ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ  (อ่าน 3698 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

TC9

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 137
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมมีเพื่อนที่ไปร่วมปฏิบัตกัน เป็นประจำ หลายปี ต่อมาเขาก็เริ่มเป็นคนชอบพูดธรรมะ และ ชอบไปแสดงธรรมะ
ตามสถานที่ต่าง ๆ เวลาเจอกัน เขาจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า ที่จะเป็นฝ่ายฟัง จนบางครั้งผมก็รู้สึกว่า พูดมากจริงๆ
แต่ในการปฏิบัติ บางครั้งก็มีอาการฉุนเฉียวบ้าง ในตอนทำงาน จนผมรู้สึกว่า คงจะได้แต่พูด แต่เขาก็ควบคุมอารมณ์ได้เร็ว เพื่อนผมคนนี้ชอบศึกษาธรรม อ่านหนังสือ ฟังธรรมในสาย หลวงพ่อพุทธทาสเป็นหลัก ไม่ชอบการฝึกสมาธิ

 ส่วนผมชอบการฝึกสมาธิ มากกว่าการฟัง หรือพูด

 จนมาวันนี้ผมรู้สึกว่า คนที่พูดธรรมะมาก ๆ จัดเป็น ความฟุ้งซ่านได้หรือไม่ หรือ เป็น ธัมมะวิจบะ ของเขา

  :s_hi: :67:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 12:47:21 pm »
0

 จนมาวันนี้ผมรู้สึกว่า คนที่พูดธรรมะมาก ๆ จัดเป็น ความฟุ้งซ่านได้หรือไม่ หรือ เป็น ธัมมะวิจบะ ของเขา


การฟุ้งซ่านในธรรม ดีกว่าฟุ้งซ่านในกามคุณ

ธัมมวิจยะ ต้องประกอบด้วย สติ และสมาธิ การที่รู้ตัวได้เร็วว่า กำลังฟุ้งซ่านในธรรม ก็เพราะมีสติ

 การที่คนคนหนึ่งชอบ "ปริยัติ" มากกว่า "ปฏิบัติ" ก็เป็นไปตามจริตนิสัย วาสนาบารมีที่สั่งสมมา



 การทรงไว้ซึ่งปริยัติ มีข้อดีในด้านการสืบทอดศาสนา การอันตรธานของพุทธศาสนามี ๓ อย่าง คือ
 
การอันตรธานของปฏิเวธ การอันตรของปฏิบัติ และสุดท้ายก่อนที่พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

 จะอุบัติจะมีแต่ปริยัติเหลืออยู่ ตราบใดที่ยังมี คำสอนเหลืออยู่แม้แต่ประโยคเีดียว เช่น

 อัตหิ อัตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่ง ก็ยังไม่ได้ชื่อว่า พุทธศาสนาอันตรธาน


แต่ตราบใดที่ไม่เหลือแม้คำสอนเพียงน้อยนิด ก็จะเข้าสู่พุทธันดร และอุบัติกาลของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่จะตามมา

 :49:


 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2011, 12:51:27 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 01:07:39 pm »
0
ผมว่า ความฟุ้งซ่าน เป็น อริ กับธัมมะวิจยะ นะครับ เคยเมลถามพระอาจารย์ มานานแล้ว

  ( ถาม ทางเมล )
 ผม ตั้งคำถาม  ทำไม ต้องเข้า กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ ทำไม ไม่ภาวนา ธัมมะวิจยะ ให้มากขึ้น

 พระอาจารย์ตอบ เพราะความฟุ้งซ่าน จึงไม่สามารถ ทำให้เกิด ธัมมะวิจยะ ธรรมใด ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะความฟุ้งซ่านจึงไม่สามารถ รู้แจ้งธรรมได้ กายปัสสัทธิ และ จิตตปัสสัทธิ เป็นธรรมปฏิปักษ์ กับความฟุ้งซ่าน ธรรมะใด ๆ ที่เกิดเพราะความฟุ้งซ่าน เรียกว่า กุศลธรรม มีก็ดี แต่ เป็นอุปสรรค ในภาษา อุปสรรค กัมมัฏฐาน เรียกว่า ญานัง ความรูเกินความจำเป็น เหมือนผู้ทำวิจัยเพลิดเพลิน จนเป้าหมาย หายหรือเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ความฟุ้งซ๋าน ต้องอาศัย
กายปัสสัทธิ และ จิตตปัสสัทธิ เป็นเครื่องสงบระงับเบื้องต้น และผู้ที่ภาวนากรรมฐาน มาถึงห้องที่ สอง คือ พระยุคลธรรมหก นั้น ก็ย่อมระงับความฟุ้งซ่าน จนสามารถ ทรงกายและจิตได้ ไม่น้อยและนาน ดังนั้นพระธรรมปีติ เป็นธรรมเครื่องตื่นในการภาวนา ให้ความแช่มชื่น พระยุคลธรรมหก เป็นด่านแห่งปราโมทย์ของกายและจิต เริ่มเป็นผลและให้ผล คือ สุข ในธรรม ไม่ใช่สุขที่เรียกอันเอื่้อด้วยกามคุณทั้ง 5 อันเรียกว่าสุขอิงอามิ้ส

    กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ พ้นจากอกุศลธรรมเบื้องต้น ระงับ ความฟุ้งซ่าน คือ นิวรณ์ธรรมได้
   
    ส่วนผู้ใดจักเจริญวิปัสสนา ในยามฟุ้งซ๋าน ย่อมให้ผลร้ายมากกว่าผลดี แต่ อุทธัจจะสังโยชน์นั้นจักดับได้จริงแท้ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น ดังนั้นสำหรับเรา ท่านทั้งหลาย ผู้ภาวนาอยู่ จึงต้องมีความฟุ้งซ่านกันอยู่บ้าง ต้องมาฝึกการภาวนา ระงับความฟุ้งซ่าน ให้ได้ก่อนจึงควรแก่การวิปัสสนา

   กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ มีผลมาจาก การวางอุเบกขานิมิต ด้วยประการหนึ่ง

  ( เท่าที่ค้นทางเมลได้นะครับ )
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

samathi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 93
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 01:46:48 pm »
0
อนุโมทนา กับคุณ raninmain ด้วยครับ ที่นำเนื้อหาในเมล มาให้อ่านครับ
ช่วงนี้ไม่เห็นพระอาจารย์ ตอบจดหมาย หรือ กระทู้เลยครับ เงียบไปเป็นอาทิตย์ แล้วนะครับ
ได้อ่้าน คำอธิบาย พอหายคิดถึง ครับ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 05:21:45 pm »
0
อนุโมทนา กับคุณ raninmain ด้วยครับ ที่นำเนื้อหาในเมล มาให้อ่านครับ
ช่วงนี้ไม่เห็นพระอาจารย์ ตอบจดหมาย หรือ กระทู้เลยครับ เงียบไปเป็นอาทิตย์ แล้วนะครับ
ได้อ่้าน คำอธิบาย พอหายคิดถึง ครับ

 :25: :25: :25:

ช่วงนี้เป็นช่วง นั่งกรรมฐาน นะจ๊ะ จึงไม่ค่อยที่จะยุ่งกับเรื่อง ระบบ internet นะจ๊ะ
ถ้าออกกรรมฐาน ตอนเย็น 17.00 น. ก็จะไม่ค่อยดูเนื้อหา หรือ อ่านจดหมาย ใด ๆ
ก็น่าจะเป็นอย่างนี้ไปจนกว่า จะถึง ออกพรรษา นะจ๊ะ

ก็อนุโมทนา ช่วยกันตอบ และ โพสต์กันไปเรื่อย ๆ อย่าได้หายไปกันนะจ๊ะ

เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

paitong

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 103
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 05:47:24 pm »
0
อนุโมทนากับพระอาจารย์ เมื่อไหร่จะมาโปรดศิษย์ที่ ชุมพรอีกคะ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: คนชอบพูดธรรมะ จัดเป็นคนฟุ้งซ่าน ได้หรือไม่ครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 07:42:05 pm »
0
ผมมีเพื่อนที่ศึกษาธรรม อ่านหนังสือ ฟังธรรมในสาย หลวงพ่อพุทธทาสเป็นหลัก ไม่ชอบการฝึกสมาธิ ชอบพูด

จนผมรู้สึกว่า คนที่พูดธรรมะมาก ๆ จัดเป็น ความฟุ้งซ่านได้หรือไม่ หรือ เป็น ธัมมะวิจยะ ของเขา

คนน้ำล้น

     แก้วขอบล้นปริ่มน้ำ        จิบบ้าง
รู้หลากอ่านพร่ามง้าง          เหตุรู้
เพียรแต่ซ่านอรรถอ้าง       หยามข่ม
บัณฑิตจิตอ่านคู้              บ่ข้องกังขา.


                                                ธรรมธวัช.!  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2011, 07:46:40 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา