ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ความรัก” คือ “อาการป่วย” เปิดหลักฐาน ทำไมความรักทำให้คนตาบอด  (อ่าน 1695 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
นายฆนัท นาคถนอมทรัพย์ นักวิชาการอิสระ และเจ้าของร้านหนังสือ book I’m in


นักวิชาการเผย ยุคโบราณ “ความรัก” คือ “อาการป่วย” เปิดหลักฐาน ทำไมความรักทำให้คนตาบอด

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายฆนัท นาคถนอมทรัพย์ นักวิชาการอิสระ และเจ้าของร้านหนังสือ book I’m in อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งศึกษาที่มาของวลี “ความรักทำให้คนตาบอด” มานานหลายปี ระบุว่า ในแวดวงวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตกทราบกันดีว่า ประโยค love is blind หรือในภาษาไทยที่ว่า ความรักทำให้คนตาบอด นั้นมีที่มาข้ามทวีปจากโลกตะวันตก โดยเชื่อว่าเป็นแนวความคิดที่เกิดในยุค ‘เรอเนสซองส์’ หรือ ยุคฟื้นฟูสหวิทยาการเมื่อราวๆ 400 กว่าปีที่แล้ว

หลักฐานสำคัญปรากฏในบทละครเรื่อง The Merchant of Venice จากปลายปากกาอภิมหากวี เจ้าพ่อแห่งโศกนาฏกรรมความรัก อย่าง วิลเลียม เชคสเปียร์ และน่าจะปรากฏในวรรณกรรมยุคเดียวกันอีกหลายเล่ม


เวนิสวาณิช พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 โดยทรงแปลจากบทละครของเชคสเปียร์ เรื่อง The Merchant of Venice

บทละครที่ว่านี้ เชื่อกันว่าถูกแต่งขึ้นในราว ค.ศ.1596-1598 เดิมถูกจัดไว้แนวตลกขบขัน ต่อมาได้รับการพิจารณาย้ายหมวดหมู่มาสู่แนวรักโรแมนติก เพราะเต็มไปด้วยถ้อยคำลึกซึ้งกินใจในด้านความรัก รวมถึง love is blind ‘ความรักคือการตาบอด’

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำวรรณกรรมดังกล่าวมาแปลเป็นกลอนบทละครในชื่อ ‘เวนิสวาณิช’ ซึ่งส่วนหนึ่งถูกนำมาแต่งเพลงบทเพลงคุ้นหู อาทิ

        ความเอยความรัก เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
        เริ่มเพาะเหมาะกลางวางหัวใจ หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
        แรกจะเกิดเปนไฉนใครรู้บ้าง
        อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
        ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงระตี
        ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย ฯ


นายฆนัทยังกล่าวอีกว่า ช่วงเวลาก่อนยุคเรอเนสซองส์ ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง love is blind แต่มีนิยามความหมายที่เชื่อมโยงกับสิ่งอื่น เช่น กรีกโบราณ เชื่อว่า ความรักคือ ‘อาการป่วย’
ทว่า เมื่อเข้าสู่ยุคเรอเนสซองส์ ก็พบในงานวรรณกรรม รวมถึงภาพเขียนที่จิตรกรจงใจวาดให้คิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักถูก ‘ปิดตา’


คิวปิด หรือกามเทพ ในภาพเขียนของซานโดร บอตติเชลลี ซึ่งวาดให้ถูกปิดตา สอดคล้องแนวคิด ความรักคือการตาบอด หรือ ความรักทำให้คนตาบอด

“Cupid เป็นภาษาละตินหมายถึงแรงปรารถนา ในภาษากรีกเรียกคิวปิดว่าอีรอส (Eros) แปลว่า Sexual love ในงานศิลปกรรม ก่อนยุคเรอเนสซองส์ อีรอส หรือ คิวปิด ไม่เคยปรากฏว่าถูกปิดตามาก่อน แต่ในงานจิตรกรรมชื่อดังของยุคที่ชื่อว่า La primavera ถูกวาดในปี ค.ศ. 1482 โดยจิตรกรชาวอิตาเลียนชื่อว่า ซานโดร บอตติเชลลี ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักหลากหลายรูปแบบ แต่ที่สำคัญที่อยากเน้นในที่นี้คือการวาดรูปคิวปิดที่อยู่เหนือวีนัส โดนปิดตาสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าความรักทำให้คนตาบอด” นายฆนัทกล่าว พร้อมตบท้ายว่า

     ความรักเป็นสิ่งที่ไม่คงที่สุดแล้วใน “อารมณ์” ที่หลากหลายของมนุษย์และมันทำให้ดวงตามืดบอด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เพราะจะไม่เห็นแสงสว่างที่คนยุคเรอเนสซองส์ให้ความสำคัญ และเป็นการก่อรูปของแนวคิด Age of Enlightenment ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 17 อีกด้วย


วิลเลียม เชคสเปียร์ ผู้แต่งบทละครเรื่อง The Merchant of Venice ,ซานโดร บอตติเชลลี จิตรกรยุคเรอเนสซองส์ จิตรกรชาวอิตาเลียน ผู้วาดภาพ La Primavera อันโด่งดัง


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.matichon.co.th/news/462533
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ความรักทำหั้ยคนตาบอด ถึงตาจะบอดแต่ก้อยังอยากร๊ากกก  :03: :03:
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ