ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: องค์บริกรรม  (อ่าน 14675 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

lengwuchong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 5
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
องค์บริกรรม
« เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 07:36:45 am »
0
๑.อยากทราบว่าเมื่อกำหนดจิตไว้ที่ฐานแล้ว เมื่อใจสงบคำบริกรรมหายไป เราต้องเอากลับมาหรือไม่ครับ ?
๒.ห้องพระปิติ๕ จะต้องได้ครบทุกปิติเลยหรือไม่ครับ ?
๓.แล้วเมื่อได้ปิติองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว จะต้องเกิดทุกครั้งที่นั่งเลยหรือไม่คัรบ
ขอบพระคูณอย่างสูงครับ
บันทึกการเข้า

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 09:49:40 am »
0
๑.อยากทราบว่าเมื่อกำหนดจิตไว้ที่ฐานแล้ว เมื่อใจสงบคำบริกรรมหายไป เราต้องเอากลับมาหรือไม่ครับ ?

ผมจะขออนุมาน ว่าคุณ lengwuchong เป็นศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะครับ ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษนะครับ

คำตอบ ต้องย้อนถามก่อน ว่า รู้ได้อย่างไรว่าใจสงบ ครับ
บริกรรม จะหายนั้น ต้องเป็น ฌาน 2 นะครับ สำหรับ ศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ปฏิบัติห้องที่ 4 ครับคือพระอานาปานสติ ส่วน พระธรรมปีติ พระยุคลธรรม พระสุขสมาธ ยังสัมปยุตด้วยด้วย นิมิตทั้ง 3  อยู่ครับ

 ส่วนอาการที่ภาวนาไป แล้วคำบริกรรมหายไป เป็นเพราะตกภวังค์ อยู่ข้างฝ่าย อุทุกขมสุข ถ้า พระลักษณะ และ พระรัศมี นิมิตไม่ปรากฏ ก็คลาดเคลื่อน ครับ

อ้างถึง
๒.ห้องพระปิติ๕ จะต้องได้ครบทุกปิติเลยหรือไม่ครับ ?
ต้องได้ปฏิบัติ ครบทั้ง 5 ครับ จึงจักเดินตามขั้นตอนของ กรรมฐานได้ครับ
เพราะต้องเดิน อนุโลม ปฏิโลม เข้าวัด ออกวัด เข้าสะกด ออกสะกด ก่อนเป็น พระยุคลธรรม

อ้างถึง
๓.แล้วเมื่อได้ปิติองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว จะต้องเกิดทุกครั้งที่นั่งเลยหรือไม่คัรบ
เมื่อเข้าถึง ไม่ใช่ได้ปีติ  การปฏิบัิติกรรมฐาน เรียกว่า เข้าถึงสภาะ เพราะสภาวะนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่เราเข้าไม่ถึง
เมื่อเข้าสภาวะของพระธรรมปีติได้ องค์ใดองค์หนึ่ง พระธรรมปีตินั้น ก็จักเป็นสภาวะสนับสนุนกรรมฐานต่อไป
ครูอาจารย์กล่าวว่า สมาธิ เป็นไปตามลำดับ องค์ฌาน ก็ต้องเริ่มที่ ปีติ เป็น สุข เป็น เอกัคคตา และ เป็นอุเบกขา

ปีติ เป็นราก เป็นเง่า เป็นเค้า เป็นมูล จะเห็นธรรมคือ สภาวะ ดับกิเลส ก็ต้องอาศัย ปีติ

ในปีติ นั้นมีสภาวะ สองประการ คือ สถาวะเกิด สภาวะดับ ครับ

คำตอบไม่ใช่เป็นที่สิ้นสุด คงต้องรอพระอาจารย์มาตอบอีกครั้ง หลังออกพรรษาแล้วครับ

 :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

TC9

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 137
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:01:57 am »
0
ผลการปฏิบัติ ห้องพระธรรมปีติ คือเข้าถึง และ เข้าใจ พระลักษณะ และ การปรากฏ พระรัศมี ครับ

ส่วนจิตนิ่ง ทิ้งบริกรรม หรือ คำบริกรรมหายไปเอง แล้วรู้สึก นิ่ง อยู่ได้เป็นวัน เป็นคืน นี่ก็อาจจะข้ามขั้น

ขอบเขต ของพระธรรมปีติเป็น ฌาน ไปแล้วนะครับ

   พระพุทธานุสสติ หวังผล 3 ประการ นะครับ จากพระสูตร

   1. การได้ อุคคหนิมิต

   2. การสำเร็จ อุปจาระสมาธิ

   3. การสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลขั้นต้น คือ พระโสดาบัน

 :25:
บันทึกการเข้า

lengwuchong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 5
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:09:58 am »
0
ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาไขปัญหาให้ และขออภัยในเบื้องต้นที่มิได้แจ้งว่าได้สนใจปฏิบัติกรรมฐานแบบมัชฌิมานี้มาราว สองเดือนคัรบ
ตอนนี้มียังมีความสับสนไขว้เขว ในการปฏิบัติอย่างมาก คัรบ ถ้าจะกรุณาก็จะขอถามต่อไปดังนี้คัรบ
  ผมเคยทราบแนวทางที่ท่านเหล่านี้สอน (หลวงพ่อวิริยังค์ หลวงพ่อลี หลวงพ่อพุธ) คือ เมื่อเราภาวนาไปใจเราจะก้าวเข้าภวังค์ สามระดับ ในภวังค์นั้นถ้าเข้าไปแล้วสงบมืดก็หลับไป แต่ถ้าเกิดสว่างขึ้น(โอภาส)ก็แสดงว่าเป็นสมาธิ ซึ่งถ้าเข้าไปทำงานได้โดยสะดวกจัดเป็นอุปจารธสมาธิ ดังนั้นเมื่อผมนั่งภาวนา พอไม่สามารถบริกรรมต่อได้แล้ว ใจสงบลง ก็วาบเป็นแสงสว่างรุนแรง และมีอาการขนลุกอย่างรุนแรงอีกเช่นกัน ที่ว่ารุนแรงนั่นเพราะไม่เคยมากเท่านี้ในชีวิตเลย ก็เลยคิดเอาเองว่าตนเองเข้าถึงสมาธิและประสบพระขุทกาปิติแล้ว แต่เมื่อมาอ่านในที่นี้(คิดเอาเองว่า)คล้ายๆกับต้องยึดคำภาวนาเอาไว้โดยตลอด ผมก็เลยสับสนว่าจะเอาอย่างไรดี วิธีทีทำมานั้นถูกหรือไม่ หาไม่จะได้ปรับแก้ไขเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไปคัรบ ผมเข้าใจเอาว่ากรรมฐานสี่สิบแบบ ไม่ว่าจะสำนักไหนมันน่าจะต้องไปแนวทางเดียวกัน เลยพยายามจะปรับให้มันเข้ากันได้น่ะครับ
  เรื่องนิมิตและปิตินั้น เกิดขึ้น สองสามครั้ง และได้ไปแจ้งรายละเอียดที่วัดราชสิทธารามแล้ว หลวงพ่อท่านว่า จิตคุณมีเลยไปห้องสามแล้ว ท่านให้ย้อนกลับมาที่เดิม คือ ห้องพระปิติใหม่ ท่านว่าถ้าข้ามจะไปสอนคนอื่นไม่ได้
   เรื่องที่เล่ามานั้น มีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะสลัดเอาวิจิกิจฉาออกจากใจไปเท่านั้น หาได้จะมาก่อกวนหรือลองภพลองภูมิแต่ประการใดนะคัรบ ด้วยความเคารพคัรบ
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:18:14 am »
0
 
 อนุโมทนากับคำตอบของคุณประสิทธิ์และคุณTC9 อยากเห็นทั้งสองท่านแสดงความเห็นบ่อยๆครับ
 โดยเฉพาะเรื่องกรรมฐานมัชฌิมาฯ ตัวผมเองยังเป็นน้องใหม่อยู่มาก


คุณเล้งฮู้ชง สงสัยชอบหนังจีนกำลังภายในเรื่อง "เดชคัมภีร์เทวดา"
 ผมเองก็ชอบ โดยเฉพาะตัวละครชื่อ"ตงฟางฟุป้าย"
 ขอทักทายเท่านี้ครับ
:08: :49:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:39:38 am »
0
อนุโมทนา ด้วยครับ
 คุณ lengwuchong

อ้างถึง
  เรื่องนิมิตและปิตินั้น เกิดขึ้น สองสามครั้ง และได้ไปแจ้งรายละเอียดที่วัดราชสิทธารามแล้ว หลวงพ่อท่านว่า จิตคุณมีเลยไปห้องสามแล้ว ท่านให้ย้อนกลับมาที่เดิม คือ ห้องพระปิติใหม่ ท่านว่าถ้าข้ามจะไปสอนคนอื่นไม่ได้

 ถ้าจะซ้ำก็ไม่นาน หรอกครับ เพราะเราภาวนาได้สภาวะ แล้ว อย่างมากก็ซ้ำไม่เกิน 2 วันก็ไปห้องที่สี่ได้

ได้กัลยาณมิตร ที่ดีแล้ว ครับ อนุโมทนา ครับ

 :25:

บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:49:51 am »
0
ผมเองก็เคยไปฝึกที่ สถาบันจิตตานุภาพ ครับ และก็เข้าใจผิดเรื่อง ภวังค์ เป็นอย่างยิ่ง

จนมาพบพระอาจารย์ ทีี่วัดแก่่งขนุน มากับเพื่อนด้วยกันหลายท่าน นั่งกรรมฐานครั้งแรกกับเพื่อนกันวันนั้น

ไม่มีเรื่อง ภวังค์ ครับนั่งกรรมฐานกันประมาณ 2 ชั่วโมง จิตอยู่ที่บริกรรม คือ พุทโธ ทุกคนทำได้หมด

และมีความรูสึกเหมือนนั่งกรรมฐานเพียง 20 นาที แต่ดูนาฬกิกา แล้ว 2 ชั่วโมง นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งกรรมฐาน

กับพระอาจารย์ โดยไม่ต้องรู้จัก ภวังค์ ผมเชื่อว่าศิษย์ ทีมงานคงจะทราบกันดี ครับ

  เท่าที่ฟังพระอาจารย์ ท่านกล่าวว่า จิตเป็นสมาธิมั่นคง ในนิมิต ทั้้ง 3 ก็จะไม่มีภวังค์ และไม่ต้องรู้จัก ภวังค์

ครับ ดังนั้นอันนี้ จะเหมือนหลวงพ่อ พุธ ท่านสอนไว้ว่า ไม่ต้องรู้ัจัก ภวังค์ ก็มีสมาธิได้

    :67:
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

lengwuchong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 5
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 02:23:18 pm »
0

 

 อนุโมทนากับคำตอบของคุณประสิทธิ์และคุณTC9 อยากเห็นทั้งสองท่านแสดงความเห็นบ่อยๆครับ
 โดยเฉพาะเรื่องกรรมฐานมัชฌิมาฯ ตัวผมเองยังเป็นน้องใหม่อยู่มาก


คุณเล้งฮู้ชง สงสัยชอบหนังจีนกำลังภายในเรื่อง "เดชคัมภีร์เทวดา"
 ผมเองก็ชอบ โดยเฉพาะตัวละครชื่อ"ตงฟางฟุป้าย"
 ขอทักทายเท่านี้ครับ
:08: :49:
ครับชอบคัรบ ชอบตงฟางปู้ป้า่ยเหมือนกันคัรบ แต่ชอบตอนที่เป็นภาพยนต์น่ะคัรบ
ผมเองก็เคยไปฝึกที่ สถาบันจิตตานุภาพ ครับ และก็เข้าใจผิดเรื่อง ภวังค์ เป็นอย่างยิ่ง

จนมาพบพระอาจารย์ ทีี่วัดแก่่งขนุน มากับเพื่อนด้วยกันหลายท่าน นั่งกรรมฐานครั้งแรกกับเพื่อนกันวันนั้น

ไม่มีเรื่อง ภวังค์ ครับนั่งกรรมฐานกันประมาณ 2 ชั่วโมง จิตอยู่ที่บริกรรม คือ พุทโธ ทุกคนทำได้หมด

และมีความรูสึกเหมือนนั่งกรรมฐานเพียง 20 นาที แต่ดูนาฬกิกา แล้ว 2 ชั่วโมง นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งกรรมฐาน

กับพระอาจารย์ โดยไม่ต้องรู้จัก ภวังค์ ผมเชื่อว่าศิษย์ ทีมงานคงจะทราบกันดี ครับ

  เท่าที่ฟังพระอาจารย์ ท่านกล่าวว่า จิตเป็นสมาธิมั่นคง ในนิมิต ทั้้ง 3 ก็จะไม่มีภวังค์ และไม่ต้องรู้จัก ภวังค์

ครับ ดังนั้นอันนี้ จะเหมือนหลวงพ่อ พุธ ท่านสอนไว้ว่า ไม่ต้องรู้ัจัก ภวังค์ ก็มีสมาธิได้

    :67:
นั่นหมายถึง หลวงพ่อวิริยังค์ ผู้เขียน มุตโตทัย ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น สอนผิดหรือครับ? ซึ่งถ้าผิด
หลวงพ่อลี วัดอโศการาม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี
ก็สอนมาแนวๆเดียวกันนี้คัรบ แล้วผมก็ปฏิบัติตามมาแนวๆเดียวกันนี้ จึงไปแจ้งกรรมฐานกับ พระคุณเจ้าพระอาจารย์วีระ ที่คณะ ๕ ท่านก็เมตตาอธิบายดังกล่าวมาแล้ว นั่นแสดงได้ว่าผม ยังไม่ถึงห้องสามจริงๆ เพราะเข้าใจผิดไปหลงภวังค์อยู่ และพระดชพระคุณเจ้าท่านก็สอบอารมณ์กรรมฐานผิดพลาดหรือคัรบ?
การเป็นเช่นนั้นหรือไม่คัรบ ขอโปรด อธิบายเพื่อขัจดความไม่รู้ของผมด้วย

(บางส่วนจาก เรื่องวิธีรู้แจ้งด้วยจิต ท่านพ่อลี ธัมมธโร กล่าวว่า "อธิบายบริกรรมนิมิต บริกรรมนิมิตคือยึดเอาคำภาวนาเป็นที่ตั้งแห่งจิต เป็นต้นว่าได้ยึดเอาพุทโธบ้าง อรหัง บ้าง บทใดบทหนึ่งนี้ก็เป็นของควรปล่อยวาง ไม่ควรยึด เห็นว่าเรามีจิตมั่นคง มีสติ และมีการพิจารณาอยู่ ให้ปล่อยวาง คือให้หยุดคำบริกรรมเสีย แล้วกำหนดจิตให้รู้อยู่เฉพาะจิตที่รู้อันเดียว)
บันทึกการเข้า

tasawang

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 03:32:03 pm »
0
อ้างถึง
นั่นหมายถึง หลวงพ่อวิริยังค์ ผู้เขียน มุตโตทัย ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น สอนผิดหรือครับ?

ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกับ สอนผิด หรือ สอนถูกนะครับ พิจารณาตามประสาคนวงนอก ผมว่ากำลังอธิบายเรื่อง

 วิธีการ ผู้หนึ่งอธิบายว่า ผ่านภวังค์ อีกผู้หนึ่ง อธิบายว่า ไม่ต้องผ่าน ภวังค์ ก็น่าจะเป็นประมาณนี้นะครับ

 ส่วนเรื่องการนำ วิธีการของครูอาจารย์ มาเปรียบเทียบกันนั้น ผมว่าไม่สมควรครับ

   พระสารีบุตร สอน ลูกศิษย์ท่านไม่สำเร็จ เพราะให้กรรมฐาน ผิดจริต จึงต้องส่งลูกศิษย์ท่านไปหา พระพุทธเจ้า จึงสามารถ ฝึกสำเร็จในกรรมฐาน

  จะเห็นได้ว่า พระสารีบุตร ท่านก็เก่ง เป็นพระอรหันต์ พระอัครสาวก แต่ก็ยังสอนผิดได้ครับ

  ดังนั้น บรรดาหลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงพี่ ก็อาจจะสอนพลาดกันได้ แต่จะว่าสอนพลาดทั้งหมดหรือไม่

 ก็ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับจริต บุคคลด้วยนะครับ

   ดังนั้นผมว่า ถ้าเราจะเรียนกับครูอาจารย์ องค์ไหน ก็เอาขั้นตอนขององค์นั้นและภาวนาไปอย่างแน่วแน่

ขืนเอามาเปรียบกัน ก็จะเป็นการปรามาส ครูอาจารย์กันไปปล่าว ๆ ครับ ไม่เกิดประโยชน์ แน่ ถ้าคุณ

lengwuchong  ตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับแล้ว ก็ควรศึกษาในขั้นตอนของ

กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะครับ ผมศึกษาและอ่านเว็บนี้มานานแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ ภาวนาตาม

เพราะผมยังคงฝึก มโนมยิทธิ อยู่ครับ

  เอาเป็นว่า เวลาเรียนกรรมฐาน ใด ก็เรียนในกรรมฐาน นั้นไม่ต้องเปรียบเทียบ ครับ เพราะ จริตในกรรมฐาน
มีไม่เท่ากัน ที่ควรจะเปรียบ คือ กิเลสลดน้อย ลงหรือไม่ เมื่อฝึกแล้ว นะครับ


 ( จากคนนอก วง  )

  :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:

 
บันทึกการเข้า

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 03:46:37 pm »
0
อ้างถึง
ดังนั้นผมว่า ถ้าเราจะเรียนกับครูอาจารย์ องค์ไหน ก็เอาขั้นตอนขององค์นั้นและภาวนาไปอย่างแน่วแน่

ขืนเอามาเปรียบกัน ก็จะเป็นการปรามาส ครูอาจารย์กันไปปล่าว ๆ ครับ

 ส่วนตัวเห็นด้วยคะ เพราะการศึกษา กรรมฐาน เป้าหมายอยู่ที่การละกิเลส คะ ไม่ใช่อยู่ที่เข้า ฌาน คะ

สำหรับกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นมุ่งให้ศิษย์สำเร็จ อุปจาระมากกว่า คะเพราะกำลังของ อุปจาระฌาน

มีผลในการเจริญ วิปัสสนา นะคะ

  ดีใจคะ ที่มีผู้ปฏิบัติในแนวกรรมฐาน ด้วยกันคะ อาจจะต่างสำนักกันบ้าง แต่หนทาง ที่สุดก็ละกิเลสนะคะ

ส่วนตัวก็ปฏิบัติตามแนว วัดปากน้ำ คะ ( คงนอกวง ด้วยอีกคน คะ )

  :67:
บันทึกการเข้า

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 03:58:38 pm »
0
อ้างถึง
บางส่วนจาก เรื่องวิธีรู้แจ้งด้วยจิต ท่านพ่อลี ธัมมธโร กล่าวว่า "อธิบายบริกรรมนิมิต บริกรรมนิมิตคือยึดเอาคำภาวนาเป็นที่ตั้งแห่งจิต เป็นต้นว่าได้ยึดเอาพุทโธบ้าง อรหัง บ้าง บทใดบทหนึ่งนี้ก็เป็นของควรปล่อยวาง ไม่ควรยึด เห็นว่าเรามีจิตมั่นคง มีสติ และมีการพิจารณาอยู่ ให้ปล่อยวาง คือให้หยุดคำบริกรรมเสีย แล้วกำหนดจิตให้รู้อยู่เฉพาะจิตที่รู้อันเดียว)

ก็เป็นวิธีการที่ หลวงพ่อลี สอนส่วนหนึ่ง นะคะ

ซึ่งไม่ได้เป็นแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับคะ



ถ้าในแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ซึ่งในยุคนี้ก็ สมเด็จพระญาณสังวร มหาเถระเจ้า พระสังฆราชองค์ที่ 4 ( หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน )
มีตำราถ่ายทอดมารุ่น ต่อรุ่นถึงแม้จะมีผู้รู้จักน้อยลง แต่ระบบของกรรมฐาน แบบแผนที่รักษากันมาไว้นั้น
มีอายุมามากว่า พันปีในสุวรรณภูมิ โดยกลุ่มพระมหาเถระ พระโสณะ พระอุตตระ

  ในขั้นตอนหยุดบริกรรม นั้นมีอยู่ตั้งแต่ พระธรรมปีติแล้วคะ เป็นวิปัสสนา เรียกว่า สัมปยุตธาตุ

 การฝึกมีการแยกออกให้รู้ว่า ช่วงไหนควรเจริญจิติ เป็น สมาธิ ช่วงไหนที่จิตพร้อม วิปัสสนา

 ซึ่งเราต้องผ่านการทดสอบแจ้งสภาวะกรรมฐาน กับครูอาจารย์ กันคะ ในส่วนนี้


 ดังนั้นขอให้หยิบประเด็น อ้างบุคคล ใดสอนผิด หรือ สอนถูก ออกคะเพื่อเป็นการภาวนาที่เป็นกลาง
สมกับชื่อ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

   กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น มุ่งสอนผู้ภาวนาได้ครบตามอริยมรรค คะ

 ก็ยังไม่เก่ง เหมือนกันคะ ยังภาวนาอยู่เช่นกัน คงช่วยตอบในระหว่างที่พระอาจารย์ มาตอบไม่ได้ในช่วงนี้คะ
เพราะดูแล้ว ทีมงาน มัชฌิมา จะเลี่ยงที่จะตอบในส่วนนี้กันอยู่ เพราะเป็นอารมณ์สภาวะ ด้วยความเคารพใน
ครูอาจารย์ คะ เพราะน่าจะได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ตอบ ไม่ให้แสดงเกินกว่านี้

  ดังนั้นในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น เมื่อผู้ภาวนาได้แล้วก็จะไมคุยบอกกัน ต้องแจ้งกรรมฐานกับพระ
อาจารย์ผู้สอนกรรมฐานเท่านั้น

   คือต้องเป็นเรื่องที่ต้องคุย ระหว่าง ศิษย์ กับพระอาจารย์

  คิดว่า คำตอบที่ลึกกว่านี้ ต้อง หลังไมค์กับทีม หรือ email แล้วคะ

 อนุโมทนา กับทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสพการณ์ กันนะคะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:05:15 pm »
0
to เพื่อน ๆ สมาชิก

อยากให้สังเกต นะคะ ที่ user ทีมมัชฌิมา สายตรงพระอาจารย์สนธยา จะใช้ ตัว user สีน้ำเงิืนคะ

 ส่วนสมาชิก ที่ไม่ได้สายตรง จะไม่ได้ตัว สีน้ำเงิน คะ

สังเกตว่า user สีน้ำเงิน จะยังไม่ได้ตอบอะไรกันคะ

 ดังนั้นเวลาอ่าน คำวิเคราะห์ แล้วก็อาจจะยังไม่ใช่ในแนวทาง กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะคะ

  :88: :88: :88:
บันทึกการเข้า

lengwuchong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 5
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:10:37 pm »
0
ขอบพระคุณคัรบทุกท่านที่เมตตาแสดงความคิดเห็น
ผมเองมิได้มีเจตนาจะเอาครูบาอาจารย์มาเปรียบกันแม้แต่น้อยนะคัรบ เจตนาคือ ต้องการทราบว่าที่ตนเองปฏิบัตินั้นถูกต้องหรือไม่ หรือออกนอกทิศทางไปแล้ว อีกทั้งเรื่องกรรมฐานสี่สิบนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครพูด ใครแสดง ก็ต้องไปในแนวทางเดียวกันเพราะสุดท้ายจะเป็นสภาวะธรรมอันเดียวกันใช่หรือไมครับ และผมตัดสินใจที่จะเรียนและปฏิบัติกรรมฐานตามแบบมัชฌิมา ซึ่งได้ปฏิบัติมาแล้วราวสองเดือนและได้ผลดังกล่าวไปแล้ว หากแต่ที่สงสัยคือก่อนหน้าตนเองทำแบบนี้ ได้ผลแบบนี้ คือเลยไป พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านให้กลับมาที่เริ่มต้น ผมก็ตั้งใจจะกลับมา แต่ไมเข้าใจการวางจิตวางใจ ในทางเทคนิคนั่นเองคัรบ ผมเกรงว่าสิ่งที่ผมสอบถามนั้น จะบานปลายไปใหญ่โตกว่าขอบเขตที่ถามไปมากมายนักแล้วคัรบตอนนี้ กลายเป็นผมเอาครูบาอาจารย์มาเปรียบกันไป หาได้เป็นดังนั้นน่ะคัรบ อุปมาเหมือนคนเคยเจียวไข่ เมื่อมีคนมาถาม ใครเคยเจียวไข่ก็ต้องเล่าวิธีการออกมาคล้ายคลึงกันแม้จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็พอจะอธิบายออกมาจนเสร็จสิ้นกระบวนการเจียวไข่ ซึ่งบางคนมีรายละเอียดมาก บางคนมีรายละเอียดน้อย แต่ต้องไปในทิศทางเดียวกันแน่นอน เพราะเจียวไข่เหมือนกัน ตอนนี้ผมกังวลว่าสิ่งที่ทำอยู่กลัวจะไปคนละทางกัน จึงมาขอความเมตตาชี้แนะจาก"ผู้เคยเจียวไข่" ความเป็นอย่างนั้นคัรบ และผมขออนมานเอาเองว่าท่านที่มเตตามาตอบคำถามทั้งหลายแก่ผมนั้น เป็น"ผู้เคยเจียวไข่"มาทั้งสิ้นคัรบ ด้วยความเคารพคัรบ   
บันทึกการเข้า

lengwuchong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 5
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:14:38 pm »
0
อ้างถึง
บางส่วนจาก เรื่องวิธีรู้แจ้งด้วยจิต ท่านพ่อลี ธัมมธโร กล่าวว่า "อธิบายบริกรรมนิมิต บริกรรมนิมิตคือยึดเอาคำภาวนาเป็นที่ตั้งแห่งจิต เป็นต้นว่าได้ยึดเอาพุทโธบ้าง อรหัง บ้าง บทใดบทหนึ่งนี้ก็เป็นของควรปล่อยวาง ไม่ควรยึด เห็นว่าเรามีจิตมั่นคง มีสติ และมีการพิจารณาอยู่ ให้ปล่อยวาง คือให้หยุดคำบริกรรมเสีย แล้วกำหนดจิตให้รู้อยู่เฉพาะจิตที่รู้อันเดียว)

ก็เป็นวิธีการที่ หลวงพ่อลี สอนส่วนหนึ่ง นะคะ

ซึ่งไม่ได้เป็นแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับคะ



ถ้าในแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ซึ่งในยุคนี้ก็ สมเด็จพระญาณสังวร มหาเถระเจ้า พระสังฆราชองค์ที่ 4 ( หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน )
มีตำราถ่ายทอดมารุ่น ต่อรุ่นถึงแม้จะมีผู้รู้จักน้อยลง แต่ระบบของกรรมฐาน แบบแผนที่รักษากันมาไว้นั้น
มีอายุมามากว่า พันปีในสุวรรณภูมิ โดยกลุ่มพระมหาเถระ พระโสณะ พระอุตตระ

  ในขั้นตอนหยุดบริกรรม นั้นมีอยู่ตั้งแต่ พระธรรมปีติแล้วคะ เป็นวิปัสสนา เรียกว่า สัมปยุตธาตุ

 การฝึกมีการแยกออกให้รู้ว่า ช่วงไหนควรเจริญจิติ เป็น สมาธิ ช่วงไหนที่จิตพร้อม วิปัสสนา

 ซึ่งเราต้องผ่านการทดสอบแจ้งสภาวะกรรมฐาน กับครูอาจารย์ กันคะ ในส่วนนี้


 ดังนั้นขอให้หยิบประเด็น อ้างบุคคล ใดสอนผิด หรือ สอนถูก ออกคะเพื่อเป็นการภาวนาที่เป็นกลาง
สมกับชื่อ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

   กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น มุ่งสอนผู้ภาวนาได้ครบตามอริยมรรค คะ

 ก็ยังไม่เก่ง เหมือนกันคะ ยังภาวนาอยู่เช่นกัน คงช่วยตอบในระหว่างที่พระอาจารย์ มาตอบไม่ได้ในช่วงนี้คะ
เพราะดูแล้ว ทีมงาน มัชฌิมา จะเลี่ยงที่จะตอบในส่วนนี้กันอยู่ เพราะเป็นอารมณ์สภาวะ ด้วยความเคารพใน
ครูอาจารย์ คะ เพราะน่าจะได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ตอบ ไม่ให้แสดงเกินกว่านี้

  ดังนั้นในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น เมื่อผู้ภาวนาได้แล้วก็จะไมคุยบอกกัน ต้องแจ้งกรรมฐานกับพระ
อาจารย์ผู้สอนกรรมฐานเท่านั้น

   คือต้องเป็นเรื่องที่ต้องคุย ระหว่าง ศิษย์ กับพระอาจารย์

  คิดว่า คำตอบที่ลึกกว่านี้ ต้อง หลังไมค์กับทีม หรือ email แล้วคะ

 อนุโมทนา กับทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสพการณ์ กันนะคะ

  :25: :25: :25:
สาธุคัรบ
to เพื่อน ๆ สมาชิก

อยากให้สังเกต นะคะ ที่ user ทีมมัชฌิมา สายตรงพระอาจารย์สนธยา จะใช้ ตัว user สีน้ำเงิืนคะ

 ส่วนสมาชิก ที่ไม่ได้สายตรง จะไม่ได้ตัว สีน้ำเงิน คะ

สังเกตว่า user สีน้ำเงิน จะยังไม่ได้ตอบอะไรกันคะ

 ดังนั้นเวลาอ่าน คำวิเคราะห์ แล้วก็อาจจะยังไม่ใช่ในแนวทาง กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะคะ

  :88: :88: :88:
สาธุคัรบ
บันทึกการเข้า

Sitti

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:22:00 pm »
0
เรียนถาม คุณ saieaw ครับเรื่อง

  user นี่มีระดับ ด้วยหรือ ครับ ผมพึ่งรู้ ครับ

  แบ่งระดับกันอย่างไร ครับ

  :a102: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
สิทธิ มาแว๊ว มาตามคำเชิญ แก๊งค์  อ๊บ

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:26:10 pm »
0
ตามนี้เลยคะ สำหรับ อิ๋วแล้ว เป็นสมาชิกตั้งแต่เริ่มตั้งเว็บได้สัก สองสามเดือน คะยังสีดำอยู่เลยคะ
เขาไม่ได้แบ่งระดับการปฏิบัติ นะคะ แต่ให้ทราบว่า ผู้ตอบน่าเชื่อถือระดับไหน ? คะ
เพราะบางครั้งก็แอบอ้าง คำตอบทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน จึงคิดว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
เป็นอย่างนั้น อย่างนี้คะ ดังนั้นพระอาจารย์จึงให้ สมาชิกสายตรงเป็นสีน้ำเงิน คะ

รายละเอียด user อ่านได้ที่กระทู้นี้คะ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1363.0

  user สีดำ คือ ผู้สมัครใหม่ และ เป็นนักอ่านเท่านั้น
  user สีแสด คือ สมาชิก ที่เข้าเว็บติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี หรือ โพสต์ 50 ครั้ง
  use สีเขียว คือ สมาชิก ทีผ่านสีแสด และมีจำนวนการโพสต์ เป็น 100 มีสิทธิ์ ใช้ Email xxxx@madchima.org
  user สีน้ำตาล ไม่รู้ แต่ต้องเทพ มาก ๆ ภาษาผู้ใช้คอมนะคะ อิ อิ
  user สีทอง พระสงฆ์ สามเณร
  user สีนำ้เงินิ ทีมงานมัชฌิมา

  user สีแดง เว็บมาสเตอร์ ผู้ดูแลระบบ ( อันนี้มีน้อยมาก ๆ เห็นประจำอยู่ ทินกร และ patra )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2011, 04:34:27 pm โดย saieaw »
บันทึกการเข้า

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:38:52 pm »
0
อ้อ ลืมบอกไป จาก ป้า fasai เคยบอก  อิ๋ว ไว้ว่า มีบอร์ด สำหรับสมาชิกพิเศษ สอบถาม

เรื่องกรรมฐาน ในแนวลึกได้ แต่ต้องมีสีเป็น สีเขียวขึ้นไป คะ

 พูด ๆ ง่าย ยังมีบอร์ดซ่อน ตัวอีกหลาย บอร์ด คะในเว็บนี้ สำหรับ สมาิชิก ธรรมจริง ๆ

ดังนั้น เรื่องลึก ๆ ก็ต้องไปถามที่บอร์ดนั้น คะ แต่สมาชิกทั่วไป ทำไม่ได้ ต้องขยันโพสต์หน่อยคะ


เมื่อก่อนเข้าอ่านไม่ชอบ login คะ เดี๋ยวนี้ต้องพยายาม login ทุกวันคะ

 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2011, 04:42:30 pm โดย saieaw »
บันทึกการเข้า

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 05:24:20 pm »
0
ยินดีต้อนรับ คุณ lengwuchong ครับผมเองก็เคยไปฝึกที่วัดธรรมมงคลมาเมื่อปี 2548 ครับก็หลายปีแล้ว

แต่ตอนนี้ก็ฝึก ในแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ขึ้นกรรมฐานที่วัดราชสิทธาราม ครับ

ก็ชอบครับ โดยเฉพาะ อยู่ที่หนองแค นี้อยู่ใกล้ ทางสระบุรีมาก จึงได้ไปพบพระอาจารย์ ที่วัดแก่งขนุน ครับ
ปัจจุบัน ไปหาไม่ได้ เพราะท่านออกจากวัด ปลีกวิเวก ปีืที่ 2 แล้วครับ ถ้าจะพบก็ต้องมาพบวันที่ สมาชิกกลุ่ม
สระบุรี นัดหมายกัน ผมเองก็พลาดโอกาสไปหลายครั้ง ติดงานวันเสาร์อาทิตย์ โอทีบังคับ หลายครั้ง

แต่ทดสอบนั่งกรรมฐาน ตามที่ฝึกสอนแล้วครับ สมาธิก้าวหน้ามากครับ
ดังนั้นวันนี้อาจจะหาคำตอบอย่างที่ใจต้องการในเว็บ ในวันแรกนั้น อาจจะไม่สมใจครับ

กระทู้ที่นี่มีครับ อ่านไปเรื่อย ๆ ครับ เดี๋ยวก็จะเข้าใจครับ ผมก็อาศัยอ่าน และ ฟังพระอาจารย์สอนตอนช่วงทุ่ม
เว็บหน้าแรกครับ มีเสียงออนไลน์อยู่ครับ ช่วงทุ่มจะเป็นช่วงสอนกรรมฐานโดยตรงครับ

ก็ฟังมาปีกว่า ๆ แล้ว ก็ได้เข้าใจเพิ่มขึ้นครับ

อย่าท้อถอยนะครับ เราเคยฝึกได้มาแล้ว มาปรับฐานรากก่อนก็ดีครับ เพราะช่วงกลาง ๆ แล้วถ้าฐาน มั่นคงก็จะ
ก่อสร้างต่อได้ครับ

 แต่ชอบอุปมาเจียวไข่ นะครับ

   :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:

  ถ้ากรรมฐานปฏิบัติภาวนาได้ง่าย เหมือนแจียวไข่ก็ดี นะครับ
   
 
บันทึกการเข้า

lastman

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 158
  • สระบุรี มีอรอยพระพุทธบาทมากที่สุด.................
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 05:57:08 pm »
0
หลักการปฏิบัติ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13.0

๑.สมาธินิมิต เครื่องหมายของสมาธิสำหรับภาวนา อยู่ตามจุด ตามห้องที่ฝึก
๒.ปัคคาหะนิมิต เป็นการกำหนดยกจิตไว้ที่ สมาธินิมิต ในระหว่างภาวนา
๓.อุเบกขานิมิต เป็นการกำหนดวางเฉยต่อ อดีต อนาคต เพื่อขจัดความฟุ้งซ่าน
ทำไมต้องมีบริกรรม ๑ และนิมิตทั้ง ๓
๑.การกำหนด สมาธินิมิต โดยส่วนเดียว ย่อมเป็นเหตุให้จิตเกียจคร้าน ขาดความเพียร
๒.การกำหนด ปัคคาหะนิมิต โดยส่วนเดียว ย่อมเป็นเหตุให้ฟุ้งซ่าน กระสับกระส่าย
๓.การกำหนด อุเบกขานิมิต โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตไม่ตั้งมั่น รวมศูนย์ไม่ได้


เมื่อจิตไม่สามารถรวมแต่ปล่อยวาง บริกรรม ก็จะเข้ากับ วางอุเบกขานิมิต เท่านั้นครับ จึงรวมศูนย์จิตไม่ได้
เป็นแต่หยุดเหมือนว่า ว่าง เป็นอาการสักว่า ไม่มีอะไร เหมือนคนไม่ทำอะไร ไม่ถือ ไม่หิ้ว ไม่พูด นิ่ง ๆ อยู่
อย่างนั้น ดังนั้น ที่ครูอาจารย์ให้กับมาเริ่มต้น คือ ให้เรากับมาทบทวนกรรมฐาน

  คือ นิมิต 3 ประการให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

  คือ 1. สมาธินิมิต หรือ บริกรรมนิิมิต คือ พุทโธ

      2. ปัคคาหะนิิมิต คือ ฐานจิตต่าง ๆ เพื่อออกกำลังจิต ให้เดินจิตได้ ถ้าอยู่นิ่ง ๆ จิตไม่มีกำลังครับ
   
      3. อุเบกขานิมิต คือ การวางอารมณ์ บริกรรม รวมเป็นหนึ่งเดียว ที่พระพุทธานุสสติ ครับ

  มีพระพุทธานุสสติ ไม่ใช่ มีความว่าง ไม่ใช่ไม่มี แต่ มีพระรัตนตรัยใน จิตสมาธิ ครับถึงจะละสังโยชน์ ข้อ 3 ได้

 เท่านี้นะครับ ยินดีที่รู้จักกับ คุณ lengwuchong
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 30, 2011, 06:03:28 pm โดย lastman »
บันทึกการเข้า
อนันตริยกรรม ๖ พึงงดเว้น
มีเพื่อนบอกว่าคุณจะเลวอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำผิดศีล ๕

ทิด...คนหนึ่งที่นับถืออาจารย์

lastman

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 158
  • สระบุรี มีอรอยพระพุทธบาทมากที่สุด.................
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 06:01:14 pm »
0
โพสต์ผิดหัวข้อ ครับ


บันทึกการเข้า
อนันตริยกรรม ๖ พึงงดเว้น
มีเพื่อนบอกว่าคุณจะเลวอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำผิดศีล ๕

ทิด...คนหนึ่งที่นับถืออาจารย์

ลูกเณร-รัตน์

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 31
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 08:02:55 pm »
0
ได้ความรู้มาก ๆ เลยครับ โดยเฉพาะเรื่อง นิมิต 3 ประการ น่าจะเป็นพื้นฐานของ กรรมฐาน

อ่านแล้วชอบการแสดงความคิดเห็น แชร์ ประสพการณ์ การปฏิบัติ

 แต่ก็ด้วยเกรงใจกันอยู่ เพราะว่า มีข้อห้ามของกรรมฐาน ห้ามไปพูดคุยอารมณ์ของกันและกัน
อาจจะเป็นกฏเหล็กจึงทำให้ต้องมี บอร์ดซ่อนอีก

 อยากรู้ว่า บอร์ดซ่อน มีบอร์ดอะไรบ้างครับ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2011, 09:46:22 am »
0
๑.อยากทราบว่าเมื่อกำหนดจิตไว้ที่ฐานแล้ว เมื่อใจสงบคำบริกรรมหายไป เราต้องเอากลับมาหรือไม่ครับ ?
๒.ห้องพระปิติ๕ จะต้องได้ครบทุกปิติเลยหรือไม่ครับ ?
๓.แล้วเมื่อได้ปิติองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว จะต้องเกิดทุกครั้งที่นั่งเลยหรือไม่คัรบ
ขอบพระคูณอย่างสูงครับ

ตอบข้อที่ 1

 เมื่่อใจสงบ คำบริกรรมหายไป  ต้องนำ้กลับมาหรือไม่ ?

   ถ้าสติ รู้ทัน ก็ให้ภาวนา กลับมา นะจ๊ะ เพราะ ตกภวังค์ ติดนิ่ง เป็นวิสัย ทั่วไปของทุกคนที่ภาวนา แล้วพยายามหยุดนิ่งอยู่ ปล่อยว่าง ๆ เหมือน นอนพัก นอนหลับ เป็นที่กล่าวกันว่า หินทับหญ้า ก็เพราะเหตุนี้แล้วเข้าใจว่า นี่แหละคือสมาธิ เมื่อจิต หยุดนิ่ง ความว่าง ในนี้ไม่มีธรรมะใด ๆ ที่ก้าวหน้า เพราะเป็นสภาวะหยุด ไม่ใช่ ฌาน เพราะการเข้า ฌานไม่เป็นอย่างนี้

  ดึงสติ กลับมา แล้วตั้งพุทโธ ที่ฐานจิตใหม่ ( อันนี้ถูกต้อง ) เป็น มหาสติ ( สติ + สัมปชัญญะ )

 ตอบข้อที่ 2

 ปีติ จะกี่ ฐาน ก็คือ ปีติ
 ปีติ เป็น ราก เป็น เหง้า เป็น ต้น เป็น เค้า เป็น โครง เป็น สภาวะธรรมที่ควรกำหนดรู้ยิ่ง

 ปึิติ ภาวนาฐาน ไหน ก็ มีทุกฐาน ในกรรมฐาน มีการเข้าถึง 2 ระดับ คือ

   1. ส่วนพระลักษณะ คือ อาการที่จิตรวม และ กายเกิดอาการ ตามอำนาจจิต ที่เข้าถึงสภาวะ
       พระลักษณะ เกิดขึ้นจากจิต ไม่ใช่เกิดขึ้นเองทางกาย หรือ บังคับให้เกิดขึ้นได้

   2. พระรัศมี เมื่อจิตรวมลงตั้งมั่นในฐานจิต ผ่านลักษณะแล้ว ก็จะมีภาพปรากฏเรียกว่า อุคคหนิมิต จะเ่ด่นจะชัด มีภาพ มีสี ทางกรรมฐานไม่สนใจเรื่องภาพ จะสนใจเรือง สีที่ เห็น เรียกว่า พระรัศมี เป็นแก่นของ อุคคหนิมิต จะเกิดขึ้น เมื่อภาวนา มิใช่ อุปาทาน เกิดขึ้นมา เพราะภาพอาจจะเป็นภาพหลอก ได้

    ผู้ฝึกภาวนา ต้องผ่าน การฝึก ทุกปีติ เพราะปีติ สนับสนุน ซึ่งกันและกัน มีเบา กลาง หนัก เป็นลำดับการฝึกปีติ นั้นจะได้สภาวะธรรมจากธาตุด้วย
 
   ศิษย์กรรมฐาน ต้องผ่าน อนุโลม ปฏิโลม เข้าสะกด เข้าวัด ออกวัด เข้าคืบ ออกคืบ เป็น วสี ( ความชำนาญ ) ความมุ่งหมายให้ศิษย์กรรมฐาน สามารถเดินจิต ไม่ใช่ให้จิตนิ่ง แต่จิตมั่นคง ปราดเปรียว ว่องไว ในสภาวะธรรม

  ตอบข้อที่ 3

  เมื่อได้ ปีติ ใด ปีติหนึ่ง ปีติ นั้นก็จะเป็นปีติ ที่เกิดประจำ ๆ เกิดขึ้นดี เพราะปีติ เป็น เหตุไปสู่ สุข
  ผู้ฝึกภาวนา พึงหวังปีติ เป็นองค์แรกในการภาวนา เพราะองค์แห่ง อุปจาระฌาน ฌาน มี ปีิต เป็น ปฐมบท

เจริญธรรม

  ;)



บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Sitti

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: เมษายน 04, 2012, 09:18:58 pm »
0
เรื่องนี้มีประโยชน์มากครับ หัวข้อดูธรรมดา แต่ได้่อ่านแล้วทำให้เข้าใจหลายเรื่อง ครับ ท่านใดพลาดอ่านเรื่องนี้ ก็ขอให้ได้อ่านนะครับ

 สาธุ สาธุ สาธุ

 
บันทึกการเข้า
สิทธิ มาแว๊ว มาตามคำเชิญ แก๊งค์  อ๊บ

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: เมษายน 05, 2012, 09:49:44 am »
0
การฝึกกรรมฐาน ไม่ต้องตกภวังค์ นี่้ผมว่าก็เป็นการดีนะครับ เพราะไม่ต้องไปนั่งหลับ งุนงง วูบ ๆ ตามสภาพของ จิตที่หดหู่ ผมเองบริกรรม พุทโธ ๆ ๆๆๆ อย่างนี้ ชั่วโมงกว่า ๆ ไม่เคยมีความรู้สึกวูบครับ แต่ถ้าวันไหน ไม่บริกรรม ก็จะวูบ ๆ ครับคือ หยุดนิ่ง อยู่อย่างนั้นสักพักเดี๋ยวก็มีอาการวูบ ๆ ครับ

  คิดว่า บริกรรม มีความสำคัญในการผูกจิต ให้มีที่เกาะมีการงาน อยู่ครับ แต่ถ้าเมื่อเราตั้งมั่นในปีิติ ใน สุขแล้ว บริกรรม ก็ไม่ต้องใช้ เพราะใช้สุขแทน

   :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: เมษายน 05, 2012, 10:42:50 am »
0
ตอบข้อที่ 1

 เมื่่อใจสงบ คำบริกรรมหายไป  ต้องนำ้กลับมาหรือไม่ ?

   ถ้าสติ รู้ทัน ก็ให้ภาวนา กลับมา นะจ๊ะ เพราะ ตกภวังค์ ติดนิ่ง เป็นวิสัย ทั่วไปของทุกคนที่ภาวนา แล้วพยายามหยุดนิ่งอยู่ ปล่อยว่าง ๆ เหมือน นอนพัก นอนหลับ เป็นที่กล่าวกันว่า หินทับหญ้า ก็เพราะเหตุนี้แล้วเข้าใจว่า นี่แหละคือสมาธิ เมื่อจิต หยุดนิ่ง ความว่าง ในนี้ไม่มีธรรมะใด ๆ ที่ก้าวหน้า เพราะเป็นสภาวะหยุด ไม่ใช่ ฌาน เพราะการเข้า ฌานไม่เป็นอย่างนี้

  ดึงสติ กลับมา แล้วตั้งพุทโธ ที่ฐานจิตใหม่ ( อันนี้ถูกต้อง ) เป็น มหาสติ ( สติ + สัมปชัญญะ )


 ผมขอข้อที่หนึ่งก่อนครับ กระทำข้อที่หนึ่งก่อนครับ
 อนุโมทนาครับ ได้ความรู้มากครับ


  :c017: :25:
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก

magicmo

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 122
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: เมษายน 05, 2012, 04:54:28 pm »
0
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
บันทึกการเข้า
ขายส่งชุดชั้นในราคาไม่แพงเครื่องกรองน้ำ ดื่มสะอาดสนามกีฬา ฟุตบอลหญ้าเทียม เช่าราคาถูก

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์บริกรรม
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: เมษายน 07, 2012, 08:59:35 am »
0
ปัญหาเดียว ของผู้ฝึกภาวนาในครั้งแรกนะครับ คือการ รวมศูนย์จิต ครับ นั่นก็คือ ภาวนาคำว่า พุทโธ บรรจุใส่ลงไปใน ฐานจิต ต่าง ๆ มีพระขุททกาปีติเป็นต้น ครับ ถ้าใครสามารถภาวนาอารมณ์ผูกจิตได้ รวมจิตได้ ก็จะก้าวหน้าครับในระหว่างนั้น ก็จะสัมผัสกับปีติธรรม เบื้องต้นครับ มี พระลักษณะ อาการที่เกิดข้นทางกาย พระรัศมี คือ อุคคหนิมิตที่เริ่มก่อตัวขึ้นทางจิต ครับ

   องค์บริกรรม มีผลมากกับ พระลักษณะ และ พระรัศมี นะครับ

   ดังนั้นอย่าประมาทเรื่ององค์บริกรรม กันนะครับ

   :49:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;