สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมวยจ้า ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 05:39:15 am



หัวข้อ: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 05:39:15 am
เมื่อนนายปุจฉา  ตั้งคำถาม

ผมมีคำถาม  แต่ไม่มั่นใจว่าควรจะถามท่าน (ซึ่งเป็นพระ)จ ะเหมาะสมหรือไม่ครับ :?:

เพราะดูจะเป็นเรื่องโลก ๆ ชอบกล   คือ ผมมีภรรยาแล้วและก้อมีกิ๊กด้วย  ทำอย่างไร

จึงจะบริหารจัดการได้ดีครับ :?:

ขอบคุณครับ
 :57:


หัวข้อ: Re: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 06:34:46 am
10 ข้อ ของการเป็นกิ๊ก

(http://www.kaweeclub.com/link/2%20%2861%29.gif)

ห้ามหึงหวงแต่ห่วงกันได้้  . . . ก็ใช่นะสิ เพราะหึงหวงอ่ะเขาเอาไว้ให้แฟน

ส่วนคุณเป็นแค่กิ๊กดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์อันนี้

มีอะไรกันได้ แต่ไม่ใช่ของกันและกัน ถูกต้องแล้วละ เพราะเขามีกันและกันกับแฟนเท่านั้น ส่วนกิ๊กๆ ก็

มีอะไรกันแค่นั้นแหละ

ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องมากเกินเหตุ ก็กิ๊กไม่ใช่แฟนนี่หว่า กะแฟนยังเรียกร้องไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับ

แค่กิ๊ก เล่า จะไปเรียกร้องอะไรได้

กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ห้ามเศร้า. . . ก็จะไปเศร้าทำไม ก็รู้แต่แรกแล้วว่าเค้ามีแฟนแล้ว

ดังนั้นหากเขาจะทิ้งกิ๊กอย่างคุณไปก็จงทำใจซะเถิด

ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน ทางที่ดีควรหากิ๊กที่ไม่ใช่คนเดียวกันนะจ๊ะ จะได้ปรึกษากันได้

ถ้ากิ๊กคิดจะไปมีแฟน เป็นตัวตนโดยไม่ใช่เรา ห้ามฟูมฟาย แต่ต้องพยายามยอมรับ และยินดีด้วย แล้ว

ค่อยตกลงกันอีกทีว่า จะยังกิ๊กกันต่อรึเปล่า ก็สิทธิ์ของสิทธิ์มันมีเท่านี้แหละ

ไม่จำเป็นต้อง take care กันเกินเหตุ เพราะเป็นแค่กิ๊ก ไม่ใช่แฟน

กิ๊กมีได้ไม่จำกัดจำนวน เป็น infinity ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ . . .ถ้าไม่กลัวตายเพราะ

เอดส์ แถมยังต้องปีนต้นงิ้วอีกก็เอา

กิ๊กสำคัญรองจากแฟน คนที่สำคัญที่สุด ยังไงกิ๊กก็สู้แฟนไม่ได้ คุณว่าจริงไหม

กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊ก ต้องเจียมตัว เฮ้อ.. เศร้าจริงๆเลย กับการเป็นกิ๊กนี่ เอ้า! หากใครกำลังจะเป็นกิ๊กคน

อื่นก็ตัดสินใจดีๆนะ




http://aecomsci.exteen.com/20070920/entry


หัวข้อ: Re: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: saieaw ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 08:48:17 am
ทำไมต้องมี กิ๊ก ด้วยละคะ เพราะการมี กิ๋ก ผิดศีล นะคะ

 :040:


หัวข้อ: Re: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 02:06:03 pm
เมื่อนนายปุจฉา  ตั้งคำถาม

ผมมีคำถาม  แต่ไม่มั่นใจว่าควรจะถามท่าน (ซึ่งเป็นพระ)จ ะเหมาะสมหรือไม่ครับ :?:

เพราะดูจะเป็นเรื่องโลก ๆ ชอบกล   คือ ผมมีภรรยาแล้วและก้อมีกิ๊กด้วย  ทำอย่างไร

จึงจะบริหารจัดการได้ดีครับ :?:

ขอบคุณครับ
 :57:

แหม วิธีง่าย ๆ นะครับ รับศีล สมาทาน ศีล ว่าข้าพเจ้า รักษา ศีล 5 สุดชีวิต นะครับ

เป็นวิธี บริหารจัดการที่ดี แน่ ๆ ครับ
 :25:


หัวข้อ: Re: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: รักหนอ ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 02:52:38 pm
 :91:  :03:

คนไม่หลายใจ ยังมีอยู่ ในโลกนี้ อีกหรือไม่นี่ ทำไมจึงยังไม่พอ อีกจ๊ะ

กาำรจัดการดีที่สุด นะคะ .... คือ หยุด .... ทำร้าย หัวใจ สตรี สิคะ...

 :bedtime2:


หัวข้อ: Re: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกเกด ที่ พฤศจิกายน 12, 2010, 06:49:30 am
บริหาร จัดการที่ดี ที่สุด คือ อย่ามีกิ๋ก คะ

 รักเดียว รักแท้ เูถอะคะ อย่าเป็นคนรักมาก หลาย ใจ เลยคะ

   ที่สำคัญที่่สุด ....ผู้หญิง ทุกคน ก็ไม่อยากให้คุณหลายใจ คะ

 ความรัก คือ เหตุแห่งความทุกข์ นะคะ จะรักเล่น หรือ รักจริง ก็ไม่ควรจะทำคะ

  :73: :03:


หัวข้อ: Re: ถามธรรมะวิธีจัดการเรื่อง " กิ๊ก "
เริ่มหัวข้อโดย: สาวิตรี ที่ มกราคม 21, 2011, 02:58:50 pm
กิ๊กออนไลน์ ไม่เสียหายจริงหรือ (MomyPedia)
(http://gotoknow.org/file/drsuchada/charmingsmile_big.jpg)
โดย : ส.นพมณี

          โลก ไซเบอร์ทำให้คนเรามี "กิ๊ก" ได้ง่ายขึ้น ไปฟังประสบการณ์ของคนที่เคยมีกิ๊กออนไลน์กันดีกว่าว่า ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความสงบของชีวิตครอบครัวได้เพียงใด

          ยุคของโลกสื่อสารไร้พรมแดน ความรู้สึกดี ๆ ที่คนสองคนมีให้กันจนถึงขั้นกลายเป็น "กิ๊ก" นั้น เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ อย่างไร้พรมแดนเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่คนที่มีครอบครัว แล้วหากเหตุการณ์นั้นบังเกิดขึ้นจริง จะผิดไหม... ลองฟังคำให้การของหญิงผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่ง ซึ่งยินดีเผยเรื่องราวและความรู้สึก

          ด้วยวัย 30 ปลาย ๆ มีชีวิตครอบครัวมาแล้ว 15 ปี เธอเพิ่งรู้จักการแชทใน msn เมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี่เอง และติดใจเข้าขั้นคลั่งไคล้
 
          "แรก ที่ลองเข้าไปเล่นนั้นไม่ได้คิดอยากจะมีเพื่อนใหม่ กลับรู้สึกว่ามันไร้สาระ และเสียเวลาดูแลครอบครัวด้วยซ้ำ แต่ มันเริ่มต้นจากว่าเห็นลูกหลานเล่นแล้วหัวเราะสนุกสนานกัน จึงสอบถามและต้องการควบคุมพวกเขาให้เล่นอยู่ในขอบเขต เพราะเคยได้ทราบข่าวว่า มีเด็ก ๆ วัยรุ่นพลาดท่าถึงขนาดเสียสาว หรือกลายเป็นคนติดยาจากการแชท ก็ห่วง และที่สำคัญ พอเรารู้เรื่องไปกับเขาเด็ก ๆ ก็ให้ความไว้วางใจดิฉันด้วย เพราะเวลาที่เขาเล่นกัน ถูกอีกฝ่ายหนึ่งถามโน่นถามนี่ ไม่รู้จะตอบยังไงดี ก็จะหันมาถามดิฉัน ดิฉันก็แนะนำให้ไม่บอกความจริง เช่น เราเป็นใคร มาจากไหน เบอร์โทรอะไร"

          "แล้วดิฉันก็ได้เห็นว่าคนที่เข้ามาคุยดี ๆ ก็มีนะคะ ไม่พูดคุยส่อไปในทางลามกอนาจาร แต่กลับแนะนำ เตือนให้ระวังพวกโรคจิตซึ่งจะเข้ามาหลายรูปแบบ...ก็ให้ความรู้สึกดี ๆ จนเกิดมิตรภาพให้กัน อย่างน้อยก็เหมือนมีเพื่อนดี ๆ ที่คอยห่วงใยเราเพิ่มขึ้น จนในที่สุดก็นึกสนุก อยากเล่นแชทซะเอง"

          "ดิฉันเลือกเวลาแชทเฉพาะตอนสามีไม่อยู่บ้าน หรือเข้านอนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผิดต่อครอบครัวนะ เพียงเพราะการคุยออนไลน์ สร้างความสนุกสนานให้เรายิ้มคนเดียวได้ ประสบการณ์ ที่มีในชีวิตก็พอทำให้ทราบได้ว่า คนที่เราพูดคุยด้วยนั้นเป็นคนดีหรือไม่ จากการหลอกถามไปถามมา เช่น บอกว่าเราทำงานต้อยต่ำเหลือเกิน เป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง ขายของแผงลอยบ้าง แต่เขาไม่รังเกียจ กลับให้กำลังใจ ให้สู้ชีวิต บางคนถ้าคุยกันสนิทแล้ว ก็ถามถึงรูปร่างหน้าตากันบ้าง บางทีก็นัดเจอ แต่พอไปเจอดิฉันก็อ้างว่าเป็นน้องเป็นพี่มาแทนคนที่เค้าคุยด้วยซึ่งไม่ว่าง ฝากขนม ฝากของมาให้ ระหว่างที่พูดคุยกันนั้นก็คอยสังเกตอุปนิสัยที่แท้จริง ซึ่งดิฉันเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และมีประสบการณ์ชีวิตพอสมควร ก็ดูไม่ยากหรอกค่ะว่าคนที่เราแชทด้วยนั้นเป็นคนยังไง"

          "แต่ ดิฉันไม่เคยบอกความจริงว่ามีครอบครัวแล้ว ดิฉันยอมรับว่าการใช้ชีวิตครอบครัวมานาน ทำให้ความมีชีวิตชีวาจืดจางลงไป การแชท ได้เจอเพื่อนใน msn ทำให้ดิฉันรู้สึกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ดูแลตัวเองมากขึ้น แต่งตัวเก่งขึ้น อารมณ์ดีขึ้น คุยกันคนที่ไม่เคยเห็น หน้ากันช่วยให้เราผ่อนคลาย เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าอย่างน้อยเรายังมีเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา ไม่ได้ผจญกับปัญหาที่มีอยู่เพียงลำพัง หลายครั้งการแช็ตกับคนที่คุยกันถูกคอ มีเรื่องสนุกสนานมาล้อเล่นและเล่าสู่กันฟังได้...ก็ช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น ในขณะมีปัญหารุมเร้าเข้ามาหลาย ๆ ด้าน ช่วยให้เราคลายเครียดจากงานประจำ ปัญหาทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน รวมทั้งปัญหาจุกจิกในครอบครัว ก็ทำให้เรามองข้ามไปได้"

          "กับคนคนนี้ พอคุยกันมาระยะหนึ่ง ก็มีการส่งรูปถ่ายให้กันและกันดู และบังเอิญที่หน้าตา รูปร่างเขาตรงใจดึงดูดให้เราอ่อนไหวอยากเจอ อีกอย่างก็อยากลองบริหารเสน่ห์ความเป็นหญิงที่ละเลยมานาน ว่ายังมีเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ซึ่งสามีเราอาจมองไม่เห็นแล้ว แต่ในเมื่อมีคนมองเห็นก็ทำให้เราปันใจได้เหมือนกัน เคยนัดพบกันค่ะ แต่แอบดูว่าใช่คนที่ส่งมาตามรูปถ่ายมั้ย ระมัดระวังตัวอย่างมาก ไม่นัดเจอกันในที่ล่อแหลม อย่างมากแค่นัดทานข้าวกันธรรมดาเท่านั้น เราไม่ได้ทำอะไรผิดศีลธรรม มันเป็นแค่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บางครั้งสามีมองข้ามไปเนื่องจากใช้ชีวิตร่วมกันมานาน หน้าที่แม่บ้าน ดิฉันก็ยังทำให้เขาสม่ำเสมอ แล้วคิดว่าหากเป็นเขาก็คงเช่นเดียวกัน คงไม่บอกว่ามีภรรยาแล้ว ดิฉันจึงคิดว่าปิดบังคงดีที่สุด บอกให้เกิดความระแวงทำไม"

          "ที่ ผ่านมาสามีดิฉันไม่เคยสงสัยเพราะคิดว่าเล่นเกมออนไลน์...ถือเป็นโชคดีที่ สามีเป็นคนสุขุม ใจเย็น และไว้ใจกันมาตลอด เพราะดิฉันไม่เคยมีความประพฤติส่อไปในทางไม่ดีให้เขาเห็น แต่ดิฉันคิดว่าอย่างไรก็คงต้องระวัง ไม่ควรทำให้ครอบครัวแตกแยก ถ้าเล่น msn แล้วมีผลทำให้ต้องเลิกกับครอบครัว นั่นเป็นเรื่องของคนเล่นที่ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะการแชทบางทีมันก็ทำให้เราเคลิ้มไปว่ายังปฏิบัติต่อครอบครัวอย่างถูก ทำนองคลองธรรม คล้ายกับการกินขนมจานโปรด พอถึงเวลาก็อยากจะกิน เช่นเดียวกับเมื่อถึงเวลาเดิม หากไม่ได้แช็ตได้พูดคุยกันก็เหมือนขาดอะไรไปอย่าง การเอาเวลาไปนั่งแช็ตก็อาจทำให้ครอบครัวสูญเสียความอบอุ่นในช่วงเวลานั้นไป ได้เหมือนกัน"

          ฟังอย่างนี้แล้ว...จะแชทให้ครอบครัวต้องเจอความเสี่ยงไปทำไม...ว่ามั้ยคะ