ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อัญญาโกณฑัญญะ เกี่ยวข้องกับ วันอาสาฬหบูชา อย่างไร.?  (อ่าน 803 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อัญญาโกณฑัญญะ เกี่ยวข้องกับ วันอาสาฬหบูชา อย่างไร.?

ทำไม อัญญาโกณฑัญญะ จึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ใน วันอาสาฬหบูชา เพราะเรื่องราวของท่านมีความแปลกมหัศจรรย์ ทำให้คำนึงถึงเรื่องบุญกุศลและการอธิษฐาน

เมื่อถึงวันอาสาฬบูชาทำให้ย้อนระลึกไปถึงสมัยเรียน ตอนที่ยังเป็นเด็กประถมตัวน้อย ๆ มักถูกครูถามเสมอว่า วันอาสาฬหบูชาคือวันอะไร นักเรียนก็จะตอบว่า เป็นวันที่เกิดพระรัตนตรัยขึ้นครบบริบูรณ์ การตอบของเด็ก ๆ รวมทั้งผมด้วยในตอนนั้น หมายความว่า ตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันวิสาขบูชาเรื่อยมาจนถึงวันอาสาฬหบูชา พระรัตนตรัยครบถ้วนแล้วในวันอาสาฬหบูชานี้เอง ทำไมวันนี้จึงเป็นวันที่พระรัตนตรัยครบถ้วนบริบูรณ์ เพราะเป็นวันที่อัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรมแล้วทูลขอบวช เมื่อพระพุทธเจ้าทรงบวชให้อัญญาโกณฑัญญะแล้ว พระสงฆ์จึงเกิดขึ้นบนโลก พระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสงฆ์หนึ่งในองค์ประกอบของพระรัตนตรัย


พระปทุมุตรพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระญาติที่เมืองหังสาวดี

อธิษฐานขอเป็นคนแรกที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า

ทำไมพระอัญญาโกณฑัญญะจึงเป็นความมหัศจรรย์ของวันอาสาฬหบูชา เพราะเรื่องราวของท่านเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ ชวนพิศวงยิ่งนัก พระอัญญาโกณฑัญญะหากเท้าความชีวิตของท่านย้อนไปในอดีตชาติอันไกลโพ้น สมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมีพระนามว่า “ปทุมุตระ” พระองค์เป็นเจ้าชายแห่งเมืองหังสาวดี ทรงตัดสินพระทัยออกผนวชแสวงหาความจริงของโลก จนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์เสด็จโปรดพระพุทธบิดาและพระญาติยังเมืองหังสาวดี

ในขณะนั้นพระอัญญาโกณฑัญญะเกิดเป็นบุตรชายเศรษฐีในเมืองนั้น เมื่อทราบว่าเจ้าชายปทุมุตระเสด็จกลับมายังพระนครแล้ว ก็ไปชมพระบารมีของเจ้าชาย แต่ครั้งนี้เจ้าชายปทุมุตระเสด็จกลับมาในครานี้ไม่เหมือนเดิม พระองค์มาในสถานะพระพุทธเจ้า คำสอนของพระองค์ทำให้พระพุทธบิดาบรรลุเป็นพระโสดาบัน บรรดาพระญาติก็เป็นพระอริยบุคคลตามลำดับผลบุญที่สะสมมาในอดีตชาติด้วย

บุตรชายเศรษฐีเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่มีพรรษามาก (แก่ชรา) ได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธเจ้าเป็นรัตตัญญู (ผู้รู้ราตรีนาน) เพราะเป็นบุคคลแรกที่ฟังธรรมจากพระองค์แล้วยังทรงบวชให้อีก บุตรชายเศรษฐีมีจิตปรารถนาเป็นรัตตัญญูเฉกเช่นพระภิกษุรูปนี้ ก็มีจิตเลื่อมใสในคำสอนของพระปทุมุตระพุทธเจ้า สะสมบุญ ทำทานตลอดชีวิตจนสิ้นบุญไปก็เวียนว่ายในสุคติภูมิเพียงโลกสวรรค์และโลกมนุษย์ สมัยของพระวิปัสสีพุทธเจ้าเกิดเป็นบุตรชายเศรษฐีเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ถวายข้าวเม่าและข้าวมธุปายาสแด่พระพุทธเจ้าและพระภิกษุนับแสนรูป หลังจากสิ้นบุญแล้วก็เวียนว่ายไปใโลกนสวรรค์และโลกมนุษย์จนถึงสมัยของพระสมณโคมดพุทธเจ้า


อัญญาโกณฑัญญะพยากรณ์เพียงประการเดียวคือ เจ้าชายทรงเป็นพระศาสดาแห่งโลก

พราหมณ์หนุ่มนักพยากรณ์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์

บุตรชายเศรษฐีมาเกิดในตระกูลพราหมณ์ในเมืองกบิลพัสดุ์ (ก็คือ อัญญาโกณฑัญญะ) ในพุทธกาลของพระสมณโคดมพุทธเจ้า แรงอธิษฐานในสมัยพระปทุมุตรพุทธเจ้าสัมฤทธิ์ผลแล้ว ด้วยแรงแห่งบุญกุศลที่บำเพ็ญมา ส่งผลให้มีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะพราหมณ์ที่ชมพระบารมีของเจ้าชายสิทธัตถะเพื่อทำนายพระชะตา

เมื่อพราหมณ์ทั้งแปดเห็นพระมหาปุริสลักษณะ (ลักษณะของพระมหาบุรุษ) ของเจ้าชายสิทธัตถะก็ต่างไม่กล้าลงความเห็นเป็นความเห็นเดียวจึงพยากรณ์เป็นสองประการคือ เจ้าชายสิทธัตถะหากดำรงพระชนม์ในทางโลกจะได้เป็นพระมหาจักรพรรดิ แต่หากเสด็จออกผนวชจะได้เป็นพระศาสดา

แต่อัญญาโกณฑัญญะพราหมณ์หนุ่ม (ไฟร้อน) กลับพยากรณ์เพียงประการเดียวด้วยแรงกุศลที่สะสมมาได้สุกงอมแล้วว่า เจ้าชายสิทธัตถะต้องตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านำพาเวไนยสัตว์ไปสู่ความหลุดพ้นอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนั้นอัญญาโกณฑัญญะก็ตั้งเป้าหมายยึดเจ้าชายสิทธัตถะเป็นที่พึ่ง รอคอยการเสด็จออกผนวชของพระองค์จนกระทั่งเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ 29 พรรษา พระองค์ทรงตัดสินพระทัยออกผนวช


พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา

เดินตามแผนติดตามเจ้าชายหวังได้ฟังธรรมเป็นคนแรก

อัญญาโกณฑัญญะชักชวนเพื่อนพราหมณ์ที่มีอุดมการณ์เดียวกันไปปรนนิบัติเจ้าชายสิทธัตตถะ เพื่อหวังว่าพอพระองค์ตรัสรู้ พวกเราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับคำสอนจากพระองค์ แต่ทว่าเพื่อนบางคนก็จากไปแล้ว บางคนก็แก่จนไปไหนไม่ไหว จึงส่งบุตรชายให้ติดตามไปกับอัญญาโกณฑัญญะแทน เมื่ออัญญาโกฑัญญะพร้อมกับพราหมณ์หนุ่มอีก 4 (ได้แก่ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ) คนรวมกลุ่มกันออกตามหาเจ้าชายสิทธัตถะ จึงเรียกพราหมณ์คณะนี้ว่า “ปัญจวัคคีย์” เมื่อพบเจ้าชายสิทธัตถะแล้วก็เข้าปรนนิบัติรับใช้

เจ้าชายสิทธัตถะทรงทรมานร่างกายตามอย่างโยคีในสมัยนั้นที่นิยมทรมานตนเพื่อให้ไปถึงความหลุดพ้น พระองค์ทรงทรมานร่างกายและอดอาหาร (บำเพ็ญทุกรกิริยา) จนสุดท้ายเจ้าชายสิทธัตถะมีพระปัญญาขึ้นว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง พระองค์กลับมาเสวยพระกระยาหาร คือน้ำนมจากเด็กเลี้ยงโค แล้วเปลี่ยนมาฝึกด้วยการทำสมาธิแทน เมื่อปัญจวัคคีย์เห็นเจ้าชายล้มเลิกการบำเพ็ญทุกรกิริยา จึงคิดว่าเจ้าชายทรงหันหลังให้กับหนทางตรัสรู้เสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พากันจากไปโดยมุ่งหน้าไปยังป่าอิสิปตนมฤทายวัน คือป่าที่พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้เป็นเขตอภัยทานของกวางและเนื้อทราย


พระพุทธเจ้าเสด็จโปรดปัญจวัคคีย์

ได้เป็นรัตตัญญูสมใจ หลังจากรอคอยมานานหลายภพหลายชาติ

เจ้าชายสิทธัตถะทรงยึดหลักอานาปานสติ คือการกำหนดลมหายใจและอารมณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นกับร่างกายจนกระทั่งเกิดพระปัญญาสูงสุดในการพิจารณาความเป็นไปของสรรพสิ่ง แล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ครั้งทรงผ่านราตรีแห่งการถูกต่อต้านจากพญามารและสามธิดามารมาได้ ทรงระลึกถึงพระอาจารย์ที่เคยสอนพระองค์ในครั้งที่ทรงบวช แต่พระอาจารย์ได้สิ้นบุญไปเกิดบนพรหมโลกเสียแล้ว ทำให้พระองค์ไม่มีโอกาสได้แนะนำหนทางแห่งการตรัสรู้ที่พระองค์ทรงพบ พระองค์ทรงระลึกถึงคุณของปัญจวัคคีย์ จึงเสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤทายวัน

เหล่าปัญจวัคคีย์ทีแรกเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาในลักษณะที่มีพระวรกายเอิ่มอิ่ม ก็คิดว่าพระองค์คงเสด็จมาเพื่อขอให้พวกตนกลับไปรับใช้พระองค์อีกครั้ง อัญญาโกณฑัญญะบอกทุกคนห้ามเข้าไปรับเสด็จและช่วยเหลือพระองค์เด็ดขาด แต่พอถึงเวลาจริงกลับไม่มีใครกระทำตามที่ตกลงกันไว้

อัญญาโกณฑัญญะเป็นคนที่เข้าไปน้อมรับพระพุทธเจ้าด้วยตนเอง คงถึงคราวที่การอธิษฐานแต่ครั้งสมัยพระปทุมุตระพุทธเจ้าส่งผล ด้วยกุศลของพระอัญญาโกณฑัญญะที่อธิฐานไว้ว่า ขอเป็นผู้ที่ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นคนแรก ได้ส่งผลให้พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นคนแรกในกลุ่มปัญจวัคคีย์ที่บรรลุธรรมหลังจากฟังคำสอนเรื่องทางสายกลางและอริยสัจ 4 ซึ่งเรียกคำสอนนี้ว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”



ทำไมฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแล้วบรรลุธรรม

ใจว่าของพระสูตรนี้คือ สอนเรื่องการที่ไม่ให้หมกมุ่นในกามมากไป และไม่ให้ทรมานตนให้ลำบากอย่างสุดโต่ง แสดงให้เห็นถึงพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าการบำเพ็ญเพียร (ทุกรกิริยา) ที่ทรงกระทำมา (ทรมานตน) ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงพิสูจน์แล้ว เพราะหลังจากทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ล้มเลิกการทรมานตนอย่างสุดโต่ง เปลี่ยนมาบำเพ็ญทางสมาธิแทนจึงส่งผลให้พระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า รวมทั้งทรงบอกถึงความจริงที่พระองค์ทรงค้นพบคือ อริยสัจ 4 ทรงสอนเรื่องทุกข์ ต้นเหตุแห่งทุกข์ (สมุทัย) เสนอการดับทุกข์ (นิโรธ) และข้อปฏิบัติที่สามารถดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงคือ มรรคมีองค์ 8 เป็นเส้นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา)

การที่อัญญาโกฑัญญะเข้าใจและซาบซึ้งในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบคือ ตนเข้าใจมาตลอดว่าการทรมานตนนั้นเป็นหนทางที่ถูกต้อง แต่เมื่อพระองค์ทรงพิสูจน์และทดลองแล้วปรากฏว่า การทรมานตนไม่ใช่หนทางที่ดี สู้การบำเพ็ญที่พระองค์ปฏิบัติก็ไม่ได้ ไม่ต้องทรมาน ซ้ำยังทำให้เกิดปัญญาในการค้นพบความจริงของสรรพสิ่งอีกด้วย เช่น การระลึกชาติ การอ่านวาระจิต การอ่านใจออก การมีญาณหยั่งรู้ เป็นต้น ล้วนเกิดจากการบำเพ็ญของพระองค์

ประสมกับการอธิษฐานที่มุ่งมั่นอยากเป็นคนแรกที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าของพระอัญญาโกณฑัญญะ ถึงเหตุการณ์ตรงนั้นจะมีบุคคลอื่นร่วมอยู่ด้วยอีก 4 คน แต่ด้วยผลบุญและอธิษฐานบารมีของพระอัญญาโกณฑัญญะกลับส่งผลให้ท่านบรรลุธรรมอย่างรวดเร็ว คือเข้าใจทันที ปัญจวัคคีย์คนอื่นยังต้องซักถามและไต่ถามจึงจะเข้าใจ แล้วบวชต่อจากพระอัญญาโกณฑัญญะกลายเป็นพระสงฆ์กลุ่มแรกในพระพุทธศาสนา



เป็นวันที่การเผยแผ่คำสอนเป็นครั้งแรกของพระพุทธเจ้า

เหตุการณ์ในวันอาสาฬหบูชานอกจากมีเรื่องของพระอัญญาโกณฑัญญะจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของวันนี้แล้ว ยังเป็นวันที่สำคัญมากของพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระธรรมได้เผยแผ่ไปยังคนอื่นเป็นครั้งแรก คือปัญจวัคคีย์เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ฟังคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

พระธรรมได้หมุนไปจากพระองค์สู่ผู้อื่น (การหมุนเป็นลักษณะการเคลื่อนของวงกลม จึงกลายเป็นจักร หรือ จักกะในบาลี) แล้วผู้นั้นก็เข้าใจอย่างซาบซึ้งในคำสอน นับว่าเป็นการประสบความสำเร็จครั้งที่สองของพระพุทธเจ้าเลยทีเดียว (การประสบความสำเร็จครั้งแรกของพระพุทธเจ้าคือการตรัสรู้เรื่องอริยสัจ 4)

ทั้งที่หลังการตรัสรู้แล้วพระองค์ไม่กล้าที่จะเผยแผ่คำสอนนี้เลย จนกระทั่งท้าวสหัสบดีพรหมต้องมาอาราธนา ขอร้องให้พระพุทธเจ้าเผยแผ่คำสอนอันเป็นความจริงของโลกนี้ เพื่อโปรดสัตว์ผู้มีดวงตามืดบอดได้เห็นธรรม (เหตุการณ์นี้เป็นที่มาของบทอาราธนาพระธรรมก่อนที่พระสงฆ์จะเทศนาอีกด้วย)


วนกลับมาเรื่องของพระอัญญาโกณฑัญญะต่อ

เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะรวมทั้งปัจญวัคคีย์คนอื่นเป็นภิกษุแล้ว ก็ช่วยพระพุทธเจ้าเผยแผ่คำสอน ตัวอย่างเช่น พระอัสสชิที่บิณฑบาตจนพระสารีบุตรเกิดความเลื่อมใสแล้ว ชวนพระโมคคัลลานะมาบวชเพื่อศึกษาคำสอนในสำนักของพระพุทธเจ้า เป็นต้น

พระอัญญาโกณฑัญญะปลีกวิเวกไปปฏิบัติธรรมในป่าหิมวัตจนกระทั่งถึงวันที่ต้องละสังขาร จึงเดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อทูลลาเข้านิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสถาม “เธอจะละสังหารที่ไหน” พระอัญญาโกณฑัญญะว่า “จะกลับไปละสังขารยังที่พำนักในป่าหิมวัต”

หลังจากพระอัญญาโกณฑัญญะละสังขาร โดยปกติช้างในป่าจะเป็นผู้ดูแลนำผลไม้และน้ำบ้วนปากมาถวาย แต่เมื่อรุ่งเช้าไม่เห็นพระอัญญาโกณฑัญญะออกมาเดินจงกลม ไม่ออกมารับผลไม้ที่นำมาถวายไว้ ช้างตนหนึ่งใช้งวงเปิดประตูกุฎิดู จึงทราบว่าพระเถระสิ้นบุญแล้ว จึงนำร่างของพระอัญญาโกณฑัญญะท่องไปทั่วป่าหิมวัตด้วยความโศกเศร้า

พระอินทร์ทรงเห็นดังนั้นจึงโปรดให้พระวิษณุกรรมเนรมิตเรือนยอดขึ้น แล้วนำร่างของพระอัญญาโกณฑัญญะนอนบนเรือนยอดเหาะไปทั่วสวรรค์และพรหมโลก เหล่าเทวดาและพรหมรู้จึงกระทำการบูชาพระเถระด้วยเครื่องหอมนานา เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะเคยสร้างเรือนยอดประดับประดาพระเจดีย์ ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งพระปทุมุตระพุทธเจ้า

จากนั้นเทวดาเนรมิตจิตกาธาน (เมรุเผาศพ) ขึ้น เพื่อเผาร่างของพระอัญญาโกฑัญญะ ร่างของพระเถระกลายเป็นพระธาตุ ลอยกลับไปหาพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับพระธาตุของพระอัญญาโกณฑัญญะไว้ในพระหัตถ์ เจดีย์ก็ปรากฏขึ้นจากแผ่นดิน พระองค์ทรงบรรจุพระธาตุนี้ไว้ในพระเจดีย์นั้นสืบมา (ไม่ทราบเจดีย์ที่ประดิษฐานพระธาตุของพระอัญญาโกณฑัญญะอยู่ที่ไหน เพราะเหตุการณ์ที่ยกมาเล่านี้ปรากฏอยู่ในอรรถกถาโกณฑัญญสูตร)



ที่มา : โกณฑัญญสูตร  www.84000.org , อรรถกถาโกณฑัญญสูตร www.84000.org
ภาพ : www.dhammajak.net , www.museumthailand.com , www.kanlayano.org , https://guru.sanook.com , https://palungjit.org
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/103622.html
By nintara1991 ,13 July 2019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2019, 07:02:49 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ