ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะ ของ พระพุทธเจ้า เป็น ประชาธิปไตย  (อ่าน 223 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ขอบคุณภาพจาก pinterst


ธรรมะ ของ พระพุทธเจ้า เป็น ประชาธิปไตย


กล้าไหมที่จะทำสิ่งดีงาม

ธนํ จเช องฺควรสฺส เหตุ
พึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ

องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต

องฺคํ ธนํ ชีวิตญจฺาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต
พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และ แม้ชีวิต เพื่อรักษาความถูกต้อง

จเช มตฺตาสุขํ ธีโร
ผู้ฉลาดควรสละสุขเล็กน้อย เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

เป็นบุญของคนไทยแค่ไหนที่มีในหลวง เรายังไม่ดูแล ยังจะไม่รักษากัน ต่างคนต่างเอาแต่ความคิดของตนเอง ปากก็ว่ารักชาติ รักศาสนา ถ้ารักจริง คุณกล้าไหมที่จะทำในสิ่งที่ดีงาม ที่ถูกต้องไหม เพราะคนเราพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำด้วย การกระทำกับคำพูดต้องไปด้วยกันได้ คำพูดอีกแบบ ทำอีกแบบใช่ไหม ก็ให้คิดดูนะ

@@@@@@@

การทำความดีไม่มีสูญเปล่า หมายความว่าอย่างไร.?

ทำให้เราได้ฝึก ได้ปฏิบัติขัดเกลากิเลสตนเอง แม้กายเหนื่อย แต่อิ่มใจ แต่ละคนก็ต้องฝึกเอง ทำเอง ไม่มีใครทำแทนกันได้ เราเห็นว่า คนมีชีวิตอยู่ ส่วนใหญ่ก็อยู่อย่างประมาท อายุของคนแค่ ๗๐-๘๐ ปี เท่ากับหนึ่งวันบนสวรรค์ของเทวดาเท่านั้นเอง

การภาวนาจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก ถ้าเกิดผลแล้วก็คุ้มค่า เหมือนทำไร่ทำนา ตอนทำก็ลำบาก แต่พอได้ผลก็ดีใช่ไหม การภาวนาก็เช่นกัน เมื่อตั้งใจภาวนาจนเห็นผล จะเห็นว่า โลกนี้ไม่มีอะไรมีค่าเลย ของทางโลกที่คนว่ามีค่า ไปได้มา เห็นมาอะไรก็แล้วแต่ ความจริงคือ ไม่มีใครได้อะไรเลย และไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อเห็นอย่างนี้ก็จะยิ่งขวนขวายทำความดีมากขึ้น มีเมตตาต่อตนเองและต่อผู้อื่นมากขึ้น

คนภาวนากับไม่ภาวนาจึงเห็นต่างกันเยอะ การภาวนาไม่เกี่ยวกับเวลา เวลาเป็นเพียงทางเดิน มันเกี่ยวที่จิตใจ เมื่อถึงพร้อมมันก็ได้ ไม่ยาก แป๊บเดียวก็ได้ ถ้าเข้าใจแล้วก็ไม่ยาก ที่ยากเพราะเราไม่เข้าใจจิตใจตัวเรานั่นเอง
 
@@@@@@@

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ มนุษย์เป็นสัตว์ที่สามารถรองรับธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ว่า คุณจะทำไหม ถ้าไม่ทำก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าปฏิบัติไป ไม่ต้องเห็นเยอะหรอก เห็นนิดๆ ก็อัศจรรย์แล้ว ยิ่งเห็นเข้าไป ก็จะเห็นว่า ไม่มีอะไรน่าเอาน่าเป็นสักอย่างเดียว แต่ที่เราไม่เห็น ก็เพราะเราไม่ได้ภาวนา หรือภาวนาผิดวิธี

คนเรามัวตามใจตัวเองอยู่ อันไหนพอจะฝืนก็ไม่ฝืน พระพุทธเจ้าท่านไม่มีแนวคิดอย่างนั้น ท่านอยู่วังมีชีวิตตายทิ้งเปล่าๆ ท่านจึงเสด็จหนีจากวังไป แต่คนธรรมดา ใครเล่าจะหนีจากครอบครัว หนีจากภรรยาและลูกไป ท่านเป็นถึงกษัตริย์ มีภรรยาที่สวยงาม มีลูกพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านยังจากไปเพื่อไปแสวงหาโมกขธรรม นำกลับมาให้ครอบครัว ให้ราษฎรของพระองค์ และให้แก่มวลมนุษยชาติเลยทีเดียว อย่างคนเรานี่ธรรมดามากเลย แค่ภรรยา สามีก็รักเอาจังหลงเอาจัง แล้วมันจะไปรอดไหม ลองคิดดู





Thank to : https://www.komchadluek.net/amulet/181879
ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต , 30 มี.ค. 2557 | 00:00 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 03, 2022, 05:34:30 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ