ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อน ๆ ลองศึกษา การเผยแผ่พระธรรม ของ พระจีนกันบ้าง ดีหรือไม่จ้า  (อ่าน 3800 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เนื่องด้วยกระแส การเผยแผ่ ที่รอบ ๆ ตัวของ หมวย มีแต่การเผยแผ่พระธรรม แบบ มหายาน เนื่องด้วยตระกูล ตอนนี้เข้าบุญกับวัดฝ่าย มหายาน กันทั้งหมด ไม่มีใครยากทำบุญกับพระหินยาน ตั้งแต่ ข่าวของ เณรคำ ที่ผ่านมาทำให้ พวกเราผิดหวังกับพระฝ่าน หินยาน เป็นอย่างมาก และ ต่อมา พระที่เคารพอย่าง พอจ.มิตซูโอะ สึกเพื่อวิวาห์ อีก ตระกูลที่เคยศรัทธาทำบุญ ก็เลยเอือมมากขึ้น ยิ่งตอนนี้บ้านเราอยู่แถว วัดสระเกศ ทำบุญวัดสระเกศแต่ปรากฏว่า พระวัดสระเกศตอนนี้เป็นข่าวอีก

   ลองศึกษาธรรมแบบ มหายาน กันดีหรือไม่ คะ เพราะพระทาง มหายาน ไม่เหมือน พระทางหินยาน คือ ทาง มหายาน พระไม่ถือตัว เราไม่จำเป็นต้องไหว้พระก็ได้ เพราะทางมหายาน ถือว่า ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทัดเทียมกัน

   


   :s_hi: :88: :welcome:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 thk56 thk56 thk56

 แต่คงไม่ตามนะ เพราะเราเชื่อว่า ครูอาจารย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เหมาะสมกับเราดีแล้ว คะ

  :49:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เห็นสองสาวหมวย,กบคุยกันก็ขอคุยด้วยคน ครับ ผมนั้นเคยคิดบวชแบบจีนนิกายแต่จะขอเรียนภาวนาแนวมัชฌิมา แต่ไม่ทราบว่าคิดไว้จะเป็นไปได้ไหม
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นสองสาวหมวย,กบคุยกันก็ขอคุยด้วยคน ครับ ผมนั้นเคยคิดบวชแบบจีนนิกายแต่จะขอเรียนภาวนาแนวมัชฌิมา แต่ไม่ทราบว่าคิดไว้จะเป็นไปได้ไหม

บวชสายจีนยากนะคะ ต้องบวชเป็นสามเณก่อน และที่สำคัญสถานะของพระจีนในเมืองไทย ลำบาก ทราบว่าบางรูปต้องสอบกันหลายปีถึงจะบวชเป็นพระจีนได้

พุทธศาสนามหายาน

           พระพุทธเจ้า ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “ดูกรอานนท์ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ถ้าสงฆ์ต้องการ ก็จงถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างก็ได้”(มหาปรินิพพานสูตร 10/141) ทำให้เกิดมีปัญหาว่าแค่ไหนเรียกว่าเล็กน้อยเป็นเหตุให้ภิกษุบางรูปไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับสังคายนามาตั้งแต่ครั้งแรก และเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นกับหลายสังคายนา มีกลุ่มแยกตัวทำสังคายนาต่างหาก เป็นการแตกแยกทางความคิดและนิกายแต่ไม่ควรถือว่าเป็นการแบ่งแยกศาสนาแต่ประการใด ประเด็นหลักซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งมหายานที่แท้จริงมิใช่อยู่ที่สิกขาบทที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาต แต่อยู่ที่การพระอภิธรรม การตีความพระอภิธรรมความหลุดพ้นนี้เองเป็นประเด็นหลักที่เป็นบ่อเกิดของมหายาน ภิกษุสงฆ์นักปราชญ์กลุ่มหนึ่งซึ่งมีแนวคิดว่า การหลุดพ้นเพื่อเป็นพระอรหันต์ด้วยการปฏิบัติคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามิใช่ที่สุดตามที่ตนเองได้รับคำสอนมาจากพระพุทธเจ้าที่สอนตนมา ท่านเชื่อว่าที่สุดของสิ่งที่พระศาสดาให้มานอกจากคำสอนแล้วยังมีคุณลักษณ์ของพระองค์ คุณสมบัติที่ทำให้พระองค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้านี่เองจึงเป็นที่สุด ครูที่เก่งสามารถสอนให้ศิษย์บรรลุผลสำเร็จได้ แต่ครูผู้สูงส่งนอกจากสั่งสอนศิษย์ให้ได้บรรลุผลสำเร็จแล้ว ท่านเองยังมีคุณลักษณ์ให้ศิษย์ได้ปฏิบัติตามเพื่อความเป็นมนุษย์ซึ่งสมบูรณ์ด้วย พระพุทธเจ้าท่านเป็นสุดยอดครู การที่เหล่าศิษย์เพียงต้องการคำสอนของพระองค์ท่านเพียงอย่างเดียวแม้บรรลุสุขที่สุดแล้ว แต่ก็ยังสูญเสียบรมสุขสุดยอดซึ่งมาจากคุณลักษณ์ประจำพระองค์ คุณสมบัติของสิ่งซึ่งทำให้ พระองค์เป็นครูที่สุดยอดที่สุดในโลก ประเด็นนี้เองเป็นที่มาแห่งมหายาน

        ไม่อาจกำหนดได้แน่ชัดว่า พุทธศาสนามหายานกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ที่แน่ชัด คือพระเจ้ากนิษกะ มหาราช กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์กุษาณะ ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกองค์แรกของมหายาน พระองค์ทรงปลูกฝังพระพุทธศาสนามหายานลงมั่นคงในราชอาณาจักร และทรงส่งพระธรรมทูตออกเผยแพร่ไปยังนานาประเทศ คณาจารย์ผู้วางรากฐานของมหายานอย่างชัดเจน ได้แก่ พระอัศวโฆษ พระนาคารชุน พระอารยะเทวะ พระวสุพันธุ พระธรรมกีรติ ศานตรักษิตะ โดย เฉพาะคุรุนาคารชุน(ราว ค.ศ.1) คณาจารย์องค์สำคัญที่สุดผู้ทำให้มหายานทรงอิทธิพลและ รุ่งเรืองที่สุดของพระพุทธศาสนาในพุทธศตวรรษที่6-10 มหายานมิได้ปฏิเสธพระไตรปิฎก หากแต่ถือว่ายังไม่พอเนื่องจากเกิดสำนึกร่วมขึ้นมาว่านามและรูปของพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตระไม่อาจดับสูญ สิ่งที่ดับสูญเป็นเพียงภาพมายา ธรรมกายอันเป็นธาตุพุทธะยังคงอยู่ต่อไป สรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดมาพร้อมธาตุพุทธะหากแต่กิเลสอวิชชาได้บดบังธาตุพุทธะจึงไม่ปรากฏ ด้วยมุมมองที่ว่าสรรพสัตว์เป็นพุทธะสรรพสัตว์ทั้งปวงปารถนาที่จะไม่เกิดมาพบกับความทุกข์ ที่ต้องเกิดเพราะกรรมที่ได้สะสมไว้มนุษย์ผู้โชคดีมีภูมิความรู้ในการรู้แจ้งต้องเมตตาส่งเสริม ให้สรรพสัตว์ที่โชคดีน้อยกว่าให้ไปสู่ความรู้แจ้ง ผู้ที่กระทำการเช่นนั้น คือพระโพธิสัตว์ นั่นคือ ชาวพุทธมหายานต้องเดินแนวทางโพธิสัตว์มรรค เพิ่มเติมจากการเดินในแนวอริยะมรรคเพียง อย่างเดียว คำสอนของของพระโพธิสัตว์ถือเป็นพระไตรปิฎกที่ 2ที่ต้องปฏิบัติด้วยการยอมรับ หรือศรัทธาต่อ พระโพธิสัตว์ไม่เท่ากัน ความสำนึกและการแสดงออกจึงต่างกัน ทำให้มหายาน แตกเป็นนิกายต่างๆมากมายในอินเดียมีประมาณ 4 นิกาย

1นิกายศูนยวาทหรือมาธยมิก ผู้ก่อ ตั้งคือ คุรุนาคารชุน

2นิกายวิชญานวาทหรือโยคาจาร ผู้ก่อตั้ง คือ ท่านไมตรีนาถ

3นิกายจิต อมตวาท

4นิกายพุทธตันตระหรือมนตรยานซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นวัชระยาน

    ในประเทศจีน ระยะเวลาอันยาวนานกว่าทำให้มีนิกายแตกแขนงออกไปมากมาย เช่น นิกายสัทธรรมปุณทริก (เทียนไท้จง) นิกายเซนหรือฌาณ(เสี่ยมจง) นิกายอวตังสกะ(ฮั่วเงี่ยมจง) นิกายสุขาวดี(เจ่ง โท้วจง) นิกายตรีศาสตร์(ซาหลุ่งจง) นิกายธรรมลักษณะ(ฮวบเซี่ยงจง) นิกายวินัย(หลุกจง) นิกายมนตรยาน(มิกจง) แต่ทั้งนี้ก็มิได้หมายความว่าเกิดการแตกแยกศาสนา ด้วยว่าทุกนิกาย ก็คือพุทธศาสนามหายาน

ลัทธิมหายานถืออุดมคติ 3 ประการ คือ

       1หลักมหาปัญญา ในหลักการข้อนี้ ฝ่ายมหายานได้อธิบายหลักอนัตตาซึ่งเป็นคุณลักษณะ พิเศษในพุทธศาสนาออกไปอย่างกว้างขวางลึกซึ้งมากพิสดารยิ่งกว่าในฝ่ายเถรวาทมหายาน เรียกว่า ศูนย์ตา แทนคำว่า อนัตตา ในส่วนปฏิบัติของบุคคลทางฝ่ายมหายาน ถือว่าบุคคลจะ พ้นทุกข์ได้ ก็ด้วยการเข้าถึงศูนยตา ซึ่งมี 2 ชั้น คือ บุคคลศูนยตาและธรรมศูนยตา บุคคล ศูนยตาได้แก่การละอัสมิมานะซึ่งทำให้บุคคลบรรลุอรหันต์ส่วนธรรมศูนยตา ได้แก่การละ ความยึดถือแม้ในพระนิพพานซึ่งเป็นภูมิของพระโพธิสัตว์ชั้นสูง

        2หลักมหากรุณา ได้แก่การ ตั้งโพธิจิตมุ่งพุทธภูมิ ไม่มุ่งเพียงอรหันต์ภูมิ ในทัศนะมหายานเห็นว่าอรหันต์ภูมิช่วยคนได้น้อย เพราะฉะนั้นจึงควรมุ่งพุทธภูมิซึ่งในขณะที่ยังมิได้บรรลุต้องสร้างบารมีเพื่อช่วยสัตว์ ดังนั้น ทางฝ่ายมหายานจึงย่อทศบารมีลงเหลือ 6 คือ

2.1ทานปารมิตา พระโพธิสัตว์จะต้องสละทรัพย์ อวัยวะและชีวิต เพื่อสัตว์โลกได้โดยไม่อาลัย

2.2 ศีลปารมิตา พระโพธิสัตว์ต้องรักษาศีลอันประกอบ ด้วยอินทรีย์สังวรศีล กุศลสังคหศีล ข้อ นี้ได้แก่การทำความดีสงเคราะห์สัตว์ทุกกรณี สัตวสังคหศีลคือการช่วยให้พ้นทุกข์

2.3 กษานติปารมิตา พระโพธิสัตว์ต้องสามารถอดทนต่อสิ่งกดดันเพื่อโปรดสัตว์ได้

2.4 วิริยปารมิตา พระโพธิสัตว์ไม่ย่อท้อต่อพุทธภูมิ ไม่รู้สึกเหนื่อย หน่ายระอาในการช่วยสัตว์

2.5 ธยานปารมิตา พระโพธิสัตว์จะต้องสำเร็จในฌานสมาบัติทุกชั้น มีจิตไม่คลอนแคลน เพราะเหตุอารมณ์

2.6 ปรัชญาปารมิตา พระโพธิสัตว์จะต้องทำให้แจ้งในปุคคลศูนยตาและ ธรรมศูนยตา

        3หลักมหาอุปาย คือพระโพธิสัตว์จะต้องประกอบด้วยกุศโลบายนานัปการ ในการช่วยเหลือ ปวงสัตว์ ต้องประกอบด้วยไหวพริบปฏิภาณในการเข้าถึงอธิมุติของปวงสัตว์เปรียบเหมือน นายแพทย์ผู้ฉลาดรู้จักวางยาให้ถูกโรคอาศัยข้อนี้แหละทางฝ่ายมหายานจึงได้เพิ่มเติมคติ ธรรมและพิธีการซึ่งไม่เคยมีในฝ่ายเถรวาทเข้ามามากมายโดยถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงอุบาย ชักจูงให้ผู้เขลาโน้มเอียงเข้ามาสู่สัจธรรมในเบื้องปลายเท่านั้น คุรุนาคารชุน ได้สถาปนาความ มั่นคงฝ่ายมหายานด้วยแนวคิดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ด้วย ปรัชญาปารามิตาหฤทัยสูตร พระสูตรสั้นๆแต่มีสาระสำคัญอันเป็นบ่อเกิดแห่งความมั่นคงของ มหายาน ในคัมภีร์มาธยมิกศาสตร์ ท่านคุรุนาคารชุนได้เริ่มปณามคาถาในต้นปกรณ์ว่า “ไม่มีความเกิดขึ้น ไม่มีความดับ ไม่มีความขาดสูญ ไม่มีความเที่ยงแท้ ไม่มีอรรถแต่อย่าง เดียว ไม่มีอรรถนานาประการ ไม่มีการมา ไม่มีการไป ท่านใดกล่าวไว้ เป็นปฏิจจสมุปบาท ธรรม ท่านผู้นั้นคือพระพุทธเจ้า ข้าขอนอบน้อม แด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ดับเสียได้ซึ่ง ปปัญจธรรมเป็นเลิศยิ่งกว่าวาทะทั้งหลาย”

รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.gonghoog.com/main/index.php/2012-11-10-06-21-35


  ว่าแต่ไม่ตามรอยพระอาจารย์สนธยา หรือ คะ ยิ่งได้อ่านเนื้อเรื่อง บุกป่าฝ่าดง แล้ว ทำให้มุมมองพระอาจารย์เปลี่ยนไปมาก นึกว่าท่านเป็นแต่พระเมือง ไม่เคยเดินธุดงค์ ไม่เคยปฏิบัติแบบพระป่า เลย พอได้อ่านตอนนี้แล้ว ทราบว่า กว่าจะมาเป็นพระอาจารย์ ท่านก็ผ่านร้อน ผ่านหนาวทางด้านการภาวนา มามาก ถึงขั้นแลกชีวิต

  นึกอิจฉาศิษย์ท่านที่ได้ของที่ระลึก 1 ใน 12 ชิ้น หรือ ได้ พระอรหันต์ธาตุ จากท่านแล้ว นับว่าเป็นบุญมากเพราะตัวท่านเองกว่าจะนำออกมาให้ ศิษย์ได้ไว้เป็นที่ระลึกก็ต้องแลกกับความลำบาก เสี่ยงถึงชีวิตอย่างมาก

 วันนี้จะนำท่าน ไปกับพระอาจารย์ ในภาระกิจปี 2550 บุกป่าฝ่าดง
 http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=15371
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ว่าแต่ไม่ตามรอยพระอาจารย์สนธยา หรือ คะ ยิ่งได้อ่านเนื้อเรื่อง บุกป่าฝ่าดง แล้ว ทำให้นึกอิจฉาศิษย์ท่านที่ได้ของที่ระลึก 1 ใน 12 ชิ้น หรือ ได้ พระอรหันต์ธาตุ จากท่านแล้ว นับว่าเป็นบุญมาก

ผมนั้นได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ครูอาจารย์นำกลับมานั้นมีสักการะอยู่ก็จริง แต่ในใจก็นึกประหวั่นว่าเรานี้มีบุญหรือ เกิดเป็นคนมาเพื่ออะไร? ทำอะไร? เพื่อใคร? ผมเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จใดใดเลยด้วยซ้ำ หากเปรียบกับศิษย์ท่านอื่นแล้วผมนี่ด้อยทุกด้าน แต่ใจใหญ่หาญห้าวคิดการใหญ่ช่วยครูอาจารย์ไม่เจียมตน ผมเป็นคนเชื้อจีนรักบรรพชนยังมีใจที่หลงชื่นชมเรื่องราวของคนถิ่นดินเหลืองมังกรผยองอย่างเรื่องหลวงจีนรำมวย ไท้เก็ก วูซู อยู่พอสมควร โดยเฉพาะท่ารำมวยผสมผสานสมาธินี้น่าศึกษาอย่างมาก ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ว่ากันไปตามวิสัยคนโทสะจริตคิดชอบเอาแรงไว้ก่อนก็อย่างนี้ หรือคุณน้องว่าอย่างไร? เอ่ย!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2014, 05:37:42 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา