ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว  (อ่าน 25443 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

utapati

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 51
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นหลักปฏิบัติที่พระอาจารย์สอนผม ตอนผมไปเรียนกับท่าน ที่วัดครับ
ผมจึงขอนำมาเรียบเรียงบอกต่อท่าน ไว้เห็นพี่ kittisak โพสต์คำบอกของพระอาจารย์
แ้ล้วผมก็นึกได้ว่าผมก็มีอยู่เหมือนกัน พระอาจารย์จะได้พิมพ์น้อยลงหน่อย





หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด เมื่อนิพพิทา คือ ความหน่ายแต่สังสารวัฏฏ์ เกิดขึ้นแก่ท่าน


    หายใจเข้า ก็ให้นึกว่า หายใจเข้านี้เพื่อพระนิพพาน
    หายใจออก ก็ให้นึกว่า หายใจออกนี้เพื่อพระนิพพาน
    หายใจเข้า อัดนิ่งลมหายใจ ประมาณ 16 อักขระ 37 ปล่อยประคำ อัดนิ่งไว้ ให้นึกว่า อัดนิ่งไว้เพื่อพระนิพพาน
    ผ่อนลมหายใจออก ก็ให้นึกว่า ผ่อนลมหายใจนี้เพื่อพระนิพพาน
    หายใจเข้า ก็ให้นึกว่า หายใจเข้านี้เพื่อพระนิพพาน
    หายใจออก ก็ให้นึกว่า หายใจออกนี้เพื่อพระนิพพาน
   หายใจเข้า อัดนิ่งลมหายใจ ประมาณ 16 อักขระ 37 ปล่อยประคำ อัดนิ่งไว้ ให้นึกว่า อัดนิ่งไว้เพื่อพระนิพพาน

เป็นการฝึกอานาปานสติ หายใจส่วนปฏิภาค คือ อัดนิ่งไว้

ให้ทำจนกว่าจะหายฟุ้ง และ สงบในเบื้องต้น

เป็นวิธีการเดินจิตไว และ แก้อารมณ์ฟุ้งซ่าน เมื่อสมาธิแตกออก จิตแตก จิตฟุ้ง
เมื่อจิตสงบดีแล้ว จึงให้เริ่มปฏิบัติ ในห้องพระพุทธคุณไปตามลำดับ

ประโยชน์ของการอัดนิ่ง นั้นมีนานัปประการ
พระอาจารย์ของพระอาจารย์ ถ่ายทอดไว้
1.ยืดอายุการทำงานของหัวใจ
2.อายุยืน
3.กำหนดสมาธิได้ไว เพราะขั้นที่ ฌาน 4 ขึ้นไปนั้น จะอยู่ในสภาวะอัดนิ่งทั้งหมด
Aeva Debug: 0.0007 seconds.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 09, 2010, 10:22:36 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 06:46:42 am »
0
หมวยนีย์ ลองนำไปทำตาม แล้วได้ผลดี ในช่วงแรก อึดอัดอยู่บ้าง

รู้สึกได้เลยว่า สมาธิรวมตัวเร็วมาก

คุณ Utapati นี้เป็นศิษย์เอกแน่เลย

เพราะหมวยนีย์ ลองค้น ใน User โพสต์ แล้วไม่ได้ โพสต์ มานานมาก

แต่อ่านแล้วจึงรู้ว่า คือ ทหารที่ป่วย ด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

สาธุ สาธุ สาธุ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 07:14:08 am »
0
 :25: :25:

บันทึกการเข้า

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:16:42 pm »
0
ไม่เคยฟังพระอาจารย์ สอนวิธีนี้่ เลย

แต่ก็เชื่อมั่นว่าพระอาจารย์ สอนแน่นอน

เพราะ user  นี้ Utapati นี้รับรอง

สาธุ สาธุ  :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:41:06 pm »
0
พระอาจารย์ ตอบมาทางเมล์ ว่าเป็น การหายใจแบบ นิสสวาตะ

อัสสวาตะ ปัสสวาตะ และ นิสสวาตะ เป็นหลักการเดินลมที่ได้ผล

นิสสวาตะ คือ การที่เราหายใจเข้าออก แล้่วไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นลมหายใจเข้าออกของเรา แต่ลมหายใจเข้า

ออกนั้นเป็นไปเพื่อพระนิพพาน คือสิ้นสุดแห่งทุกข์ ว่างเปล่าจากความหมาย แห่งความเป็นตัวเป็นตน เป็นแต่สักว่า

ผู้หายใจเข้าและหายใจออก

เป็นวิธีการทำให้เกิด นิสวาศจิต

 พระอาจารย์กล่าวว่า มโนทวาร สว่าง ทั้ง 4 ประตู

ถามมากกว่านี้พระอาจารย์ไม่ตอบ ๆ สั้นๆ ว่า ปฏิบัติมาให้ถึงก่อน อย่าพึ่งถามต่อมาก

สาูธุ สาธุ
 :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 04:43:26 pm »
0
อ้างถึง
ประมาณ 16 อักขระ 37 ปล่อยประคำ

สงสัยตรงนี้ อธิบายให้เข้าใจเพิ่มได้หรือไม่คะ ?

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 07:27:59 am »
0
เคล็ดหายใจ ปฏิภาค คล้ายกับเคล็ดกับหายใจปฏิภาค วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น

ของวัดเสียวลิ้มยี่ มาก ซึ่งมีการอัดนิ่ง ลมไว้ภายในพร้อมบริกรรรมฟังการเคาะ ปลาไม้ ด้วย

ในขณะเดียวกันก็มีบริกรรมลูกประคำมือ 37 เม็ด


ผมพึ่งรู้ความหมายเทียบเคียง กับตอนที่ผมไปฝึกที่เสียวลิ้มยี่ ที่แท้เป็นการฝึก

อานาปานสติ ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับด้วย

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 16, 2010, 01:53:31 pm »
0
ถ้าฝึกในห้องพระธรรมปีติ ก็ไม่เกี่ยวกับลมหาย ใจ เข้า ออก นะ

เดี๋ยวจะติดอุปนิสัย ตรงนี้ กันทำให้เสียเวลา กำหนดจิต

ถ้าฝึกในห้องพระพุทธคุณ ก็อย่าพึ่งไปกำหนดรเืรื่อง ลมหายใจ เข้า ออก กันมาก

ต้องกำหนด จิต พุทโธ ที่ ฐาน จิต ต่าง ๆ นะจ๊ะ

เจริญพร
 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ปอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 119
  • จิตที่ฝึกดีแ้ล้ว ย่อมนำสุขมาให้
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 10:56:24 am »
0
เป็นคำวิจารณ์ เรื่องการอัดนิ่ง คะ

มัชฌิมาปฏิปทา

คำว่า มัชฌิมาปฏิปทา คำนี้เป็นถ้อยคำที่พระพุทธสาวกจำกันจนขึ้นใจ เป็นพระพุทธพจน์
ที่ยืนยันถึงผลของการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัตินั้นมีแนวอยู่สามแนวคือ
๑. อัตตกิลมถานุโยค การดำรงความเพียรอย่างเคร่งเครียด กินน้อยนอนน้อยว่ากันหามรุ่ง
หามค่ำ บางรายถึงกับอดมื้อกินมื้อ บางรายพยายามกินน้อยๆ ลดลงไปทุกวันจนร่างกายผอม และ
มีการกลั้นลมหายใจ กลั้นกันนานๆ เพื่อให้มรรคผลนิพพานเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่เกิด เพราะมันไม่ใช่
ทางของผลที่ฌานและมรรคผลจะเกิด พระพุทธเจ้าเองท่านยืนยันว่า วิธีนี้พระองค์ทำมาแล้ว สิ้นเวลา
หกปีเต็ม อดข้าวจนมีร่างกายผอมเกือบเดินไม่ไหว ขนที่พระกายเวลาเอามือลูบถึงกับหลุดติดมือ
ออกมา กลั้นลมโดยเอาลิ้นกดเพดานจนลมออกหูอู้ ทำอย่างนี้พระองค์ตรัสว่า เป็นการทรมานตน
ให้ลำบากเปล่าไม่เกิดมรรคผลเลย นอกจากจะเพิ่มทุกขเวทนาให้มากขึ้น สมัยนี้เห็นจะได้แก่การ
อัดขันธ์ของอาจารย์บางคณะ เคยไปพบเขาที่สนามแจง จังหวัดลพบุรี เห็นอุบาสิกาสองคนนั่งคราง
เสียงกระหึ่ม ได้เข้าไปถามว่า โยมเป็นอะไร เพราะคิดว่าแกป่วย ได้รับคำตอบว่า

" อาจารย์ท่านสั่งให้อัดขันธ์ค่ะ "
ถามว่า " อัดขันธ์เป็นอย่างไร "
ได้รับคำตอบว่า " อาจารย์ให้กลั้นใจ
"

ฟังแล้วก็สลดใจ คิดว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนมาแล้ว ท่านทำมาแล้วยิ่งกว่านี้ ท่านทราบว่า
ไม่เป็นทางสำเร็จ ไม่คิดเลยว่าสมัยนี้ยังมีคนเอามาสอนกันอีก แบบนี้จงอย่าแตะต้องเลย ผู้เขียนเอง
ก็ลองฝืนและได้รับผล คือ ของเก่าที่ได้มาแล้วพลอยสูญไปด้วย ที่เป็นโรคเส้นประสาท และถูก
ประสาทหลอน ก็เพราะทำนอกรีตนอกรอยอย่างนี้แหละ

ที่มาของเว็บ

http://www.wattiabsilaram.net/upload/showthread.php?t=1108



คือพอนำไปพูดแนะนำกัน หลายคนก็บอกว่า เป็น ทางสายโต่ง ไม่ใช่ทางสายกลางคะ

สรุปแล้ว การหายใจ อัดนิ่งนั้นเป็น ทางสายกลาง หรือป่าวคะ

บันทึกการเข้า

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 09:34:18 am »
0
อ้างถึง
อาจารย์ท่านสั่งให้อัดขันธ์ค่ะ "
ถามว่า " อัดขันธ์เป็นอย่างไร "
ได้รับคำตอบว่า " อาจารย์ให้กลั้นใจ "

คำพูด ประโยคว่า อาจารย์ ต่อไปควรระบุนามนะคะ เพราะว่าผู้อ่านที่ไม่เข้่าใจ อาจจะนึกว่า

เป็นคำพูดของพระอาจารย์สนธยา คะ

ขอตอบแทนพระอาจารย์นะคะ ว่าพระอาจารย์ไม่เคยสอนคำว่า อัดขันธ์ หรือ กลั้นใจ คะ


เคยได้ยินแต่ ฟอกธาตุ ฟอกขันธ์ สลายขันธ์ สลายกาย สลายจิต

ดังนั้น วิธีการที่อ้างถึง ไม่ใช่คำพูดของพระอาจารย์สนธยา ขอให้เพื่อนสมาชิก เวลาใช้คำว่า

อาจารย์ ควรระุบุชื่อ ไว้ด้วยคะ ป้องกันการเข้าใจผิดในเนื้อหา


ที่นี้่มากล่าว เรื่อง การอัดนิ่ง นั้นเป็นอัตตกิลมถานุโยค หรือไม่ ก็ขอตอบว่าไม่เพราะเป็นธรรมชาติของผู้

ได้ฌาน ตั้งแต่ ฌาน 3 ขึ้นไป เพราในสภาวะอัดนิ่งจะเป็นอยู่มากเช่นนั้น จึงมีคำกล่าวแสดงไว้ในพระไตรปิฏก

ว่าเป็นสภาวะที่ไม่หายใจ หรือ หายใจน้อย เพราะอยู่ในสภาวะอัดนิ่ง

สำหรับ รักหนอ เคยได้ฟังเรื่อง สติปัฏฐาน สันโดด พระนิพนธ์ ของหลวงปู่

ก็กล่าวเรื่องนี้ไว้ โดยการฝึกอัดนิ่งไว้ ที่ 16 อักขระ อันประกอบด้วย อักขระ อ อา เป็นต้น

หรือนับเนื่อง กำหนดห้วงไว้ที่ 37 เม็ดประคำ  ไม่ใช่ให้ตั้งหน้าตั้งตา กลั้นหายใจ

แต่ทุกครั้งที่ทำให้วางจิต เป็นไปพระิินิพพาน ทำอุปสมานุสสติ ไว้ขณะนั้น

การทำเยี่ยงนี้เรียกว่า นิวาสจิต หรือ นิสวาตะ

ดังนั้นการฝึกอัดนิ่ง นั้นเป็นธรรมชาติของจิตละเอียด ที่เป็นสมาธิ

จุดประสงค์เบื้องต้น ของคนที่ยังไม่มี ฌานลาภี ก็เพื่อทำให้ นิวรณ์ระงับ

คุณต้องลองหายใจแบบนั้นดู จะทำให้คุณเหนื่อย จะมีผลเหมือนไปเดินจงกรม เช่นกัน

ทำให้จิตหายเร่าร้อนในช่วงนั้นได้ เพราะวางอารมณ์ถูกเพื่อพระนิพพานไว้ด้วย


ฟังคนอื่นวิจารณ์ ไม่สู้เท่ากับลงมือทำเอง

คนวิจารณ์อาจจะไม่เคยฝึก หรือ มีอคติไว้ล่วงหน้า

ดังนั้น กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ จึงไม่มุ่ง สันโดดใน กรรมฐาน กองใด กองหนึ่ง

เพราะจริต และ บารมี ของการสั่งสมมาแตกต่างกัน
 :25: :25:



บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 11:15:02 am »
0
คำว่า อัดขันธ์ เท่าที่เคยได้อ่านมา เป็นแนวของสายหลวงพ่อปาน หลวงฤาษีลิงดำ

คุณรักหนอ อย่าได้มี a little bit angry เลย เดี๋ยวไม่งาม

  :s_hi::49: ;)
ในความคิดของผม ทางสายกลางของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน

ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีที่สั่งสมกันมา หลายภพหลายชาติ

ตัวอย่างก็คือ หลังจากพระพุทธองค์เสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดาแล้ว

ลอยถาด มาประทับใต้ต้นโพธิ์ ท่านตั้งสัจจะอธิษฐานว่า


"ถ้าเรายังไม่ได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด   

เราจักไม่ยอมลุกขึ้นตราบนั้น  แม้ว่าเนื้อและเลือด

จะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตามที"


คำอธิษฐานนี้เป็น อัตตกิลมถานุโยค หรือเปล่าครับ ?

ขอคุยเท่านี้ก่อนนะครับ พูดมากเดี๋ยวมานะอัตตากำเริบ
 :) :08:
อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังแรงใจให้ คุณปอง และคุณรักหนอ :58: :58:

ทั้งสองท่านแสดงความเห็นได้ดีครับ
:25: :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 18, 2010, 11:22:20 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 01:11:21 pm »
0

อ้างถึง
ขอเป็นกำลังแรงใจให้ คุณปอง และคุณรักหนอ
:13: :25:
บันทึกการเข้า

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 03:48:49 pm »
0
ตอนที่ดิฉัน อ่านยังเข้าใจว่า พระอาจารย์ สอนอัดขันธ์ เลย ๆ อ่านต่อมาเรื่องการอัดขันธ์

เพราะด้านบน ใช้คำพูดว่า อัดนิ่ง อันที่จริงอ่านแล้ว ดิฉันก็ไม่ได้รู้จักพระอาจารย์ ก็ยังเข้าใจ

ว่าเป็นพระอาจารย์ สอนเลยคะ ต้องอ่านมาจนหมดถึงจะเข้าใจ

โอกาสที่คนอ่าน กระทู้หมด นั้นมีน้อยคะ ยิ่งดิฉันเข้ามาอ่าน ขนาดตามอ่านมา 1 อาทิตย์เต็มแล้ว

ยังอ่านไม่หมดเลยคะ ข้ามกระทู้ อ่านไม่หมดก็มี

ดังนั้น ก็เห็นด้วยนะคะ ว่าควร ระบุชื่อ ผู้พูดไว้บ้าง ถึงไม่กัน ก็ให้เป็น เครดิต บ้าง

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 08:50:01 am »
0
อ้างถึง
ก็เห็นด้วยนะคะ ว่าควร ระบุชื่อ ผู้พูดไว้บ้าง ถึงไม่กัน ก็ให้เป็น เครดิต บ้าง

ถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้ผู้โพสต์ พึ่งระวัง เรื่องพวกนี้ด้วย

เจริญพร
 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

chusri sakunwong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 19
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 25, 2010, 09:40:26 pm »
0
ตอนนี้กำลังฝึกตาม แบบที่คุณ Utapati แนะนำ

เพราะเวลาของดิฉัน จะหมดแล้ว

 :25:
บันทึกการเข้า

samathi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 93
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 10:39:56 am »
0
อ้างถึง
เพราะเวลาของดิฉัน จะหมดแล้ว

เป็นสำนวนที่แปลก ๆ ครับ

 ถ้าอย่างนั้นเวลา ผมก็ใกล้แล้วเหมือนกัน ครับ

  ผมเคยฟังพระอาจารย์ พูดให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่งเรื่องของคนป่วยครับ
 
    ท่านยกบุคคลจริงด้วยครับ คือ

    สมัยที่ท่านอยู่กับพระอาจารย์มหาประทีป นั้น พระมหาประทีบป่วยด้วยโรคหัวใจ เข้าผ่าตัดก็หลายครั้ง

   ใคร ๆ ต่างก็คิดว่า พระมหาประทีปนั้น จักตายในไม่ช้า เพราะใครนั่งใกล้ ก็จะได้ยินเสียง ติ๊ก ๆ ที่หัวใจ

   ของท่าน ฟังแล้วก็น่าจะัคล้อยตามครับ

     พระอาจารย์เล่าต่อไปว่า เชื่อไหม ขณะปัจจุบันนี้ พระมหาประทีป ยังมีอายุอยู่เลย

     ส่วนบุคคลที่เป็นอุปัฏฐาก และ สหายธรรม นั้นกับมรณะภาพลงเสียก่อน

     มีพระอาจารย์สงวน จันทะวังโส รองจากมหาประทีป ศิษย์อุปัฏฐาก อีกสองท่าน

     พระอาจารย์ที่นับถือ ดูแล้วแข็งแรง ก็ล้วนล้มหายตายจากกันไป ร่วม 10 กว่ารูป

        คงเหลือแต่พระมหาประทีป ที่ดูเหมือนเจ็บ ออด ๆ แอด ๆ นั้นกับมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน

    อันว่าความตาย ล้วนเกิดกับใครก็ได้ทุกคน


       พระอาจารย์เล่า พระสูตร เรื่อง นางเปสการี อุบาสิกาหญิง ที่โต้คำถาม กับพระพุทธเจ้า ให้

  ชนทั้งหลาย งวยงง สงสัย เล่นตอนนั้น ว่า

      พระพุทธเจ้า ทรงตรัสถาม เธอว่า

     พ.  กุมาริกา เธอมาจากไหน ?

     กุ.   ไม่ทราบ พระเจ้าข้า

     พ. เธอจักไปที่ไหน ?

     กุ.  ไม่ทราบ พระเจ้าข้า

     พ.  เธอไม่ทราบหรือ ?

     กุ.  ทราบ พระเจ้าข้า

     พ.  เธอทราบหรือ ?

     กุ.  ไม่ทราบ พระเจ้าข้า
   
    เกริ่นไว้เท่านี้ก่อน เพราะผมไม่ใช่คนขยันพิมพ์

    ใครที่พอมีเรื่องนี้แล้ว ช่วยโพสต์ให้ คุณ chusri อ่านต่อด้วยครับ

    ให้กำลังใจ ซึ่งกันและกัน ครับ

    :25: :25:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กันยายน 26, 2010, 02:16:01 pm »
0

พรรษาที่ ๑๘
- จำพรรษาที่จาลิกบรรพต เมืองจาลิกา
- หลังออกพรรษา เสด็จเมืองอาฬาวีครั้งที่ ๒ โปรดธิดาช่างหูกบรรลุโสดาปัตติผล
ช่างหูกผู้เป็นบิดาขอบวชสำเร็จอรหัตตผล ตรัสอริยทรัพย์ ๗ ประการ

ที่มา http://www.baanmaha.com/community/thread29145.html



อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โลกวรรคที่ ๑๓

๗. เรื่องธิดานายช่างหูก [๑๔๓]
ข้อความเบื้องต้น
       
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในเจดีย์ชื่อว่าอัคคาฬวะ ทรงปรารภธิดาของนายช่างหูกคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อนฺธภูโต อยํ โลโก" เป็นต้น.

คนเจริญมรณสติไม่กลัวตาย 
         
               ความพิสดารว่า วันหนึ่ง พวกชาวเมืองอาฬวี เมื่อพระศาสดาเสด็จถึงเมืองอาฬวีแล้ว ได้ทูลนิมนต์ถวายทานแล้ว.
 
               พระศาสดา เมื่อจะทรงทำอนุโมทนาในเวลาเสร็จภัตกิจ จึงตรัสว่า
               "ท่านทั้งหลายจงเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า 'ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน ความตายของเราแน่นอน เราพึงตายแน่แท้, ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด ชีวิตของเราไม่เที่ยง, ความตายเที่ยง’
 
               ก็มรณะอันชนทั้งหลายใดไม่เจริญแล้ว, ในกาลที่สุด ชนทั้งหลายนั้นย่อมถึงความสะดุ้ง ร้องอย่างขลาดกลัวอยู่ทำกาละ เหมือนบุรุษเห็นอสรพิษแล้วกลัว ฉะนั้น.
 
               ส่วนมรณะอันชนทั้งหลายใดเจริญแล้ว ชนทั้งหลายนั้นย่อมไม่สะดุ้งในกาลที่สุด ดุจบุรุษเห็นอสรพิษแต่ไกลเทียว แล้วก็เอาท่อนไม้เขี่ยทิ้งไปยืนอยู่ฉะนั้น เพราะฉะนั้น มรณสติอันท่านทั้งหลายพึงเจริญ."

พระศาสดาเสด็จประทานโอวาทธิดาช่างหูก
             
               พวกชนที่เหลือฟังพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้เป็นผู้ขวนขวายในกิจของตนอย่างเดียว. ส่วนธิดาของนายช่างหูกอายุ ๑๖ ปีคนหนึ่ง คิดว่า "โอ ธรรมดาถ้อยคำของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอัศจรรย์, เราเจริญมรณสติจึงควร" ดังนี้แล้ว ก็เจริญมรณสติอย่างเดียวตลอดทั้งกลางวันกลางคืน.
 
               ฝ่ายพระศาสดาเสด็จออกจากเมืองอาฬวีแล้ว ก็ได้เสด็จไปพระเชตวัน.
               นางกุมาริกาแม้นั้น ก็เจริญมรณสติสิ้น ๓ ปีทีเดียว.
 
               ต่อมาวันหนึ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูโลก ในเวลาใกล้รุ่งทรงเห็นนางกุมาริกานั้น เข้าไปในภายในข่าย คือพระญาณของพระองค์ ทรงใคร่ครวญว่า "เหตุอะไรหนอ? จักมี" ทรงทราบว่า "นางกุมาริกานี้เจริญมรณสติแล้วสิ้น ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ฟังธรรมเทศนาของ

เรา บัดนี้ เราไปในที่นั้นแล้ว ถามปัญหา ๔ ข้อกะนางกุมาริกานี้ เมื่อนางแก้ปัญหาอยู่ จักให้สาธุการในฐานะ ๔ แล้วภาษิตคาถานี้ ในเวลาจบคาถา นางกุมาริกานั้นจักตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล เพราะอาศัยนางกุมาริกานั้น เทศนาจักมีประโยชน์แม้แก่มหาชน


               ดังนี้แล้ว มีภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูปเป็นบริวาร ได้เสด็จออกจากพระเชตวัน ไปสู่อัคคาฬววิหารโดยลำดับ. ชาวเมืองอาฬวีทราบว่า "พระศาสดาเสด็จมาแล้ว" จึงไปวิหาร ทูลนิมนต์แล้ว. แม้นางกุมาริกานั้นทราบการเสด็จมาของพระศาสดา มีใจยินดีว่า

"ข่าวว่า พระมหาโคดมพุทธเจ้าผู้พระบิดา ผู้เป็นใหญ่ เป็นพระอาจารย์ ผู้มีพระพักตร์ดังพระจันทร์เพ็ญของเราเสด็จมาแล้ว" จึงคิดว่า "พระศาสดาผู้มีวรรณะดังทองคำ อันเราเคยเห็น ในที่สุด ๓ ปี แต่วันนี้ บัดนี้ เราจักได้เห็นพระสรีระซึ่งมีวรรณะดังทองคำ และฟังธรรมอันเป็นโอวาท ซึ่งมีโอชะอันไพเราะ (จับใจ) ของพระศาสดานั้น."

               ฝ่ายบิดาของนาง เมื่อจะไปสู่โรงหูก ได้สั่งไว้ว่า "แม่ ผ้าสาฎกซึ่งเป็นของคนอื่น เรายกขึ้นไว้ (กำลังทอ), ผ้านั้นประมาณคืบหนึ่ง ยังไม่สำเร็จ. เราจะให้ผ้านั้นเสร็จในวันนี้ เจ้ากรอด้ายหลอดแล้ว พึงนำมาให้แก่พ่อโดยเร็ว."

               นางกุมาริกานั้นคิดว่า "เราใคร่จะฟังธรรมของพระศาสดา ก็บิดาสั่งเราไว้อย่างนี้ เราจะฟังธรรมของพระศาสดาหรือหนอแล หรือจะกรอด้ายหลอดแล้วนำไปให้แก่บิดา?" ครั้งนั้น นางกุมาริกานั้นได้มีความปริวิตกอย่างนี้ว่า "เมื่อเราไม่นำด้ายหลอดไปให้บิดาพึงโบยเราบ้าง พึงตีเราบ้าง เพราะฉะนั้น เรากรอด้ายหลอดให้แก่ท่านแล้ว จึงจักฟังธรรมในภายหลัง" ดังนี้แล้ว จึงนั่งกรอด้ายหลอดอยู่บนตั่ง.

 
               แม้พวกชาวเมืองอาฬวีอังคาสพระศาสดาแล้ว ได้รับบาตร ยืนอยู่เพื่อต้องการอนุโมทนา. พระศาสดาประทับนิ่งแล้ว ด้วยทรงดำริว่า "เราอาศัยกุลธิดาใดมาแล้วสิ้นทาง ๓๐ โยชน์ กุลธิดานั้น ไม่มีโอกาสแม้ในวันนี้ เมื่อกุลธิดานั้นได้โอกาส เราจักทำอนุโมทนา

               ก็ใครๆ ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ย่อมไม่อาจเพื่อจะทูลอะไรๆ กะพระศาสดาผู้ทรงนิ่งอย่างนั้นได้. แม้นางกุมาริกานั้นแล กรอด้ายหลอดแล้วใส่ในกระเช้า เดินไปสู่สำนักของบิดา ถึงที่สุดของบริษัทแล้ว ก็ได้เดินแลดูพระศาสดาไป.

               แม้พระศาสดา ก็ทรงชะเง้อ๑- ทอดพระเนตรนางกุมาริกานั้น. ถึงนางกุมาริกานั้นก็ได้ทราบแล้ว โดยอาการที่พระศาสดาทอดพระเนตรเหมือนกันว่า "พระศาสดาประทับนั่งอยู่ในท่ามกลางบริษัทเห็นปานนั้น ทอดพระเนตรเราอยู่ ย่อมทรงหวังการมาของเรา ย่อมทรงหวังการมาสู่สำนักของพระองค์ทีเดียว."

               นางวางกระเช้าด้ายหลอด แล้วได้ไปยังสำนักของพระศาสดา.

____________________________
๑- คีวํ อุกฺขิปิตฺวา.

               ถามว่า "ก็เพราะเหตุอะไร? พระศาสดาจึงทอดพระเนตรนางกุมาริกานั้น."
               แก้ว่า "ได้ยินว่า พระองค์ได้ทรงปริวิตกอย่างนี้ว่า ‘นางกุมาริกานั้น เมื่อไปจากที่นี้ ทำกาลกิริยาอย่างปุถุชนแล้ว จักเป็นผู้มีคติไม่แน่นอน, แต่มาสู่สำนักของเราแล้วไปอยู่ บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว จักเป็นผู้มีคติแน่นอน เกิดในดุสิตวิมาน." นัยว่า ในวันนั้น ชื่อว่าความพ้นจากความตายไม่มีแก่นางกุมาริกานั้น.

               นางกุมาริกานั้นเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ด้วยเครื่องหมายอันพระศาสดาทอดพระเนตรนั่นแล เข้าไปสู่ระหว่างแห่งรัศมีมีพรรณะ ๖ ถวายบังคมแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง.
 
พระศาสดาตรัสถามปัญหากะธิดาช่างหูก   
           
               ในขณะที่นางกุมาริกานั้นถวายบังคมพระศาสดาผู้ประทับนั่งนิ่งในท่ามกลางบริษัทเห็นปานนั้นแล้ว ยืนอยู่นั่นแล พระศาสดาตรัสกะนางว่า "กุมาริกา เธอมาจากไหน?"
              กุมาริกา. ไม่ทราบ พระเจ้าข้า.
               พระศาสดา. เธอจักไป ณ ที่ไหน?
               กุมาริกา. ไม่ทราบ พระเจ้าข้า.
               พระศาสดา. เธอไม่ทราบหรือ?
               กุมาริกา. ทราบ พระเจ้าข้า.
               พระศาสดา. เธอทราบหรือ?
               กุมาริกา. ไม่ทราบ พระเจ้าข้า.


               พระศาสดาตรัสถามปัญหา ๔ ข้อกะนางกุมาริกานั้น ด้วยประการฉะนี้.
               
มหาชนโพนทะนาว่า "ผู้เจริญทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงดู
ธิดาของช่างหูกนี้พูดคำอันตนปรารถนาแล้วๆ กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า,

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ‘เธอมาจากไหน?’
ธิดาของช่างหูกนี้ควรพูดว่า ‘จากเรือนของช่างหูก’

เมื่อตรัสว่า ‘เธอจะไปไหน ?’
ก็ควรกล่าวว่า ‘ไปโรงของช่างหูก’ มิใช่หรือ?"

               พระศาสดาทรงกระทำมหาชนให้เงียบเสียงแล้ว ตรัสถามว่า

"กุมาริกา เธอ เมื่อเรากล่าวว่า ‘มาจากไหน?’ เพราะเหตุไร เธอจึงตอบว่า ‘ไม่ทราบ’".

              กุมาริกา. "พระเจ้าข้า พระองค์ย่อมทรงทราบความที่หม่อมฉันมาจากเรือนช่างหูก แต่พระองค์

เมื่อตรัสถามว่า ‘เธอมาจากไหน?’
ย่อมตรัสถามว่า ‘เธอมาจากที่ไหน จึงเกิดแล้วในที่นี้?’
แต่หม่อมฉันย่อมไม่ทราบว่า ‘ก็เรามาแล้วจากไหน จึงเกิดในที่นี้?"

               ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการเป็นครั้งแรกแก่นางกุมาริกานั้นว่า "ดีละ ดีละ กุมาริกา ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล อันเธอแก้ได้แล้ว"

แล้วตรัสถามแม้ข้อต่อไปว่า "เธอ อันเราถามแล้วว่า ‘เธอจะไป ณ ที่ไหน?’ เพราะเหตุไร จึงกล่าวว่า ‘ไม่ทราบ?’"


               กุมาริกา. "พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบหม่อมฉันผู้ถือกระเช้าด้ายหลอดเดินไปยังโรงของช่างหูก,

พระองค์ย่อมตรัสถามว่า ‘ก็เธอไปจากโลกนี้แล้ว จักเกิดในที่ไหน?’
ก็หม่อมฉันจุติจากโลกนี้แล้วย่อมไม่ทราบว่า ‘จักไปเกิดในที่ไหน?’"

               ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการแก่นางเป็นครั้งที่ ๒ ว่า "ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล เธอแก้ได้แล้ว"

แล้วตรัสถามแม้ข้อต่อไปว่า "เมื่อเช่นนั้น เธอ อันเราถามว่า ‘ไม่ทราบหรือ?’ เพราะเหตุไร จึงกล่าวว่า ‘ทราบ?’"

              กุมาริกา. พระเจ้าข้า หม่อมฉันย่อมทราบภาวะคือความตายของหม่อมฉันเท่านั้น เหตุนั้น จึงกราบทูลอย่างนั้น.

               ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการแก่นางเป็นครั้งที่ ๓ ว่า "ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล เธอแก้ได้แล้ว"

แล้วตรัสถามแม้ข้อต่อไปว่า "เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอ อันเราถามว่า ‘เธอย่อมทราบหรือ?’ เพราะเหตุไร จึงพูดว่า ‘ไม่ทราบ?’"

               กุมาริกา. หม่อมฉันย่อมทราบแต่ภาวะ คือความตายของหม่อมฉันเท่านั้น พระเจ้าข้า

แต่ย่อมไม่ทราบว่า "จักตายในเวลากลางคืน กลางวันหรือเวลาเช้าเป็นต้น ในกาลชื่อโน้น เพราะเหตุนั้น จึงพูดอย่างนั้น."

คนมีปัญญาชื่อว่ามีจักษุ
             
               ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการครั้งที่ ๔ แก่นางว่า
               "ปัญหาอันเราถามแล้วนั่นแล เธอแก้ได้แล้ว" แล้วตรัสเตือนบริษัทว่า "พวกท่านย่อมไม่ทราบถ้อยคำชื่อมีประมาณเท่านี้ ที่นางกุมาริกานี้กล่าวแล้ว ย่อมโพนทะนาอย่างเดียวเท่านั้น เพราะจักษุ คือปัญญาของชนเหล่าใดไม่มี ชนเหล่านั้นเป็น (ดุจ) คนบอดทีเดียว จักษุ คือปัญญาของชนเหล่าใดมีอยู่ ชนเหล่านั้นนั่นแล เป็นผู้มีจักษุ"
               ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

                         ๗.    อนฺธภูโต อยํ โลโก       ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ
                            สกุนฺโต๑- ชาลมุตฺโตว      อปฺโป สคฺคาย คจฺฉติ.
                            สัตว์โลกนี้เป็นเหมือนคนตาบอด ในโลกนี้
                            น้อยคนนักจะเห็นแจ้ง, น้อยคนนักจะไปสวรรค์
                            เหมือนนกหลุดแล้วจากข่าย (มีน้อย) ฉะนั้น.

____________________________
๑- อรรถกถา เป็น สกุโณ.

แก้อรรถ
               
               บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า อยํ โลโก ความว่า โลกิยมหาชนนี้ชื่อว่าเป็นเหมือนคนบอด เพราะไม่มีจักษุคือปัญญา.
 
               สองบทว่า ตนุเกตฺถ ความว่า ชนในโลกนี้น้อยคน คือไม่มาก จะเห็นแจ้งด้วยสามารถแห่งไตรลักษณ์มีไม่เที่ยงเป็นต้น.

               บทว่า ชาลมุตฺโตว ความว่า บรรดาฝูงนกกระจาบที่นายพรานนกผู้ฉลาดตลบด้วยข่ายจับเอาอยู่ นกกระจาบบางตัวเท่านั้น ย่อมหลุดจากข่ายได้ ที่เหลือย่อมเข้าไปสู่ภายในข่ายทั้งนั้น ฉันใด;
 
               บรรดาสัตว์ที่ข่ายคือมารรวบไว้แล้ว สัตว์เป็นอันมาก ย่อมไปสู่อบาย, น้อยคนคือบางคนเท่านั้น ไปในสวรรค์ คือย่อมถึงสุคติหรือนิพพานฉันนั้น.

               ในเวลาจบเทศนา นางกุมาริกานั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล.
               เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่มหาชน.


ธิดาช่างหูกตายไปเกิดในดุสิตภพ
               
               แม้นางกุมาริกานั้นได้ถือกระเช้าด้ายหลอดไปสู่สำนักของบิดาแล้ว. แม้บิดานั้น ก็นั่งหลับแล้ว. เมื่อนางไม่กำหนดแล้ว น้อมกระเช้าด้ายหลอดเข้าไปอยู่ กระเช้าด้ายหลอดกระทบที่สุดฟืม ทำเสียงตกไป. บิดานั้นตื่นขึ้นแล้ว ฉุดที่สุดฟืมไป ด้วยนิมิตที่ตนจับเอาแล้วนั่นเอง. ที่สุดฟืมไปประหารนางกุมาริกานั้นที่อก นางทำกาละ ณ ที่นั้นนั่นเอง บังเกิดแล้วในที่สุดภพ.
 
               ลำดับนั้น บิดาของนางเมื่อแลดูนาง ได้เห็นนางมีสรีระทั้งสิ้นเปื้อนด้วยโลหิตล้มลงตายแล้ว. ลำดับนั้น ความโศกใหญ่บังเกิดขึ้นแก่บิดานั้น. เขาร้องไห้อยู่ด้วยคิดว่า "ผู้อื่นจักไม่สามารถเพื่อยังความโศกของเราให้ดับได้" จึงไปสู่สำนักของพระศาสดา กราบทูลเนื้อความนั้นแล้ว กราบทูลว่า "พระเจ้าข้า ขอพระองค์จงยังความโศกของข้าพระองค์ให้ดับ."

               พระศาสดาทรงปลอบเขาแล้ว ตรัสว่า "ท่านอย่าโศกแล้ว เพราะว่าน้ำตาของท่านอันไหลออกแล้ว ในกาลเป็นที่ตายแห่งธิดาของท่านด้วยอาการอย่างนี้นั่นแล ในสงสารมีที่สุด ที่ใครๆ ไม่รู้แล้ว เป็นของยิ่งกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔"
 
               ดังนี้แล้ว จึงตรัสอนมตัคคสูตร.
               เขามีความโศกเบาบาง ทูลขอบรรพชากะพระศาสดา ได้อุปสมบทแล้ว ต่อกาลไม่นานบรรลุพระอรหัตแล้ว ดังนี้แล.

               เรื่องธิดาของนายช่างหูก จบ.               

ที่มา  http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=23&p=7




คุณชูศรี ถ้าต้องการขอบารมีพระพุทธเจ้า ขอแนะนำให้ไปที่"บ้านสวนพีระมิด"

หรือตามเว็บนี้ http://www.baansuanpyramid.com/

หรือ โทรหาผมได้ทุกเมื่อ 089-823-6122



เรื่องธิดานายช่างหูก ผมเคยฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำเทศน์มาหลายรอบ

ชอบมากครับ แต่ในอรรถกถานี้ไม่ได้ระบุชื่อไว้

พระพุทธเจ้าเรียกเธอว่า "กุมาริกา"

ชื่อ "เปสการี" ที่คุณสมาธิกล่าวถึง อาจจำคลาดเคลื่อนนะครับ

ขอให้คุณสมาธิดูตามลิงค์ข้างล่างนะครับ จะทราบเองว่าเป็นคนละคน

เนื่องจากอยู่คนละเมืองกัน

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
เปสการิยวิมาน  ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในเปสการิยวิมาน
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=470&Z=513


อย่างไรก็ขอยินดีกับจิตที่เป็นกุศลของคุณสมาธิ

 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2010, 01:59:31 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 08:44:44 am »
0
ถามว่า ‘เธอมาจากที่ไหน จึงเกิดแล้วในที่นี้?’ แต่หม่อมฉันย่อมไม่ทราบว่า ‘ก็เรามาแล้วจากไหน จึงเกิดในที่นี้?"

ถามว่า ‘ก็เธอไปจากโลกนี้แล้ว จักเกิดในที่ไหน?’ ก็หม่อมฉันจุติจากโลกนี้แล้วย่อมไม่ทราบว่า ‘จักไปเกิดในที่ไหน?’

ถามแม้ข้อต่อไปว่า "เมื่อเช่นนั้น เธอ อันเราถามว่า ‘ไม่ทราบหรือ?’ เพราะเหตุไร จึงกล่าวว่า ‘ทราบ?’"

              กุมาริกา. พระเจ้าข้า หม่อมฉันย่อมทราบภาวะคือความตายของหม่อมฉันเท่านั้น เหตุนั้น จึงกราบทูลอย่างนั้น.

ถามว่า ‘เธอย่อมทราบหรือ?’ เพราะเหตุไร จึงพูดว่า ‘ไม่ทราบ?’"

               กุมาริกา. หม่อมฉันย่อมทราบแต่ภาวะ คือความตายของหม่อมฉันเท่านั้น พระเจ้าข้า แต่ย่อมไม่ทราบว่า "จักตายในเวลากลางคืน กลางวันหรือเวลาเช้าเป็นต้น ในกาลชื่อโน้น เพราะเหตุนั้น จึงพูดอย่างนั้น."



ก็ มรณานุสสติ นั้นเป็นคุณธรรม อันปกป้อง พระกรรมฐาน จึงทำให้ผู้ภาวนา มีความก้าวหน้า

   

 ชื่อ "เปสการี" ที่คุณสมาธิกล่าวถึง อาจจำคลาดเคลื่อนนะครับ

  ค้นคำว่า เปสการี นั้นแปลว่า หญิงผู้ทำหูก

  อยู่ใน ขุทกนิกาย ธรรมบท ข้อที่ 23 เรื่องนี้
 
   โลกวรรค
 :25: :25: :25:



 
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 02:19:47 pm »
0
เห็นพระอาจารย์เอากระทู้นี้ขึ้นหน้า ๑ เลยหารูปสวยๆมาประกอบ

อีกอย่าง จะขอเสริมเรื่องการอัดขันธ์ให้หน่อย ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว

แต่โดยภาระหน้าที่ เลยต้องแสดงภูมินิดหนึง



พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช เคยกล่าวไว้ว่า

ในสายของพระอาจารย์มั่น(พระป่า) หลวงพ่อเทสก์ เทสรังสี

เชี่ยวชาญเรื่องฌานที่สุด รวมทั้งอรูปฌานด้วย และท่านได้เคย

สอนศิษย์ว่า หากต้องการสมาธิแบบเร่งด่วน "ให้กลั้นลมหายใจ"


พระอาจารย์ปราโมทย์ยังให้ความเห็นอีกว่า วิธีนี้เป็นวิธีขี้โกง


เพื่อนๆครับ จะกลั้นนานเท่าใด คงเป็นเรื่องเฉพาะตน ต้องพิจารณาเอาเอง

สิ่งที่ผมไม่รู้ และอยากรู้ก็คือ หลวงพ่อเทสก์ นำคำสอนนี้มาจากไหน

 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2010, 02:26:55 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ปักษาวายุ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กันยายน 27, 2010, 11:32:57 pm »
0
ผมได้ทดสอบการภาวนา แล้วครับ ตั้งแต่ปฏิบัติมา เริ่มตั้งแต่ขึ้นกรรมฐาน ที่วัดพลับมาก็หลายเดือน

เดินจิตไม่ทรงสักที พอได้ปฏิบัติตามวิธีการอัดนิ่งทำให้ทรงสมาธิ ได้ไวจริง ๆ ครับที่ฐานปรากฏไวมาก

จากเมื่อก่อนกว่าจะเข้าพระลักษณะได้ต้องใช้เวลากำหนด 30 นาทีขึ้นหลังจากได้ฝึก อัดนิ่งแล้ว ผล

สามารถกำหนด พุทโธ ที่ฐานจิตได้ไวประมาณ 5 นาทีก็เข้าปีติแล้วครับ พระลักษณะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

สนับสนุนวิธีการครับ โดยเฉพาะกำหนด  นิพพาน ๆ  ด้วยแล้วดีมาก ๆ ครับ

พอจิตทรงแล้ว ก็กำหนด พุทโธ ที่ ฐานจิต ได้ทันที

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กันยายน 28, 2010, 06:52:52 am »
0
เคล็ดเพิ่มเติม บางท่านยังไม่เข้าใจ

  พระลักษณะ เกิดขึ้นที่ กาย กระทบ จิต

  พระรัศมี เกิดขึ้นที่ จิต กระทบ กาย ชัดแจ่มแจ้งที่ อายตะทั้ง 6 รุ่งเรืองที่ อายตนะทั้ง 6

        เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ที่อายตนะ ทั้ง 6 ชัดแจ่มแจ้ง ที่ อายตนะเดียว

เจริญพรไว้แต่เพียงเท่านี้

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

analaya

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 4
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 03:32:59 pm »
0
ขอบคุณคะ

montra

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 76
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กันยายน 19, 2011, 08:56:06 am »
0
เคล็ดเพิ่มเติม บางท่านยังไม่เข้าใจ

  พระลักษณะ เกิดขึ้นที่ กาย กระทบ จิต

  พระรัศมี เกิดขึ้นที่ จิต กระทบ กาย ชัดแจ่มแจ้งที่ อายตะทั้ง 6 รุ่งเรืองที่ อายตนะทั้ง 6

        เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ที่อายตนะ ทั้ง 6 ชัดแจ่มแจ้ง ที่ อายตนะเดียว

เจริญพรไว้แต่เพียงเท่านี้

 ;)

 ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ คะ

 ว่า พระลักษณะ คืออะไร ?

    พระรัศมี คืออะไร ?

  และมีความสำคัญอย่างไร มีในตอนไหน ช่วยอนุเคราะห์ ผู้เ้ข้ามาใหม่ ด้วยคะ

   :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กันยายน 19, 2011, 07:26:04 pm »
0
ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ คะ ว่า พระลักษณะ คืออะไร ? พระรัศมี คืออะไร ? และมีความสำคัญอย่างไร มีในตอนไหน ช่วยอนุเคราะห์ ผู้เ้ข้ามาใหม่ ด้วยคะ

พระลักษณะ อัน จิตกระทบกาย นั้น เป็นบารมีเบื้องบาทแรกที่พึงมีก่อน และสำคัญแก่ผู้แรกภาวนา ซึ่งเป็นลักษณะ

อาการแห่งจิตเริ่มเข้าสู่สมาธิ กล่าวคือ เสพปิติ มีอาการแตกต่างไปตามจริตธาตุบุคคล ขอให้เข้าใจอย่างนี้ก่อน

แล้วกัน ครับ สำคัญที่ขอให้ภาวนาให้ได้ปิตินะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2011, 07:32:25 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

DANAPOL

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 332
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2013, 09:15:38 pm »
0
ลองปฏิบัติตามในวันนี้ ครับ ได้ผลดีมากครับ ความฟุ้งซ่าน หายไป สมาธิ รวมเร็วขึ้นครับ

 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
รหัสธรรม ต้องใช้ปัญญาคือความรู้ ผู้ถือกุญแจคือใครหนอ...

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2013, 11:34:09 pm »
0
ในความคิดของผม ทางสายกลางของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีที่สั่งสมกันมา หลายภพหลายชาติ

พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช เคยกล่าวไว้ว่า

ในสายของพระอาจารย์มั่น(พระป่า) หลวงพ่อเทสก์ เทสรังสี เชี่ยวชาญเรื่องฌานที่สุด รวมทั้งอรูปฌานด้วย และท่านได้เคยสอนศิษย์ว่า หากต้องการสมาธิแบบเร่งด่วน "ให้กลั้นลมหายใจ"
พระอาจารย์ปราโมทย์ยังให้ความเห็นอีกว่า วิธีนี้เป็นวิธีขี้โกง

ผมขอสนทนาด้วยในเรื่องการอัดนิ่ง จากเมื่อราวๆปลายเดือนสิงหาคมที่ล่วงมากว่าเดือนผมและสหายได้ไปกราบสรงน้ำขมาครูอาจารย์ที่อัญญาวิโมกข์ฯ ปากช่อง นครราชสีมา ก็ได้รับการกล่าวเทศน์สอนในเรื่องการอัดนิ่งจากครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน ซึ่งครูอาจารย์ท่านก็เป็นสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีรูปหนึ่งศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน และที่เน้นย้ำมากมากคือมัชฌิมาทางสายกลางสำหรับตนเองในการภาวนาที่ทุกคนมีแตกต่างกันอย่านำวิธีการคนอื่นมาใช้ที่ไม่ใช่เราตัวเรา การอัดนิ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่ครูอาจารย์ท่านให้พิจารณาใช้ และนำกลับไปลองทำ จากคำกระทู้หลายหลายท่านยืนยันว่าได้ผลดีซึ่งก็น่ายินดี แต่สำหรับผมบอกตรงตรงใช้แต่ไม่ใส่ใจนักเนื่องไม่ถูกจริตเสมือนหัวใจมันเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยไปเลยอย่างนั้นนะครับ พิจารณาอะไรมันแคบไปหมดผมนั้นชอบกว้างๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆ ใหญ่ใหญ่โตโตไม่มีประมาณอะไรทำนองนั้น เอาจักรวาลไว้ในอุ้มมือได้ยิ่งดีและชอบมากกว่า สวัสดีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 04, 2013, 12:10:20 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2013, 12:08:49 am »
0
 st12
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 05, 2013, 03:34:10 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2014, 06:42:32 am »
0
   st11 st12 st12 st12 st12 thk56

 ทำไม ถึงตกหล่น ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ พอได้อ่านแล้ว ลองปฏิบัติตามดู กลับรู้สึกปลอดโปร่ง ดีคะ

  :58: :58: :58:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 09:24:31 am »
0
วันนี้ผมได้มาอ่านตรงนี้ ซ้ำ ๆ แล้วทำให้คิดถึง ท่านเหล่านี้ครับ

  1. ท่าน utapati
  2. ท่าน ISSARAPAP
  3. ท่าน tcarisa
  4. ท่าน รักหนอ
 
  เพราะจากกระทู้ที่มีการวิจารณ์ แล้ว อ่านแล้ว รู้สึกได้ว่า ภูมิธรรมที่มี ไม่ธรรมดา เลย อยากให้กลับมาโพสต์อีก มากๆ เลย


 :s_hi: thk56 st11 st12
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 03:41:20 pm »
0
 thk56 ที่คิดถึงครับ แต่ ช่วงหลัง ๆ มานี่ ขอเป็นผู้ตามอ่านครับ เพราะสิ่งที่ไม่รู้ หรือ รู้มาจาก วัดจีน นั้นผมดูแล้วมันขัด ๆ ในหลักการปฏิบัติ ยิ่งช่วงหลัง วัดเสียวลิ้มยี่ ที่ศรัทธา กับไปทางแนวธุรกิจ เสียมากกว่า ที่จะมาสนใจเรื่องการฝึกจิต คุยกับพระ ก็มีแต่เรื่องหมัดมวย อีกต่างหาก ไม่มีใครคุยเรื่องนิพพาน

   ส่วนใหญ่พระท่านไม่เชื่อเรื่องนิพพาน แต่เชื่อเรื่อง สุขาวดี มากกว่า การบำเพ็ญทุกอย่างก็เพื่อไปสู่ สุขาวดี

 ซึ่งหลังจากอ่านมาในเว็บนี้ แล้ว สุขาวดี ไม่ใช่นิพพาน ซึ่งมันไม่ใช่เป้าหมายผม ๆ เองก็รอให้ทางศูนย์สร้าง เจดีย์อยู่เหมือนกัน จะได้พาญาติพี่น้องเพื่อน ๆ ไปลงกรรมฐานฝึกรรมฐาน สายนี้ให้สุด ๆ สักครั้งในชีวิต

   แต่ไปขึ้นกรรมฐานที่วัดราชสิทธาราม มาแล้ว ผมว่า สู้แบบที่พระอาจารย์สอนในรายการไม่ได้หรอก มันเป็นความรู้สึกของผมเลย ว่า ครูที่สอนในรายการ ดูจะสอนให้ลูกศิษย์ก้าวหน้ามากกว่า

   ผมคิดอย่างนี้ ก็หยุดดูเชิงมาหลายปี นะครับ
   ยังติดตามการโพสต์ของทุกท่าน ครับ

    :25: :25: :25:
     like1 st11 st12
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 03:44:34 pm »
0
วันนี้ผมได้มาอ่านตรงนี้ ซ้ำ ๆ แล้วทำให้คิดถึง ท่านเหล่านี้ครับ

  1. ท่าน utapati
  2. ท่าน ISSARAPAP
  3. ท่าน tcarisa
  4. ท่าน รักหนอ
 
  เพราะจากกระทู้ที่มีการวิจารณ์ แล้ว อ่านแล้ว รู้สึกได้ว่า ภูมิธรรมที่มี ไม่ธรรมดา เลย อยากให้กลับมาโพสต์อีก มากๆ เลย


 :s_hi: thk56 st11 st12

 ขอบคุณที่คิดถึง คะ กรรมฐานไม่ค่อยจะก้าวหน้า เพราะว่า ต้องทำงานเลี้ยงชีวิต คะ มันวุ่นวายไปหมด ใครก้าวหน้าทางด้านนี้ ขออนุโมทนา กุศล แก่ทุกท่านคะ

    สำหรับ รักหนอ ยังเป็น กัลยาณมิตร กับเว็บที่นี่เสมอ ๆ คะ

   :58: :58: thk56 thk56 st12
บันทึกการเข้า

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 03:47:43 pm »
0
ยัง login ทุกวันคะ แต่ไม่รู้จะถามอะไร ?
 แค่อ่าน ก็ยังไม่หมด เลยคะ
 ต้องเลือกคะ

 ยิ่งเป็นบทความที่พระอาจารย์ โพสต์นะคะ เห็นว่า สั้นๆ คะ แต่เข้าใจได้ยากมากคะ ก็เลยหลบไปอ่าน ของ คุณ ปุ้ม แทน อยู่ แต่อ่านแล้ว ก็ไม่ได้ก้าวหน้า ทางกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เช่นกัน
 
  อย่างไร ก็ตาม ตอนนี้พยายาม อ่านและทำความเข้าใจ พร้อมปฏิบัติในห้อง วิชาศิษย์สายตรง คะ

   ขอบคุณที่ก้าวพาดพิง มาถึงด้วยคะ

   st12 :25: :58: :49:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 03:56:11 pm »
0
พี่ภาพ ไม่ได้เห็นมาโพสต์ นานแล้ว นะคะ เจอกันครั้งสุดท้ายที่วัดเล่งเน่ยยี่ นนทบุรี ก็สองปี เข้าไปแล้ว
ตอนนี้ยังเดินทางไปวัดเส้าหลินอยู่หรือไม่คะ

  แล้ว คุณพ่อคุณแม่ ยังเป็นฑุต อยู่หรือป่าวคะ

   :88: :88: :88:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

drift-999

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 239
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 08:49:59 pm »
0
อ้า ฮะ เฮีย อิสสรภาพ หายไปนาน นะครับ
พึ่งจะเห็น โพสต์ เมื่อไหร่ จะกลับมาโพสต์ อีกครับ ชอบแนวโพสต์นะครับ กวนดี

  like1 like1 like1
บันทึกการเข้า