ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พายุหมุนถล่ม ฉะเชิงเทรา ไม่เคย ก็เกิดอีกแล้ว ระวังพายุโซนร้อนวันที่ 16 พ.ค.  (อ่าน 1810 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

namtip

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 54
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวแปดริ้วอ่วมหลังถูกฤทธิ์พายุฤดูร้อนหมุนถล่มบ้านเรือนพังเสียหายยับกว่า 400 หลังคาเรือน ตกสำรวจอีกอื้อ ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ด้านชาวบ้านเผยนาทีระทึกขณะลมพายุถอดยกหลังคาบ้านหมุนปั่นกลางอากาศหวิดทำหัวใจวายตาย
       
       นายวิศว ศะศิสมิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า จังหวัดฉะเชิงเทราได้ส่งเจ้าหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย หลังถูกพายุฤดูร้อนหมุนถล่มในพื้นที่ 4 อำเภอ เมื่อคืนวาน (5 เม.ย.) ประกอบด้วย อ.บางน้ำเปรี้ยว บางคล้า สนามชัยเขต และ กิ่ง อ.คลองเขื่อน ทำให้มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียทั้งหมดกว่า 400 หลังคาเรือน แต่โชคดีที่ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งคาดว่า ใน 1 -2 วันนี้จะทราบตัวเลขจากการสำรวจที่แน่ชัด และจะได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือจ่ายเป็นเงินสดในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรต่อไป
       
       ด้าน นายเกรียงศักดิ์ รัตนกุญชลี ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอคลองเขื่อน ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับความเสียหายสูงสุด กล่าวว่า จากการสำรวจความเสียหายล่าสุด พบว่า มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายในเขตพื้นที่ กิ่ง อ.คลองเขื่อน จำนวน 190 หลังคาเรือนแล้ว และคาดว่า จะมีตัวเลขความเสียหายสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ลึก และยังเข้าสำรวจไม่ถึง ซึ่งขณะนี้ทางกิ่งอำเภอได้เปิดศูนย์รับแจ้งความเสียหาย ให้ชาวบ้านที่ยังตกสำรวจเข้ามาแจ้งความเสียหายได้ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายเกี่ยวกับหลังคาบ้าน ที่ถูกลมพายุพัดหมุนยกเปิดหลังคาออกไปทั้งหลัง
       
       นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหายหนักสุด คือ บ้านพังทั้งหลังอีก 2-3 ราย เบื้องต้นได้ให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) เข้าไปดูแลสำรวจความเสียหายแล้ว และรายงานให้ทางกิ่งอำเภอทราบ เพื่อรายงานต่อไปยังทางจังหวัดในวันจันทร์นี้ โดยตำบลที่ได้รับความเสียหายสูงสุด คือ ต.บางโรง เพราะเป็นเส้นทางผ่านของลมพายุ จำนวน 160 หลังคาเรือน ต.ก้อนแก้ว 12 หลังคาเรือน และอีกสองตำบล คือ บางเล่า และคลองเขื่อน ตำบลละ 10 หลังคาเรือน
       
       ขณะที่ นายกาญจนา สรรพคุณ อายุ 79 ปี และนางยุ้ย สรรพคุณ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.2 ต.ก้อนแก้ว กิ่ง อ.คลองเขื่อน ชาวบ้านซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และอยู่เพียงลำพังสองตา-ยาย เล่าถึงนาทีระทึกใจให้ฟัง ว่า ในวันเกิดเหตุได้เกิดลมพายุฝน และลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาอย่างรุนแรง ประกอบกับมีพายุหมุนกระโชก หมุนสิ่งกีดขวางขึ้นลอยไปอยู่บนอากาศ รวมทั้งหลังคาบ้านของตนที่เป็นสังกะสีบริเวณห้องครัวได้ปลิวยกขึ้นลอยทั้งหลัง หมุนให้ดูต่อหน้าต่อตา ม้วนเป็นวงตามแรงลม ก่อนที่จะปลิวไปตกใส่หลังคาบ้านอีกหลังได้รับความเสียหาย
       
       โดยขณะนั้นตนอยู่กันเพียงลำพังสองคน เพราะลูกๆ ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน และแยกครอบครัวไปแล้ว ระหว่างเกิดเหตุตกใจมากเกือบทำให้ช็อก แต่ยังกลับมาตั้งสติได้ และช่วยกันเก็บกวาด วิดน้ำออกจากบ้านหลังลมพายุ และฝนผ่านเลยไป ซึ่งตนนั้นเป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ ส่วนสามีเป็นคนพิการขาขาดทั้งสองข้างจากอุบัติเหตุ แต่ยังใส่ขาเทียมเดินได้
       
       นางยงค์ ขุนสิทธิ์ เจริญ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ม.2 ต.ก้อนแก้ว กล่าวว่า เป็นครั้งแรกของชีวิต และไม่เคยเห็นลมพายุพัดรุนแรงอย่างนี้มาก่อนเลย โดยเห็นลมพายุพัดหอบต้นไม้ หลังคาบ้านเพื่อนบ้าน ลอยขึ้นบนท้องฟ้าแล้วใจหาย เพราะกลัวว่าจะลอยมาตกทับใส่คน หรือหมุนหอบเอาคน และบ้านลอยขึ้นฟ้าไปด้วย แต่โชคดีที่บ้านของตนไม่อยู่ในทิศทางที่ลมผ่าน จึงได้รับความเสียหายน้อย แค่กันสาดหน้าบ้านปลิวหายไปเท่านั้น










ขอบคุณที่มาข่าว

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000040157
บันทึกการเข้า