สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/v/t1.0-9/10402828_727834473964676_172563177187598847_n.jpg?oh=e4ba6f34dbaa0ac98c911fb0c3b615db&oe=54E36154&__gda__=1423204713_38173f55ce809e9d80c3344db4883772)

"หลายครั้ง ที่เรามองเห็น นิมิต เกิดขึ้นในระหว่าง นั่งสมาธิ แต่หลายครั้งภาพทั้งหลายเหล่านั้น ก็ล้วนแล้ว ไม่แน่นอน เปลี่ยนไปเรื่อยตามสภาวะ ทบทวนหลายครั้ง แล้ว จึงรู้ว่า ไม่ใช่จริง เป็นนิมิตอุปาทาน เมื่อแจ้งกรรมฐาน กับครูจึงได้ประจักษ์ รู้ว่า ไม่จริง ไม่ใข่ ไม่เป็นอย่างนั้น จึงทำให้รู้มากขึ้น ละความหลงเข้าใจ มากขึ้น อุปมาเหมือน คนที่ยืนบนทางรถไฟ แล้ว บอกว่า ปลายทางรถไฟติดกันชนกัน สายตามองเห็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อเราเดินเข้าไปหาปลายทาง ก็ยังเห็นว่าติดกันอยู่เหมือนเดิม แต่เดินไปเท่าไหร่ นั้นก็ไม่มีเส้นทางที่ติดกัน การปฏิบัติพระกรรมฐาน ถ้าหากขาดครูชี้นำ บอกแจ้งแล้ว เป็นเรื่องลำบากมากจริง ๆ ฉันเองผ่านมาแล้ว จึงรู้ดีว่า ถ้าไม่แจ้งกรรมฐาน กับครู อุปาทานนิมิต ที่ลวงก็จะพอกพูนเพราะความเห็นผิดเช่นนั้นเหมือนกัน และ ......"

ข้อความบางส่วนจาก หนังสือเพียงหยดหนึ่งแห่งพระธรรม
บันทึกการภาวนา ของ ธัมมะวังโส ภิกขุ

การทบทวน กรรมฐาน

   ปฏิบัติ จนเป็น วสี ด้วยการทบทวน เดินจิต ขึ้นลง กำหนด นิมิต อย่างเดียว อย่างเดิม  การทบทวน ก็คือความรู้ จะรู้ได้ ก็ต้องรู้องค์ แห่ง ฌาน ทั้ง 5 คือรูปฌาน มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา อุเบกขา

การทบทวน วิปัสสนา

    ทบทวน

     มรรค 4 ผล 4 กิเลสที่ละได้แล้ว กิเลสที่เหลืออยู่

  ;)

ขออนุโมทนาสาธุ

 st11 st12 st12

(http://www.tatcontactcenter.com/imgadmins/topic_reply/2013-11-21_23-23-43.jpg)
( เวลาเรามองท้องฟ้า กับทะเล เราก็จะเห็นฟ้า กับทะเล อยู่ติดกัน สายตาของเราก็มองเห็นเช่นนั้น แต่ความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น และ อะไรเรียกว่า ความจริง เพราะมันก็เป็นความจริงทั้งสองอัน เห็น ก็จริง ไม่ติดกันก็จริง และท่านจะเชื่ออะไร ในสิ่งที่เห็น หรือ ในสิ่งที่เป็นจริง )


ถ้าทุกคนมองเห็นสิ่งใด ในการภาวนานั้น อย่าพึ่งด่วนดีใจ ในการเห็น ควรพิจารณา อนุโลม ปฏิโลม ทบทวน หลาย ๆ ครั้ง แล้วค่อยแจ้งกรรมฐาน กับครูกรรมฐาน อันนี้ในส่วนของสมาธิ ในส่วนนี้ ถ้าเป็นห้องพระพุทธคุณ จะมีการสอบ นิมิต คือ รัศมี เป็นเบื้องต้น เพื่อกัน อุปาทานจิตหลอก จิตหลอน ให้เห็นเป็นต่าง ๆ ดังนั้นแจ้งกรรมฐาน กับครูกรรมฐาน ก่อน อย่าเพิ่งแน่ใจในสิ่งที่เห็น และไปฟันธง ว่าสำเร็จอย่างนั้น อย่างนี้

ส่วนวิปัสสนา ถ้าเจริญถึงขีดขั้น กำหนดเห็น นามรูป ได้แล้ว มองเห็นความเกิดขึ้น ดับไป ในวิปัสสนา จนจิตคลายจากความยึดมั่นถือมั่น เพราะเห็นตามความเป็นจริง สิ่งใด สิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา จนกระทั่งจิตเกิดความเบื่อหน่าย ต้องการสลัดหรือหนีจากวัฏฏะสงสาร อันรันทดนี้ แล้ว ก็พึงเจริญ วิปัสสนา ด้วยการทบทวน อริยะมรรค ให้มากขึ้น และทบทวน ด้วยญาณ คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 กิเลสที่ละได้แล้ว กิเลสที่เหลืออยู่ และการกำหนดการละสังโยชน์ ได้อย่างถาวร แต่ท่านทั้งหลายต้องทบทวนกันหลาย ๆ ครั้ง พระพุทธเจ้าพระองค์ ในคืน ราตรีเดือน เพ็ญก็จริง แต่พระองค์ ก็ทรงอยู่ทบทวนการ บรรลุนั้น เป็นเวลา 49 ด้วยการ ยืน นั่ง เดิน ในพื้นที่ต่าง ๆ แต่ละแห่ง ๆ ละ 7 วัน พระองค์จึงได้ประกาศ ในวันที่ 50 ว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า ตรัสรู้เองโดยชอบ พระองค์จึงทรงพิจารณาบุคคลรับธรรม ตามลำดับ

1.พิจารณา อาจารย์สอนสมาบัติ สองคน แต่ ก็ตายก่อนเสียแล้ว
2.พิจารณา ถึงบุคคลอุปัฏฐาก ทั้ง 5 ก็คือ กลุ่มปัญจวัคคีย์

ดังนั้นการทบทวน กรรมฐาน ทั้ง สมถะและวิปัสสนา เป็นสิ่งที่ควรทำบ่อย ๆ ไม่ใช่เห็นว่า ถึงแล้วก็ละ ถ้าละ ก็จะขาด วสี ในสมถะ ขาด การรู้แจ้ง ใน วิปัสสนา

เจริญธรรม / เจริญพร

ขออนุโมทนาสาธุ

ขออนุโมทนาสาธุ

อนุโมทนา สาธุ พระอาจารย์ ยังแจกธรรม อยู่

  หัวข้อนี้หลุดสายตาไป ต้อง ขออภัย ที่กล่าว อนุโมทนา ช้า นะคะ

  st11 st12 st12 st12

 st11 st12 st12

 st11 st12 st12

 st11 st12 st12

เรืองนี้ อ่านแล้ว ทำให้ฉุกคิด เหมือนการมองเหรียญ 1 ด้าน 2 ด้าน 3 ด้าน และ มองในมุมที่ความสว่าง และ ที่ไม่สว่าง การเห็นแต่ละแบบ ก็แตกต่างกันไป จะตอบว่าเห็นแบบนั้นไม่จริง มันก็จริงในแบบที่มองเห็น แต่ ในความเป็นจริง มันเหมือนทำให้เราเข้าใจผิด และยึดถือว่า มันถูก

   โอ อ่านแล้ว รู้สึกว่า ผมก็อาจจะเห็นผิดในพระธรรม กรรมฐานเช่นกัน เพราะดูตัวเองแล้ว กิเลสมันยังไม่เบาบาง เมื่อก่อนเคยคิดเหมือนกันว่า ตนเอง เป็นพระโสดาบัน แล้วเนาะ แต่เอาเข้าจริง สักกายทิฏฐิ ก็ยังมีอยู่ ... ความสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

   ขอบคุณมากครับ

   st11 st12

 st11 st11 st11 st11

ปริศนาธรรม