ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เวทัพพชาดก-ชาดกว่าด้วยโทษของการไม่รู้จักกาลเทศะ  (อ่าน 1924 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์

เวทัพพชาดก-ชาดกว่าด้วยโทษของการไม่รู้จักกาลเทศะ

  พุทธกาลครั้งหนึ่งยังมีภิกษุชาวสาวัตถีรูปหนึ่ง มีความอวดดื้อถือดีจนเป็นที่เอือมระอาต่อภิกษุรูปอื่นๆ “ไม่อยากจะเสวนาด้วยจริงๆ เตือนอะไรก็ไม่ยอมฟัง ถ้าเป็นถึงขนาดนี้เราเอาความไปบอกแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีกว่า เพื่อท่านจะว่ากล่าวตักเตือนได้บ้าง”
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบท่านจึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณแล้วพบว่า ภิกษุรูปนี้เมื่อกาลก่อนก็เป็นผู้ว่ายากจนเป็นเหตุให้ตนเองและบุคคลเป็นพันๆ คน ต้องถึงแก่ความตาย แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงนำเวทัพพชาดกมาตรัสเล่า
 ณ พาราณสีมีพราหมณ์คนหนึ่งรู้และเชี่ยวชาญในการร่ายมนต์วิเศษที่ชื่อ เวทัพพะ มนต์วิเศษนี้จะสามารถร่ายได้ก็เมื่อถึงคราวฤกษ์ ดวงอาทิตย์  ดวงดาวและดวงจันทร์ ได้โครจรอยู่ในมุมที่เหมาะสมทั้งสามดวง
ซึ่งในปีหนึ่งจะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พราหมณ์จะร่ายมนต์เวทัพพะ ดลบันดาลให้เพชรนิลจินดาหลั่งไหลลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝน อยู่มาวันหนึ่งพราหมณ์ผู้มีมนต์วิเศษและลูกศิษย์คู่ใจมีเหตุให้ต้องเดินทางไปแคว้น เจติ “ข้าว่าเราใช้เส้นทางอื่นกันเถอะ ข้าว่าทางนี้ชุกชุมด้วยโจรป่านะอาจารย์” “เฮ้ยกระจอกน่า ข้าพราหมณ์ผู้กล้าหาญไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ข้าจะไปทางนี้แหละ”
“เฮ้ย..เรามีคนเดินมาทางนี้แล้วคล้องตัวมันไว้ ชิงทรัพย์สมบัติมันมาให้หมด” “กลัวๆ แล้วอย่าทำอะไรพวกเราเลย พวกเราไม่มีทรัพย์สินเงินทองให้ท่านหรอก ปล่อยพวกเราไปเถอะ” “อะไรว่ะนานๆ จะมีคนเดินผ่านมาให้พวกเราปล้นสักทีดันจนอีก”
“ไม่รู้แหละ ข้าจะจับตัวไอแก่นี้ไว้ ไอหนุ่มเจ้าจงไปหาเงินมาไถ่มันไป ข้าให้เวลา 3 วันนะโว๊ย ไม่งั้นไอแก่นี้ตาย” “ข้าบอกอาจารย์แล้วว่าอย่ามาทางนี้ ไงล่ะพราหมณ์ผู้กล้าหาญสั่นเป็นเจ้าเข้าเชียว ข้าจะรีบกลับมาหาเงินไถ่ตัวอาจารย์นะ แต่วันนี้เป็นวันฤกษ์ดีท่านอย่าได้ร่ายมนต์เป็นอันขาด มิฉะนั้นโจรมันอาจจะทำร้ายท่านได้นะ
เฮ้อ...อาจารย์จะถือดีไม่เชื่อฟังคำเราอีกรึเปล่า” “ฮือๆ ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอกไอ้ศิษย์โง่ เดี๋ยวข้าจะร่ายให้เพชรนิลจินดาไหลลงมาพวกโจรเหล่านั้นได้สมบัติคงจะปล่อยเราไปเอง มัวแต่มารอเจ้ามาไถ่ตัว ข้าคงโดนพวกโจรพวกนี้ทรมานจนตายแน่ๆ”
“นี่ท่านโจรรูปหล่อ ข้ามีวิธีหาสมบัติให้ท่านได้นะสนใจรึเปล่า” “จริงรึ ไหนลองบอกมาสิ ถ้าโกหกล่ะ เจ้าตายแน่ ข้าสามารถร่ายเวทมนต์เวทัพพะได้ มนต์นี้จะทำให้สมบัติมากมายหลั่งลงมาจากบนฟ้าราวกับสายฝนทีเดียวเลยล่ะท่าน” หัวหน้าโจรได้ฟัง ก็สนใจแก้มัดให้พราหมณ์ได้ทำพิธีร่ายมนต์
“โอ๊ย! เงิน เงินมาลงจากท้องฟ้าจริงๆ ด้วย รวยกันแล้วพวกเรา ช่วยกันเก็บเร็วๆ มนต์เนี่ยเจ๋งจริงๆ ว่ะ” พวกโจรเมื่อได้เห็นเพชรนิลจินดามากมายแล้ว แทนที่จะปล่อยตัวพราหมณ์ไปแต่กลับจับตัวมามัดไว้เช่นเดิมและคุมตัวเดินทางไปด้วยตอนรุ่งเช้า
  เหมือนเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด เมื่อกองโจรเดินมาได้สักพัก ก็เจอโจรอีกกลุ่มหนึ่งมาล้อมรอบ โจรกลุ่มแรกไว้ “เฮ้ย...ไอโจรห้าร้อย ข้าโจรหนึ่งพัน ฮ้า ๆ ข้าล้อมพวกเอ็งไว้หมดแล้ว ถ้าไม่อยากตายน่ะ ก็ทิ้งดาบแล้ววางหอบสมบัตินั้นเสีย” “อยากได้สมบัติรึ?
ได้ข้าได้มาจากการร่ายมนต์วิเศษของพราหมณ์คนนี้ ถ้าอยากได้ก็ให้พราหมณ์ร่ายมนต์ให้สิ” “จริงรึพราหมณ์” “จริง ดีล่ะถ้าอย่างนั้น เจ้าต้องร่ายมนต์ให้ข้าบ้าง แต่มนต์วิเศษข้าร่ายได้ปีละครั้งเท่านั้นนะ” “โมโห เจ้าหลอกข้าเหรอ ฟันซ่ะเลยกล้านัก”
ร่างของพราหมณ์โดนโจรป่าฟันขาด 2 ท่อน จากนั้นสมุนโจรก็สู้กันเพื่อแย่งสมบัติ และแล้วโจรกลุ่มแรกก็สู้ไม่ได้โดนฆ่าตายจนหมด เพชรนิลจินดาถูกเปลี่ยนมือมาอยู่ที่โจรกลุ่ม 2_พวกโจรเมื่อได้สมบัติแล้ว ก็รีบเดินทางมายังถิ่นของตนอย่างรีบเร่ง
“สมบัติตั้งเยอะแยะได้ครอบครองคนเดียวรวยแน่ สมบัติพวกนี้ต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่เกี่ยวข้าไม่แบ่ง” พวกโจรต่างคนต่างต้องการสมบัติเพียงคนเดียว จึงรุมฆ่าฟันกันเองตายไปตามๆ กัน
 สุดท้ายกลุ่มโจรนับร้อยนับพันคนก็เหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 คนเท่านั้น โจรทั้งสองช่วยกันขนทรัพย์สินเงินทองมาซ่อนไว้ใกล้หมู่บ้านกลุ่มหนึ่งให้โจรอีกคนหนึ่งซ่อนไว้ส่วนอีกคนก็เข้าไปหาอาหารในหมู่บ้าน
“มาแล้ว ๆได้อาหารมาแล้วโว๊ย หาอาหารมาได้แล้วแกก็หมดประโยชน์ ตายซะเถิด ในที่สุดสมบัติก็เป็นของเราคนเดียว กินข้าวก่อนดีกว่า หิว ๆ อาหารมีพิษ” เวลาล่วงไปได้ 2 วัน ศิษย์ของพราหมณ์ก็นำเงินค่าไถ่มาให้นายโจร แต่เค้าก็ไม่พบใครเลย
พบเห็นแต่เพชรนิลจินดาที่ตกเรี่ยราดและศพของอาจารย์ที่ถูกตัดขาดเป็น 2 ท่อน “ไม่น่าเลยอาจารย์เป็นเพราะความอวดดื้อถือดีของท่านแท้ๆ จึงทำให้ต้องมาตายในป่านี้ มิหนำซ้ำยังทำให้คนอีกเป็นพันต้องมาพลอยตายตามท่านไปอีก”
เมื่อจัดพิธีเผาศพของอาจารย์แล้วศิษย์หนุ่มก็ขนเพชรนิลจินดากลับไปบ้านของตน ทำบุญให้ทานจนหมดแล้วก็ทำทานรักษาศีลไปตลอดชีวิตครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็บังเกิดในสวรรค์ตามกรรมดีที่ตนสร้างไว้


อนุปาเยนะ โย อัตถัง อิจฉะติ โส วิหัญญะติ จะตา หะนังสุ
เวทัพพัง สัพเพ เต พะยะสะนะมัชชะคัง
ผู้ปราถนาประโยชน์โดยอุบายไม่แยบคาย
ผู้นั้นย่อมเดือดร้อน เหมือนพวกโจรชาวเจติรัฐ
ฆ่าเวทัพพะพราหมณ์ แล้วพากันพินาจสิ้น
 
เวทัพพะพราหมณ์ ต่อมาเป็น ภิกษุดื้อรั้น
ศิษย์พราหมณ์ คือ อดีตชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
    • ดูรายละเอียด
Re: เวทัพพชาดก-ชาดกว่าด้วยโทษของการไม่รู้จักกาลเทศะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2015, 03:34:58 pm »
 st12 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ