ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - sanrak
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การเดินทาง จาริก เที่ยวไป จะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2013, 10:20:15 am
 ask1

การเดินทาง จาริก เที่ยวไป จะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร คะ

เพราะเห็นว่านำมาซึ่งความเดือดร้อน ทั้งด้านการเงิน และการกิน การนอน คะ

  thk56
2  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อำนาจ ของบทแผ่เมตตา ระดับไหน ที่จะปลอดภัยกับสัตว์ คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2013, 10:18:52 am
 ask1 ask1 ask1

  มีผู้กล่าวให้เราฟัง ตั้งแต่เด็กแล้วว่า การแผ่เมตตา จะทำให้สัตว์รักเรา ก็เลยตั้งใจแผ่เมตตา มาตั้งแต่เด็กฝึกกันมาตั้งแต่อายุ 12 จน 30 กว่าแล้ว ก็ไม่เห็นสัตว์ จะเลิกเบียดเบียนเราเลยคะ

   เช่น เวลานั่งกรรมฐาน ก็ถูกยุงกัด
        เดินไปตามถนน หมาก็ไล่กัด
     เป็นต้น

   ด้องทำถึงระดับไหน ถึงจะ ได้ผล กันคะ

   :'( :c017:
 
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ถวาย มีดของมีคม แก่พระสงฆ์ มีคนกล่าวว่า ไม่ดี จริง หรือ ไม่ คะ รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 08:43:54 am
ถวาย มีดของมีคม แก่พระสงฆ์ มีคนกล่าวว่า ไม่ดี จริง หรือ ไม่ คะ รู้สึกไม่สบายใจ

  เมื่อวันก่อน ได้ไปทำบุญถวายสังฆทาน พระสงฆ์ และได้ถวาย มีดปลอกผลไม้ ใบมีดโกนหนวด แก่พระสงฆ์ หลังจากมาคุยกับเพื่อน ๆ แล้ว ก็มีผู้อาวุโสในกลุ่ม ทักว่า

    ถวายของมีคมแก่พระสงฆ์ อานิสงค์ก็จะเลือดตกยางออก คนโบราณถือ
 
    เท่านั้นแหละจ้า จิตตก รู้สึกไม่สบายใจ เลยคะ

  ขอท่านผู้รู้ช่วย อธิบาย อานิสงค์ ของการถวายของมีคม อันนี้ด้วยคะ มีโทษ หรือ มีคุณกัน คะ

    :'( :'( :'(
 
4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นำธรรมะ จากวัดถ้ำผาปล่องมาฝากครับ update 1 มกราคม 2556 โดย จักรแก้ว เมื่อ: มกราคม 03, 2013, 10:49:00 am

ขอบคุณโดยคุณ จักรแก้ว คะ

ใครจะไปวัดถ้้าผาปล่อง ต้องแข็งแรง นะจ๊ะ ไปถึงแล้วก็ต้องขึ้นบันได ไปอีก 500 กว่าขั้น คะ แต่หนทางสะดวก พระท่านดูแลดี คะ เส้นทาง สะอาด และ มีการดูแล คะ



ระหว่างที่เดินขึ้นไป ก็จะมีป้ายธรรมะ ให้อ่านแก้เหนื่อยไปในตัวอย่างนี้ คะ



เชิญไปชมต่อที่ลิงก์นี้นะคะ มาแนะนำคะ

http://www.pantip.com/topic/30006948

5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พศ.เผยยอดขอสร้าง-จดทะเบียนวัดใหม่ รอบ 3 ปี เพิ่มมากขึ้น เมื่อ: มกราคม 03, 2013, 10:32:50 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.dailynews.co.th

เมื่อวันที่ 1 มกราคม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า จากการสรุปจำนวนวัดที่มีพระสงฆ์ทั่วประเทศปี 2555 พบว่า มีจำนวน 37,689 วัด แบ่งเป็น มหานิกาย 34,897 วัด, ธรรมยุต 2,760 วัด, จีนนิกาย 14 วัด และอนัมนิกาย 18 วัด ในจำนวนวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นพระอารามหลวง สังกัดมหานิกาย 247 วัด และธรรมยุต 63 วัด รวม 310 วัด นอกจากนี้เป็นวัดราษฎร์ 37,379 วัด สังกัดมหานิกาย 34,650 วัด, ธรรมยุต 2,697 วัด, จีนนิกาย 14 วัด และอนัมนิกาย 18 วัด ปัจจุบันวัดทั่วประเทศที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (เขตที่พระราชทานแก่สงฆ์ เพื่อใช้เป็นที่สร้างพระอุโบสถ หรือเขตที่พระสงฆ์ใช้ประกอบสังฆกรรม) 22,574 วัด ส่วนวัดที่ยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา 15,115 วัด

นายนพรัตน์กล่าวว่า จากข้อมูลในปี 2555 พบว่าการขอสร้างวัดและจดทะเบียนวัดใหม่ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น โดยปี 2553 ขออนุญาตสร้างวัด 350 แห่ง ปี 2554 จำนวน 350 แห่ง และปี 2555 จำนวน 550 แห่ง ส่วนการขอตั้งวัดใหม่ ปี 2553 จำนวน 720 แห่ง ปี 2554 จำนวน 430 แห่ง และปี 2555 เพิ่มเป็น 490 แห่ง จังหวัดที่ตั้งวัดใหม่รอบ 3 ปีมากที่สุด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ ปี 2553 จำนวน 53 แห่ง ปี 2554 มี 15 แห่ง และปี 2555 มี 40 แห่ง, จ.นครราชสีมา ปี 2553 มี 87 แห่ง ปี 2554 มี 23 แห่ง และปี 2555 จำนวน 24 แห่ง, จ.หนองบัวลำภู ปี 2553 จำนวน 22 แห่ง ปี 2554 จำนวน 2 แห่ง และปี 2555 จำนวน 23 แห่ง, จ.ขอนแก่น ปี 2553 จำนวน 11 แห่ง ปี 2554 จำนวน 2 แห่ง และปี 2555 จำนวน 24 แห่ง และ จ.เพชรบูรณ์ ปี 2553 จำนวน 9 แห่ง ปี 2554 จำนวน 7 แห่ง และปี 2555 จำนวน 15 แห่ง

ผู้อำนวยการ พศ.กล่าวว่า วัดที่ได้รับอนุญาตจัดตั้งใหม่ปี 2555 ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อาทิ วัดโนนทอง วัดชุมแสง วัดใหม่พัฒนาราม วัดโคกกลอย, จ.นครราชสีมา อาทิ วัดเทพมงคล วัดดงพญาเย็นภาวนาราม วัดพญาเย็นพุทธาราม วัดธรรมทานวนาราม วัดหนองโสน, จ.หนองบัวลำภู อาทิ วัดศรีชมชื่น วัดทุ่งสว่างคงคา, จ.ขอนแก่น อาทิ วัดประชาอุทิศ วัดบุปผาราม วัดป่าดอยแสงคำ และ จ.เพชรบูรณ์ อาทิ วัดเทพธรรมรังสี วัดพ่อขุนผาเมือง วัดสันติคามคีรี วัดเทพนิมิตร วัดพระธาตุภูผาชัย

"การยื่นจดทะเบียนตั้งวัดใหม่ที่เพิ่มขึ้นถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี สาเหตุที่เพิ่มขึ้นเกิดจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พศ.พยายามยกฐานะวัดร้างเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ อีกเหตุผลชุมชนมีการขยายตัวมากขึ้นทำให้เกิดความต้องการให้วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนด้วย ปัญหาวัดร้างที่ พศ.กำลังเร่งแก้ปัญหาอยู่ขณะนี้ส่วนใหญ่เกิดขั้นมาตั้งแต่อดีต จากการสำรวจข้อมูลพบว่าที่ผ่านมามีวัดร้างประมาณ 6,000 วัด ปัจจุบันยกฐานะขึ้นมาใหม่ 2,000 วัดแล้ว สาเหตุที่ทำให้จำนวนวัดร้างมีจำนวนมาก เพราะการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนที่ดินวัด การบริหารจัดการที่ผิดพลาด รวมถึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ดังนั้น ปี 2556 พศ.จะเน้นการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการวัด เน้นถวายความรู้เรื่องกฎหมายที่จำเป็นและพระสงฆ์จำเป็นต้องทราบ" นายนพรัตน์กล่าว

ผู้อำนวยการ พศ.กล่าวว่า การขอตั้งวัดใหม่ พศ.ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้วัดที่ได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งการดำเนินการต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ขั้นตอนและวิธีการ อาทิ ที่ดินวัด ต้องตั้งอยู่ในที่ดินที่มีเนื้อที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกันไม่น้อยกว่า 6 ไร่ ไม่มีทางสาธารณะ ลำคลองกั้นกลาง และต้องไม่เป็นที่ดินสาธารณะ ถ้าเป็นที่ดินเอกชน เจ้าของที่ดินต้องทำหนังสือสัญญายกที่ดินให้สร้างวัดและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้วัด แต่ถ้าเป็นที่ดินราชการต้องผ่านขั้นตอนการขอใช้ที่ดินของทางราชการเพื่อสร้างวัด และวัดที่ขอตั้งต้องอยู่ห่างจากวัดอื่นที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่น้อยกว่า 2 กิโลเมตร

ด้านพระพรมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า จำนวนการจดทะเบียนวัดเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ผ่านมา มส.มีนโยบายพัฒนาวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษา แต่ยังมีปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือทุ กวันนี้มีหลายวัดที่ก่อตั้งมานานแล้ว แต่มีจำนวนพระสงฆ์ลดน้อยลงจนน่าเป็นห่วง บางแห่งเกือบกลายเป็นวัดร้าง ดังนั้น พศ.ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้วัดที่ตั้งมานาน บริหารจัดการให้อยู่รอดต่อไปได้ ส่วนวัดที่ตั้งขึ้นใหม่ต้องช่วยกันพัฒนาให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เช่นนั้นท้ายที่สุดวัดที่ก่อตั้งมานานแล้วก็จะทยอยกลายเป็นวัดร้างอีก


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357138731&grpid=&catid=19&subcatid=1906
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หวยปลอมระบาดหนักในเมืองเลย พ่อค้า แม่ค้า ต่างส่ายหน้าขายไม่ได้กัน เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 11:14:54 am
หวยปลอมระบาดหนักในเมืองเลย



เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 มิ.ย. นางพยอม กองกลิ่น อายุ 42 ปี และนายอนุวัฒน์ บุตรศรี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ 8 บ้านน้ำทบ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย สองพี่น้องอาชีพขายสลากกินแบ่ง รัฐบาล (ลอตเตอรี่)ได้เข้าร้องเรียนร้องทุกข์ กับพ.ต.ท.สมพงษ์ หงษ์ไพลิน รอง ผกก.สส.สภ.วังสะพุง ว่าถูกชายทราบชื่อ นายวี ไม่ทราบชื่อจริงและที่อยู่ นำลอตเตอรี่มาขายในราคาพิเศษ แต่มารู้ภายหลังว่าเป็นลอตเตอรี่ปลอม จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ ขอให้ลงประจำวันเป็นหลักฐาน
 

นางพยอมเล่าว่า มีอาชีพเป็นยี่ปั๊วขายลอตเตอรี่ที่ตลาดนัดขายลอตเตอรี่ ในสหกรณ์การเกษตรวังสะพุงจำกัด เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางกลับจากกรุงเทพฯโดยรถยนต์ส่วนตัว ได้มีคนรู้จัก โทรศัพท์แจ้งว่าได้รับการติดต่อจากผอ.โรงเรียนคนหนึ่งในอ.วังสะพุง มีลอตเตอรี่ราคาพิเศษ อยู่ 48 เล่ม จะขายให้ในราคาเล่มละ 8,600 บาท รวมเป็นเงิน 412,800 บาท ตนเห็นว่าราคาพอซื้อได้ เนื่องจากราคาในท้องตลาดขณะนั้นเล่มละ 8,800 บาท มีกำไรเล่มละ 200 บาท จึงบอกไปว่าให้เอามาขายได้เลย
 

ต่อมามีรถกระบะอีซูซุ 4 ประตู สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ภายในรถมีชาย 5 คน ประกอบด้วย 1. ผอ.โรงเรียน  2. ภารโรง ร.ร. 3.นายเทพ (นามสมมุติ) อาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่ง   4.นายวี คนนำลอตเตอรี่ราคาพิเศษมาขาย 5. ชายไม่ทราบชื่อ นำลอตเตอรี่จำนวน 48 เล่มมาขายให้ไว้ และขอตัวรีบกลับไป โดยตนเพียงตรวจสอบว่า วันที่และงวดตรงกันหรือไม่ โดยไม่ได้เอะใจ เนื่องจากคนที่พามามีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเคยนำลอตเตอรี่มาขายให้ สมัยที่เกิดคดีแชร์ลอตเตอรี่ระบาดในสหกรณ์คูรจังหวัดเลย ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินคดีของ ดี.เอส.ไอ.
 

หลังจากนั้นตนได้นำลอตเตอรี่ไปขายให้กับผู้ค้ารายย่อยจำนวน 21 เล่ม เพียงวันเดียวลูกค้ารายนั้นก็โทรฯ มาแจ้งว่าลอตเตอรี่ปลอมทั้งหมด ตนจึงนำลอตเตอรี่ส่วนที่เหลืออีก 27 เล่มไปตรวจสอบที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่กรุงเทพฯ  เจ้าหน้าที่กองสลาก จึงแนะนำให้กลับไปแจ้งความที่ สภ.วังสะพุง ตนและพี่ชายจึงเข้าร้องทุกข์กับพ.ต.ท.รัฐพล เพ็ญสงคราม สวป.สภ.วังสะพุง เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.55 และได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ผอ.โรงเรียน และนายเทพ มาสอบสวนขยายผล
 

โดยนายเทพ รับว่าเป็นผู้ติดต่อนายวี ให้นำลอตเตอรี่มาขาย แต่ไม่รู้จักว่าอยู่ที่ไหน เพราะรู้จักต่อจากคนอื่นมาอีกครั้ง และขอรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว โดยนัดนำเงินจำนวน  412,800 บาท มาใช้คืนให้กับนางพยอม ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
 

นางพยอมยังกล่าววว่า คาดว่าลอตเตอรี่ปลอมจำนวน 21 เล่ม อาจมีขายไปบ้าง จึงขอเตือนคนซื้อให้สังเกตุอย่างละเอียดดังนี้ เช่น ส่วนใหญ่ลอตเตอรี่ปลอมเป็นสลากบำรุงการกุศลพิเศษ เลขชุดตั้งแต่ชุดที่ 31 ขึ้นไป ตัวหนังสือแถบด้านล่างจะเอียงไม่ตรงเหมือนของจริง ด้านหลังจะไม่มีลายน้ำ  ทั้งนี้ยังยอมรับว่าขายลอตเตอรี่มา 17 ปี แล้ว ยังถูกต้มได้ เชื่อว่ายังมีอีกมากและทำเป็นขบวนการใหญ่
 

ทางด้านพ.ต.ท.สมพงษ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง เพราะคดีนี้สามารถยอมความกันได้ เว้นแต่ว่าไม่สามารถตกลงยอมความกันได้ จึงจะแจ้งข้อหาหลอกลวงและดำเนินคดีต่อไป วันนี้เพียงแต่ลงประจำวันไปเป็นหลักฐาน เพื่อให้ผู้เสียหายนำไปแจ้งแก่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงเพื่อดำเนินการต่อไป             
 
7  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบว่า ความจริง พระพุทธเจ้าขึ้นไปโปรด พุทธมารดา ที่ดาวดึงส์ เป็นเวลาเท่าไหร เมื่อ: เมษายน 28, 2012, 12:53:18 pm
อยากทราบว่า ความจริง พระพุทธเจ้าขึ้นไปโปรด พุทธมารดา ที่ดาวดึงส์ เป็นเวลาเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่จู่ ก็สงสัยขึ้นมาคะว่า ในโลกมนุษย์เท่ากับ 3 เดือน คือ 1 พรรษาแต่ บนสวรรค์ ดาวดึงส์เท่ากับกี่ นาที กี่ชม หรือ กี่วัน คะ

 คือ มีผู้กล่าวว่า เวลาบนโลกมนุษย์ กับ โลกสวรรค์ นั้นไ่ม่เท่ากัน แค่ นางอัปสรองค์ หนึ่ง หมดบุญลงมาจุติเป็นมนุษย์ แค่ เพียงยกแขนขึ้นเกาะกิ่งไม้ เอง เคยฟังพระท่านเทศน์ในงานศพ มาคะ

 จริงไม่จริง อย่างไร ขอผู้รู้มาช่วยแถลง แจ้งความสงสัยให้ด้วยคะ

  :c017:
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คู่มือไหว้พระเสริมมงคลชีวิต by หมอหยอง เมื่อ: เมษายน 10, 2012, 09:23:34 am
การไหว้พระเสริมดวงชะตาถือเป็นสิ่งที่ คนไทยนิยมทำกันเพื่อสร้างความเป็นศิริมงคลของตัวเอง ยิ่งกับคนที่ตรวจดวงชะตาแล้วพบว่า ลัคนาราศีเกิด หรือปีเกิดของตัวเองดันเป็นช่วงจะเกิดเรื่องไม่ดีต่อชีวิต ยิ่งต้องไปทำบุญหาสถานที่สักการะเสริมดวงชะตากันยกใหญ่ แต่หลายคนก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่ใดก่อนดี วันนี้เราจึงขอนำสถานที่มหามงคลตามดวงชะตา ที่หมอหยองแนะนำด้วยตัวเองเพื่อจะได้ใช้เป็นคู่มือไหว้พระเสริมมงคลชีวิต อย่างถูกต้อง หากใครอยากทราบว่า ควรไปสักการะที่ใดบ้างก็ตามมาอ่านได้เลย

ศาลหลักเมือง
สถานที่แรกที่หมอหยองแนะนำให้ไปกราบไหว้นั้นคือ ศาลหลักเมือง เพราะศาลหลักเมืองถือเป็นหลักชัยของแผ่นดิน การมากราบไหว้ฝากดวงชะตาถวายกับเจ้าพ่อหลักเมือง ถือเป็นการนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตในแต่ละปี โดยโบราณเชื่อว่า แผ่นดินใดก็ตามเมื่อมีศาลหลักเมืองและคนได้ไปกราบไหว้ ยิ่งทำให้เกิดพุทธานุภาพต่อดวงชะตาตัวเอง และธุรกิจการงานความสำเร็จ มงคลชีวิตจึงเริ่มนำคุณที่รักมากราบศักการะศาลหลักเมือง การเริ่มที่จะกราบไหว้พระเสริมดวงชะตา ควรเริ่มต้นที่จะสักการะ ฝากดวงชะตาของตนเองไว้ที่ศาลหลักเมืองเป็นแห่งแรก
โดยนำดอกไม้ธูปเทียนและผ้าสามสีที่สามารถซื้อจากเจ้าหน้าที่ของศาลหลักเมือง มากราบไหว้บูชาเสียก่อน หลังจากนั้นให้เดินไปไหว้ศาลหลักเมืองจำลอง ซึ่งตั้งอยู่สองด้านหน้าศาลหลักเมืององค์จริง จุดเทียน อธิษฐานแล้วจุดธุปสามดอกบูชา กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยแล้วตั้งจิตอธิษฐานบอกชื่อของตนเองว่า ตนเองนั้นชื่ออะไร นามสกุลอย่างไร เกิดวันเดือนปีเกิดอย่างไร มากราบไหว้ขอพรจากเจ้าพ่อหลักเมืองและเทวดาที่ปกป้องคุ้มครองหลักเมืองแล้ว จากนั้นสามารถที่จะปิดทองที่ศาลหลักเมืองจำลองให้ดวงชะตาของเรานั้นเปี่ยมไป ด้วยความสำเร็จตลอดทั้งปี
เมื่อไหว้ศาลหลักเมืองจำลองเสร็จเรียบร้อย ขอให้เดินเข้าไปในศาลหลักเมืององค์จริง ซึ่งมีวิมารสถานที่ตั้งอยู่อย่างเห็นได้ชัดเจน กราบสองครั้ง ตั้งจิตอธิษฐาน สวดคาถาเสริมมงคลดวงชะตา ให้ดวงชะตาของคุณที่รักรุ่งเรือง คลาดแคล้วจากอุปสรรค อันมีดังต่อไปนี้

คาถาบูชาดวงชะตา
นะโม เม สัพพะเทวานัง
สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง
สุริยัญจะ ปะมุญจะถะ
สะสิ ภุมโม จะ เทวานัง
วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ
ชีโว สุกะโร จะ มะหาลาภัง
โสโร ราหูเกตุ จะ มะหาลาภัง
สัพพะ ภะยัง วินาสสันติ
สัพพะทุกขัง วินาสสันติ
สัพพะโรคัง วินาสสันติ
คาถาบูชาดวงชะตาประจำวันเกิด
หลังจากสวดคาบูชาเสริมดวงชะตาแล้ว ขอให้ทุกคนสวดคาถาบูชาดวงชะตาประจำวันเกิดตัวเองให้ครบสามจบ ซึ่งแบ่ง คาถาออกตามวันได้ดังนี้
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ สวดถึงสามจบ ชัดเจน สั้นๆ
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์
อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางวัน
ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน
คะ พุท ปัน ทู ธีม วะ คะ
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
ภุ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์
วา โธ โน อะ มะ มะ วา
คาถาสวดเสริมดวงชะตาสำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์
โส มาณ กะ ริ ถา โธ
เมื่อสวดครบแล้วขอให้ทุกคนตั้งจิตอธิษฐานให้แน่วแน่ ด้วยแรงศรัทธาของจิตและคาถานี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จเป็นมงคลของชีวิต ตลอดทั้งปี หลังจากนั้นให้ตรงไปที่บรรจุหรือวิมารสถานที่มีพระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกอง ซึ่งเป็นดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นสถานของรุกขเทพที่คอยปกปักรักษาทุกทิศ จะได้รักษาดวงชะตาให้มีหลักชัยของชีวิตด้วย นอกจากนั้นอย่าลืมเติมน้ำมันตะเกียง ทำบุญใส่กล่องบริจาคและปล่อยนกตามกำลังศรัทธาหรือตามอัตภาพของตัวเอง

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
และสถานที่ที่ควรไปสักการะอีกเป็นแห่งที่ 2 คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้วมรกต เดิมเป็นวัดโบราณแล้วล้นเกล้ารัชกาลที่ 1 ได้สถาปนาเป็นวัดบรมมหาราชวัง อัญเชิญพระแก้วมรกตที่ศักดิ์สิทธิ์ มาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ โดยวัดแห่งนี้กล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์และกึ่งใจกลางแทนดาวจันทร์ คนที่มากราบไหว้ขอพรส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับความรุ่งเรือง มีสติปัญญา ชนะอุปสรรค ก้าวหน้าในชีวิตการงาน หรือเนืองนองไปด้วยเพชรนิลจินดานั้นเอง โดยจะต้องไปกราบไหว้พระแก้วมรกต ซึ่งการกราบไหว้นั้นมีพิธีกรรม คือ การกราบบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการตั้งนะโมสามจบและสวด อะระหังสัมมา สัมพุทโธ ต่อจนจบด้วยสมาธิอันแน่วแน่ ตามด้วยการสวดคาถามบูชาดวงชะตาอย่างที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว
หลังจากนั้นขอให้ไปที่ด้านหลังของพระอุโบสถจะมีหินแกะสลักองค์พระอวโลกิเตศว ร เจ้าแม่กวนอิมที่เป็นหินแกะสลักอายุนานนับหลายร้อยปี โดย สามารถกราบไหว้หรือสวดมนต์คาถาของเจ้าแม่กวนกิม เพื่อเสริมมงคลให้กับตัวเอง และห้ามลืมบริจาคเงินค่าบำรุงค่าไฟและค่าน้ำให้กับทางวัดด้วย จึงจะถือได้ว่าเป็นเป็นการกราบไหว้เสริมมงคลดวงชะตาชีวิตและแทนอำนาจของดาว จันทร์ที่สมบูรณ์
หลังจากที่แนะนำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สมควรแก่การไปกราบไหว้บูชาเสริมมงคล ชีวิตประจำปีแล้ว ยังไงก็อย่าลืมหาเวลาว่างไปสักการะ แต่อย่างไรเสียเรื่องของการกราบไหว้เสริมดวงชะตาก็เป็นเรื่องของความเชื่อ เราเองก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและไม่ประมาทด้วยเช่นกัน
9  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / น้ำตาลกลายเป็นเกลือ จากประวัติสมเด็จพระสังฆราช หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2012, 04:22:55 pm
น้ำตาลกลายเป็นเกลือ

พระองค์ ท่าน สถิตวัดท่าข่อย ยุคต้นๆธนบุรีนั้น ข้าวยาก หมากแพง ข้าวของหายาก
ผู้ คนหวงแหนข้าวของ มักไม่ค่อยให้ใครง่ายๆ อยู่มาวันหนึ่ง มีชาย แขกจาม พายเรือ
บรรทุกน้ำตาลมะพร้าว ผ่านมาตรงท่าน้ำวัดท่าข่อย เอาใบตองปกปิดของมาด้วย
ขณะนั้นพระอาจารย์สุก อยู่ริมท่าน้ำพอดี ขณะที่เรือน้ำตาลผ่านมา
ท่านจึงถามชาย แขกจามว่า บรรทุกอะไรมา ชายแขกจาม กลัวว่าพระอาจารย์สุก จะขอน้ำตาลมะพร้าว
ด้วยไม่รู้จักท่าน จึงกล่าวมุสาโกหกไปว่า บรรทุกเกลือมา ชายแขกจาม พายเรือกลับไปถึงบ้าน เปิดใบตองออก
เพื่อจะขนน้ำตาลมะพร้าวขึ้นเรือน เมื่อเปิดออกมาแล้ว เห็นน้ำตาลกลายเป็น เกลือไปจนหมด
ชายแขกจามนั้นก็เสียใจ นึกในใจว่า เรากล่าวคำโกหก กับบุคคลผู้ประเสริฐเข้าแล้ว
จึงเล่าเรื่องราวให้ ชาวบ้านที่เป็นพุทธศาสนิกชนฟัง ชาวบ้านนั้นทราบเรื่องราวจากชาย แขกจามทั้งหมดแล้ว
ก็อธิบายให้ชาย แขกจามฟังต่างๆ เมื่อเข้าใจแล้ว ชายแขกจาม
จึงถามว่า จะทำอย่างไร เกลือถึงจะกลับเป็นน้ำตาลตามเดิม อุบาสกชาวพุทธผู้นั้นก็บอกว่า
ให้ไปกล่าวคำขอขมาโทษ จากท่านผู้ประเสริฐนั้น แล้วทุกอย่างก็จะเป็นปรกติ
ต่อมาชายแขกจาม จึงพายเรือกลับมา หาท่านที่วัดท่าข่อย ขอขมาโทษต่อพระองค์ท่านแล้ว
ท่านกล่าว คำให้อภัยแล้ว แขกจามกลับมาถึงบ้าน เห็นเกลือกลับกลายมาเป็น น้ำตาล ตามเดิมก็ดีใจ
ต่อมาเรื่องนี้ก็ได้เล่าลือสืบขาน กันมาชั่วกาลนาน จนกระทั้งบัดนี้ ก็ยังกล่าวขานกันอยู่ โดยพวกลูกหลาน แขกจาม



จาก หนังสือ :
พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร มหาเถรเจ้า (สุกไก่เถื่อน) ยุคธนบุรี
พระครูสังฆรักษ์วีระ ฐานวีโร รวบรวม เรียบเรียง
วัดราชสิทธาราม วรวิหาร




http://www.somdechsuk.org/node/216#comment-78
10  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทุกข์ หรือ สุข คุณเลือกได้ เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2011, 10:13:55 am









ขอบคุณภาพจาก
http://variety.teenee.com
11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องถ้วยเก่ากับคนแก่ เมื่อ: เมษายน 06, 2011, 05:12:29 pm
ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มากและไม่แข็งแรง มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก โดยเฉพาะ เวลาที่อาม่าทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบน โต๊ะตลอดเวลา
 
 ลูกสะใภ้อาม่ารำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามี ว่าเวลาอาม่า ทานข้าวเขาจะทำข้าวหกเกลื่อนโต๊ะ นางทนไม่ได้เพราะมันทำให้รู้สึกกินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถทำให้อาม่าหายมือสั่นได้
 
 อีกไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเรื่องนี้อีก ว่าจะไม่แก้ไขอะไรเลยหรือ นางทนไม่ได้แล้ว หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก สามีก็ยอมตามภรรยา โดยเมื่อ ถึงเวลาทานข้าว เขาจะจัดให้แม่นั่งแยกโต๊ะต่างหากเพียงคนเดียว และใช้ถ้วยข้าว ถูกๆบิ่นๆ เพราะอาม่าทำถ้วยแตกบ่อยๆ
 
 เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไข อะไรได้ นางนึกถึงอดีต ที่นางเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยบ่นต่อ ความเหนื่อยยาก และเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้นางก็ดูแลอย่างดี เวลาลูกชายมีปัญหาก็ ช่วยแก้ไขทุกครั้ง แต่ตอนนี้อาม่ารู้สึกว่าถูกทิ้ง อาม่าเสียใจมาก
 
 หลายวันผ่านไป อาม่ายังเศร้าใจ รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของเขา หลานชายน้อยๆของอาม่าซึ่งเฝ้าดูทุกอย่างมาตลอดก็เข้ามาปลอบใจและบอกคุณย่า ว่า เขารู้ว่า คุณย่าเสียใจมากที่พ่อแม่ของเขาทำแบบนี้ แต่หลานชายมีวิธีที่จะให้อา ม่ากลับไปทานข้าวรวมกับทุกคนได้
 
 ความหวังเริ่มเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงชรา จึงถามหลานชายว่าจะทำอย่าง ไร หลานก็ตอบว่าเย็นนี้ให้คุณย่าแกล้งทำชามของคุณย่าตกแตกเหมือนกับไม่ได้ ตั้งใจ อาม่าได้ฟัง ก็แปลกใจ แต่เด็กน้อยยืนยันว่า ให้คุณย่าทำตามที่บอก ที่เหลือปล่อย เป็นหน้าทีของหลานเอง
 
 และแล้วเมื่อได้เวลาอาหารเย็น หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด เพื่อจะดูว่าหลานมีแผนอะไร หญิงชรายกถ้วยข้าวเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้นแล้ว แกล้งปล่อยลง บนพื้นเหมือนกับหลุดมือ ถ้วยข้าวเก่าๆแตกกระจายยับเยิน
 
 ลูกสะใภ้เห็น ถ้วยแตกเสียหายก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่า แต่ลูกชายตัวน้อยของนางกลับชิงพูด ขึ้นมาก่อนว่า
 
 “คุณย่าทำไมทำชามแตกหมดเลยล่ะครับ หนูกะว่าจะเก็บไว้ให้คุณแม่ใช้ตอนแก่นะ แล้วคุณแม่จะได้ใช้ชามเก่าที่ไหนกันล่ะเนี่ย…”
 
 ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็หน้าซีดและด่าอาม่าไม่ออกอีก ต่อไป นางรู้ทันทีว่าสิ่งที่นางทำจะเป็นตัวอย่างให้ลูกชายของนางปฏิบัติเมื่อนาง แก่ตัวลง นางรู้สึกอับอายและสำนึกกับการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ทานข้าวรวมกันมาตลอด

FWD mail
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เวลานั่ั่งภาวนาไปแล้ว เห็นแสงสว่างที่กลางกระหม่อม เป็นแสงสีขาว ติด ๆ ดับ ๆ เมื่อ: มีนาคม 29, 2011, 05:06:25 pm
เวลานั่ั่งภาวนาไปแล้ว เห็นแสงสว่างที่กลางกระหม่อม เป็นแสงสีขาว ติด ๆ ดับ ๆ ควรทำอย่างไรคะ

เป็นอาการที่เมื่อทำสมาธิแล้วมักจะไปจบหยุด อยู่นิ่งตรงนี้คะ
 :25:
13  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / เทียบเชิญ สมัคร ดาวน์โหลดอัพโหลดเว็บบิท เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 09:16:47 am
สำหรับ เพื่อนสมาชิก ที่ต้องการสมัคร เว็บบิท นะคะ

ถ้าหากไม่มีเทียบเชิญ ก็ต้องเสียค่าสมัคร นะคะ

 ใครอยากสมัคร แต่ต้องการประหยัด ให้คลิ๊กที่เทียบเชิญนี้เลยคะ


   http://www.todaybit.com/regis/sapasapa/c060463aaa75ddd3c81c015225b1b96a/


  อันนี้สามารถโหลดไฟล์เสียง พระอาจารย์ และ ไฟล์หนังสือ ที่ลิงก์นี้นะคะ

  ไฟล์หนังสือ
  http://www.todaybit.com/details.php?id=68504&hit=1

  ไฟล์เสียง
  http://www.todaybit.com/details.php?id=68046&hit=1

  หมวดเกี่ยวกับ ธรรมะ
  http://www.todaybit.com/browse.php?cat=16



  อันนี้เทียบเชิญที่สอง คะ

  http://www.btpandora.net/signup.php?referrer=sapasapa


14  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าต้องการฝึกอำนาจจิตไปช่วยคนป่วย ในการรักษา เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 09:16:59 pm
ถ้าต้องการฝึกอำนาจจิตไปช่วยคนป่วย ในการรักษา ควรฝึกกรรมฐาน ถึงขึ้นไหน เป็นขั้นต่ำคะ

เห็นบางคนก็บอกว่า ไม่ต้องมีสมาธิ อะไรสูงเลย

  เหมือนเพื่อนดิฉัน คนหนึ่ง ไปฝึกที่ศูนย์โยเร สระบุรี

  อีกคนไปฝึกพลัง จักรา เป็นต้น

  คือดูจากทั้งสองแล้วไม่น่าจะพลังจิตในขั้นอัปนาเลยคะ

  แต่กลับมาแล้ว ก็ใช้วิชาช่วยคนป่วย....ทังที่หาย และ ก็ไม่หาย

 :17:
15  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / รู้จักกรรม เลิกกรรม แต่ทันหรือไม่ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 05:31:31 pm
ไปเยี่ยมพี่ชายที่นอนในโรงพยาบาล
เนื่องจากไตวายเฉียบพลัน..

สายน้ำเกลือ สายสวน  ระโยงระยาง
เต็มตัวของพี่ชาย ต้องเจาะเส้นเลือด
ทั้งที่แขน ขา เจาะหน้าท้อง สอดสายเข้าทางปาก
ฯลฯ

มองหน้าเขา ที่ยังรู้สึกตัว เห็นดวงตาที่
ตื่นตระหนก น้ำตาแห่งความเจ็บปวด คลอเบ้า

ผมถามพี่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง...
เสียงครางจากปากพี่เบาๆว่า...
"เฮียจะเลิกตกปลา ล่าสัตว์แล้ว..."

พี่ชายรอดออกจากโรงพยาบาลแบบเฉียดตาย
แต่ต้องเข้าๆออกๆ โรงพยาบาลอีกไม่รู้กี่ครั้ง

ผมไปเยี่ยมเขาที่บ้าน พี่สะใภ้บอกว่า เครื่องมือ
ตกปลา ล่าสัตว์ อุปกรณ์ของนายพรานทั้งหมด
เขาทำลายทิ้งหมด ปล่อยนกที่ขังในกรงออกหมด

ผมอนุโมทนากับพี่ชายจริงๆ

จากคุณ    : big_ong2000
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทางลัดประหยัดไฟมากกว่าเบอร์ 5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 08:09:44 am
ทางลัดประหยัดไฟมากกว่าเบอร์ 5



ทางลัดประหยัดไฟมากกว่าเบอร์ 5 (Momypedia)
โดย TPK

          วิธีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง ช่วยประหยัดเงินได้

          หลายครอบครัวอาจคิดว่า แค่เราใช้เครื่องไฟฟ้าเบอร์ 5 ก็สามารถช่วยลดค่าไฟในบ้านแต่ละเดือนได้มากแล้ว แต่รู้ไหมว่า ต่อให้ทั้งบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 หมดทุกอย่าง ก็ไม่สามารถช่วยลดค่าไฟได้ ถ้าทุกคนไม่รู้วิธีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง

โทรทัศน์

          ครอบครัวเดียวกัน แนะนำว่าไม่ควรดูโทรทัศน์คนละเครื่อง โดยเฉพาะรายการที่ดูนั้นเป็นรายการเดียวกัน และไม่ควรเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู นอกจากนี้ ถ้าตั้งเวลาปิดโทรทัศน์ก่อนนอนได้จะดีมาก เพราะหากเผลอหลับไป โทรทัศน์จะได้ไม่กินไฟโดยเปล่าประโยชน์ตลอดคืน ที่สำคัญ ไม่ควรตั้งเครื่องเล่นดีวีดี ซีดี หรือเครื่องเสียงไว้บนโทรทัศน์ เพราะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละเครื่องระบายความร้อนไม่สะดวก

เครื่องปรับอากาศ

          ทุกครั้งก่อนเปิดเครื่องปรับอากาศ ควรเปิดพัดลมดูดอากาศเพื่อไล่ความร้อนจากภายในห้องออกไป เมื่อเปิดแอร์อุณหภูมิภายในห้องจะเย็นเร็วขึ้น เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก แถมช่วยให้กินไฟน้อยลง และเมื่อเริ่มต้นเปิดเครื่องปรับอากาศใหม่ ๆ ควรตั้งปุ่มระดับความเย็นไว้ที่ Hi ก่อน เพราะจะทำให้เย็นเร็ว จากนั้นจึงค่อยลดระดับอุณหภูมิลงที่ 25 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ควรตั้งเวลาปิดแอร์ก่อนตื่นนอนสักครึ่งชั่วโมง จะช่วยประหยัดไฟได้อีกมาก

          นอกจากนี้ ไม่ควรติดตั้งคอมเพลสเซอร์แอร์บริเวณที่โดนแสงแดดเต็ม ๆ ซึ่งทำให้การระบายความร้อนไม่ดี เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักกว่าปกติ ทำให้กินไฟมาก อีกทั้งถ้ามีควรหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองด้านหน้าที่ทำหน้าที่ดูดฝุ่นละออง ไว้อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้การระบายความร้อนเป็นไปได้สะดวก ส่วนภายในเครื่องควรให้ช่างมาถอดล้างปีละ 2 ครั้ง แต่ถ้าเป็นห้องที่มีฝุ่นมาก ควรเพิ่มจำนวนครั้งให้ถี่ขึ้น

ตู้เย็น

          หากเป็นไปได้ไม่ควรเปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง หรือเปิดทิ้งไว้ครั้งละนาน ๆ และเมื่อทำอาหารเสร็จก็ไม่ควรนำอาหารร้อน ๆ เข้าแช่เย็นทันที ควรตั้งทิ้งไว้ให้เย็นเสียก่อน เพื่อไม่ให้ตู้เย็นทำงานหนัก และคงอุณหภูมิตู้เย็นไว้คงเดิม

          ที่สำคัญ หมั่นตรวจสอบยางขอบประตู ซึ่งเป็นส่วนที่ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่ง ถ้ายางเสื่อม ปิดตู้เย็นไม่สนิท ความเย็นในตู้จะรั่วออก มอเตอร์ทำความเย็นต้องทำงานหนักกว่าปกติ ทำให้เปลืองไฟมาก และหมั่นทำความสะอาดแผงความร้อนหลังตู้เย็น ไม่ให้มีฝุ่นเกาะ และควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังประมาณ 15 เซนติเมตร จะช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น

หลอดไฟ

          หลีกเลี่ยงการเปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น และหมั่นทำความสะอาดฝาครอบหลอดไฟไม่ให้มีฝุ่น หรือคราบสกปรกจับ เพราะจะทำให้แสงสว่างลดลง อีกทั้งแนะนำให้ใช้หลอดไฟประหยัดไฟในที่ที่ต้องเปิดเวลานาน ๆ เช่น ไฟหน้าบ้าน ไฟห้องนอน ฯลฯ

หม้อหุงข้าว

          เวลาหุงควรใส่ข้าวและน้ำให้พอดีกัน หากต้องการหุงข้าวกล้อง ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าข้าวขาว ให้แช่ข้าวไว้สักพักก่อนหุง และขอแนะนำว่าไม่ควรเปิดแอร์ขณะหุงข้าว เพราะไอน้ำร้อน จะทำให้แอร์ทำงานหนัก กินไฟมากขึ้น

ที่มา FWD mail
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บำบัดความฟุ้งซ๋านด้วย กลิ่น หรือ กลิ่นบำบัด ( ได้จริงหรือไม่ ต้องลอง ) เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 03:01:43 pm
กลิ่นบำบัด (Lisa)

         กลิ่น หอม ๆ เปรียบเสมือนดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกที่ดี ๆ กับเราและยังช่วยผ่อนคลายความเครียด นอกจากนี้ กลิ่นอะโรมาบางชนิดยังช่วยให้จิตใจสงบหรือครึกครื้นได้อีกด้วย ลองเลือกกลิ่นที่คุณชอบและบำบัดจิตใจดูสิคะ

           มินต์ ช่วยให้สดชื่นในยามเช้า เจลอาบน้ำกลิ่นมิ้นต์จะช่วยให้กระปรี่กระเปร่า ขับไล่ความง่วง กลิ่นน้ำมันหอมระเหยของมินต์ช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียน ช่วยให้ภูมิต้านโรคแข็งแรงและแช่มชื่น นอกจากนี้ ความเย็นของน้ำมันกลิ่นมินต์ ยังช่วยให้จิตใจเบิกบานพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่

           มะนาว  ช่วยให้มีสมาธิช่วยให้ห้องทำงานหรือบ้านสดชื่น ลองหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาวในตะเกียง กลิ่นสดชื่นของมะนาวจะช่วยต้านความเครียดในสมอง และกระตุ้นให้มีความคิดสร้างสรรค์ สมองปลอดโปร่ง ทำงานได้เร็วขึ้นและผิดพลาดน้อยลง รับรองว่าบอสของคุณต้องชอบแน่ ๆ

           ส้ม  สำหรับยามบ่ายที่คิดอะไรไม่ออก ความ เครียดสะสมเพราะเวลา 16.00 น. คนส่วนมากจะรู้สึกเหนื่อยอ่อนและง่วงนอน ความเครียดและความว้าวุ่นโจมตี แต่น้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มสามารถช่วยได้ โดยการหยดใส่นิ้วแล้วนวดเบา ๆ ที่ขมับ กลิ่นหวานอุ่น ๆ จะช่วยให้อารมณ์ดีและลดความเครียดจิตใจสงบ มีพลังใหม่ ๆ ในการจัดการกับหน้าที่การงานต่อไป

           วานิลลา  เมื่อเลิกงานหรือทำงานบ้านเสร็จ เรามักรู้สึกเหนื่อยเพลียและอารมณ์ไม่ดีอะโรมากลิ่นวานิลลา สามารถช่วยให้คุณรู้สึกสุขสงบและช่วยให้อารมณ์แจ่มใส ลองหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นวานิลลาสองสามหยด ลงบนผ้าเช็ดหน้าแล้วสูดดมเป็นครั้งคราว หรือวางไว้ข้างตัวระหว่างขับรถกลับบ้าน

           ลาเวนเดอร์  ช่วยให้นอนหลับฝันดี หากคุณเป็นคนที่นอนหลับยาก ลองให้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยสิคะ เพราะมันจะช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยให้ความคิดสงบและช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ ข้อแนะนำก็คือ ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์นวดที่แขนและขาอย่างเบา ๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร lisa

18  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เรียนเชิญทำบุญขึ้นปีใหม่เนื่องในวันตรุษจีน 2554 ณ โรงเจหอคุณธรรมฟ้า เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 11:13:09 pm


เรียนเชิญทำบุญขึ้นปีใหม่เนื่องในวันตรุษจีน 2554 ณ โรงเจหอคุณธรรมฟ้า  อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ซึ่งในปีนี้หลวงปู่แจกอั่งเปา ให้ทุกๆท่านที่เดินทางร่วมงานในวันดังกล่าว
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ถุงบรรจุความฉลาด เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 09:09:13 am
ถุงบรรจุความฉลาด


        ขุนนางมองโกลคนหนึ่ง แข่งขันความฉลาดกับชายยากจน ชื่อ ปาลาเกินชาง ผู้มีชื่อเสียงด้านความฉลาดเป็นหนึ่งในเวลานั้น เขาเที่ยวตามหาไปทุกทิศทาง ในที่สุดได้พบ ปาลาเกินชางนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ และกำลังสูบบุหรี่อย่างสบายใจ ขุนนางตะโกนลงมาจากหลังม้าที่ขับขี่อยู่ว่า "ปาลาเกินชาง ! ได้ยินว่าแกเป็นคนฉลาดที่สุด ใช่ไหม !"
        ปาลาเกินชางตอบว่า "ท่านไม่ควรพูดอย่างนี้ แต่ว่าผู้คนต่างพูดกันว่า ผมค่อนข้างฉลาดครับ"
ขุนนางพูดว่า "ดีแล้ว ! วันนี้แกกับฉันมาแข่งขันความฉลาดกันดีกว่า หากแกหลอกฉันได้ ฉันจะยกม้าตัวนี้ให้แก แต่หากหลอกฉันไม่ได้ ฉันจะใช้ดาบเล่มนี้ตัดคอแก" พูดพร้อมกับดึงดาบออกมาจากข้างกาย "ปาลาเกินชาง ! เห็นดาบของฉันไหม ?"
        "เห็นแล้วครับ แต่ว่าวันนี้ผมไม่อาจแข่งความฉลาดกับท่านได้ครับ" ปาลาเกินชางพูดอย่างร้อนใจ "ความฉลาดของผมตอนนี้เก็บอยู่ในถุงใบหนึ่ง วันนี้ผมไม่ได้นำถุงนั้นมาด้วยครับ หากว่าถุงนั้นอยู่กับผม ผมจะไม่กลัวท่านเลยครับ"
        ขุนนางโกรธ พูดว่า "ถ้าอย่างนั้นแกรีบไปนำถุงใบนั้นมาซิ ฉันจะคอยแกอยู่ตรงนี้"
        "ที่นี่ไกลจากบ้านของผมเหลือเกิน ไปแล้วไม่รู้จะกลับมาได้ตอนไหน อย่างนี้ดีกว่าครับ หาวันอื่นแข่งกันดีกว่าครับ วันนี้ผมไม่มีเวลาจริง ๆ ครับ"
        "ไม่ได้ ! วันนี้เราจะต้องแข่งขันกันให้ได้ หากว่าเดินไปช้ามาก แกก็ควบม้าของฉันไปซิ"
        "ไม่ได้ครับ ไม่ได้ครับ วันนี้ผมไม่มีเวลาจริง ๆ ครับ"
        "ทำไมไม่มีเวลา?"
        "ท่านไม่เห็นหรือครับว่า ผมกำลังนั่งยันต้นไม้นี้อยู่ ต้นไม้จะล้มอยู่แล้ว ผมไม่ยันไว้ไม่ได้ครับ !"
        "มา ! ฉันยันแทนแกก่อน แกรีบไป รีบมา นะ" พูดจบก็ส่งม้าให้ปาลาเกินชาง แล้วเข้าไปนั่งยันต้นไม้แทน
        "ฮ่า ! ฮ่า !" ปาลาเกินชางขึ้นขี่ม้าแล้วหัวเราะ "นี่ไง ! สิ่งที่ท่านอยากให้ผมหลอกท่าน !"
พูดจบก็ควบม้าจากไป
20  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมทำบุญต่อยอดฉัตรทองคำ พระธาตุหล้าหนอง วัดธาตุ จ.หนองคาย เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 05:27:23 pm
ขอเชิญร่วมทำบุญต่อยอดฉัตรทองคำ
พระธาตุหล้าหนอง วัดธาตุ ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญได้ โดยโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์
ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยบิ๊กเจียงหนองคาย
ชื่อบัญชี : กองทุนยอดฉัตรทองคำ พระธาตุหล้าหนอง
เลขบัญชี : 496-0-13776-2


( ฝ่ายประสานงานฯ โทร. 042-412908, 085-0129251 )






ขออนุโมทนาในกุศลทานบารมีของท่านที่ได้ร่วมทำบุญครั้งนี้ และมีส่วนร่วมสร้างยอดฉัตรทองคำเพื่อฝากไว้ในบวรพระพุทธศาสนา
อันมียอดฉัตรสูงสุดเปรียบเสมือนหลักชัยแห่งความสำเร็จ ขอให้ท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปเทอญ

พระธาตุหล้าหนอง อ.เมืองหนองคาย"พระธาตุหล้าหนอง หรือ พระธาตุกลางน้ำ"ที่ชาวหนองคาย รู้จักและให้ความเคารพศรัทธากันมาหลายชั่วอายุคนนั้น หากจะย้อนไปศึกษาประวัติพระธาตุองค์นี้จะพบว่า ในหนังสืออุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุหล้าหนองว่า พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยพระอรหันต์ 5 องค์ ประกอบด้วย พระมหารัตนเถระ, พระจุลรัตนเถระ, พระมหาสุวรรณปราสาทเถระ, พระจุลสุวรรณปราสาทเถระ และพระสังฆวิชัยเถระ ที่ล้วนเป็นศิษย์พระพุทธรักขิต พระธรรมรักขิต พระสังฆรักขิต พระอรหันต์ทั้ง 3 องค์

พระอรหันต์ทั้ง 5 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า จากประเทศอินเดียมาพร้อมกัน และได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้พร้อมกัน 6 แห่ง คือ ที่พระธาตุหอผ้าหอแพ บ้านทรายฟอง เมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว, พระธาตุหัวเหน่า 29 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว, พระอุรังคธาตุ หรือพระธาตุหน้าอก บรรจุไว้ที่พระธาตุพนม อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม, พระธาตุบังคล หรือกระเพาะอาหาร บรรจุไว้ที่พระธาตุบังพวน วัดพระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย, พระธาตุเขี้ยวฝาง 7 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว อ.เมืองหนองคาย และพระธาตุฝ่าพระบาทเบื้องขวา 9 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุเมืองลา หรือพระธาตุหล้าหนอง อ.เมืองหนองคาย โดยพระธาตุหล้าหนองนี้ตั้งอยู่กลางบริเวณวัดธาตุ หรือวัดสิริมหากัจจายน์ ชุมชนวัดธาตุ เทศบาลเมืองหนองคาย

"พระเทพมงคลรังษี" เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า พระธาตุองค์นี้มีขนาดใกล้เคียงกับองค์เจดีย์พระธาตุพนม อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งบริเวณวัดธาตุแห่งนี้มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ และตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง พอถึงฤดูน้ำหลากแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยวกรากจะกัดเซาะตลิ่งบริเวณวัดธาตุจนพัง ทลายหายไป ซึ่งตามประชุมพงศาวดาร ภาค 70 ได้บันทึกไว้ว่า น้ำโขงกัดเซาะตลิ่งพังเข้าไปจนถึงองค์พระธาตุหล้าหนอง และพระธาตุได้พังลงในแม่น้ำโขง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 เวลาใกล้ค่ำ ร.ศ.66 จ.ศ.1209 พ.ศ.2309 ซึ่งนายฟรองชีวการ์นิเยร์ ชาวฮอลันดา หนึ่งในคณะสำรวจอินโดจีนในอาณาจักรล้านช้าง ได้วาดภาพลายเส้นของพระธาตุหล้าหนองนี้ไว้เมื่อปีพ.ศ.2411 พร้อมคำบรรยายภาพว่า "ปิรมิด หรือองค์พระธาตุตั้งอยู่บนพื้นที่รูปครึ่งวงกลมที่ถูกตัดขาดจากฝั่งแม่น้ำ ด้านขวา หรือฝั่งไทย โดยปิรมิดแห่งนี้ถูกน้ำพัดขาดจากที่ตั้งเดิมบนริมฝั่งสิบปีมาแล้วและยัง เอียงลงสู่น้ำราวกับเรืออับปางที่พร้อมจะจมลง"

พระธาตุกลางแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย

จากการสำรวจของกลุ่มงานโบราณคดีใต้น้ำ สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่ 4 สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรมศิลปากร เมื่อ 19-27 เม.ย.2538 ทราบว่าพระธาตุหล้าหนอง อยู่ในเขตปกครองของอำเภอเมืองหนองคาย

ปัจจุบันจมอยู่กลางแม่น้ำโขง องค์พระธาตุจมอยู่กลางแม่น้ำโขงห่างจากฝั่งไทย 180 เมตร องค์พระธาตุก่อด้วยอิฐถือปูน ล้มตะแคงไปตามกระแสน้ำ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีฐานเหลี่ยมมุมฉาก โดยด้านหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพียงครึ่งฐาน องค์พระธาตุมีรูปทรงทางสถาปัตยกรรมเท่าที่ยังเหลืออยู่เป็นชั้นฐานเขียง 2 ชั้น ฐานสี่เหลี่ยมย่อเก็จต่อขึ้นมาอีก 4 ชั้น จึงเป็นเรือนธาตุ ต่อด้วยบัวลูกแก้วอีก 2 ชั้น ความสูงของเจดีย์เฉพาะส่วนที่สัมผัสได้ 12.20 เมตร ความกว้างของฐานองค์พระธาตุชั้นล่างสุด 15.80 เมตร

"พระธาตุหล้าหนอง" เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคาย และชาวบ้านได้จัดงานประเพณีเกี่ยวกับพระธาตุในทุกปี คือประเพณีบุญบั้งไฟ เดือน 6 เพื่อจุดถวายองค์พระธาตุ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พิธีบวงสรวงองค์พระธาตุ วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ถวายปราสาทผึ้ง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และการแข่งเรือยาววันออกพรรษาทุกปี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

การที่องค์พระธาตุจมลงไปในแม่น้ำโขง ทำให้ชาวหนองคายต้องการบำรุงรักษาพุทธสถานแห่งนี้ไว้ โดยนายทรงพล โกวิทศิริกุล นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย ได้ทำโครงการก่อสร้างพระธาตุหล้าหนององค์จำลอง แล้วบรรจุชิ้นส่วนพระธาตุองค์จริงเข้าไว้ข้างใน และปรับปรุงสภาพแวดล้อมริมฝั่งแม่น้ำโขงขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 38,650,000 บาท จากงบประมาณของจังหวัดหนองคาย และสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.หนองคาย โดยขนาดพระธาตุองค์จำลอง ฐานกว้าง 10x10 เมตร ความสูงประมาณ 15 เมตร พร้อมทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพตลิ่งและป้องกันการกัดเซาะตลิ่งตลอดความยาว 194 เมตร และงานตกแต่งปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบ

ชาวหนองคายยังคงเหนียวแน่นในการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี จึงร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ การสร้างองค์พระธาตุหล้าหนองจำลองขึ้น
21  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญเป็นเจ้าภาพ มอบทุนการศึกษาให้เด็ก ทุนละ 300 บาท เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 05:24:31 pm
..….ขอเชิญท่านผู้ใจบุญร่วมทำบุญปีใหม่มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน พุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่มีความประพฤติดีจำนวน 50 ทุนๆละ 300 บาท ผู้ใดมีจิตศรัทธาที่จะช่วยเหลือเด็กนักเรียนติดต่อได้ที่
วัดดงแคนใหญ่
บ้านดงแคนใหญ่
ต.ดงแคนใหญ่
อ.คำเขื่อนแก้ว
จ.ยโสธร 35180

พระมหาชินกรณ์ เตชปญฺโญ 082-1373997
พระณรงค์ชัย ปิยธมฺโม 087-9644205
บุญกุศลที่ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญให้กับเด็กๆนักเรียนในครั้งนี้ จงเป็นผู้มีความสุขความเจริญ ในหน้าที่การงาน คิดหวังสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้น ตลอดไป สาธุ

เราท่านมาดูความน่ารักของเด็กๆเหล่านี้กันเลยน่ะครับ
22  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / 18-26กุมภาพันธ์2556 เทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีนรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแกุ่สุด เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 05:14:32 pm

เทศกาล “มาฆปูรมีศรีปราจีน” เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2530
เป็นต้นมา และในครั้งนี้นับเป็นปีที่ 25

แล้ว โดยกำหนดจัดระหว่างวันที่ 11-19 กุมภาพันธ์ 2554

ณ บริเวณพุทธมณฑล โบราณสถานวัดสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี

ในงานมีกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจสำหรับชาวพุทธ อาทิเช่น
การเดินธุดงค์ของคณะพระภิกษุสงฆ์และฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรม
กิจกรรมบวชเนกขัมมะ
การฝึกปฏิบัติธรรมของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน
กิจกรรมปฏิบัติธรรมเพื่ออบรมเยาวชน
นิทรรศการทางพระพุทธศาสนา
กิจกรรมธรรมะในวันมาฆบูชา
กิจกรรมนำเที่ยวโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ ด้วยบริการรถพ่วง นำชมโดยมัคคุเทศก์น้อย คอยเล่าเรื่องของเมืองศรีมโหสถ กลุ่มโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี
ชมการประกวดขบวนแห่และโคมประทีป จากชุมชนต่างๆ ที่จะแต่งกายพื้นเมือง ประกอบการร่ายรำตามประเพณีของท้องถิ่นตนอย่าง สามัคคี และสวยงาม เพื่อร่วมอัญเชิญเครื่องบูชา อันประกอบด้วยพานพุ่ม บายศรี และโคมประทีป
กิจกรรมพาแลง และชมการแสดง แสง สี เสียง อันยิ่งใหญ่ ตระการตา
ร่วมพิธีเวียนเทียนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา รอบรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ในค่ำคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ร่วมสักการะรอยพระพุทธบาทคู่ฯ , หลวงพ่อทราวดี และต้นโพธิศรีมหาโพธิ และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ คือการเชิญคู่สมรส สักการะรอยพระพุทธบาทคู่ฯ , หลวงพ่อทราวดี และต้นโพธิศรีมหาโพธิ
ในวันแห่งความรัก เพื่อเป็นสิริมงคลของการครองเรือน

ณ พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ โบราณสถานสระมรกต จังหวัดปราจีนบุรี

จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยว ร่วมงานบุญ ในวันแห่งความอัศจรรย์
ที่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 1,250 รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า
ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกัน
บนแผ่นดินธรรมอันได้ชื่อว่า “อวัธยปุระ” เมืองที่มีความสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น
ในงานเทศกาล “มาฆปูรมีศรีปราจีน”ครั้งที่ 25
ระหว่างวันที่ 11-19 กุมภาพันธ์ 2554
ณ บริเวณพุทธมณฑล โบราณสถานวัดสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี
หน้า: [1]