ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวนในพระพุทธศาสนา นั้นไม่ต้องฝึก สมถะ ได้หรือป่าวครับ  (อ่าน 2276 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

noppadol

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +13/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 144
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
0
แบบบ้านผมอยู่ บนเกาะหมุย พระคุณเจ้าส่วนใหญ่ที่นี่ จะสอนในแนวหลวงพ่อพุทธทาส เป็นส่วนใหญ่

เวลาฝึกภาวนานั้น จำเป็นต้องฝึกสมถะ หรือป่าวครับ

เพียงกำหนด รู้ อย่างเดียวก็พอหรือครับ

ถ้ากำหนด รู้ มีสติแล้ว จะสิ้นกิเลสได้หรือครับ

ผมเองลองทำอยู่แต่ไม่ก้าวหน้า

หรือว่า มีอะไรขาดไปในการกำหนดจริง ๆ
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
คุณนพดลหายไปนานเลย กิจการรีสอร์ทเป็นอย่างไรครับ เอ..ไม่รู้ว่า ผมจำคนผิดรึเปล่า

แต่ก็นึกออกมา คุณนพดลปรารถนาพุทธภูมิ อันนี้ไม่น่าผิด

ผมรู้สึกว่า คุณนพดล น่าจะรู้เรื่องที่สงสัยอยู่พอสมควร แต่อาจไม่แน่ใจ

เบื้องต้นขอให้คุณนพดลไปอ่าน บทความนี้ก่อนครับ


การตามรู้จิต ตามรู้ความคิด โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=632.0

และขอให้ไปอ่านพระไตรปิฎก เรื่อง มรรค ๔ ตามลิงค์นี้ครับ

พระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม (มหามกุฏ)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
ยุคนัทธวรรค ยุคนัทธกถา
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=31&A=7564&w=%C2%D8%A4%B9%D1%B7%B8%C7%C3%C3%A4_%C2%D8%A4%B9%D1%B7%B8%A1%B6%D2

เพื่อความสะดวก ผมขอนำบทย่อของมรรค ๔ มาแสดงดังนี้

พระอานนท์แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุภิกษุณีที่ พยากรณ์การบรรลุความเป็นพระอรหันต์ ( พูดว่าได้บรรลุ ) ในสำนักของเรา ย่อมมีทางเป็นไปได้อย่างใดอย่างหนึ่ง รวม ๔ ทาง คือ
 
๑. เจริญวิปัสสนา ( ปัญญาอันเห็นแจ้ง ) มีสมถะเป็นหัวหน้า มรรคเกิดขึ้นเมื่อเจริญมรรคก็ละสังโยชน์ ( กิเลส ที่ร้อยรัดหรือผูกมัด ) ได้ กิเลสพวกอนุสัย ( แฝงตัวหรือนอนอยู่ในสันดาน ) ย่อมไปหมด

๒. เจริญสมถะ ( ความสงบใจ ) มีวิปัสสนาเป็นหัวหน้า แล้วหมดกิเลส

๓. เจริญทั้งสมถะและวิปัสสนาคู่กัน แล้วหมดกิเลส

๔. มีจิตแยกจากความฟุ้งซ่าน ในธรรม ( วิปัสสนูปกิเลส =เครื่องทำวิปัสสนาให้เศร้าหมอง เช่น สิ่งที่ทำให้หลงเข้าใจผิด มีแสงสว่าง เป็นต้น ) จิตสงบตั้งมั่น ในภายในมีอารมณ์เป็นหนึ่งแล้วหมดกิเลส.


ที่มา พระไตรปิฎก ฉบับประชาชน ของ อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ

------------------------------------------------ 

การเจริญสมถะภาวนา กระทำได้โดยเดี่ยวๆ ที่เราเรียกว่า ทำสมาธิ นั่นแหละ

แต่การเจริญวิปัสสนา กระทำโดยไม่มีสมถะไม่ได้

ดังคำพูดที่กล่าวว่า "สมถะเป็นบาทของวิปัสสนา"


คราวนี้เรามาดูมรรค ๔ กัน จะเห็นว่าทั้ง ๔ ข้อ ระบุชัดเจนว่า ต้องมีสมถะ

ขอให้ความรู้ก่อนว่า ๒ ข้อหลัง เกิดมาจาก ๒ ข้อแรก ใำนระหว่างที่ทำวิปัสสนาอยู่

วิปัสสนาจารย์สมัยพุทธกาลได้พบมรรคสองข้อหลัง

ดังนั้น ผมจะขอกล่าวเฉพาะสองข้อหลังเท่านั้น

มรรคข้อแรก พระป่าสายอาจารย์มั่น ส่วนใหญ่เจริญวิปัสสนาแนวนี้

คือ ต้องเข้าฌานก่อน จากนั้นก็ถอยออกมา เจริญวิปัสสนา


ส่วนมรรคข้อสอง เป็นการเจริญวิปัสสนาไปเลย โดยไม่ต้องเข้าฌาน

อาศัยเพียงขณิกะสมาธิเท่านั้น แนวทางนี้เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบัน

ก็คือ การดูจิต ของหลวงปู่ดูลย์  เป็นแนวของพระอรหันต์ที่เรียกว่า

สุขวิปัสสโก นั่นเอง

ผมคงตอบเป็นแนวทางได้แค่นี้  เวทีสาธารณะแห่งนี้มีข้อจำกัดอยู่ระดับหนึ่ง

อยากทราบมากกว่านี้กรุณา โพสต์ pm ครับ

ส่วนเรื่องการภาวนาแล้วไม่ก้าวหน้า

อันนี้ต้องถามพระอาจารย์เป็นการส่วนตัวนะครับ


ก่อนจบขอนำคำกล่าวของหลวงปู่มั่น มาแสดงดังนี้ครับ

“ทำความสงบมาก เนิ่นช้า  คิดพิจารณามาก ฟุ้งซ่าน 

หัวใจของการปฏิบัติคือ การมีสติอยู่ในชีวิตประจำวัน”



ขอให้ธรรมคุ้มครอง


 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ