สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 02, 2016, 02:47:28 pm



หัวข้อ: สุทัตตะ อริยะเศรษฐี ผู้ปิดทองหลังพระ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 02, 2016, 02:47:28 pm
(http://3.bp.blogspot.com/-969dbIfImj4/UL2Br6pt1pI/AAAAAAAAADM/xhrNtA7v4RM/s1600/IMG_9117.JPG)
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://3.bp.blogspot.com (http://3.bp.blogspot.com)

อันนี้เป้น มาสก หรือ กหาปณะ ของมคธ ลักษณะ มีสองแบบ คือ แบบรูปใข่แบน ๆ และ แบบสี่เหลี่ยม แบบสี่เหลี่ยมนี้เป็นแผ่นทองผสมเงิน จะมีราคาค่ามากกว่า ส่วนแบบแบน รูปรี ๆ จะทำด้วยเงินผสมดีบุก มีค่าราคาน้อยกว่า แต่แผ่นที่ทำนั้นต้องมีตราประทับกษัตริย์ด้วย ตามรูปแบบถึงจะใช้ได้ตามราคาเป็นที่ยอมรับ การแลกเปลี่ยนสิ่งของตามค่าสมมุติในขณะนั้น

ฉันนั่งนึกถึง อริยะเศรษฐี( พระโสดาบัน ) อนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่ขน กหาปณะ ออกมาหมดคลัง เพื่อมาซื้อที่ดิน จากเจ้าเชตน์ ซึ่ง เจ้าเชตน์ไม่คิดว่า เศรษฐีจะทำจริง เพราะเขาไม่อยากขายให้ จึงพูดออกไปว่า ถ้า เศรษฐีจะเอาที่ดินตรงนี้ไปสร้างวัดให้กับ พระพุทธเจ้า ถ้านำกหาปณะ มาเรียงตามผืนดินในสวนเขาได้เท่าไหร่ ก็ขายเท่านั้น แน่นอนเขาได้คำนวณไว้ที่ 2.5 ตารางนิ้ว ต่อ 1 กหาปณะ นั่นแหละ ส่วนการวาง กหาปณะนั้นฉันไม่ได้คิดว่า ทัการวางจริง ๆ แต่คงใช้วิธีการคำนวณว่า 2.5 ตารางนิ้ว เท่ากับ 1 กหาปณะ เพราะสวนเจ้าเชตน์มีต้นไม้มากมาย ต้นใหญ่หลายคนโอบมีมาก ซึ่งเป็นไม่ได้ที่จะวางกหาปณะลงไปตรงนั้น ซึ่งแน่นอนเข้าเชตต้องตุกติกขายต้นไม้อีก ดังนั้นไปวางกหาปณะนั้นจริง ทำไม่ได้ ดังนั้นเขาคงใช้วิธีการวัด พื้นที่แล้วคำนวณออกมา ว่า 2.5 ตารางนิ้ว เท่ากับ 1 กหาปณะทอง ท่านอริยะเศรษฐี จึงให้คนนับ ทองคำกหาปณะว่ามีเท่าไหร่ ในคลังตนเอง ก็มอบให้ เจ้าเชตน์เท่านั้นตามจำนวนนั้นเลย

นี่คือ พลังศรัทธา ของ วัดที่ ชื่อว่า เชตวัน ซึ่งวัดเชตวันนั้น มีกล่าวในพระสูตรมากที่สุด เพราะเป็นวัดถ้านับก็เป็นวัดศูนย์กลางพุทธศาสนาในขณะนั้น

ส่วนเจ้าเชตน์หลังจากแพ้ศรัทธา อริยะเศรษฐีแล้ว แต่จะรักษาหน้าไว้ และคิดว่า คนอย่างอริยะเศรษฐี จะไม่ยอมซื้อที่ดินตรงนี้แน่ ๆ ก็คือทีดินส่วนหน้าเขาคือซุ้มประตูวัดจะยกให้แต่ให้เขียนป้ายวัดว่า วัดนี้เจ้าเชตน์เป็นผู้มอบถวาย

สุดท้ายปิดทองหลังพระ อริยะเศรษฐีบอกว่า ตามนั้น ท่านได้อยากได้ชื่ออยากให้คนเข้าใจอย่างนั้น ก็ตามนั้น วัดนี้ซื้อด้วย เงินคลังของอริยะเศรษฐี แต่กับมีชื่อว่า เชตวัน ตามชื่อเจ้าของ

นี่เรียกว่า ศรัทธาเป็นกำลัง ปิดทองหลังพระ ที่ยิ่งใหญ่


หัวข้อ: Re: สุทัตตะ อริยะเศรษฐี ผู้ปิดทองหลังพระ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 02, 2016, 02:49:09 pm
๑ กหาปณะ เท่ากับ
๒๐ มาสก หรือ ๔ บาท หรือ หนึง ตำลึง ในสมัยเทียบ มาตรานั้นคือ ยุค ร1 นะไม่ใช่ปัจจุบัน

ดังนั้น 1 กหาปณะ เท่ากับ 1 ตำลึง
ที่นี้ปัญหา มันก็เกิดขึ้นมาว่า 1 ตำลึง หรือ 1 กหาปณะ ถ้าเทียบ กับ อัตราเงินในปัจจุบันในขณะนี้ จะเท่ากับเท่าไหร่ ดังนั้นกับไปดูราคาทองคำ ตอนั้น บาท ละ เท่าไหร่ มันจะถูกต้อง เพราะว่า เงิน 1 ตำลึง ในสมัยนั้นสามารถ ซื้อทาสได้ 10 คน และบ้านงาม ๆ เป็นหลังเลย นะ

แต่ถ้าเทียบกับ ดุลย์ของพระสงฆ์ ที่เทียบในวินัย ปาราชิก เขาปรับอาบัติขาด จากความเป็นพระตั้งแต่ 5 มาสก คือเทียบเท่ากับ 1 บาท นะ

สรุปแล้ว 1 ตำลึง ( 1 กหาปณะ ) นั้นมีค่ามาก นะ ไม่ใช่ธรรมดา แน่นอน


หัวข้อ: Re: สุทัตตะ อริยะเศรษฐี ผู้ปิดทองหลังพระ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 02, 2016, 02:49:47 pm
ชุด จิตลดามหาปสาธน์ มีราคา 90 ล้านกหาปณะ เขาเทียบเป็นเงินไทย ในสมัย ร 1 คือ 360 ล้านบาท ย้ำว่า ในสมัย ร 1 นะ

สมัยปัจจุบันนี้น่าจะมีค่ามากกว่า ตัวฉันยังเกิดหนังสือพิมพ์ราคา 1 บาท วิ่งขายตามถนนอยู่ตอนเรียนหนังสือ ป4 ช่วยพ่อขาย ตอนนี้หนังสือพิมพ์ฉบับละเท่าไหร่ ในสมัย ร 1 เงินบาทมีค่ามากกว่า ในปัจจุบันมาก

จำได้ว่าไปโรงเรียน พ่อให้ไปคนละ บาท 3 คนพี่น้อง ได้ 3 บาท ซื้อข้าวผัดกระเพราและก๋วยเตี๋ยวกินได้ นะ ตอนนั้น ข้าวผัดจานละ 1 บาท ก๋วยเตี๋ยวชามละ 1 บาท วันนี้ไม่มีแล้ว มากกว่า 40 บาท ถึงจะได้กิน เห็นไหมว่า ค่าเงินบาทต่างกันมาก


หัวข้อ: Re: สุทัตตะ อริยะเศรษฐี ผู้ปิดทองหลังพระ
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ ตุลาคม 02, 2016, 06:42:07 pm
   ขออนุโมทนาสาธุ


หัวข้อ: Re: สุทัตตะ อริยะเศรษฐี ผู้ปิดทองหลังพระ
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ ตุลาคม 02, 2016, 07:54:28 pm
นับถือในความศรัทธาจริงๆค่ะ อนุโมทนาสาธุ.... st11 st12