ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มิติมืดชวนทึ่ง..จาก “วัดผีดุ”..!!! สู่ “พระเรืองแสง” หนึ่งเดียวในไทย  (อ่าน 1884 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
พระพุทธรูปเรืองแสง หนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่ สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ จ.ลำปาง

มิติมืดชวนทึ่ง..จาก “วัดผีดุ”..!!! สู่ “พระเรืองแสง” หนึ่งเดียวในไทย
โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

        ลำปางนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองรถม้า เมืองชามตราไก่แล้ว ลำปางยังเป็นเมืองแห่ง“เงาพระธาตุ” หรือ “พระธาตุหัวกลับ” ที่ปรากฏในหลายวัดด้วยกัน โดยเฉพาะเงาพระธาตุ“วัดพระธาตุลำปางหลวง”นั้น ถือเป็นไฮไลท์ของการชมเงาพระธาตุในจังหวัดลำปางที่ได้รับการคัดสรรให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์เลยทีเดียว(เรื่องของเงาพระธาตุเมืองลำปางได้นำเสนอไปในตอนที่แล้ว)
       
       นอกจากเงาพระธาตุที่ถือเป็นมนต์เสน่ห์ในความมืดที่ดึงดูดใครหลายๆคนให้เดินทางมาสัมผัสกับตาตนเองแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ลำปางได้เปิดตัว “พระพุทธรูปเรืองแสง”หนึ่งเดียวในเมืองไทย(จากการสำรวจพบ ณ ปัจจุบันนี้) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสวยงามน่าทึ่งในความมืด ที่หลังปรากฏเป็นข่าวก็สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยทีเดียว

       
อ่างเก็บน้ำวังเฮือ

       วัดผีดุ     
       พระพุทธรูปเรืองแสง ตั้งอยู่ที่“สำนักสงฆ์พระธาตุอรัญวาส”(ดอยวังเฮือ) หรือที่รู้จักกันดีในนาม “สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ” ที่ตั้งอยู่ที่ดอยวังเฮือ บ้านผาลาด ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ระหว่างทางขึ้นสำนักสงฆ์จะผ่านอ่างเก็บน้ำวังเฮือ หรือ “ทะเลลำปาง” ทะเลสาบน้ำจืดขนาดย่อมๆอันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนลำปางและในพื้นที่ใกล้เคียง

        สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ ปัจจุบันมี“หลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ”เป็นเจ้าสำนักสงฆ์ผู้ดูแล ท่านกรุณาเล่าให้ผมฟังในวันที่ขึ้นไปเยือนสำนักสงฆ์แห่งนี้ว่า สำนักสงฆ์ดอยวังเฮือมีอายุราวๆ 40 กว่าปี น่าจะเริ่มสร้างประมาณปี พ.ศ. 2515 เคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมจำพรรษาของพระเกจิหลายรูป
       
       ทั้งนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับสำนักสงฆ์แห่งนี้ระบุว่า ในอดีต หลวงพ่อเมือง(พระครูอะดมเวชวรกุล) เจ้าอาวาสวัดท่าแหน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง พระเกจิชื่อดังของ จ.ลำปาง ได้เคยมาใช้สถานที่แห่งนี้ปฏิบัติธรรมเมื่อ 40 กว่าปีก่อน พร้อมกันนี้ท่านยังได้ทำการสร้างเจดีย์และกุฏิขึ้น
       
       ครั้นพอมาถึงปี พ.ศ. 2519 เมื่อหลวงพ่อเมืองมรณภาพลง สำนักสงฆ์แห่งนี้เริ่มขาดการดูแล ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างมาเป็นเวลาหลายปี จนในปี 2553 ลูกศิษย์ลูกหาได้นิมนต์หลวงพ่อภูริปัญโญฯ ให้มาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เพียงหนึ่งเดียว


สำนักสงฆ์พระธาตุอรัญวาส หรือ สำนักสงฆ์พระธาตุอรัญวาส

        ปัจจุบันหลวงพ่อภูริปัญโญฯท่านเป็นพระภิกษุรูปเดียวที่ยังจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ส่วนเหตุที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ถูกทิ้งร้างไม่มีผู้ดูแลไปช่วงหนึ่ง หรือการที่มีพระจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียวนั้น หลวงพ่อภูริปัญโญฯท่านไม่ได้บอกสาเหตุกับผม เพียงแต่บอกว่าแต่ก่อน ชาวบ้านมักจะเรียกสำนักสงฆ์แห่งนี้ว่า “วัดผีดุ”!!!
       
       ครับ นี่คงเพียงพอต่อเหตุผลว่า ทำไมในอดีต ทั้งพระ ทั้งคน ถึงไม่ค่อยอยากกล้ำกรายมาที่วัดแห่งนี้ แต่เมื่อหลวงพ่อภูริปัญโญฯมาจำพรรษาอยู่ ท่านบอกกับผมว่าเมื่อเรามาด้วยจิตที่ดีก็ไม่จำเป็นต้องกลัว

       
พระพุทธรูปปางต่างๆ 28 องค์ของสำนักสงฆ์

       พระพุทธรูปเรืองแสง       
       หลวงพ่อภูริปัญโญฯ เมื่อมาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ท่านกับลูกศิษย์ก็ได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ของสำนักสงฆ์เรื่อยมา มีการบูรณะพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่ พร้อมจัดภูมิทัศน์ให้น่าอยู่

        อีกทั้งยังได้สร้าง “พระพุทธรูป 28 องค์”ในปางต่าง อันเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่อท่านต้องการให้ที่นี่เป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ โดยมีองค์พระพุทธรูปปรากฏให้เห็นตั้งแต่เดินทางเข้าสำนักสงฆ์มา ไล่ขึ้นไปจนถึงบริเวณลานที่ตั้งองค์ “พระธาตุอรัญวาส” ที่ภายในประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ได้รับการประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวรพระสังฆราชเจ้าในปี 2540 บริเวณพระธาตุอรัญวาส รายล้อมด้วยพระพุทธรูป 4 องค์ ส่วนนอกลานประทักษิณของพระธาตุ ประดิษฐานพระพุทธรูปอีก 2 องค์

        :25: :25: :25: :25:

       ขณะที่ภายในวิหารสำนักสงฆ์ ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สุดท้าย(องค์ 28) มีพระนามว่า “พระโคตมะ” หรือ “พระโคตมะพระพุทธเจ้า” ที่เป็นดังตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ซึ่งในการสร้างพระโคตมะ หลวงพ่อภูริปัญโญฯ บอกกับผมว่า ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระพุทธรูปองค์สุดท้ายมีความพิเศษแตกต่างจากพระพุทธรูปทั่วไป จึงได้นำมาสู่การสร้างสรรค์องค์พระพุทธรูปเรืองแสงขึ้นมา โดยท่านได้ศึกษาการใช้วัสดุเรืองแสง พร้อมออกไปดั้นด้นตามหาวัสดุพิเศษตามที่ต่างๆเพื่อสร้างองค์พระพุทธรูปให้ออกมาเรืองแสงตามที่ต้องการ
       
       นอกจากนี้ที่น่าแปลกก็คือตอนที่หลวงพ่อลงมือสร้างพระพุทธรูป ท่านเล่าว่า มีพระจากต่างถิ่นที่ไหนมาก็ไม่รู้จำนวนหลายรูปมาช่วยท่านสร้างพระพุทธรูปเรืองแสงองค์นี้ ซึ่งใช้เวลาสร้าง 1 ปี 8 เดือน จึงสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์


พระโคตมะพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปองค์ที่ 28

        พระโคตมะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ มีพุทธลักษณะที่สมส่วนสวยงาม มีความสูง 18 ศอก หน้าตักกว้าง 8 ศอก พระพักตร์ดูอมยิ้มเล็กน้อยเปี่ยมไมตรี ยามปกติ(เมื่อถูกแสง) เนื้อผิวของพระพุทธรูปจะเป็นสีขาวอมเหลืองนวลเนียน
       
       แต่ครั้นเมื่อเราปิดไฟ ปิดประตูหน้าต่างทุกบานของโบสถ์ให้ความมืดมิดมาเยือน(หรือมีแสงส่องลอดมาบ้างเล็กน้อย) จากนั้นรอให้สายตาปรับสภาพสักพัก แล้วความน่าทึ่งแปลกตาของพระโคตมะก็จะปรากฏให้เห็นกับองค์พระพุทธรูปที่เรืองแสงเปล่งประกายที่เขียวมรกตเรื่องเรืองเด่นขึ้นมาในความมืด พร้อมๆกับเงาต้องกระทบผนังวิหารเป็นเปลวประกายรัศมีเรืองแสงบางๆในด้านหลังดูสอดรับกับองค์พระ


งดงาม เรืองแสง ในความมืด กับพระพุทธรูปเรืองแสง หนึ่งเดียวในไทย

        มีแสงจะเห็นเป็นพระพุทธรูปองค์งาม แบบที่ 2 ชมยามที่โบสถ์ปิดไฟ ปิดประตูหน้าต่างจนมืด จะเห็นเป็นพระพุทธรูปเรืองแสงสีอมเขียวออกมรกตนิดๆอันสวยงาม ส่วนแบบที่ 3 เป็นการชมในแสงปกติ แต่ให้เรานำมือไปป้องให้เกิดความมืดที่เนื้อขององค์พระ ก็จะมองเห็นตรงจุดนั้นเรืองแสงสีเขียวเรื่อเรืองขึ้นมา
       
       สำหรับการเรืองแสงของพระพุทธรูปเรืองแสงนั้นไม่ใช่เรื่องของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แต่อย่างใด แต่เป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดจากความตั้งใจของหลวงพ่อภูริปัญโญฯ ท่านเล่าว่า ที่ผ่านมาก็มีพระวัดอื่นมาดูงาน มาขอสูตร แล้วนำไปสร้างเป็นพระพุทธรูปเรืองแสงบ้าง แต่ก็ไม่สำเร็จ
       
       ขณะที่ในส่วนของสารเรืองแสงนั้น หลวงพ่อท่านไม่ได้บอกว่าใช้สารอะไรผสมบ้าง แต่ท่านบอกว่าให้ท่านสร้างอีก ท่านก็ทำอย่างเดิมไม่ได้แล้ว พระพุทธรูปเรืองแสงองค์นี้จึงถือว่ามีเพียงหนึ่งเดียว


พระพุทธรูปเรืองแสง งดงามในความมืด

        อย่างไรก็ดีแม้พระพุทธรูปเรืองแสงจะสามารถจัดสร้างออกมาได้อย่างสวยงามน่าทึ่ง แต่กับตัววิหารที่ใช้ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปเรืองแสงนั้น หลวงพ่อภูริปัญโญฯบอกว่ามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะโครงสร้างอาคารทรุดโทรม โดยเฉพาะส่วนหลังคา ที่คานหลังคามีอาการร้าว ดังนั้นใครที่ไปชมพระพุทธรูปเรืองแสงองค์นี้ก็สามารถร่วมด้วยช่วยกันให้หลวงพ่อท่านนำเงินไปบูรณะวิหาร เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเรืองแสงองค์งามสืบต่อไป
       
       และนี่ก็คืออีกหนึ่งน่าสนใจของเมืองรถม้า ลำปาง 1 ใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด จากแคมเปญการท่องเที่ยวมาแรงแห่งปี กับสิ่งไม่ควรพลาดเมื่อขึ้นไปแอ่วลำปางนั่นก็คือ พระพุทธรูปเรืองแสงได้หนึ่งเดียวในเมืองไทย


พระพุทธรูปางต่างๆ


        มืด-สว่าง ทางแห่งปัญญา     
       สำหรับมนุษย์แล้ว ปกติยามเมื่ออยู่ในความมืด มักจะเกิดความรู้สึกกลัว จินตนาการไปถึงความน่ากลัวของภูตผีปีศาจ แต่กับความมืดในวิหารของสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือกลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่ได้มีภาพความงามอันน่าทึ่งปรากฏให้ชม เป็นดังปริศนาธรรมสอนเตือนใจเราว่า     
       ถ้าตามืด ใจมืด จิตมืด ปัญญาย่อมมืดบอด     
       แต่ถ้าตามืด ใจสว่าง จิตสว่าง ย่อมก่อให้เกิดปัญญา
       
       อย่างไรก็ดี สำหรับบางคนที่ไปไหว้พระพุทธรูปเรืองแสงองค์นี้ นอกจากจะไม่มองในความงาม ไม่มองในธรรมะที่แอบแฝงแล้ว     
       ยังกลับมองเป็นตัวเลข นำไปแทงหวยเสียฉิบ!?!


พระโคตมะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ มีพุทธลักษณะที่สมส่วนสวยงาม

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079505
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ