิงเขา ซึ่งเกิดก่อนเหตุดินทรุด และรอยแยกอย่างน้อย 2 ปีมาแล้ว จนพบว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่เกิดการเอียงตัว และเกิดรอยแตกร้าวบนถนนปูน แต่ชาวบ้านที่อยู่ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาดินทรุด และมีการเคลื่อนตัวของดินที่ชั้นใต้ดิน ขณะที่ ชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้การแก้ปัญหาด้วยการนำปูนซีเมนต์ไปเททับรอยแยกบน ถนน เนื่องจากคิดว่ารอยแยกเกิดจากการกดทับของรถยนต์จากการใช้ถนน

นายนพพล กล่าวอีกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บนดอยแม่สลองเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ถึงขนาดทำให้รอยแตกร้าวถ่างขยายตัวออกไป ประกอบกับมีการก่อสร้างอาคารที่พักรองรับนักท่องเที่ยว และธุรกิจท่องเที่ยว จนทำให้ดินรับน้ำหนักไว้ไม่ไหว เมื่อปริมาณฝนตกต่อเนื่อง ในวันที่ 21-28 ก.ย.ที่ผ่านมา วัดปริมาณน้ำฝนได้มากถึง 172 มม. ทำให้ดินมีการคืบตัวอยู่ในอัตราเร่ง จนกระทั่งเกิดการทรุดตัวของดินเป็นระยะทางเกือบ 1 กม. ซึ่งถือว่ามีอันตรายมาก โดยล่าสุด กรมทรัพยากรธรณีได้ประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อดินถล่ม ห้ามมีการก่อสร้างเพิ่มเติมใด ๆ บริเวณหมู่บ้านสันติคีรีทั้งหมด เพื่อรอการแก้ไขปัญหา

"ทางกรมทรัพยากรธรณีจะใช้เวลาในการแก้ปัญหาดินถล่ม และรอยแยกที่ดอยแม่สลองประมาณ 2 เดือน ในช่วงเดือน พ.ย.นี้ จะสำรวจชั้นดิน เพื่อจะได้รู้น้ำหนักว่าชั้นดินในหมู่บ้านนี้ สามารถรับน้ำหนักสิ่งก่อสร้างได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งออกแบบโครงสร้างป้องกันดินทรุดตัว และรอยแยก โดยการเพิ่มเสถียรภาพของดิน และป้องกันไม่ให้น้ำผิวดิน และน้ำใต้ดินไหลเข้าสู่พื้นที่ประสบเหตุ เมื่อทราบศักยภาพของดินแล้ว ก็จะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมโยธาธิการ องค์การบริหารส่วนตำบลและจังหวัด และผู้ว่าฯ ทราบ โดยเฉพาะกรณีที่พบว่า มีน้ำหนักของสิ่งปลูกสร้างเกิน ก็จำเป็นต้องรื้อถอนออก เบื้องต้น ได้มีการแจ้งกับชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนทราบว่า อนาคตของดอยแม่สลองจะเลือกการอยู่แบบอย่างยั่งยืน หรือจะเลือกเอาการท่องเที่ยวเป็นหลัก และปล่อยให้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยไม่มีการวางแผน ปัญหาของดินทรุด และแยกตัวก็จะเกิดต่อไป เพราะตอนนี้ ชุมชนมีเวลาพักตัว 8 เดือน ก่อนจะถึงหน้าฝนในปี 2554 ที่มีการประเมินว่าจะมีฝนมากจากปรากฎการณ์ลานิญา" รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาดินทรุดตัว และรอยแยกแบบเดียวกับดอยแม่สลองนี้ มีในพื้นที่อื่น ๆ หรือไม่ นายอดิชาติ สุรินทร์คำ ผอ.กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า กรณีปัญหาบนดอยแม่สลองมาจากทั้งธรรมชาติ และฝีมือของคนในสัดส่วนเท่ากัน ขณะที่ พื้นที่อื่น ๆ เกิดขึ้นใน 2 จังหวัด คือ จ.น่าน และพะเยา ก็เกิดความเสียหายไม่แพ้กัน แต่เนื่องจากไม่เกิดในชุมชน เพราะอยู่ในสวนลำไย และพื้นที่ว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมขณะนี้ มี 51 จังหวัด ที่เสี่ยงต่อปัญหาดินถล่ม แบ่งเป็นภาคเหนือ 15 จังหวัด ใต้ 14 จังหวัด ภาคตะวันออก 6 จังหวัด กลาง และตะวันตก 7 จังหวัด ตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด รวม 323 อำเภอ.
71  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรณีพิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว อบต.สั่งอพยพปชช. เมื่อ: ตุลาคม 26, 2010, 07:10:01 pm
ธรณีพิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว อบต.สั่งอพยพปชช.

ตุลาคม 1, 2010 
Filed under breakingnews, ข่าวทั่วไป

Leave a Comment

ธรณี พิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว ชาวจีนกองพล 93 ผวา นายก อบต. สั่งอพยพประชาชนพื้นที่เสี่ยงออก ขณะชายแดนไทย-ลาว ประสบแผ่นดินไหว 2.9 ริคเตอร์

เมื่อวันที่ 1 ต.ค.53 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ชาวจีนกองพล 93 บนยอดดอยแม่สลอง หรือไชน่าทาวน์ อันซีนด์แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ตั้งอยู่บนยอดดอยรอยตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เกิดอาการผวาแตกตื่นขึ้นอีกครั้ง เมื่อหลังจากตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าเพื่อเปิดหน้าร้าน ทำการค้าขาย ได้พบว่าถนนสัญจรบนยอดดอยแม่สลองนอก บริเวณปากทางขึ้นพระธาตุสันติคีรี และทางขึ้นจุดชมวิวสวนซากุระ ได้เกิดการทรุดตัว แตกร้าวเป็นแนวยาว บนถนนที่บดอัดด้วยยางมะตอย แตกและทรุดตัวเป็นระยะทางร่วม 400 เมตร มีความลึกร่วม 1 เมตร นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายก อบต.แม่สลองนอก ได้รีบนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่า จากการทรุดตัวของถนน ทำให้บ้านเรือนราษฎรจำนวน 8 หลัง เอนเอียง กระจกบ้านแตกร้าว ความมั่นคงของตัวบ้านมีความเอนเอียงหลายหลัง อบต.จึงต้องสั่งให้อพยพชาวบ้านออกจากตัวบ้าน ไปอาศัยที่อื่นแทนจนกว่าจะมีการตรวจสอบโครงสร้างความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้าง โดยจากการตรวจสอบยังพบว่ามีโรงแรมจีน อีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ทรุดตัวด้วย ได้นำป้ายเตือนมาติด พร้อมสั่งห้ามประชาชนเข้าใกล้เด็ดขาด

“ได้เร่งประสานไปยังกรมทรัพยากรธรณี เข้าตรวจสอบหาสาเหตุการทรุดตัวแล้ว ป้องกันการแตกตื่นของประชาชนบนดอยแม่สลอง ที่หวั่นว่าจะมีการทรุดตัวลอดทั้งดอยหรือไม่ อีกทั้งระยะนี้เข้าใกล้ช่วงการท่องเที่ยวไฮซีซั่นแล้ว หากไม่มีการออกมาตรวจสอบ หรือยืนยันความปลอดภัยของถนน อาจจะกระทบต่อเรื่องการท่องเที่ยวฤดูหนาวปีนี้ได้” นายก อบต.แม่สลองนอก กล่าว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใต้พิภพ ขนาดความแรง 2.9 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 21.56 น.วันที่ 30 ก.ย.53 ก่อนเข้าสู่วันที่ 1 ต.ค.ไม่กี่ชั่วโมง มีศูนย์กลางอยู่ในเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ประเทศ ส.ปป.ลาว ตรงข้ามเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ที่ละติจูด 20.540 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.600 องศาตะวันออก ทางการลาวได้ออกสำรวจความเสียหาย เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากฝั่งไทยเข้าไปราว 37 กิโลเมตร เป็นจุดชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และอยู่ในเส้นทางสายเศรษฐกิจ R3.a ลาว-จีน ในขณะที่ฝั่งไทยได้รับรู้แรงสั่นสะเทือน แต่ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก สยามรัฐออนไลน์
72  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อัลเลาะห์อวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ชื่อที่ทั่วโลกเรียกคือ พระพุทธเจ้า เมื่อ: ตุลาคม 20, 2010, 01:27:20 pm
สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

อย่าได้เบียดเบียน ซึ่งกันและกันเลย

 :58: :bedtime2: :58:
73  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: 3 พระสูตรที่ยืนยันว่า: ธรรมธาตุ/นิพพาน/พระพุทธเจ้า เป็นผู้สร้างสร้างสิ่งทั้งปวง เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 01:24:04 pm
ทุกคนประกอบด้วย เมตตา ด้วยนะคะ

 ขอให้สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แ่ก่ เจ็บ ตาย ทั้งหมด ทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

  อนุโมทนากับ คุณ Lastman ด้วยคะ

 :25:
74  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เทคนิคคิดเลขไว เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 05:30:22 pm
 เทคนิค คิดเลขในใจ ให้เร็วกว่าเครื่องคิดเลข!!
ชาครีย์ เพชรพิเชษฐเชียร นิสิตปี 4 ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยถึงการคิดเลขในใจที่ทำได้เร็วกว่าเครื่องคิดเลข จากเคล็ดลับใน หนังสือ กดเครื่องคิดเลขทำไม ในเมื่อคิดในใจได้เร็วกว่า ผลงานเขียนของ ดร.อาเธอร์ เบนจามิน (Arthur Benjamin) ซึ่งเขาได้ร่วมแปลกับ พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ ว่าผู้เขียนเทคนิคการคิดเลขได้ตั้งข้อสังเกต คนเรามักทำอะไรจาก ซ้ายไปขวา แต่เรากลับคิดเลขจากขวาไปซ้าย ผู้เขียนจึงเสนอวิธีคิดเลขจากซ้ายไปขวาบ้าง....

วันนี้ ..คิดเลขไม่ต้องวิ่งหาเครื่องคำนวณ  เพราะมีมีเทคนิคง่ายๆ ที่ "คิดในใจ" โดยไม่ต้องพึ่งนิ้ว ตามเคล็ดลับของ "พ่อมดคณิตศาสตร์แห่งอเมริกา" มาฝาก  ตามนี้ว วะ

   
◘♣..ลองมาดูตัวอย่างการบวกเลขแบบพ่อมดกันดีกว่า.. ว่าเค้าคำนวณกันยังไง มามะเราจะลองยกตัวอย่างการบวกเลขให้ดู

- ตัวอย่างการบวกเลข 2 หลัก เช่น....  95+38 = ? วิธีคิดในใจคือ แยกตัวเลขเป็น 2 กลุ่ม
คือ (90+30) และ (5+8) แล้วนำมารวมกัน ได้ 133

- ตัวอย่างการบวกเลข 3 หลัก เช่น.... 763+854=? วิธีคิดในใจคือ 800+700 =1,500
แล้วบวก 60+50 ได้ 1,610 แล้วนำไปบวกกับ 3+4 ที่เหลือ
ได้คำตอบของโจทย์นี้เท่ากับ 1,617

ส่วนวิธีลบ ชาครีย์บอกว่า น่าจะเป็นวิธีที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะปกติเราจะตัวเลขตั้งแล้วลบ
แต่วิธีของ ดร.เบนจามินคือ เปลี่ยนจากตัวเลขลบเป็นบวก (complement)
เช่น -23 มี complement เป็น 77

- ตัวอย่างคือ 138-68 ให้เปลี่ยนเป็น (138+32) – 100 จะคิดได้ง่ายกว่า
หรืออีกตัวอย่าง 857-192 = ? มีวิธีคิดง่ายๆ คือ เปลี่ยนเป็น 857-200 = 657
แล้วบวกด้วย 8 ที่ลบเกินไป จะได้คำตอบ 665

สำหรับวิธีคูณก็คิดจากซ้ายไปขวาเช่นกัน
อาทิ 13x14=? ให้แยกเป็น (13x10)+(13x4) = 130+52 = 182 
หรือ 68x49 ให้คิดเป็น 68x50 = 3,400 แล้วลบ 68 ที่คูณเกินมา
หรือ 84x21 = ? ให้คิดเป็น 84x20=1,680 แล้วบวกด้วย 84 ที่ยังคูณไม่ครบ

มาถึงเลขยกกำลัง ชาครีย์ได้ยกตัวอย่างการยกกำลัง 2 โดยระบุว่า ให้ปัดตัวเลข
เพื่อให้เหลือตัวคูณเพียง 1 หลัก

อาทิ 23ยกกำลัง2 ซึ่งแยกได้เป็น 23x23 ให้ปัดตัวเลขขึ้น-ลงเป็น 26x20 = 520
แล้วบวกเข้ากับจำนวนยกกำลังสองของค่าที่ปัดขึ้น-ลง ซึ่งในตัวอย่างนี้คือ 3ยกกำลัง2
จะได้คำตอบเป็น 529  อีกตัวอย่างคือ 78ยกกำลัง2  ปัดได้เป็น (80x76) + 2ยกกำลัง2 = 6,084

ส่วนการหารเลขยกกำลังนั้น ไม่แตกต่างจากที่วิธีคิดเดิมเท่าไหร่ เนื่องจากปกติเราหารจากซ้ายไปขวาอยู่แล้ว

ชา ครีย์กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ว่า อานิสงส์จากการแปลหนังสือ ทำให้เขาได้เรียนรู้เทคนิคการคิดเลขในใจ ซึ่งวิธีที่ได้ประโยชน์มากคือการคำนวณเลขยกกำลัง ซึ่ง ดร.เบนจามินสอนวิธีคำนวณถึงเลข 5 หลัก แต่เขาทำได้ที่เลข 2-3 หลัก ซึ่งการคิดเลขในใจให้เร็วนั้นเขาบอกว่าต้องหมั่นฝึกฝนด้วย ซึ่งวิธีตามหนังสือที่เขาแปลนั้นช่วยได้
75  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชีวิตลำเค็ญ จึงต้องมีความสามารถ เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 05:21:54 pm
















เครดิตภาพ ที่นี่ดอทคอม
76  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ภาพเคลื่อนไหว หรือว่า เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 05:12:58 pm
77  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขนมหวานไทย ๆ ที่คุณลืมกันแล้วใช่หรือป่าว ( หรือไม่รู้จัก ) เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 04:58:37 pm
 [noolex] ขนมไทยที่เราลืมไปแล้ว


----- Forwarded Message ----
From: ยัยซ่า...จิ๊จ๊ะ
To: ;
Sent: Sun, November 22, 2009 1:01:10 PM
Subject: [noolex] ขนมไทยที่เราลืมไปแล้ว

ขนมสามเกลอ

 

 

           เป็น ขนมเสี่ยงทายในพิธีแต่งงาน ถ้าขนมยังติดกันทั้ง 3 ลูกในขณะที่ทอด หมายความว่า คู่บ่าวสาวที่จะแต่งงานจะอยู่ด้วยกันดี ตลอดจนมีลูกด้วยกัน แต่ติดกันอยู่เพียง 2 ลูก หมายความว่า มีลูกยากหรือไม่มี ถ้าแยกหรือหลุดออกทั้ง 3 ลูก หมายความว่า อยู่ด้วยกันไม่ยืด
           ขนมชนิด นี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นไส้ที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าว มะพร้าวขูด และงา แล้วเอามาหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียว ส่วนที่สอง ทำจากไข่ไก่ (อาจจะใส่สีผสมอาหารด้วย เพื่อเพิ่มความสวยงาม) ที่นำมาโรยบนกระทะเป็นแผ่นบางๆ เพื่อนำมาห่อตัวขนม

 

ขนมโพรงแสม

 

 

            ขนม ชนิดนี้ใช้ในพิธีแต่งงาน โดยแทนเสาบ้านเสาเรือน เพื่อให้คู่บ่าวสาวอยู่กันยั่งย ืนและร่ำรวย ลักษณะคล้ายๆขนมทองม้วน แต่ขนมชนิดนี้จะมีความแตกต่างอยู่ตรงที่มีน้ำตาลเคลือบพันร้อยอยู่ที่ตัวขนม
            เมื่อ ตัวขนมได้ถูกบดขยี้กับฟันและลิ้นที่สัมผัสรส จะให้ความรู้สึกกรุบกรอบน่ากัดกิน ผสมกับความหวานของน้ำตาลที่เคลือบขนมอย่างลงตัวไม่ที่ไม่หวานมากนัก ก็ยิ่งทำให้ขนมชนิดนี้เหมาะสำหรับการกินเล่น กับน้ำชาตอนบ่าย

 

ขนมหม้อตาล

 

 

เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในพิธีแต่งงาน เรียกว่า "หม้อเงิน หม้อทอง"
            - ตัวถ้วยขนม ผสมแป้งสาลี น้ำเย็น ไข่แดง กรุแป้งในพิมพ์หม้อตาล อบให้สุก
            -ไส้ ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำเคี่ยวให้ข้น ตักใส่ถ้วย หยดสีตามต้องการ หยอดลงในพิมพ์ ให้น้ำตาลแห้ง
            ดู จากลักษณะภายนอกดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก หลากสีสันชวนน้ำลายสอ เมื่อลองลิ้มชิมรสเนื้อแป้งของขนมที่กรอบจะเข้ากันดีกับตัวน้ำตาลที่หวาน กำลังดี

 

ขนมพันตอง

 

 

            แบ่ง เป็น 2 ส่วน แยกเป็น 2 ห่อ ห่อแรกคือส่วนผสมของไส้ ประกอบด้วยมะพร้าวกับน้ำตาลปี๊บ แล้วนำมาปั้นเป็นก้อน อีกห่อประกอบด้วย หัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ น้ำตาล แล้วตักใส่ห่อ เพื่อความอร่อยยิ่งขึ้นควรจะรับประทานพร้อมกัน เพราะตัวแป้งและตัวไส้จะอร่อยกลมกล่อมอย่างลงตัว

 

ขนมพระพาย

 

 

            เป็น ขนมที่ใช้ในพิธีแต่งงานใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำดอกมะลิ ใส่สีต่างๆ เพื่อหุ้มไส้ ที่ประกอบด้วยถั่วเขียวเลาะเปลือกที่บดละเอียด ผสมกับกะทิ และน้ำตาล ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อหุ้มเสร็จแล้ว นำมาวางบนใบตองที่ตัดเป็นกลม ๆเมื่อนึ่งสุกแล้ว พรมด้วยหัวกะทิ
            เมื่อดูจากลักษณะภายนอกอาจจะดูคล้าย ขนมช็อกโกแลตชนิดหนึ่งที่กลมๆ เงาๆมันๆ น่ากัด น่ากิน

 

ขนมเทียนแก้ว

 

 

            หรือ ขนมนมสาว เปรียบเสมือนแสงสว่าง   ลักษณะ ที่สวยถูกต้อง ต้องปลายแหลม และฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส วางได้โดยไม่เสียรูปทรง ทำจากถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก กวนกับกะทิและน้ำตาลทราย อบด้วยควันเทียน ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ นำแป้งถั่วเขียว หรือแป้งซ่าหริ่ม กวนกับน้ำตาลทราย และน้ำลอยดอกมะลิ
            ขนมชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมสดชื่นน่ากินของควันเทียนและน้ำลอยดอกมะลิที่อบอวลอยู่ในเนื้อขนม

 

ตะลุ่ม

 

 

            มี สองส่วน คือส่วนตัวขนม ทำแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใส และหางกะทิ นำไปนึ่งจนสุก ส่วนของตัวหน้า ได้แก่ หัวกะทิ ไข่ และน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทลงบนตัวที่สุกแล้ว นำไปนึ่ง เวลาเสิร์ฟตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำหรือลักษณะตามชอบ เวลาจะรับประทานควรรับประทานพร้อมกันเพราะให้รสชาติที่หวาน มัน และมีกลิ่นหอมของกะทิยามรับประทานในคำเดียวกัน

 

บุหลันดั้นเมฆ

 

 

            ลักษณะ ของขนมจะคล้ายขนมน้ำดอกไม้ เป็นขนมชาววังคิดประดิษฐ์ขึ้น ให้มีสีสันอุปมาอุปไมยเลียนแบบเพลงไทย 'บุหลันลอยเลื่อน' ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
            มี 2 ส่วน คือ ส่วนตัวขนม ทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำดอกอัญชัน น้ำตาลทราย หยอดลงบนถ้วยตะไล เมื่อนำไปนึ่งตรงกลางจะบุ๋มลงไป ส่วนตัวหน้าขนม ประกอบด้วย ไข่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าว และนำไปนึ่งต่อจนสุก
            เมื่อรับประทานจะให้ความรู้สึกถึงความหอมหวานของน้ำดอกอัญชันกับกลิ่นน้ำตาลมะพร้าว

 

เห็ดโคน

 

 

            ทำ จากไข่ขาวตีกับน้ำตาลทรายป่นจนตั้งยอด ใส่น้ำมะนาวเพื่อให้ไข่ไม่เหลว นำกระดาษขาวหนา ๆ มาม้วนเป็นกรวย ใส่น้ำตาลที่ตีแล้ว บีบกลม ๆ เป็นหัวเห็ด แล้วบีบยาว ๆ เป็นก้านเห็ด นำไปอบ พอสุกแล้วนำส่วนหัวมาเจาะตรงกลาง เพื่อติดกับตัวก้านเห็ดโดยใช้น้ำเชื่อม นำผงโกโก้ มาร่อนตระแกรงละเลงโรยบนหัวเห็ด
            สำหรับคนชอบกินเห็ดอาจจะเข้าใจผิดก็ ได้เมื่อได้เห็นขนมชนิดนี้ เพราะคุณจะแยกไม่ออกว่าอันไหนเห็ดจริงอันไหนคือขนมเห็ด ส่วนเรื่องรสชาติจะออกหวานๆ เมื่อนำเข้าไปสัมผัสกับลิ้นแล้ว แทบจะละลายไปทันที   (ป.ล.เห็ดโคน ไม่ใช่สโคน อิอิ)

 

เกสรชมพู่

 

 

            ขนม ไทยโบราณ เมื่อได้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่าขนมชนิดนี้คือ "ข้าวเหนียวแก้ว" แต่ถ้าพิศมองให้ดีจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะมีลักษณะแข็งกระด้างของข้าวเหนียว ส่วนเกสรชมพู่จะดูนุ่มนวล อ่อนโยน ที่ทำจากมะพร้าวขูดขาว ผัดกับน้ำและน้ำตาลทราย ใส่วุ้นกวนให้เข้ากันใส่สีชมพูแก่ แล้วตักใส่ถ้วย เรื่องรสชาติเกสรชมพู่จะมีความมัน ความหอมของมะพร้าว และมีความหวานเป็นเอกลักษณ์

 

หันตรา

 
 

            หรือขนมฝอย เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในงานหมั้น ซึ่งแสดงถึงการตีตราจองว่าหญิงนั้นมีคู่หมั้นแล้ว
            ทำ จากถั่วเขียวเลาะเปลือก ที่นำมากวนกับน้ำตาลทราย แล้ว ปั้นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กดตรงกลางให้บุ๋มแล้วมาห่อด ้วยไข่ที่ทำเป็นตาราง
            ขนมชนิดนี้เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาน่า รับประทาน เนื่องด้วยตัวของไส้ขนมและตัวไข่ที่นำมาหุ้มมีสีเหลืองทองที่เข้ากันอย่าง เหมาะเจาะ แลดูคล้ายขนมตระกูลทอง

ขอบคุณภาพ และเนื้อหา จาก Fwd mail

และ http://www.vcharkarn.com
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
****  รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับ   ขออภัยเมื่อผิดพลาด  คือสิ่งที่สมาชิกกลุ่มพึงกระทำ  ****


อย่าลืมนะคะ มีอะไรก็แบ่งปัน
    ^ นู๋เล็ก ^ 
Group's Owner
(-`๏’•ิ__•ิ`๏’-)
78  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฟัังเพลง ดี ๆ เย็น ๆ กันบ้างนะคะ เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 04:44:41 pm
หนูก็ยากทำเพลง และ ภาพอย่างนี้ ถวายพระอาจารย์สักชุด

แต่ตอนนี้ทำยังไม่เป็น คะ



79  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากอ่านเรื่อง อุบาสิกา ที่บรรลุเป็นพระอนาคามี คะ เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 08:53:26 pm
คุณนาตยา นับว่ามีพรสวรรค์ มากที่อ่าน แล้วมีความเพลิดเพลินกับเรื่องนี้

ส่วนตัวเรานั้น อ่านแล้ว ก็งงกับคำศัพท์ ที่ยกมามากมาย

อ้างถึง
นันทมารดาอริยสาวิกานั่งใน ที่มีอารักขาอันเขาจัดแจงไว้ดีแล้ว บนพื้นชั้นบนแห่งปราสาท ๗ ชั้น ให้ครึ่งราตรีผ่านล่วงไปด้วยกำลังแห่งสมาบัติ ครั้นออกจากสมาบัติแล้วคิดว่า เราจักให้ราตรีที่เลือกเพียงเท่านี้ ผ่านล่วงไปด้วยความยินดีเพียงไหน? แล้วกระทำความตกลงว่า จะให้ผ่านล่วงไปด้วยความยินดีในธรรมดังนี้ แล้วนั่งบรรลุผล ๓ จึงกล่าวปารายนสูตรประมาณ ๒๕๐ คาถาโดยทำนองสรภัญญะอันไพเราะ

 น่าจะใช่เรื่องนี้นะ อยากฟังรายละเอียดของคาถา ที่อุบาสิกา สาธยายเป็นทำนองสรภัญญะจัง

ว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง

    ปารายนสูตร

   เดี๋ยวจะลองค้นใน กูเกิ้ล เพิ่มเติม

   แต่ยอมรับเลยว่า พระอาจารย์ ท่านรอบรู้จริงสามารถชี้นำได้ในเวลารวดเร็ว

   แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ พระอาจารย์ จึงไม่ตอบเอง หรือ มีเหตุผลอื่นที่พระอาจารย์ ไม่ค่อยจะตอบกระทู้

 :25: :25: :25:



80  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อยากรู้ไหมว่า ตัวเอง แก่หรือยัง เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:28:10 pm
อยากรู้ไหมว่าตัวเองแก่หรือยัง? ต้องอ่าน!!! (จริงนะ)
คำถาม 49 ข้อ ที่มี หากคุณอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วคุณรู้จักมักคุ้น เคยได้เห็น ได้สัมผัสกะสิ่งที่เรากล่าวขึ้นมาประมาณสัก 30 ข้อ... เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย....เพราะคุณแก่แล้ว (อ่านขำๆ อย่าคิดอะไรมาก)   

  1. เคยไปเมโทร บิ๊กเบล ไดมารูราชดำริ 

      2. เคยเล่นถ้วยหมุนบนเซนทรัลชิดลม 

      3. เคยเล่นสวนสนุกบนมาบุญครอง 

      4. รู้จักแมคโดนัลที่แรกที่โซโก้ 

      5. รู้ว่ามีฟู้ดคอร์ทที่แรกที่มาบุญครอง 

      6. ยังเรียกสถานที่ต่อไปนี้ว่า เวิลด์เทรด รีเจนท์ ฮิลตัน (โดยที่ไม่ยอมจำว่ามันเปลี่ยนเป็น เซ็นทรัลเวิลด์ โฟร์ซีซั่น ราฟเฟิล ส่วนฮิลตันก็ไปเปิดใหม่ตรงแม่น้ำแล้ว) 

      7. เคยกินฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ซึ่งไม่มีแล้ว ทาโก้ ป๊อบอาย เวนดี้ โฮเบอร์เกอร์ เชคกี้ส์พิซซ่า 

      8. คิดว่า แฮปปี้แลนด์ แดนเนรมิต ถ้าไม่เคยไป เสียชาติเกิดเป็นที่สุด 

      9. เคยดูหนังแบบที่มันมีราคาตามผังที่นั่ง 

      10. เคยเล่นไอซ์บนเวิลด์เทรด 

      11. เคยรู้ว่า ค่าทางด่วนราคา 10 บาทแล้วเปลี่ยนเป็น 15 แล้วเป็น 30 จนถึง 40 ในตอนนี้ 

      12. รู้ว่า ดอนเมืองมีแค่ 1 เทอร์มินัล 

      13. เคยเติมน้ำมันทีละ 200 

      14. เคยใช้ floppy disk แผ่นเท่าจาน 

      15. เคยใช้ คอมไม่มีเมาส์ 

      16. เคยใส่แบรนด์ต่อไปนี้ NEXT, Dr.Martin, Banana Republic (เคยใส่กางเกงยีนส์สีต่างๆ ผู้หญิงเคยผูกโบว์ใหญ่เท่าผ้าสไบ ผู้ชายเคยห้อยกระดิ่งที่รองเท้า) 

      17. เคยมีเพจ ถ้าจะให้ดีต้องรุ่น advisor 

      18. รู้ว่า แต่ก่อนมือถือไม่มี 01 เบอร์บ้านไม่มี 02 

      19. รู้ว่าแต่ก่อนไม่มีชื่อถนนหรือชื่อย่าน แบบนี้...คือ รัชวิภา รัชโยธิน เลียบทางด่วน 

      20. เคยติด IBC แล้วเปลี่ยนเป็น UTV แล้วมันก็มารวมกันเป็น UBC 

      21. เคยดู เฮนเบะ บุนบู เมียมนิทานชีวิต แคสเปอร์ผีน้อย บาบ้าปาร์ป้า 

      22. เคยเรียนดรุณศึกษา หนูมาลีหนูมาลัย หรือมานะมานี 

      23. สอบเอ็นระบบเก่า วัดใจทีเดียวไม่มีลุ้น 

      24. ชอบของแถมที่มากับรองเท้าบาจา เช่นโจรสลัดที่อยู่ในถัง 

      25. คอนเสิร์ตไมเคิลแจ๊กสัน คอนเสิร์ต gun n roses คอนเสิร์ตบอนโจวี่ นีล่ะของชอบ 

      26. เคยมีเกมกดและพัฒนาเป็นนินเทนโด 

      27. เคยอ่านนิตยสาร ลลนา สตรีสาร สกุลไทย และรู้ว่าสตรีสารจะมีภาคพิเศษสำหรับเด็กด้วย ซึ่งมีการ์ตูนน่ารักๆ หลายเรื่อง เช่น ต๋อมจอมยุ่ง เจ้าขนฟู คนพิลึก 

      28. เกิดทันหนังสือเด็กแนวสมัยก่อน เช่น ปลื้ม ไปยาลใหญ่ 

      29. ชอบกินไอติมโฟร์โมสต์ 

      30. เกิดทันโฆษณายุคหวานใส เช่น ขอเสื้อคืนด้วยค่ะ,อุ๊ยส้มหล่น,จะให้เธอน่ารักน้อยกว่านี้หรือให้ผมกล้า มากกว่านี้ดีนะ,รักเจรักช็อคโกบาร์ 

      31. เกิดทันยุคหนังวัยรุ่น สะแด่วแห้ว กลิ้งไว้ก่อน มีดารานำจำพวก มอส เต๋า โมทย์ จอห์น ดีแลนด์ ศรราม นุ๊ก ต๊ะ ฯลฯ 

      32. ถ้าคุณทันขนม หมากฝรั่งตาแมวดำ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ น้ำเต้าปูปลา 

      33. ถ้าแก่มากจะทัน พาเลซ โรม ถ้าแก่ไม่มากนักจะทันไวเบรชั่น ชาร์กกี้ ทอรัส ดิสคัฟเวอรี่ 

      34. สามารถบอกชื่อศิลปินค่ายคีตา ได้มากกว่า 3 คน เช่น อ้อม สุนิสา นีโน่ ฝันดีฝันเด่น เอ็มสุรศักดิ์ แจ็กจิล เคดีรอม ยูโฟ ต่อนันทวัฒน์ พงพัฒน์ ยุ้ย ทีสะเกิ๊ต โก้นฤเบศร์ 

      35. นอกจากสามหนุ่มสามมุมแล้วยังทัน ตะกายดาว คนค้นคน นางฟ้าสีรุ้ง 

      36. รู้ว่าจะมีการฺ์ตูนโผล่มาเวลา ช่องทีวีมีปัญหา เช่น นกหัวขวาน 

      37. เคยอยู่ในช่วง ดอลล่าร์ละ 25 บาท ปอนด์ละ 40 (โอ้แม่เจ้า เคยมีในสมัยนั้นจริงๆ) 

      38. เกิดทัน การดูเลเซอร์ มีร้านให้เช่าดูที่สยามด้วย 

      39. เกิดทันยุคที่นักร้องแกรมมี่ต้องมีเพลงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่ในอัลบั้ม 

      40. รู้ว่าสยามเซ็นเตอร์และชิดลม ไฟไหม้ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ช่วงนั้นไม่มีห้างจะเดิน 

      41. คนข่าวสมัยนั้นที่ดัง คือ สมเกียรติ์ อรุณโรจน์ วิทวัส 

      42. ยุทธการขยับเหงือก เทปแรกๆ มีเสนาปัญญา เสนากิ๊ก และก็มีเสนาโค้ก อรุณ ติ๊กกลิ่นสี แหม่มสุริวิภา ส่วนโน้ตอุดม หอย ส่วนวิทย์มาทีหลัง 

      43. เคยรู้ว่าถ้าท่านใดสามารถตอบได้ว่า วันนี้พี่เบิร์ดร้องเพลงกี่เพลง/ ติ๊นาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดกี่ชุด
จะได้รับนาฬิกาคาเรร่าสำหรับสุภาพบุรุษ 1 เรือนและสุภาพสตรี 1 เรือน
สำหรับเงินค่าเข้าประตูในวันนี้ จะนำไปซื้อตู้ยาพร้อมเครื่องเวชภัณฑ์ให้โรงเรียนวัดไผ่อีเห็น 

      44. ชอบพูดว่าตัวเองยังไม่แก่ แต่ที่แท้เวลาได้ยินเพลงสมัยก่อนจำพวกเจ นูโว ยูเอชที จะยิ้มแป้น
แถมยังชอบไปดูคอนเสิร์ตย้อนยุคทั้งหลาย และชอบไปที่เที่ยวที่เปิดเพลงเก่า 

      45. เคยคิดว่า โบ-จ๊อยซ์โป๊มาก (สมัยนี้เจอเจอเกิร์ลลี่เบอรี่เข้าไป หึ หึ) 

      46. ยังไม่มี airport tax 

      47. ฮิตเสื้อนักศึกษาตัวใหญ่ หรือพอดีๆ ไม่ใช่รัดติ้วเป็นแหนมมัดเหมือนสมัยนี้ 

      48. รู้ว่าซูกัส ทรีบอล์ เคยห่อเป็นแบบท็อฟฟี่ คอร์นพัฟเป็นถาดดึงออกมา ป๊อกกี้แกะกล่องจากด้านบนไม่ใช่ตรงกลางแบบนี้ และยังมี มั้นมัน ทวิสตี้ จิ๊กกะดี้ ริงโก้ กาก้า 

      49. เคยดูเขาทราย เขาค้อ สามารถ ซึ่งเวลาต่อยแข่ง ถนนโล่งไปหมดไม่มีคนออกจากบ้าน
หน้า: 1 [2] 3