ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 2 พระแท้ คู่ควรกราบไหว้ 'ช่วยจนกว่า จะหมดลมหายใจ'  (อ่าน 353 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



2 พระแท้ คู่ควรกราบไหว้ 'ช่วยจนกว่า จะหมดลมหายใจ'

ทุ่มเทช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก-คนยากไร้ 2พระแท้ต่างถิ่นต่างที่ แต่มีจุดประสงค์เดียวกันลงพื้นที่ทุกหนแห่งที่มีคนเดือดร้อน ช่วยโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นใคร ช่วยจนกว่าจะหมดลมหายใจ ชาวบ้านต่างให้ความศรัทธา


เห็นการรวมพลังน้ำใจของคนไทยที่นำของไปใส่-ไปเติมในตู้ปันสุขให้คนเดือดร้อนมาหยิบไปกิน-ไปใช้แล้วช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง...เอกชน-บริษัท-ห้างฯ-ร้านเองก็ร่วมด้วยช่วยกันไม่น้อยหน้าไปกว่าภาครัฐ พูดถึงประเด็นช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก วีคนี้ขอนำเสนอเรื่องราวของพระสงฆ์ 2 รูป จำวัดอยู่ต่างถิ่นต่างที่แต่มีจุดประสงค์เดียวกันเกี่ยวกับการทุ่มเทช่วยเหลือผู้ยากไร้-ชาวบ้านที่เดือดร้อน ท่านลงพื้นที่ช่วยผู้คนไปทุกหนทุกแห่งแม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพียงใดก็ไม่เคยบ่น หรือท้อขอเพียงได้ช่วยก็พอใจแล้ว

“ใบมีดโกนถึงจะคมแต่ก็ตัดต้นไม้ไม่ได้ ขวานถึงจะแข็งแรงแต่ก็โกนหนวดไม่ได้ เราทุกคนต่างมีความสำคัญ และหน้าที่ของตัวเอง” เป็นคำกล่าวของพระครูสังฆวิสุทธิคุณ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าพระอาจารย์ยุทธ เจ้าอาวาสวัดชากผักกูด อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เจ้าคณะตำบลมาบข่า รอง ผอ.ฝ่ายบริหารวิทยาลัยสงฆ์ระยอง ประธานชมรมจิตอาสา มจร. พระนักสังคมสงเคราะห์ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ทุนทรัพย์ช่วยเหลือผู้ยากไร้-ผู้ด้อยโอกาส พระที่มองว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ การช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบภัยพิบัติไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีศักยภาพพอ



เจ้าอาวาสวัดชากผักกูด บอกว่า พระสงฆ์ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เผยแพร่ศาสนา-ทำนุบำรุงศาสนาเท่านั้น ยังมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ด้วยโอกาส-ผู้ยากไร้-คนเดือดร้อนจากวิกฤติต่าง ๆ ด้วย โดยชมรมจิตอาสา มจร.ดำเนินการช่วยเหลือผู้คนมาแล้วเกือบ 20 ปี ช่วงแรกเน้นช่วยคนในพื้นที่ เมื่อทำไปได้ระยะหนึ่งเริ่มขยายวงกว้างออกไปสู่ผู้ยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร ชาวเขาตามแนวตะเข็บรอยต่อ ช่วยเหลือทุกชนชั้นไม่แบ่งพรรค-แบ่งพวก ไม่เลือกว่าจะนับถือศาสนาใด

"พระอาจารย์ยุทธ" บอกต่อว่า "วันนี้คณะสงฆ์ทั่วทุกแห่งมีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย พระดีมีเยอะ-พระไม่ดีเกิดจากคนมาอาศัยผ้าเหลืองหากินก็มีมากเช่นกัน อาตมาพร้อมคณะสงฆ์ตลอดจนประชาชนที่มีจิตกุศลร่วมกันออกเดินทางให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน-ผู้ที่ขาดแคลนมานานพอสมควร เห็นความทุกข์ยาก-เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น พวกเขาลำบากไม่มีจะกิน แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องขออะไรจากใครเลย ใช้ชีวิตไปตามมีตามเกิด อาตมาตั้งใจว่าจะช่วยเหลือพวกเขาไปจนกว่าจะไม่มีพลัง”




"ไพโรจน์ รุ่งโรจน์" ประธานมูลนิธิสยามระยอง บอกว่า ปี 45 ยังไม่ได้เป็นประธานฯ เป็นอาสาสมัครมูลนิธิฯทำงานช่วยเหลือประชาชนมาตลอด เนื่องจากสำนักงานมูลนิธิฯตั้งอยู่ในเขตพื้นที่วัดชากผักกูด ซึ่งพระอาจารย์ยุทธเป็นเจ้าอาวาส เห็นการปฏิบัติตัวของท่านเป็นอย่างดี ท่านเป็นพระนักพัฒนา เป็นพระที่มองเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องให้มีการช่วยเหลือ สิ่งที่ท่านทำส่งผลให้ชาวบ้านรัก-เคารพ และศรัทธาท่านทุกคน เป็นการศรัทธาจากการกระทำของท่านที่มีต่อพวกเขา ทั้งนี้หากมีเวลาก็จะเข้าไปช่วยท่านจัดถุงยังชีพเตรียมสิ่งของที่จะนำไปบริจาคผู้คน การช่วยไม่ได้จำกัดเพียงชาวระยองเท่านั้น พระอาจารย์ยังนำความช่วยเหลือลงไปสู่พื้นที่ทุรกันดาร-บนดอยสูง-ตามแนวตะเข็บชายแดนเป็นประจำ


"ท่านเหนื่อย แต่ท่านก็ทำอย่างมีความสุข พระอาจารย์ตั้งโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้เพราะอยากช่วยคนที่เดือดร้อนไม่มีกิน บางคนไม่กล้าเข้ามาที่วัดหรือถ้าเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลผู้ยากไร้ก็ไม่รู้จะเดินทางมารับของที่วัดได้อย่างไรพระอาจารย์เลยหอบของไปมอบให้ถึงบ้าน ซึ่งการปฏิบัติของท่านเพิ่มความศรัทธาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก"


เช่นเดียวกับพระปลัดสมศักดิ์ อตฺตสุโภ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พื้นเพเป็นชาวนครราชสีมา เกิดในครอบครัวยากจนต้องดิ้นรนเข้ามาหาการศึกษาในเขตราชบุรี ตามที่ญาติอาศัยอยู่เขตอัมพวา ช่วงปี 40 พระครูสมุทรสารโสภณ เจ้าคณะอำเภออัมพวา และเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อมมีจิตอนุเคราะห์ให้การศึกษาเลี้ยงดูเด็กยากจน-ด้อยโอกาส 20 คน พระครูปลัดเป็นเด็กคนหนึ่งที่ได้รับเลือกเพราะเป็นเด็กยากจนที่สุด จนเข้าเรียนจบ ม.3 โรงเรียนวัดบางกะพ้อม กระทั่งปี 45 ด.ช.สมศักดิ์เกิดอาการป่วยอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการหมดแรงเป็นไข้ตลอดเวลา ไปหาหมอหลายแห่งก็ไม่หายจนผ่านไปเกือบเดือน


กระทั่งท่านอธิษฐานต่อรูปปั้นหลวงพ่อคง พระเกจิอาจารย์อันศักดิ์สิทธิ์ของวัดบางกะพ้อม บนบานขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บแล้วจะบวชอุทิศส่วนกุศลถวาย หลังจากนั้นแค่ 2 วันเกิดปาฏิหารย์ ด.ช.สมศักดิ์ หายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างไม่น่าเชื่อ และเกิดใหม่ในร่มกาสาวพัสตร์ กลายเป็นพระนักพัฒนาจนมาถึงปัจจุบัน ท่านบวชเป็นเณรในปี 45 ศึกษาธรรมะวิปัสสนา และอุปสมบทเป็นพระปี 48 จนถึงปัจจุบัน 14 พรรษา ท่านอุทิศชีวิตกับการศึกษาพระธรรม และวิปัสสนากรรมฐาน เป็นครูสอนศีลธรรม-บรรยายธรรมให้กับโรงเรียน สถานศึกษา และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในเขต จ.ราชบุรี และใกล้เคียง

นอกจากนี้ยังลงพื้นที่นำข้าวสาร-อาหารแห้งปัจจัยต่าง ๆ แจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนทุกหนแห่ง รวมถึงให้ทุนการศึกษากับเด็กยากจนเหมือนกับที่ท่านเคยได้รับมาในอดีต ปัจจุบันท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานศูนย์การศึกษาพิเศษประจำ จ.สมุทรสงคราม ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ตามที่ท่านตั้งปณิธานไว้ในชีวิตว่าจะศึกษาธรรมะ และเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมถึงช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาส และผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากจนลมหายใจสุดท้าย




ท่านทุ่มเทช่วยเหลือผู้คนอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย บุกไปทุกที่ที่มีคนเดือดร้อนจนชาวบ้านให้ความศรัทธากันมากมาย ศรัทธาที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของพระทั้ง 2 นี่แหละพระดีที่คู่ควรกราบไหว้อย่างแท้จริง.



คอลัมน์ คนดีของสังคม โดย “เหยี่ยวขาว”
ข้อมูล-ภาพ “กฤตภาส แตงเพชร์”เดลินิวส์ออนไลน์ จ.ระยอง และคุณกฤติน พิมพ์โมกข์.
ขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/article/775728
เสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2563 เวลา 10.00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ