ภาพ : dhammada.net
"รัก" ไม่ใช่ "Love" | รักตัวนี้ คือ ตัวโลภะ ตัวราคะ โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช พอเราภาวนา จะรู้ว่าคำว่า "รัก" นี่ไม่ใช่ "Love"รักตัวนี้ก็คือ ตัวโลภะ ตัวราคะนั่นเอง ความเกาะเกี่ยวของจิต อาการที่รัก ก็คืออาการเกาะเกี่ยวของจิต รู้สึกไหม ความรู้สึกเกาะเกี่ยว พระพุทธเจ้าสอน "ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์" จริงๆ ท่านสอนทั่วๆ ไปนะ ฝรั่งก็เอาไปเขียนเป็นนิยาย ในพระสูตรก็มี
พระนางมัลลิกาเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระเจ้าปเสนทิโกสน เคารพพระพุทธเจ้ามาก วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ถามพระนางมัลลิกาว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร.? พระนางมัลลิกาตอบว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"
พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วหงุดหงิดใจ ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุขสิ ถ้าพลาดจากที่รักสิถึงจะทุกข์ พวกเรารู้สึกอย่างนั้นไหม ที่ใดมีรักก็ต้องมีความสุขสิ ที่ใดไม่มีความรัก ความรักหนีไปแล้วถึงจะทุกข์ สอนอะไรอย่างนี้ ถ้าพระพุทธเจ้าสอนไม่ผิด พระนางมัลลิกาก็จำมาผิด
ตอนแรก ๆ หลวงพ่อก็ไม่เข้าใจ แล้วก็คิดเหมือนที่พวกเราคิด พลาดจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ก็ในบทสวดมนต์ก็มีใช่ไหม ไม่ใช่ว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอเราภาวนาจะรู้ว่าคำว่า "รัก" นี่ไม่ใช่ "Love" รักตัวนี้ก็คือ ตัวโลภะ ตัวราคะ นั่นเอง ความเกาะเกี่ยวของจิต อาการที่รักก็คือ อาการเกาะเกี่ยวของจิต รู้สึกไหม ความรู้สึกเกาะเกี่ยว ถ้าความรู้สึกเกาะเกี่ยวเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ภาระทางใจจะเกิด เกิดขึ้นในทันทีนั้นเลย
@@@@@@@
เพราะฉะนั้น ถ้ามีรักมีความเกาะเกี่ยวขึ้นทางจิตเมื่อไหร่ ภาระทางใจคือความทุกข์ก็เกิดขึ้นในขณะนั้นเลย ถ้าเราเกาะเกี่ยวอยู่ในกาย เราก็จะทุกข์เพราะร่างกาย เกาะเกี่ยวอยู่ในจิตใจ ก็จะทุกข์เพราะจิตใจ เกาะเกี่ยวที่บ้านก็จะทุกข์เพราะบ้าน เกาะเกี่ยวกับรถยนต์ก็จะทุกข์เพราะรถยนต์ เกาะเกี่ยวกับอะไรก็จะทุกข์เพราะอันนั้น "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" จริงๆ เลยนะ
เราไปแปลคำว่ารักว่า "Love" แปลแคบไป รักตัวนี้ คือความเกาะเกี่ยวของจิต ... ตัวโลภะนั่นเอง ตัวอยาก ตัวตัณหามีขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็มีภาระมีทุกข์ทางใจเกิดขึ้นทุกทีไป จะทำลายตัณหา ทำลายราคะตัวนี้ได้ ต้องเห็นความจริง ในสิ่งที่เราเคยรัก ถ้าเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ดีหรอก มันก็เลิกรัก
เหมือนแต่งงานไปใช่ไหม ตอนเป็นแฟนกัน ต่างคนต่างใส่หน้ากาก ใส่ไหม ใครแต่งงานแล้วในห้องนี้มีไหม ตอนเป็นแฟนกับตอนที่อยู่ด้วยกันไม่เหมือนกัน รู้สึกไหม ตอนเป็นแฟนนั้นมันปลอม ตัวปลอม ต่างคนต่างรู้ว่าอีกข้างปลอม แต่มันโง่
ผู้ชายชอบคิดว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วจะไม่เปลี่ยน เป็นตัวปลอมอย่างนี้ตลอดไปเลย ผู้หญิงก็โง่ รู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้ชั่วอย่างนี้ๆ แต่คิดว่าแต่งงานไปแล้วจะไปดัดสันดานมัน ไม่สำเร็จหรอก นี่ก็โง่ไปอีกแบบหนึ่ง คิดว่าจะเปลี่ยนผู้ชายได้ ผู้ชายก็โง่คิดว่าผู้หญิงจะไม่เปลี่ยน
มาดูของเรา ภาวนาไปที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์จริงๆ มีอย่างนั้นจริงๆ สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเทศน์ มีนาก็ทุกข์เพราะนา มีวัวก็ทุกข์เพราะวัว ถ้ามีขันธ์ ๕ ก็ทุกข์เพราะขันธ์ ๕
ธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แหล่งข้อมูล :-
- Cr. หนังสือธรรมะโดนใจ ๓ หน้าที่ ๑๐-๑๒
-
www.dhammada.net- เฟซบุ๊ก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช
ขอบคุณ :
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/56023/-dhart-Posted By สาวเมฆสวย | 13 ก.พ. 60