ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิรักษาโรค เรื่องจริงของคุณพวงพิกุล ทิพย์สังวาลย์  (อ่าน 4794 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สมาธิรักษาโรค

 

พวงพิกุล ทิพย์สังวาลย์

R13001

 

        แรงบันดาลใจที่ทำให้ดิฉันเขียนเรื่องนี้มา เพื่อที่จะให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยด้วยโรคร้ายทั้งหลาย ได้มีกำลังใจต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บด้วยความอดทน พร้อมที่จะสร้างกำลังใจให้กับตนเอง โดยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อรักษาโรค

          ดิฉันโชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ดี คุณพ่อเป็นคนเก่งแต่ดุมาก คุณแม่เป็นคนดีมีเมตตากรุณา มีจิตใจงดงามมาก ดิฉันมีพี่น้องเป็นผู้หญิงทั้งหมด ๓ คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมด ดิฉันจึงเป็นลูกคนเดียวที่ต้องดูแลคุณแมที่เจ็บป่วยด้วยการรักษาโดยการผ่าตัดมาแล้ว ๓ ครั้ง (คุณพ่อเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗)

            ดิฉันเป็นข้าราชการครูธรรมดาคนหนึ่ง สามีก็รับราชการครูเช่นเดียวกัน ดิฉันมีลูก ๓ คน คนที่ ๑ และ ๒ เป็นผู้หญิง ได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาพร้อมกัน ในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) คณะบริหารธุรกิจ ส่วนคนสุดท้ายเป็นผู้ชาย

          ในวันธรรมดา ดิฉันจะดูแลคุณแม่ตลอด แต่วันเสาร์ – อาทิตย์ ดิฉันต้องเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปดูแลลูกเพื่ออบรมลูกเป็นคนดี เพราะดิฉันคิดว่า ถ้าเขาเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว โอกาสที่จะสอนเขาให้เป็นคนดีมีน้ำใจ มีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นนั้นคงยาก

          ดิฉันได้ซื้อคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญให้ลูกทั้ง ๓ คน พักอาศัยอยู่ด้วยกัน ลูกคนสุดท้องเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากการที่ลูกเรียนมหาวิทยาลัยทั้ง ๓ คน จึงเป็นภาระที่หนักมาก เงินเดือน ๒ คนรวมกัน แม้จะไม่ถูกหักเลย ก็ไม่พอส่งลูกเรียน ดิฉันเริ่มเป็นหนี้ธนาคาร

          ในปี ๒๕๓๙ ลูกคนที่ ๒ ก็ป่วยมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัด ตัวร้อนจัด หน้าซีด ได้พาส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้คอนโด หมดให้ยาแก้ไข้ แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย จึงพาส่งโรงพยาบาลภูมิพล พักรักษาในห้องพิเศษ ลูกอายุเกิน ๒๐ ปี จึงเบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้เลย แต่ดิฉันก็ไม่เกี่ยงค่ารักษาพยาบาล อยู่ในโรงพยาบาลได้ ๒ วัน สามีก็โทรศัพท์มา บอกว่า แม่ไม่สบาย ดิฉันได้บอกให้สามีพาแม่เข้ารักษาในโรงพยาบาลประชาเวช จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ดีมาก เพราะดิฉันตั้งใจว่า ถ้าแม่ป่วยอีกครั้งหนึ่งจะพาแม่รักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เพราะตอนนั้นแม่อายุเกือบ ๘๐ ปีแล้ว ดิฉันต้องขออนุญาตหมอพาลูกสาวซึ่งอาการหนักมาก และยังไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร มารักษาด้วยกันกับยาย หมอได้ให้สเตอร์รอยด์กับลูก และต้องผ่าตัดยายเป็นการด่วน เพราะมีนิ่วในท่อน้ำดี ถึง ๔ ก้อน ก้อนละ ๔ ซ.ม. ดิฉันกังวลมาก เพราะแม่อายุมากแล้ว แต่ก็ได้รับกำลังใจจากคุณหมอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาเวช ได้ยืนยันว่าจะรักษาคุณแม่อย่างสุดความสามารถ หลังแม่ผ่าตัดออกมา ฟื้นเร็วมาก แม่เห็นดิฉันเป็นคนแรก ดิฉันได้ดูแลคนป่วยทั้ง ๒ คน ด้วยความเต็มใจและเอาใจใส่อย่างที่สุด

          ดิฉันกล้าพูดได้เลยว่า ดิฉันเป็นคนเฝ้าไข้ที่ดีที่สุด บางคืนดิฉันไม่ได้นอนเลย อาศัยหลับในสมาธิ มหัศจรรย์มาก ดิฉันสามารถอยู่ได้โดยในเวลากลางวันไม่ได้งีบหลับเลย ซึ่งในตอนหลังดิฉันได้นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อจรัญที่บอกว่าผู้ให้ย่อมมีความสุขที่สุด ธรรมะของพระพุทธองค์ยิ่งใหญ่นัก ดิฉันได้ทำหน้าที่ของลูกและแม่ในเวลาเดียวกัน ลูกได้รับการรักษาในโรงพยาบาลได้ ๕ วัน อาการดีขึ้น แต่คุณแม่มีอาการแย่ลง กินอาหารไม่ได้เลย ทุกคนบอกว่าแม่ไม่รอดแน่ ลูกคนที่สองของดิฉันเห็นแม่มีภาระเรื่องของยายมาก จึงเดินทางกลับไปเรียนที่กรุงเทพฯ คนเดียว ดิฉันได้วิ่งเต้นสุดฤทธิ์เพื่อจะได้เงินมาซื้อสารอาหารที่แพงมาก ระยะเวลาที่แม่อยู่โรงพยาบาลก็ยืดออกไปอีก เป็นเวลาถึงเดือนเศษ ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่ดิฉันก็ยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเสียเพื่อได้ หลังได้รับสารอาหารแม่มีอาการดีขึ้นมาก แต่ก่อนที่ไม่จะได้ออกจากโรงพยาบาล ลูกคนที่สอง มีอาการหนักมาก และกลับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลประชาเวช อยู่ในห้องเดียวกันกับยาย ดิฉันได้พาแม่กลับบ้าน แต่ให้สามีและหลานดูแลแม่แต่อ ดิฉันได้กลับมาดูแลลูกในโรงพยาบาลต่อ หมดได้ตรวจลูกอย่างละเอียด จึงได้ทราบว่าลูกป่ายเป็นโรค S.L.E (โรคเดียวกับคุณพุ่มพวง) โดยลูกสาวของดิฉันมีอาการอักเสบที่ไตและหัวใจ และในวันที่ ๒๘ เมษายน ลูกก็มีอาการอักเสบที่สมอง คือ บ้าเลย ตาขวาง เดินเหมือนหุ่นยนต์ สุดท้ายนอนนิ่งไม่พูดไม่อ้าปาก ปัสสาวะรดที่นอนตลอดเวลา เหงื่อออกท่วมตัว แต่มีอาการหนาวสั่นต้องห่มผ้าถึง ๕ ผืน ลูกคงทรมานมาก คุณหมอบอกว่าอาการทางสมองนี้ต้องใช้เงินรักษาเป็นหลักล้าน ถ้าภายใน ๓ วัน ลูกไม่พูดไม่อ้าปากไม่สนองตอบด้วยอาการใด ๆ หมดจะช็อตด้วยไฟฟ้า ทุกคนไม่อยากให้ลูกถูกช็อตด้วยไฟฟ้า ดิฉันและสามีเข็นเตียงเข้าไปใกล้ลูกที่สุด นอนกอนเขาตลอดเวลา ๒ วัน น้องชายและพี่สาวก็จับขาเรียกเขาตลอดเวลา และนึกขึ้นมาได้จึงบีบจมูก พอเขาอ้าปากก็กรอกยาเข้าไป ลูกฟื้นขึ้นมาในตอนเช้าของวันที่ ๓ จิตแพทย์เริ่มเรียกความทรงจำเขาคืนมา โดยถามว่าเขาชื่ออะไร ลูกก็ตอบหมดได้ว่า ชื่อเล่นชื่อน้อยหน่า ชื่อจริงคือ น.ส.พิลาสินี ทิพย์สังวาลย์ เรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ลูกบอกว่า ๓ วันที่เขานอนนิ่งอยู่เฉย ๆ นั้น รู้สึกว่าตัวเองไม่มีแขนขา เหลือแต่จิตดวงเดียว

          ในการรักษาลูกครั้งนี้ ต้องใช้หมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค ๒ คน จิตแพทย์อีก ๒ คน เสียค่าใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมาก แต่ดิฉันไม่เคยคิดเสียดายเลย คนมีค่ามากกว่าเงินมากมายนัก แม่ดิฉันมีอาการดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่วันหนึ่งแม่นอนเล่นอยู่ที่เปลใต้ต้นมะม่วง มะม่วงลูกใหญ่หล่นมาถูกท้องแม่ เลยต้องส่งเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง และได้อยู่ในห้องเดียวกันกับลูกอีกครั้ง จากการรักษาอย่างดี อาการปวดท้องของแม่ก็ทุเลาลง แต่สำหรับลูกสาวของดิฉัน จิตแพทย์บอกว่า S.L.E. ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ รักษาได้โดยวิธีเดียว คือ ฝึกสมาธิจนจิตสงบในระดับหนึ่ง แล้วกลับคำสั่งไม่ให้ภูมิคุ้มกันไปทำลายอวัยวะตัวเอง ทุกวันเวลา ๑๗.๐๐ น. จิตแพทย์จะมาพาลูกนั่งสมาธิ ตอนนั้นลูกพูดง่ายมาก บอกให้ทำอะไรก็ทำ พอฝึกได้ครบ ๕ วัน ก็เกิดโอภาสขึ้นเหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้ว สามารถเขียนภาษาอังกฤษด้วยคำศัพท์ยาก ๆ ได้ ๔ – ๕ แผ่น จิตแพทย์บอกว่า ตอนที่เขาอักเสบทางสมองนั้น เท่ากับได้ไปกระตุ้นสมองให้เกิดความเป็นอัจฉริยะด้านภาษาขึ้น ประกอบกับเขาได้ฝึกนั่งสมาธิทุกวัน ทำให้อาการทางสมองที่ยังอักเสบอยู่ไม่ได้แสดงอาการทางกายเป็นที่น่าเกลียดเหมือนคนไข้รายอื่น นอกจากพอเดินผ่านเตียงคุณยายเขาจะเดินเร็ว ๆ เข้าไปหายายที่นอนป่วยอยู่เป็นประจำ จนดิฉันต้องเอาม่านมากั้นไว้กลัวยายจะตกใจ ดิฉันเกิดความเครียดสะสมที่เฝ้าไข้คุณแม่และลูก หลายเดือนเข้าก็เกิดแผลที่กระเพาะอาหาร ปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไปอีกคน เลยกลายเป็นคนป่วยเฝ้าคนไข้ แต่ดิฉันก็สู้เสมอไม่ยอมถอย ถึงแม้จะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเต็มที่ แต่ลึก ๆ แล้ว ดิฉันก็เป็นสุขใจที่ได้มีโอกาสทดแทนพระคุณของคุณแม่ที่เลี้ยงดูดิฉันมา แม่อาการดีขึ้นมาก ได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนลูกสาว สามีดิฉันต้องทำหน้าที่ดูแล้คุณแม่อีกตามเคย

          คุณหมอทั้ง ๔ คนได้ทำการรักษาลูกอย่างสุดความสามารถ โดยบอกว่าอาการทางสมองนี้จะหายเร็วที่สุดประมาณ ๖ เดือน แต่จากการนั่งสมาธิทุกวันของลูกสาว ลูกก็หายจากอาการอักเสบทางสมองในเวลา ๑ เดือนกับ ๑ วัน กลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเดิมได้ตามปกติ แต่ต้องเปลี่ยนคณะใหม่คือ คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ลูกยังคงนั่งสมาธิทุกวันเพื่อรักษาตัวเองต่อ ตอนนี้ลูกต้องไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลทุกเดือน แต่ไม่ต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล อาการอักเสบทางสมองก็ไม่เกิดขึ้นกับลูกอีกเลยเป็นเวลากว่า ๓ ปีแล้ว จากการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ทำให้อาการของลูกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะในด้านการเรียนภาษาอังกฤษดีขึ้นจนเห็นได้ชัด เกรดเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น ลูกเรียนหนังสืออย่างมีความสุข ลูกยังคงสวยเหมือนเดิม ผิวพรรณก็ผุดผ่อง วาจาไพเราะเสียงใส ลูกบอกว่าการฝึกสมาธิเป็นประจำ ทำให้หนูมีจิตใจที่ดีงาม รักเพื่อนมนุษย์ทุกคน มีเมตตาไม่อิจฉาริษยาใคร ดิฉันไม่เคยได้ยินลูกนินทาใครเลย เขาบอกว่าตามความคิดเห็นของลูก โรค S.L.E. น่าจะเกิดจากความเครียด และอาการที่ร้อนมากนั่นเอง เขาบอกว่าหนูโชคดีที่ป่วยด้วยโรคนี้ ทำให้หนูขยันนั่งสมาธิมากกว่าเดิม เพราะต้องนั่งเพื่อให้ตัวเองรอดจากโรคนี้ เลยเป็นผลพลอยได้ทำให้การเรียนดีขึ้นมาก และมีโอกาสที่จะจบเอแบคได้เท่ากับคนดี ๆ ที่ไม่ป่วย ถ้าไม่มีอุปสรรคอะไรลูกจะจบภายในเดือนตุลาคม ๒๕๔๒ นี้ ลูกบอกว่าในที่สุดความฝันของหนูก็เป็นความจริง เพราะตอนเด็ก ๆ เขาชอบภาษาอังกฤษมาก แต่เรียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลังจากได้นั่งสมาธิแล้ว สารเอนโดฟิลได้หลั่ง ทำให้ช่วยรักษาโรค และสามารถช่วยให้ทำงานหรืออ่านหนังสือได้ทั้งวันโดยไม่เหนื่อย

          ลูกคนโตก็นั่งสมาธิเป็นประจำ บอกว่ามีประโยชน์มาก ทำให้เรียนภาษาได้ดี ลูกคนนี้มีความกตัญญูมาก เขามักพูดอยู่เสมอว่า เมื่อเขาเรียนจบแล้ว เขาจะส่งน้องชายคนสุดท้องเรียน แม่ไม่ต้องห่วง แม่เคยดูแลยายอย่างไรหนูก็จะดูแลแม่อย่างนั้น ลูกเป็นกำลังใจที่สำคัญมากสำหรับดิฉัน จากการต้องส่งลูกเรียนในมหาวิทยาลัยทั้ง ๓ คน และต้องรักษาคนป่วย ทำให้ดิฉันมีปัญหาเรื่องการเงิน มีหนี้สิน แต่ดิฉันก็ไม่เคยท้อถอย ดิฉันโชคดีมากที่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณของแม่ ได้ซื้อชีวิตให้ลูก ได้ทำหน้าที่ของลูกและของแม่ในเวลาเดียวกัน

          การที่ดิฉันได้เฝ้ารักษาและดูแลคุณแม่ในขณะที่แม่เจ็บป่วยนั้น บุญกุศลได้ส่งผลเร็วมาก คือ คุณหมอผู้อำนวยการและคุณหมออื่น ๆ ในโรงพยาบาลนี้ได้ให้กำลังใจดิฉันในการรักษาแม่และลูก และได้ดูแลดิฉันในขณะที่ดิฉันเป็นโรคกระเพาะเป็นอย่างดี พระคุณครั้งนี้ดิฉันไม่มีวันลืม ลูกและแม่ประทับใจในความเอาใจใส่ของคุณหมอมาก ลูกบอกว่าหมอที่นี่คือเทวดา ไม่เคยเห็นหมอใจดีอย่างนี้เลย ถ้าเขาหายเด็ดขาดจากโรค S.L.E. คุณหมอได้ขอร้องลูกสาวไว้ว่า ให้มาช่วยบรรยายให้นักศึกษาแพทย์ฟัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนป่วยที่เป็นโรค S.L.E. เขาจะได้ไม่ตาย

          จากการดูแลคนป่วยทั้ง ๒ คน ทำให้ดิฉันได้ข้อคิดว่า ปัญหาทั้งหลายของมนุษย์นั้นสามารถแก้ได้เสมอ ถ้าเราพยายามแก้ไขปัญหานั้นด้วยสติ ใช้ความสามารถ ความมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีน้ำใจต่อผู้อื่น สำคัญที่สุดคือ มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณทั้งหลาย การที่ดิฉันได้ทุ่มเททั้งกำลังกาย และกำลังใจดูแลคุณแม่และลูกสาว ทำให้ดิฉันได้สมมุติฐานของโรค พร้อมที่จะบอกอาการของทั้ง ๒ คน กับคุณหมอได้ตลอดเวลา ทำให้ง่ายต่อการรักษา ในปีนั้นดิฉันได้ลางานถึง ๑๒ ครั้ง ในการดูแลคนป่วย ดิฉันได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นคน ดิฉันได้อ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อจรัญ เรื่อง กรรมฐานแก้ปัญหาชีวิตแล้ว รู้สึกซาบซึ้งในคำสอนนั้นมาก ๆ ขณะนี้โรคกระเพาะของดิฉันดีขึ้นมากโดยไม่ต้องใช้ยาเลย กรรมฐานรักษาโรคได้จริง ๆ

          ดิฉันได้น้อมระลึกถึงคำสอนของหลวงพ่อจรัญ ที่พร่ำสอนอยู่เสมอว่า จงเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ แม้แต่คำขอบคุณ ให้เป็นคนดีมีน้ำใจ กตัญญูต่อบุพการี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักได้แม่กระทั่งศัตรูตัวเอง ทุกครั้งที่ได้ฟังเทศน์ของหลวงพ่อจรัญ ดิฉันจะมีกำลังใจต่อสู้ชีวิตเสมอ ดิฉันโชคดีที่มีโอกาสมารับใช้ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน (เป็นวิทยากรพิเศษ) ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ขึ้นไปช่วยในโครงการอบรมบนศาลาพระราชสุทธิญาณมงคล พระอาจารย์พระครูสมุห์ธีรวัฒน์ ฐานุตตโร ท่านวิทยากร และทุกคนในศูนย์ปฏิบัติสวนเวฬุวันแห่งนี้ ได้ให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจดิฉันในการต่อสู้ชีวิต พระคุณครั้งนี้ดิฉันจะไม่มีวันลืม ดิฉันจะขอรับใช้หลวงพ่อจรัญ และศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน เท่าที่โอกาสจะอำนวย ไม่มีที่พึ่งใดจะอบอุ่นเท่าธรรมะของพระพุทธองค์อีกแล้ว ดิฉันคิดว่าเดินมาถูกทางแล้ว และได้ตั้งใจไว้ว่าจะทำงานด้านพัฒนาจิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด เท่าที่จะทำได้
นางพวงพิกุล ทิพย์สังวาลย์

อาจารย์ ๒ ระดับ ๗ โรงเรียนผดุงนารี จ.มหาสารคาม

http://www.alternativecomplete.com/jarun/j5.htm


บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

poepun

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ได้อ่านแล้ว รู้สึกถึงกำลังใจ ของผู้เขียนเป็นอย่างมากครับ นับว่าเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมการอ่าน เพื่อเป็นตัวอย่างการภาวนา โดยเฉพาะ เรื่องการฝึกสมาธิ เพื่อรักษาโรคอันหมดหนทางที่จะรักษา ด้วยยาแล้วอย่างนี้ครับ


ให้ 5 ดาวเลยครับเรื่องนี้ จึงขอชักชวน เพื่อน ๆ ร่วมกันอ่าน

สาธุ กับ คุณหมวยจ้า ที่มาโพสต์ให้อ่านครับ หายไปนานนะครับ

สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

นิรมิต

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 89
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นเรื่องที่น่า อ่าน อีกเรื่อง เลยคะ กว่าจะอ่านจบก็ร่วม ชม. คะ
พอได้แนวทาง และ ชื่นชมกับผู้ภาวนาอีกท่าน คะ

สนใจเรื่อง สมาธิรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

โดยส่วนตัวยังไม่เชื่อว่า สมาธิจะบำบัดโรคกายได้จริง คะ

 :smiley_confused1: :c017:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นเรื่องที่น่า อ่าน อีกเรื่อง เลยคะ กว่าจะอ่านจบก็ร่วม ชม. คะ
พอได้แนวทาง และ ชื่นชมกับผู้ภาวนาอีกท่าน คะ

สนใจเรื่อง สมาธิรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

โดยส่วนตัวยังไม่เชื่อว่า สมาธิจะบำบัดโรคกายได้จริง คะ

 :smiley_confused1: :c017:

ในแนวกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ มีวิชารักษาโรคโดยเฉพาะ เรียกว่า

"พระนวหรคุณ 9 ที่ และวิธีรักษาตัวเอง" ของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร(สุก ไก่เถื่อน)


 :welcome: :49: :25: ;)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ