ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - มะเดื่อ
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
161  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฟังผิด เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 11:35:58 am


ฟังผิด

โทรศัพท์ดังขึ้นในเย็นวันหนึ่งที่ศูนย์ชาวพุทธของเรา

“อาจารย์พรหมอยู่ไหม?” คนที่โทรมาถามเสียงเครียด

หญิงชาวเอเชียผู้นอบน้อมซึ่งเป็นคนรับโทรศัพท์ตอบว่า “เสียใจค่ะ ท่านกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง
กรุณาโทรกลับมาอีกครั้งในสามสิบนาทีนะคะ”

คนโทรมาคำรามก่อนที่จะว่างหูไปว่า “ฮึย ! เขาจะตายภายในสามสิบนาทีนี้แหละ !”

ยี่สิบนาทีต่อมา เมื่ออาตมาออกมาจากห้อง
หญิงสูงวัยชาวเอเชียคนนั้นยังคงนั่งสั่นอยู่ด้วยความกลัวและใบหน้าที่ซีดเผือด
คนอื่นๆ กำลังล้อมเธออยู่ พยายามที่จะหาสาเหตุว่ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น
แต่เธอก็ตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้
เมื่ออาตมาปลอบโยนเธอ เธอจึงโพล่งออกมาว่า “มีคนกำลังจะมาฆ่าท่าน!”

อาตมาเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่หนุ่มชาวออสเตรเลียนคนหนึ่ง
ตั้งแต่เขาเพิ่งทราบว่าเขาเป็นเอชไอวีบวก อาตมาสอนให้เขานั่งสมาธิ
และสอนกุศโลบายที่จะช่วยให้เขารับมือกับโรคร้ายได้ ขณะนี้เขากำลังจะตาย
อาตมาไปเยี่ยมเขาเมื่อวานซืนและคาดว่าจะได้รับโทรศัพท์จากคู่ขาของเขาเมื่อใดก็ได้
อาตมาจึงเดาได้ว่าโทรศัพท์นั้นความจริงหมายถึงใคร มันไม่ใช่อาตมาที่จะตายภายในสามสิบนาที
หากแต่เป็นชายหนุ่มผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ต่างหาก

อาตมารีบไปที่บ้านเขาและทันพบเขาก่อนตาย
เคราะห์ดีที่อาตมาได้อธิบายเรื่องความเข้าใจผิดนี้ให้หญิงชาวเอเชียที่กำลังตกใจกลัวได้รู้
ก่อนที่เธอจะตายไปด้วยจากการช็อก!

บ่อยครั้งเพียงใดที่สิ่งที่คนพูดกับสิ่งที่เราฟังไม่ตรงกัน?
162  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ประเพณี ชิงเปตร ( หลาวชะโอน ) เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 11:32:08 am
หนังเรื่องนี้ ผมดูแล้วได้ คติ เลยครับ ว่าคนเลวนี้ จะถูกกรรมบังเลยครับ แม้จะอยู่ใกล้กับผู้ทรงศีล และมีอภิญญา

ก็ไม่สามารถจะรอด ความเป็นเปตรไปได้ เพราะความหลงผิด


 :32:
163  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผลไม้มงคลที่กินแล้ว จะโชคดี ๆ ตลอดทั้งปี ( ว่างั้น ) เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 01:15:32 pm
จาก fwd mail

ผลไม้มงคล ที่กินแล้วจะโชคดีตลอดทั้งปี
  อีกแค่อาทิตย์กว่าๆ ก็จะถึง “วันตรุษจีน”  (14 ก.พ.) แล้วนะจ๊ะ ซึ่งวันดังกล่าวถือว่าเป็นประเพณีที่มีความสำคัญมากสำหรับชาวจีน เพราะจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในปีใหม่ที่มาถึง ได้พบปะญาติพี่น้องที่อาจจะไม่ได้เจอกันมานาน และได้กราบไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย


                ซึ่งก่อนที่จะถึงวันตรุษจีนนั้นก็ต้องมีการเตรียมของไหว้มากมายไม่ว่าจะ อาหารคาวหวาน ขนม ผลไม้ กระดาษเงิน กระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษ ฯลฯ ดังนั้นเพื่อให้เข้ากับประเพณีที่จะมาถึงนี้ พี่ปัดจึงมี “ผลไม้มงคล 8 อย่าง” ที่มีความหมายดีๆ มาฝากน้องๆ ชาว Dek-D.Com จ้ะ โดยเริ่มต้นจาก.....

  ผลไม้มงคล ที่กินแล้วจะโชคดีตลอดทั้งปี    
              สาลี่ ทราบกันรึเปล่าจ๊ะว่าเจ้าผลไม้ลูกสีเหลือง ที่มีรสชาติหวานอร่อยนั้น ชาวจีนถือว่าเป็นผลไม้มงคล เพราะมันมีความหมายว่า “การรักษาคุณงามความดีเอาไว้อย่างมั่นคง และรักษาโชคลาภเงินทองไม่ให้เสื่อมถอยไปไหน”

             องุ่น  ผลไม้ที่มากันเป็นช่อพวง และมีรสชาติหวานนั้น มีความหมายว่า “ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหน้าที่การงานและชีวิต”

             แอปเปิ้ล “มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง” นี่คือความหมายของผลไม้ชนิดนี้ และการกินแอปเปิ้ลเป็นประจำทุกวัน ยังช่วยเรื่องสุขภาพได้มากมายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การบำรุงหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอล และลดความอยากอาหารซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย 
     
           ลูกท้อ  สำหรับชาวตะวันตกแล้ว พวกเขารู้จักผลไม้ชนิดนี้ในชื่อว่า Peach แต่สำหรับชาวจีนแล้ว พวกเขาเชื่อว่าผลไม้ชนิดนี้เป็นเครื่องหมายของ “ความยั่งยืน” และเป็นผลไม้ชั้นสูง สำหรับบูชาเทพบนสวรรค์

            พลับ  เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ ที่ผลพลับนั้นจะมีรสชาติหอม หวาน อร่อย และมีความหมายที่เป็นมงคลว่า “จิตใจที่หนักแน่นอย่างมั่นคง สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ได้ไปอย่างราบรื่น มีความขยันมั่นเพียรเป็นที่ตั่ง”

            ทับทิม เพราะทับทิมเป็นผลไม้ที่มีเมล็ดมาก ดังนั้นจึงมีความหมายว่า “การมีลูกชายมากๆ” นั้นเอง นอกจากนี้ชาวจีนยังมีความเชื่อว่า ใบทับทิม เป็นใบไม้สิริมงคลที่ใช้พรมน้ำ และเอาไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัยจากภูติผีปีศาจอีกด้วย

              ส้ม   เป็นผลไม้ที่มีความหมายว่า “โชคดี ประสบแต่สิ่งดีๆ เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว” ซึ่งในส้มนั้นนอกจากจะมีวิตามินซีที่สูงแล้ว เปลือกส้มที่มองภายนอกว่าไม่มีค่าก็สามารถนำมาบีบหรือคั้นเอาน้ำมันหอม ระเหยออกมาดม หรือนวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องการผ่อนคลาย และกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทได้อีกด้วย

               เกาลัด และพุทรา  สำหรับในงานแต่งงานแล้ว ผลไม้ 2 ชนิดนี้จะมีความหมายว่า “ขอให้มีบุตรที่ดี สุภาพ มีมารยาทดีในเร็ววัน” ซึ่งเกาลัด มีสรรพคุณช่วยบำรุงไต เสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระเพราะอาหารและลำไส้ ส่วนพุทรา เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ช่วยบำรุงเลือด และร่างกาย 
    

ผลไม้มงคล ที่กินแล้วจะโชคดีตลอดทั้งปี
ทราบความหมายของผลไม้มงคลทั้ง 8 อย่าง กันไปแล้ว

164  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จะคลอดลูกไม่มีใบอนุญาตไม่ได้ ที่ประเทศจีน เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 10:18:46 am
เศร้าแท้!!! แม่จะคลอดลูกที ต้องมีใบอนุญาต !! ไม่คิดชีวิตเด็กเลย?


ฝันร้ายที่ทำลายขวัญกำลังใจของครอบครัวหนึ่ง เมื่อนางเฉินได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่า ลูกตนที่คลอดออกมา "เป็นทารกที่ไร้ลมหายใจ" ทว่า 10 ปีให้หลัง จากทะเบียนประวัติผู้ป่วยเก่าเหลือง ได้คลี่คลายความจริงบนความเศร้าที่มากกว่าเดิม ครั้งนี้ต่อให้เธอจะสู้จนชนะคดีในชั้นศาล ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะชนะชะตากรรมและทำให้ลูกของเธอมีชีวิตฟื้นขึ้นมาอีก

10 ปีที่ผ่านมา ภาวนาแต่ว่า "ขอให้มีลูก"
     
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ยามที่เห็นเด็กๆกระโดดโลดเต้นตามท้องถนน นางเฉินกลับมีความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย สองสามีภรรยาเริ่มไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาล เพื่อจะได้มีลูกให้เร็วที่สุด ไม่ว่าโรงพยาบาลระดับอำเภอ ระดับเมือง หรือระดับมณฑล ขอเพียงมีคนบอกว่าแผนกสูตินรีของที่นั้นดี หรือมียาที่กินแล้วได้ผล นางเฉินจะลองทุกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่ตำรับยาพื้นบ้าน แต่แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะท้องเสียที
     
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ความหวังเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน นางเฉินเล่าว่า แม้แต่ฝัน ยังฝันว่ามีลูกเป็นของตัวเอง แต่พอตื่นขึ้นมา ก็พบความจริงว่า เธอยังไม่มีลูกน้อยในอ้อมอก
     
ครอบครัวของเฉินมีฐานะธรรมดาสามัญ ภาระต่างๆก็อาศัยเพียงรายได้จากธุรกิจแปรรูปของสามี กระนั้นก็ตาม เพื่อจะได้มีลูกสักคน จะต้องทุ่มเงินสักเท่าไร สองสามีภรรยาก็ไม่เคยเสียดาย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งคู่จ่ายเงินไปแล้วหลายแสนหยวน สองปีก่อน พวกเขายังเคยทดลองทำเด็กหลอดแก้ว โดยคิดว่าน่าจะเป็นความหวังสุดท้ายที่จะทำให้ฝันกลายเป็นจริง

10 ปีก่อน หลังคลอด "ลูกตาย" ก็ไม่ท้องอีกเลย
     
ย้อนเวลาไปเมื่อ 10 ปีก่อน นางเฉินเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านในอำเภอหนิงไห่ หลังจากฝ่าฟันความทุกข์ยากนานากับชายคนรักมากว่า 4 ปี ในที่สุดทั้งคู่ได้วางแผนจะปลูกเรือนหอที่หนิงปอ เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง แล้วค่อยแต่งงานมีลูก ปี 1998 ในเวลาที่ทั้งสองเพิ่งซื้อเรือนหอได้ตามแผนที่วางไว้ นางเฉินกลับพบว่าตัวเองตั้งท้องได้สองเดือน งานแต่งจึงถูกเร่งรัดให้เร็วขึ้นกว่าที่ตั้งใจไว้เดิม
     
เรื่องนี้ทำให้นางเฉินทั้งดีใจและกังวล เพราะตอนนั้น การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานเข้มงวดมาก ถ้าต้องการจดทะเบียนสมรส จะต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน ซึ่งถ้าหากตรวจพบว่าตั้งท้อง เกิดทางการไม่ให้เอาเด็กไว้จะทำอย่างไร !?
     
ด้วยความกังวลนี้เอง สองสามีภรรยาจึงตัดสินใจไม่ไปจดทะเบียนสมรส โดยตกลงกันว่า ขอจัดพิธีตามธรรมเนียมประเพณีให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องทะเบียนสมรสในภายหลัง
     
ใบทะเบียนสมรสของจีนนั้น มิใช่เป็นเพียงสัญญาแห่งรักของคนสองคนที่ตัดสินใจจะร่วมหอลงโรงกันเท่านั้น หากแต่เกี่ยวพันกับการก่อร้างสร้างครอบครัวใหม่ ซึ่งจะเป็นหลักประกันทางกฎหมายที่สำคัญสำหรับทุกชีวิตในบ้าน ที่สำคัญเป็นหลักฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับ "การขอใบอนุญาตคลอดบุตร" เมื่อคราวที่ภรรยาตั้งครรภ์ พร้อมกันนั้นยังต้องนำไปใช้ขอใบรับรองว่า "เป็นการแต่งงานครั้งแรก และเป็นการมีบุตรครั้งแรก" เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายลูกโทนของจีน
     
เมื่อไม่มีใบทะเบียนสมรสที่ว่าในเวลานั้น ทั้งคู่จึงได้แต่เตรียมใจรอรับปัญหาที่จะตามมา รวมทั้งค่าปรับต่างๆเมื่อถึงกำหนดคลอด
     
หลัง 40 สัปดาห์ผ่านไป (ตามทะเบียนประวัติผู้ป่วย) ในที่สุดช่วงเวลาสำคัญก็มาถึง ทางบ้านช่วยกันพานางเฉินไปส่งยังแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลหมายเลข 1 แห่งอำเภอหนิงไห่ ทว่าหลังคลอด กลับไม่มีใครในครอบครัวแม้แต่คนเดียวที่ได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ ตอนนั้นพวกเขาได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่า "เด็กเสียชีวิตขณะคลอด"     

ได้ฟังดังนี้ นางเฉินราวจมลงสู่หุบเหวของความทุกข์ในนาทีนั้น ทางบ้านได้แต่ปลอบโยนว่า ไม่เป็นไร ยังมีโอกาสที่จะมีลูกได้อีก ด้วยความหวังเช่นนี้เอง ได้ช่วยเป็นแรงผลักดันให้นางเฉินตะกายพ้นจากหุบเหวแห่งทุกข์ขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ นับแต่นั้นมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว นางเฉินก็ไม่เคยตั้งท้องอีกเลย

10 ปีให้หลัง จึงพบความลับที่แสนขมขื่น
     
นางเฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ชีวิตนี้ตนจะต้องมีลูกโดยการทำเด็กหลอดแก้ว เดือนกรกฎาคม การผสมเทียมครั้งที่ 3 โดยโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในหนิงปอประสบความล้มเหลว แต่ก็ไม่ได้ล้มความตั้งใจที่จะมีลูกของนางเฉินได้ แพทย์จึงขอดูประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อนเพื่อประกอบการรักษา ดังนั้น วันที่ 24 กรกฎาคม นางเฉินจึงกลับไปยังโรงพยาบาลเมื่อครั้งที่เธอไปคลอดลูก เพื่อขอคัดทะเบียนประวัติผู้ป่วยของตนเอง เมื่อได้มาแล้ว เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะดูยังไงก็ดูไม่เข้าใจ
     
ราวสิ้นเดือนกรกฎาคม ผู้วชาญท่านหนึ่งได้พิจารณาทะเบียนประวัติของเธอแล้ว กลับพบความลับที่ทำให้น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ 10 ปีก่อน ลูกของนางเฉินเป็นทารกที่อาการครบ 32 จากใบบันทึกการผ่าตัดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1999 มีสูตินรีแพทย์ที่ปฏิบัติการถึงสามท่าน
     
ในขั้นตอนการผ่าตัด คุณหมอได้บันทึกไว้อย่างชัดเจน โดยมีข้อความบางส่วนว่า "คลอด ออกมาเป็นทารกเพศชายสมบูรณ์ (แต่ไม่มีใบอนุญาตคลอดบุตร ทางอำเภอไม่อนุญาตให้ทารกมีชีวิตรอด) ดังนั้น จึงไม่ได้ทำการกำจัดของเหลวที่คั่งค้างในระบบทางเดินหายใจ 2 นาทีต่อมาทารกจึงได้เสียชีวิตลง"
     
เมื่อทราบความจริงที่ถูกปิดบังมาตลอด 10 ปี นางเฉินก็แทบจะเสียสติ ถ้าไม่ใช่เพราะไปคัดทะเบียนประวัติผู้ป่วยออกมา เธอย่อมไม่มีทางรู้เลยว่า เธอได้ให้กำเนิดลูกชายที่มีลมหายใจเป็นปกติ นางเฉินให้สัมภาษณ์กับนักข่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้นพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "ทำไมถึงไม่ยอมให้ลูกฉันมีชีวิตรอดออกมา !?"

ข้อมูลจาก

Manager Online
165  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พ่อครับ ขอยืมเงิน หน่อยครับ เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 12:30:16 pm

"พ่อครับ ขอยืมตังค์หน่อย"
เสร็จจากงานถึงบ้าน เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว เขาเดินเข้าบ้าน ที่ดูเงียบเหงา เนื่องจากภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย ทิ้งลูกชายคนเดียวไว้ กับเขาให้หาเลี้ยงลูกตามลำพัง ดีว่าเจ้าหนูน้อยพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง อาหารก็กิน อาหารปิ่นโต ที่ผูกประจำ หากินเองได้ ทำให้ไม่เป็นภาระมากมายนัก

เข้ามาในบ้าน เหงื่ออาบแก้ม ยังไม่ทันได้พัก ผู้เป็นพ่อ เห็นหน้าลูกชายวัยซน ที่รอรับหน้า เอ่ยปากทัก "พ่อครับ วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยครับ"

"เหนื่อยสิลูก แล้ววันนี้ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ" ผู้เป็นพ่อตอบเนือยๆ พร้อมกับถาม ต่อด้วยความเคยชิน

"เสร็จหมดแล้วครับ คือ ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามพ่อน่ะ พ่อว่างหรือยังครับ" ลูกชาย ตัวน้อย ถามต่อ

"เดี๋ยวพ่อจะไปอาบน้ำ หาข้าวกินข้าวซักหน่อย แล้วคงจะเข้านอน วันนี้เหนื่อย เหลือเกิน ว่าแต่แก จะถามอะไรพ่อเหรอ" ผู้เป็นพ่อ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

"คือผมอยากรู้ ว่า พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันละเท่าไร ครับ" ลูกชาย ถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ

หันมามองหน้าลูกชาย พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วผู้เป็นพ่อ แต่ก็ตอบไปว่า" วันล่ะ สี่ร้อย"

"งั้นผม ขอยืม ตังค์ พ่อ ซักสองร้อยได้มั้ยครับ " ลูกชาย ตัวน้อย เอ่ยปาก ด้วยสายตาวิงวอน

"หา แกว่าไง นะ" ผู้เป็นพ่อ ขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ ก่อนที่จะหันมา พูดกับ ลูกชายด้วยเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม " นี่ฟังนะ แกคิดว่าเงินทอง หาได้ง่ายๆเหรอ กว่าพ่อจะได้เงิน สี่ร้อยบาท ต้องทำงาน เหนื่อยตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่ พอกลับมาถึงบ้าน เจอแก รอขอยืมเงิน พ่อง่ายๆ แบบนี้นี่นะ แกลองไปคิดดูให้ดี สิ ว่า แกทำประโยชน์อะไรให้พ่อบ้าง พ่อถึงจะต้องให้ เงินสองร้อยนี่ ให้แกยืม"

เด็กชาย ยืนนิ่ง มองหน้าพ่อ ไม่มีเสียงหลุดออกจากปาก แต่น้ำตาไหลซึม ลงอาบร่องแก้มทั้งสองข้าง ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับห้องตัวเอง อย่างซึมเซา



หลังจากอาบน้ำเสร็จ แวะเข้าครัว หาข้าวปลากินเรียบร้อย เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เดินไปที่ระเบียง ความรู้สึกเคร่งเครียดที่ได้รับ มาจากงานนอกบ้านเริ่มผ่อนคลาย คิดไปถึงอดีตที่ผ่านและงานที่ทำมาทั้งวัน แล้วก็ย้อนกลับคิดไปถึงลูกชายตัวน้อย

ลูกเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเร ไม่เคยเอ่ยปากขอเงิน เพิ่ม นอกจากเงินค่าขนม ที่เขาให้ประจำวันเท่านั้น แต่วันนี้ทำไมถึงเอ่ยปากยืมเงิน

เมื่อสักครู่ เขาเหนื่อยเกินไป หรือ เครียดเกินไปหรือป่าว ถึงได้ใช้อารมณ์ กับลูกไปอย่างนั้น เมื่อได้คิด เขาดับบุหรี่ แล้วเดินไปที่ห้องลูกชาย ไฟในห้องนอนดับแล้ว

เมื่อเปิดประตูเข้าไป เอื้อมมือเปิดไฟในห้อง หนูน้อยนอนตะแคงหน้า ตายังคงลืมจ้องมองมาที่ประตู แก้มที่แนบกับหมอน ชุ่มด้วยน้ำตา พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆอยู่คนเดียว

เขาเดินไปนั่งที่ขอบเตียงมือ ลูบผม ลูกชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเครือ จุกคอ

"พ่อขอโทษ นะลูก เมื่อกี้พ่อเหนื่อยมามากเลยใช้อารมณ์ กับลูกมากไปหน่อย จริงๆตะกี้พ่อไม่ได้ถามลูกด้วยซ้ำว่า ลูกอยากยืมเงินพ่อไปทำไม ลูกอาจจะมีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก็ได้

เงินแม้ว่าจะหาได้ลำบาก ไม่ได้ได้มาง่ายๆ แ ต่ถ้าลูกมีเหตุผลเพียงพอ พ่ออาจจะให้ยืมก้อได้ เพราะว่า ลูก น่ะสำคัญสำหรับพ่อเหนือ สิ่งอื่นใด และพ่อ รักลูกจ้ะ"

"ว่าแต่ ไหนลูกลองบอกพ่อสิว่า ลูกอยากยืมเงินสองร้อยไปทำอะไร" ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่มองหน้าพ่อนิ่ง ด้วยน้ำเสียงปราณี เต็มเปี่ยมด้วยความรัก

ลูกชายตัวน้อย ส่งเสียงสะอื้นจากลำคอ "พ่อครับ ตั้งแต่แม่ตาย ผมเห็นพ่อต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินทุกวัน จนไม่ได้พัก ไม่ได้อยู่กับผมเลย เราแทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน

ผมเลย ค่อยๆ เก็บค่าขนมของผม ไว้ตลอดมา จนถึงตอนนี้ผมเก็บได้สองร้อยบาทแล้ว แต่พอผมรู้จากพ่อว่า พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันล่ะสี่ร้อย ผมจึงอยากยืมพ่อเพิ่มอีกสองร้อย ให้เป็นสี่ร้อย เพื่อจะได้ใช้เป็นค่าจ้างให้พ่อได้พัก ได้อยู่กับผม ซักวันนึงครับ"



เงินทอง อาจจะจำเป็น ต่อการดำรงชีวิต

แต่ ครอบครัว ยังคงต้องการ ความรัก ความอบอุ่น และ เวลาที่มีให้ แก่กัน

"อย่าห่วงงานจนลืม ครอบครัว และ คนที่คุณรัก "
166  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เทพเจ้าโชคลาภทั้ง 7 เมื่อ: กันยายน 29, 2010, 02:57:20 pm
 

  คือเหล่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภซึ่งเป็นที่นับถือกันมากในประเทศญี่ปุ่น ตามเทพนิยายและเรื่องเล่าต่อๆกันมา เทพทั้ง 7 มักสื่อออกมาในรูปเครื่องรางต่างๆทีจำหน่ายตามศาลเจ้า หรือ ของรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเทพเจ้า มักเดินทางจากสวรรค์มาโดยเรือบิน

      เอบิซุ: เทพแห่งชาวประมงและการค้าขาย มักพบเห็นท่านถือปลาและเบ็ดตกปลาเสมอ เอบิซุเป็นเทพเจ้าองค์เดียวในหมู่เทพทั้ง 7 ที่มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น เดิมเทพองค์นี้มีชื่อว่า ฮิรุโกะ ซึ่งแปลว่า บุตรแห่งสายน้ำ ตามร้านอาหารทะเลก็มักนำรูปปั้นเอบิซุมาประดับด้วย

      ไดโกกุไดโกกุ: เทพแห่งความมั่งคั่ง การเพาะปลูก และเทพคุ้มครองข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน โดยเฉพาะในห้องครัว เป็นเทพที่มีต้นกำเนิดตามความเชื่อของลัทธิเต๋า (หรือตามตำนานอินเดียคือ พระศิวะ)

      มักเห็นท่านถือค้อนเงินและถือถุงข้าวสาร พร้อมใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใส ในบางครั้งจะพบหนูตัวเล็กๆอยู่ข้างๆท่านด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ตามร้านขายของมักนำท่านมาประดับเพื่อเป็นสิริมงคล

      บิชามอนบิชามอน: เทพแห่งอัศวินและเหล่านักรบ ตามตำนานของญี่ปุ่นท่านเป็น 1 ใน อสูรปกครองศักดิ์สิทธิทั้ง 4 หรือ เต่าดำแห่งทิศเหนือ นั่นเอง หรือตามตำนานอินเดียในนามของ ท้าวกุเวรเทพดาประจำทิศเหนือ

      และตามตำนานอื่นๆในเอเชียด้วยชื่อต่างๆ ซึ่งล้วนแต่แปลว่า ผู้ฟังมาก (เชื่อกันว่าท่านเป็นเทพที่คอยปกป้องพระพุทธเจ้าขณะที่พระองค์แสดงพระธรรม ที่เขาพระสุเมรุ)ตามตำนานญี่ปุ่นบิชามอนเท็น

 

      เป็นเทพแห่งสงครามผู้ขับไล่ปีศาจต่างๆที่เป็นอัปมงคล และรวมถึงปกป้องทรัพย์สินในบ้านจากภัยอันตรายต่างๆ โดยมือข้างหนึ่งจะถือหอกเป็นอาวุธ ส่วนอีกข้างหนึ่งถือเจดีย์อันเล็กๆ

     เบ็นเท็นเบ็นเท็น: เทพเจ้าองค์เดียวที่เป็นผู้หญิง เป็นเทพแห่งศิลปะและความงาม มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย คือ ท้าวลักษมี มักพบท่านในลักษณะของนางฟ้าที่กำลังเล่นเครื่องดนตรีเครื่องสายของญี่ปุ่น

     ฟุกุโรกุยูฟุกุโรกุยู: เทพแห่งความสุข ความมั่งคัง และอายุยืน เป็นเทพอาวุโสมีเครายาว หน้าผากสูง มีสมุดที่บันทึกอายุขัยของมนุษย์บนโลก มักพบท่านพร้อมกับ นกกระเรียน เต่า รวมถึงกวางดำซึ่งมีความเชื่อว่ากวางที่อายุ 2000 ปี จะเปลี่ยนสีเป็นสีดำ ซึ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์แห่งอายุที่ยืนนานทั้งสิ้น

     โฮเทโฮเท: เทพเจ้าที่ร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพ รูปลักษณ์ของท่านเหมือนพระสังกัจจายน์ด้วย หรือที่รู้จักกันตามตำนานอื่นๆ บางครั้งกล่าวว่าท่านเป็น พระศรีอรายะ หรือ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปด้วย

     นอกจากนั้นท่านยังมีรูปลักษณ์ที่เป็นมิตรและร่าเริง จึงเป็นที่รู้จักกันอีกนามหนึ่งคือ พระหัวเราะ รูปปั้นของท่านถูกตั้งตามร้านอาหาร โรงแรม และเป็นเครื่องรางแพร่หลายไปทั่วเอเชีย

     จูโรยินจูโรยิน: เทพแห่งอายุยืน มักถูกจำสับสนกับ ฟุกุโรกุยู ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก โดยเป็นเทพอาวุโสถือไม้เท้าและพัด พร้อมด้วนกวางดำเดินตามข้างหลัง

ที่มาจาก fwdmail
167  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชายชรา กับ ลังเหล็ก เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 11:17:17 am


าลครั้งหนึ่ง ยังมีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่ง ในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็นหัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำ
มีรายได้ดีมาก แต่คุณลุงท่านนี้ไม่เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดีใครมา
หยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด คุณลุงมีเพื่อนเยอะมาก จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการ
ทำงาน ปรากฏว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน เมื่อคุณลุงไม่มี
เงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกๆ ทั้ง 5 คน

วันจันทร์ ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น "ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้านลูก
คนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริงๆ "

วันอังคาร ก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลาน และลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น "รำคาญคุณปู่จังเลยกับข้าว
ที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลย ทำไมคุณปู่ไม่ไปบ้านอื่นบ้าง" เป็นเช่นนี้ตลอด คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่
บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที ก็ถูกลูกบ้าง ลูกเขยบ้าง ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด แต่
คุณลุงก็ต้องทน เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว

อยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูกๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า "พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปีนะลูก เพราะเพื่อนพ่อ
ที่เป็นเจ้าของเหมืองทองคำมันเขียนจดหมายมาขอร้องให้พ่อไปช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน พ่อ
จำเป็นต้องไปช่วยเขาจริงๆ" ลูกๆ ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้คุณลุงท่านนี้ไปให้พ้นๆ จะได้ไม่
เป็นภาระอีกต่อไป
 






เมื่อครบ 2 ปี คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้อมกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไปไหนแกก็ลากไปด้วย ลูกๆ ก็
พากันแปลกใจและถามว่า "ลังอะไร" คุณลุงตอบว่า "เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำ
ของเพื่อน ถ้าใครดูแลพ่อจนถึงวาระสุดท้ายก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด" ปรากฏว่า ลูกๆ พา
กันตื่นเต้น ต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่

วันจันทร์ คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจบีบนวดให้ หาของกินดีๆ มาให้
แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มาตามให้ไปอยู่ด้วย และก็เช่นกันยังไม่ทันไร ลูกสาวคนที่สาม ก็มา
ตามให้ไปอยู่ด้วยอีก ปรากฏว่าลูกๆ ทั้ง 5 คน ของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจและปรนนิบัติคุณลุงท่านนี้
อย่างดี แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลังเหล็กใบนี้ไปด้วยตลอด

เวลาผ่านไป 7 ปี คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูกๆ ทุกคนพากันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อ
แบ่งสมบัติกัน ลูกสาวคนโตเป็นคนเปิดฝาลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง และมีจดหมาย
ฉบับหนึ่งวางอยู่ ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้องๆ ฟัง เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า
 
 



  ผมขยายมาให้แล้วครับ
 
 
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทและอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดูเรา ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบาย

ได้ ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง และไม่เคยคิดว่า เป็นเพียงนิทานเพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ไม่เตรียมเก็บ ออมเงินเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
....พึ่งพาใครไหนเร่า....จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง
168  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ทำไม คำขึ้นพระกรรมฐาน แต่ละที่ จึงไม่เหมือนกัน เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 10:38:05 am
ที่วัดท่ามะโอ ลำปาง ก็สอนแบบนี้คะ

๑. อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด เตรียมกายและจิตใจให้พร้อม
๒. เตรียมดอกไม้ธูปเทียน (ถ้ามี) เพื่อขอสมาทานศีลและขึ้นพระกรรมฐาน
๓. แต่งกายสุภาพ (ชุดขาว) กิริยาท่าทางสำรวม ไม่ควรพูดคุยกัน
๔. เมื่อถึงที่ขึ้นกรรมฐานกราบพระรัตนตรัยด้วยเบญจางค์ประดิษฐ์ ๓ ครั้ง จากนั้นกราบพระอาจารย์อีก ๓ ครั้ง ประเคนพานดอกไม้ธูปเทียน เสร็จแล้วกล่าวคำสมาทานศีล ๘ ดังนี้...
๕. มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ.
( ถ้าคนเดียวว่า อะหัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามิ ) (ทุติยัมปิ, ตะติยัมปิ, ก็ว่าเช่นเดียวกัน)
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ.
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ.
๖. พระวิปัสสนาจารย์กล่าว นโม ตัสสะฯ ๓ จบ จากนั้นให้กล่าวตาม ๓ จบ
๗. พระวิปัสสนาจารย์กล่าว ไตรสรณคม ให้กล่าวตามว่า
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
เมื่อกล่าวตามจบแล้ว พระอาจารย์จะกล่าวว่า “ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง”
ให้กล่าวรับว่า “อามะ ภันเต”
๘. พระวิปัสสนาจารย์กล่าว สิกขาบท ๘ ข้อ ให้กล่าวตามเป็นข้อๆ ดังนี้....
๙. (๑) ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และใช้ให้คนอื่นฆ่า
(๒) อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และใช้ให้คนอื่นลักขโมย
(๓) อะพรัหมจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการประพฤติผิดอันมิใช่พรหมจรรย์
(๔) มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการพูดคำเท็จ คำหยาบ คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ
(๕) สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการดื่มสุรา และสิ่งเสพติดให้โทษทุกชนิด
(๖) วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือ ตั้งแต่เที่ยงวันจนกระทั่งถึงวันใหม่
(๗) นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนะ มาลาคันธะวิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะณะ วิภูสะณัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการฟ้อนร่ำขับร้อง ประโคมดนตรี ดูการละเล่นต่างๆ ตลอดจนลูบไล้ ทัดทรงด้วยการประดับตกแต่งร่างกาย ด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องย้อมเครื่องทาทุกชนิด
(๘) อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ งดเว้นจากการนอนบนที่นอนอันสูงใหญ่ ภายในยัดด้วยนุ่นหรือสำลี
๑๐. กล่าวคำมอบกายถวายตัวต่อพระรัตนตรัย ดังนี้
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิ
ข้า แต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอมอบกายถวายชีวิต ต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เพื่อเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
๑๐. กล่าวคำถวายตัวเป็นศิษย์ต่อพระอาจารย์
อิมาหัง อาจะริยะ อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายตัว ต่อพระอาจารย์ เพื่อเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
๑๑. กล่าวคำขอพระกรรมฐาน
นิพพานัสสะ เม ภันเต สัจฉิกะระณัตถายะ กัมมัฏฐานัง เทหิ
ข้าแต่ท่านพระอาจารย์ผู้เจริญ ขอท่านจงให้ซึ่งวิปัสสนากรรมฐาน แก่ข้าพเจ้าเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งมรรค ผล นิพพาน ณ ปัจจุบันกาลนี้ด้วย เทอญ
๑๒. ตั้งความปรารถนา
อิมายะ ธัมมานุธัมมะปะฏิปัตติยา รัตตะนะตะยัง ปูเชมิ
ข้าพเจ้า ขอบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรมนี้ และด้วยสัจวาจาที่ได้กล่าวอ้างมานี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความเพียรในการกำหนดอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถบรรลุผลสมปรารถนา ในเวลาอันไม่ช้าด้วย เทอญฯ
169  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อาการพวกนี้ เป็นอาการของคนฝึกพลังจิต หรือป่าวครับ เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 10:32:17 am



เห็นเป็นกันมาก เกี่ยวกับการฝึกกรรมฐาน หรือป่าวครับ

ทำไม เวลาฝึกกรรมฐาน หรือ อยู่้ในพิธี ต้องมีอาการอย่างนี้

ในสมัยครั้งพุทธกาล มีประวัติหรือป่าวครับ

ว่าเวลาผู้ฝึก กรรมฐาน แล้วจะออกอากการอย่างนี้  ครับ

 :25:

เครดิตภาพเว็บนี้ด้วยครับ

http://www.oknation.net/blog/sertphoto/2010/02/27/entry-1
170  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บุญที่ถูกลืม เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 03:53:02 pm










171  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รถเสียใน กทม. ครับ กด 1137 เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 01:12:29 pm
ผู้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว
จะไปบอกต่อกันก็ ได้
ช่วยกันบอกต่อๆ ไป
รถเสีย   กด   1137 

ชาวกรุงซึ้งน้ำใจรถเสียช่วยฟรี  24  ชม.
รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด  1137 
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรี
ตลอด  24  ชั่วโมง ตามโครงการ   
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและ
ภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง   

คนยังเรียกใช้น้อย
เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก 
วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน   
ขณะที่ ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด 
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง
และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น

แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากนัก 
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือ
คนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน     
อย่างกลุ่มคนในโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง '         
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ
' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง '   กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ ว่า 

เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลา
กลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาโดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์ รวมไป ถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจรแล้ว น่าเป็นห่วง   
นอกจากนี้จากการสำรวจดู ยังพบว่า 
มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้าน
และไม่มีใครดูแล
จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร.  เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนมี
ที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดี
อยู่อีกจำนวนมาก 

บทสรุปที่ได้ คือ
ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ
จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ
โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริ
มาร่วมด้วยช่วยกัน ปรากฏว่า
เจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส   
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า   เพื่อสร้างความ
เชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดให้
เจ้าหน้าที่ ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร
ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน 
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก ' บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน  1  ปี   ถึงขณะนี้ การช่วยเหลือยังน้อยอยู่
เดือนหนึ่งประมาณ  50-60  ราย 
เฉลี่ยวันละ  4-5  ราย แต่ในช่วงคืนฝนตก
จะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ  10  ราย '

ผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวและยอมรับว่า โครงการ '  ปันน้ำใจช่วย เหลือรถจอดเสียกลางทาง '  ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ยังไม่ทราบว่า
มีโครงการนี้    หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้    และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น
 
' ถ้าผู้ใช้รถ ไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่า
มีโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชน
ส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือ
จริงหรือเปล่า หวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้นเราก็พร้อมจะขยายขอบข่าย การช่วยเหลือ ออกไป

เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้  4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆใช้เงินเพียง  1.69  ล้านบาทเท่านั้น ' 

นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย   
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่   1137


   
 
รถเสียซ่อมฟรี กดโทร 1137
สำหรับผู้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว จะไปบอกต่อกันก็ได้
ช่วยกันบอกต่อ ๆ ไป รถเสียช่วยฟรี กด 1137

172  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การสวดพระมาลัย จำเป็นต้องมีในงานศพ ทุกครั้งหรือป่าว เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:41:33 pm
การสวดพระมาลัย ผมเคยไปงานศพหลายครั้ง ฟังพระท่านสวด

เล่นเสียงสูง เสียงต่ำ บางท่วงทำนองอย่างกับร้องเพลง ผมเองก็นึกอยู่ว่า

พระท่านทำอย่างนี้จะเป็นการผิดศีล หรือป่าวครับ เหมือนเทศน์แหล่ ผมว่า เหมือน พระร้องเพลง

เลยครับ ชาวบ้านฟังแล้วอาจจะว่าหายาก หรือ งาม

แต่ผมฟังแล้ว รู้สึกไม่อยากให้ท่านสวดอย่างนี้

หรือว่าเป็นประเพณี ที่ควรรักษา

ถ้าอย่างนั้น การสวดพระมาลัย มีประวัติมาอย่างไร ครับ

มีการเริ่มสวดกันเมื่อไร ครับ

ใครเป็นผู้เริ่ม นำมาสวด

มีทำนอง กี่ทำนองครับ เพราะผมเคยไปฟัง ทำนองไม่เหมือนกันสักวัด เลยครับ

ผมเคยไปเจอที่อยุธยา วัดอะไรจำไม่ได้ มีการนำ อุบาสก 4 คนไปถือ ตาลปัตร แล้วก็สวด กระแทก

ตาลปัตรกับพื้น เป็นจังหวะ การสวดนั้นเรียกว่า สวดพระมาลัย หรือป่าวครับ


ประวัติพระมาลัย นั้นเป็น พุทธสาวก องค์ไหนครับ
 :25: :25:
173  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เกี่ยวกับเทศน์ มหาชาติ ครับ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:33:59 pm
เห็นประกาศเรื่อง เทศน์มหาชาต ครับ

อยากทราบว่า การเทศน์ มหาชาติ นั้น

1. เทศน์มหาชาติ นั้นต้องจัดเทศน์ ในกาลไหนบ้างครับ

2. เทศน์มหาชาติ มีการเทศน์กี่แบบ ครับ

3. เทศน์มหาชาติ ส่วนคาถาพัน คือ อะไรครับ

4. เทศน์มหาชาติ นั้นจำเป็นต้องเทศน์แหล่ หรือ ป่าวครับ

5. เทศน์มหาชาติ นั้นจัดเทศน์ที่บ้านได้ หรือ ป่าวครับ หรือต้องเป็นทีวัด

6. เทศน์มหาชาติ ถ้าจัดเทศน์ที่บ้าน เราบอกเฉพาะคนในตระกูล ฟังกันไม่กี่คน ได้หรือป่าวครับ

6. เทศน์มหาชาติ ไม่ผูกตุง ไม่แขวนโคม เป็นอะไรหรือป่าวครับ

7. ถ้าเราต้องการฟังเทศน์ มหาชาติ ไปที่วัดแล้ว นิมนต์ พระขึ้นเทศน์ โดยระบุ กัณฑ์เทศน์ว่าเป็น กัณฑ์มหาชาติ ได้ หรือป่าวครับ

8. เทศน์มหาชาติ นั้น กัณฑ์ไหน เป็นที่นิยม มากครับ

9. เทศน์มหาชาติ ถ้าเราฟังไม่ครบ ทั้ง 13 กัณฑ์ ได้บุญเท่ากัน หรือป่าวครับ

10. เทศน์มหาชาติ นั้นจำเป็นต้องให้พระเป็น ผู้เทศน์ เสมอไป หรือ ป่าวครับ

11. เทศน์มหาชาติ ผมจะอ่านเองได้หรือป่าวครับ เห็น ปู่ ย่า ตา ยาย ท่าน บอกว่าเป็นกัณฑ์เทศน์ ศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยต้องเป็น สามเณร สมควรจะอ่าน ก็หมายความว่า ผมไม่สามารถ อ่านได้ใช่ หรือ ป่าวครับ

12. เทศน์มหาชาติ เป็นข้อความในพระไตรปิฏก หรือเป็นข้อความที่แต่งขึ้นมาในภายหลัง
 :25: :25: :c017: :c017:

ขอบคุณมาก ๆ ครับ
174  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: เรื่องเล่าของหัวใจแม่ จาก forward mail เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 09:14:50 am
การไม่เบียดเบียน กันเป็นสุขในโลก

 ;) ;)
175  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: จะช่วยอย่างไรดี ที่เห็น บุตร ทำร้าย บุพการี เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 04:53:19 pm
แจ้งตำรวจ ดีหรือป่าวครับ

หรือ ติดต่อ ประชาสงเคราะห์ เข้ามาดูแล

 :96:
176  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ไปเมือง เพชร ทำไม ? เมื่อ: มิถุนายน 09, 2010, 02:17:10 pm
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=655.0

อ่านลิงก์ ด้านบนประกอบด้วยครับ พวกผมหาภาพมาประกอบครับ
177  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มีประวัติ ของ สามเณร เก่ง ๆ ให้อ่านบ้างไหมครับ เมื่อ: มิถุนายน 02, 2010, 10:20:58 am
ยังขาดอีก 1 องค์คะ แนะนำเพิ่มอีก คะ

คะแนนเต็ม แน่

แต่หนูชอบ คะ เพราะเป็นเว็บบอร์ด ธรรมะ ที่หนูกล้าพิมพ์ ขอ

ได้รับน้ำใจดี ไม่เหมือนเว็บบอร์ด ธรรมะ อื่น ๆ ที่พอหนูถามไปก็บอกปัด เช่นถามเรื่องสามเณร ก็บอกว่าให้ค้นคว้าเอา

เว็บบอร์ดนี้หนูถามแค่วันเดียวก็ได้คำตอบแล้ว ที่อื่นผ่านมา  4 วันแล้วยังไม่ตอบหนูเลย คะ

 :25: :c017:
178  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มีประวัติ ของ สามเณร เก่ง ๆ ให้อ่านบ้างไหมครับ เมื่อ: มิถุนายน 01, 2010, 02:28:52 pm
พวกเรา ขอบคุณ ลุงปุ้ม มาก ๆ ครับ

ที่ให้ข้อมูล ครับ 
 :08:
:25:
179  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: การสมัคร เพื่อฝากภาพ และ วิธีการโพสต์รูป step by step เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2010, 08:33:41 am
ขอวิธี โพสต์ วีดีโอ ด้วย youtube

 ;)  ;)
หน้า: 1 ... 3 4 [5]