ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทุ่งกุลา “ไม่ร้องไห้” ใครกล่าวไว้คนแรก?  (อ่าน 693 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ภาพประกอบเนื้อหา - ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ในฤดูกาลเก็บเกี่ยว

ทุ่งกุลา “ไม่ร้องไห้” ใครกล่าวไว้คนแรก.?

นิยามคำว่า “ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้” มีมาตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด แต่คนที่กล่าวคนเเรกสันนิษฐานว่าคือ พระยาสุนทรพิพิธ (เชย สุนทรพิพิธ) เมื่อครั้งที่ท่านมาดำรงตำเเหน่งเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล) เมื่อปี พ.ศ. 2453 ท่านได้เดินทางตรวจราชการตามหัวเมืองต่างๆของอิสาน เเละได้เดินทางผ่านบริเวณทุ่งกุลา ได้บันทึกไว้ว่า

“ขณะเขียนบันทึกนี้ ปรากฏว่ารัฐบาลได้ทำทางรถยนต์จากร้อยเอ็ดไปถึงเมืองสุรินทร์แล้ว แต่ระหว่างอำเภอสุวรรณภูมิถึงอำเภอท่าตูมยังไม่เรียบร้อยขาดตอนอยู่ แต่อย่างไรก็คงสำเร็จได้ แม้กระนั้นถนนนี้ก็ยังไม่เป็นเครื่องป้องกันทุ่งสุวรรณภูมิ มิให้เป็นทะเลได้อยู่เช่นเดิม

จึงมีข่าวว่าทางการราชการกำลังพิจารณาที่จะทำคันกั้น และทำทางระบายน้ำ เพื่อให้ใช้ที่ดินทำประโยชน์ในการเพาะปลูกได้ต่อไป ซึ่งถ้าเป็นผลสำเร็จตามแผนการแล้ว ทุ่งกุลาร้องไห้ ก็จะไม่ทำให้ทุ่งกุลาต้องร้องไห้ อีกต่อไป แต่จะทำให้ชาวภาคอีสานปรีดาปราโมทย์ไชโยโห่ร้อง ด้วยหน้าตาอันเบิกบานตลอดกัน”

(บันทึกความทรงจำเมื่อเป็นเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล) ของพระยาสุนทรพิพิธ เชย สุนทรพิพิธ)


พระยาสุนทรพิพิธ (เชย สุนทรพิพิธ) เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่งเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล) เมื่อปี พ.ศ. 2453 (ภาพจาก http://www.lungkitti.com/product.detail_844936_en_5994135)

ทุ่งกุลา นิยามของความแห้งแล้งกันดาร แผ่นดินแตกระแหง ผู้คนเผชิญกับความยากจนข้นแค้น ต่อมากรมพัฒนาที่ดินได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาสำรวจและพัฒนาที่ดินในปี พ.ศ. 2524 – 2527 พร้อมทั้งสร้างถนน คลองส่งน้ำและอ่างเก็บน้ำ ทำการจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรได้ทำกินอย่างทั่วถึง สามารถพลิกฟื้นให้ชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม และพบว่าดินทุ่งกุลามีคุณสมบัติเฉพาะ ที่ผลิตข้าวให้หอมเป็นพิเศษโดยไม่มีที่ไหนเหมือน

และในต้นปี พ.ศ. 2530 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ (ตำแหน่ง ผบ.ทบ.ขณะนั้น) ได้น้อมนำกระแสพระราชดำริจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาช่วยเหลือราษฎรภาคอีสานใน “โครงการอีสานเขียว” ทำให้ทุ่งกุลาได้รับการพัฒนาในครั้งนั้นด้วย


ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ในฤดูกาลเก็บเกี่ยว

เมื่อทุ่งกุลาได้รับการพัฒนาจากภาครัฐ นิยามที่บอกว่าแห้งแล้งกันดารได้เปลี่ยนมาเป็น “ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้แล้ว” อีกครั้ง ในยุคมั่งคั่งข้าวหอม

เพราะทุ่งกุลาเป็นแหล่งผลิตข้าวที่โลกรู้จักในนาม ‘ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้’ (Khao Hom Mali Thung Kula Rong Hai) ที่สร้างชื่อเสียงและเป็นสินค้าออกที่สำคัญให้กับจังหวัดในเขตทุ่งกุลา คือ จังหวัดร้อยเอ็ด, มหาสารคาม, สุรินทร์, ยโสธร, และศรีสะเกษ

ปัจจุบันนี้ ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่ข้าวราคาถูก ชาวนา “อาจจะต้องร้องไห้” แทนกุลาก็เป็นได้


 

อ้างอิง :-
- สุนทรพิพิธ, พระยา (เชย สุนทรพิพิธ). บันทึกความทรงจำเมื่อเป็นเลขานุการมณฑลอิสาน (อุบล). นครหลวง : โรงพิมพิ์ส่วนท้องถิ่น. 2515.
- สุจิตต์ วงษ์เทศ. ทุ่งกุลา “อาณาจักรเกลือ” 2,500 ปี จากยุคแรกเริ่มล้าหลัง ถึง ยุคมั่งคั่งข้าวหอม. กรุงเทพฯ : มติชน, 2546.
- วัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดร้อยเอ็ด. หนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560
ผู้เขียน : จักรมนตรี ชนะพันธ์
เผยแพร่ : วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ.2562
ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_7739
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 16, 2019, 08:26:52 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ทุ่งกุลา “ไม่ร้องไห้” ใครกล่าวไว้คนแรก?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 16, 2019, 08:41:20 am »
0
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ในปัจจุบัน ซึ่งมีสีเขียวอุดมสมบูรณ์เปลี่ยนไปจากในอดีตอย่างมาก


ทุ่งกุลาร้องไห้
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นที่ราบขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 13 อำเภอ 5 จังหวัด ได้แก่

    - อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
    - อำเภอชุมพลบุรีและอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
    - อำเภอปทุมรัตต์ อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภอโพนทราย และอำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด
    - อำเภอศิลาลาด อำเภอราษีไศล และอำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ
    - อำเภอค้อวัง และอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร

ทุ่งกุลาร้องไห้ มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า ชนเผ่ากุลาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่า ได้เดินทางมาค้าขายผ่านทุ่งแห่งนี้ ปกติแล้วชนเผ่ากุลาเป็นชนเผ่าที่มีความอดทนสูงมาก สู้งาน สู้แดด ลม ฝน แต่เมื่อได้เดินทางผ่านทุ่งแห่งนี้ ที่มีพื้นที่กว้างขวางเหลือประมาณ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบหมู่บ้านใด ๆ เลย น้ำก็ไม่มีดื่ม ต้นไม้ก็ไม่มีที่จะให้ร่มเงา มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด พื้นดินก็เป็นทราย เดินทางยากลำบากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย ทำให้คนพวกนี้ถึงกับร้องไห้ ดังนั้น จึงได้ชื่อว่า "ทุ่งกุลาร้องไห้"






ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ทุ่งกุลาร้องไห้
ขอบคุรภาพจาก : https://esan108.com/ทุ่งกุลาร้องไห้.html 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 16, 2019, 08:57:33 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ