ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ”ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี” หลวงพ่อปาน โสนนฺโท  (อ่าน 523 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


”ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี” หลวงพ่อปาน โสนนฺโท

หลวงพ่อปาน โสนนฺโท แห่งวัดบางนมโค เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งอยุธยา ลูกศิษย์ของท่านหลายรูปเป็นพระที่มีชื่อเสียงมาก อาทิ หลวงปู่บุดดา ถาวโร และพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

ท่านเป็นคนสมัยรัชกาลที่ 5 ถือกำเนิดเมื่อ พ.ศ. 2418 ได้อุปสมบท ณ วัดบางนมโค ท่านเป็นผู้ใฝ่ในการศึกษามาก จึงได้เดินทางไปตามสำนักต่าง ๆ เพื่อเล่าเรียน สมัยนั้นนอกจากพระปริยัติธรรมแล้ว วิชาอาคมก็ถือกันว่าเป็นอีกวิชาหนึ่งที่พระควรเรียนรู้ ท่านจึงไปศึกษากับหลวงพ่อสุ่น ซึ่งได้ชื่อว่าแก่กล้าทางคาถาอาคมและรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

คำสอนข้อหนึ่งที่ท่านได้รับจากหลวงพ่อสุ่นก็คือ อย่าหวั่นไหวในโลกธรรม อย่าอยากรวย อย่าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง หากสูญเสียทรัพย์และยศก็จะเป็นทุกข์ พระนั้นถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี


@@@@@@

หลวงพ่อสุ่นได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แก่ท่าน ทั้งคาถาอาคม วิชาแพทย์แผนโบราณ และวิปัสสนากรรมฐานจนหมดสิ้นทุกกระบวน แต่ท่านก็ยังคงแสวงหาครูบาอาจารย์ต่อไปเพราะทราบดีว่าวิชาหนึ่งที่ยังขาดไปคือวิชาปริยัติธรรม

ท่านจึงเดินทางไปเรียนกับพระอาจารย์จีน เป็นคนโมโห้ร้ายมาก เวลาโมโหแล้วยั้งไม่อยู่ ปากว่ามือถึง จนลูกศิษย์หวาดกลัวมาก พระอาจารย์จีนเองก็รู้ตัวและกลัวว่าตนจะไปทำร้ายลูกศิษย์เวลาสอนหนังสือ ท่านจึงสั่งให้สร้างกรงใหญ่ขึ้นสำหรับขังท่านเองเวลาสอนหนังสือ แล้วให้ลูกศิษย์คนหนึ่งเก็บกุญแจไว้ เวลาสอนหนังสือ ลูกศิษย์คนใดไม่ตั้งใจเรียนหรือตอบคำถามไม่ถูกต้อง ท่านจะโมโหจนคุมไม่อยู่ถึงกับเอามือจับลูกกรงเหล็กเขย่าจนลูกศิษย์ขวัญหนีดีฝ่อ แต่พอท่านคลายโทสะลงแล้ว ท่านก็กลายเป็นพระอาจารย์จีนรูปเดิม

หลวงพ่อสุ่น ภาพจาก www.appgeji.com

หลวงพ่อปานเป็นผู้ใฝ่เรียน มีความเพียรเป็นที่ตั้ง พระอาจารย์จีนถามอะไร ท่านก็ตอบได้ถูกต้อง จึงเป็นที่พอใจแก่พระอาจารย์มาก ไม่นานพระอาจารย์จีนก็สิ้นความรู้ที่จะสอนให้ท่าน ท่านจึงเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ กับพระอาจารย์เจิ่น วัดสระเกศ

ระหว่างอยู่ที่วัดสระเกศนั้น ท่านเล่าว่าอัตคัดมาก บิณฑบาตบางครั้งก็ไม่พอฉัน ได้แต่ข้าวเปล่า ๆ หาไม่ก็เด็ดยอดกระถินมาจิ้มน้ำปลา หรือน้ำพริกฉันแทบทุกวัน กิจนิมนต์ก็แทบไม่มีเป็นเช่นนี้อยู่หลายปี ปีสุดท้ายก่อนที่จะกลับวัดบางนมโคท่านเล่าว่า คืนหนึ่งเทวดามาหาท่านถึงกุฎิเพื่อบอกหวย บอกเสร็จก็เขียนให้ดูแล้วย้ำว่าจำได้ไหม ท่านก็ตอบว่าจำได้ แทนที่จะดีใจ ท่านกลับครุ่นคิดจนนอนไม่หลับ


@@@@@@

รุ่งเช้าท่านตัดสินใจไม่แทงหวย เพราะเห็นว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ ท่านระลึกถึงคำของหลวงพ่อสุ่นที่ว่า “ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี” ปรากฏว่าวันนั้นหวยออกตรงตามที่เทวดาบอก หากท่านแทงหวยตามที่เทวดาบอกก็จะได้ลาภก้อนใหญ่ แม้โชคลาภหลุดลอยไปต่อหน้า แต่ท่านก็หาเสียใจไม่กลับรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำที่ใจไม่หวั่นไหวต่อลาภ

หลวงพ่อปานได้เรียนรู้หลายวิชา รวมทั้งคาถาอาคมสามารถสะเดาะกุญแจให้หลุดได้อย่างง่ายดาย แต่วิชาเหล่านั้นเทียบไม่ได้กับวิชาสะเดาะกิเลสให้หลุดจากใจ วิชานี้ทำให้ชีวิตสงบเย็นและเป็นอิสระ ไม่เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น ขณะที่พระอาจารย์จีนต้องมีกรงเหล็กไว้ควบคุมตนทั้ง ๆ ที่มีความรู้มากมาย แต่หลวงพ่อปานเพียงแต่มีสติรักษาใจและมีปัญญาเห็นโทษของโลกธรรม ก็สามารถป้องกันใจไม่ให้ทุกข์ครอบงำได้ แม้ทุกข์นั้นจะมาในคราบของสุขหรือโชคลาภก็ตาม วิชานี้ทำให้ท่านรวยอย่างแท้จริงคือรวยด้วยบุญญาบารมี



ที่มา : ลำธารริมลานธรรม ๒ โดย พระไพศาล วิสาโล สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
ภาพ : www.appgeji.com , www.tnews.co.th
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/186630.html
By nintara1991 ,3 December 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ