ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - chutina
หน้า: 1 2 [3]
81  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มีวิีธีการ ขึ้นห้องวิปัสสนา แบบสุกขวิปัสสก หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 12:41:21 pm
มีวิีธีการ ขึ้นห้องวิปัสสนา แบบสุกขวิปัสสก หรือป่าวคะ
82  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ศีล นับความหมดจดเมื่อใดคะ เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 12:40:36 pm
อยากทราบเวลาเรารักษา ศีล นั้นต้องใช้เวลาเท่าใด จึงจะเรียกว่า ศีลนี้บริสุทธิ์ คะ
83  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ในโลกนี้ มีใครไม่เคยทำผิด บ้าง ควรอภัยให้คนทำผิดบ้างหรือไม่ เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 09:45:51 pm
เรื่องของการกลับใจ นั้นเป็นเรื่องที่ควรอนุโมทนา คะ

  แต่คนทำผิดมาแล้ว การที่จะให้คนปุุถุชนอภัยให้นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบากใจมากคะ

  เนื่องด้วย ปุถุชน ย่อมมีอาการ รัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดาคะ

 สิ่งสำคัญคนที่กลับใจ ต้องมีความอดทน และ ไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งต่อไป

แต่เท่าที่เห็นมา คนที่บอกว่ากลับใจนั้น ก็มักจะทำผิด แบบเดิมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าคะ

ดังนั้น การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีในเบื้องต้น แต่ อาจจะเจ็บปวดได้ ถ้าผู้ที่ทำผิดนั้น ทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3

และ ไปเรื่อย ๆ คะ
 :25: :25: :25:
84  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เมื่อ: มกราคม 02, 2011, 10:19:53 am
ประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
พระอธิการย้อย
ฉายา ปุญญมี
ชื่อเดิม ย้อย นามสกุลชาติภูมิ
เกิดวันที่ 1 กรกฎาคม 2435 ปีมะโรง ที่บ้านโรงเหล้า (บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เชื้อชาติไทย
สัญชาติไทย บิดาชื่อ นายนิ่ม เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ มารดาชื่อ นางแป๋ เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
ก่อนบรรพชาอุปสมบท อยู่บ้านโรงเหล้า(บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
การศึกษา
การศึกษา ประถมปีที่ 4 พ.ศ.2452 ที่วัดวังแดงเหนือ
บรรพชาที่วัดอัมพวัน อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2452 อายุ 16 ปี เศษ มีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท
อุปสมบทที่วัดอัมพวัน อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2456 อายุ 21 ปีมีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
มีพระใบฎีกาโป๋ วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์มีพระใบฎีกานาค วัดสมุหประดิษฐาราม อำเภอเสาไห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ตำแหน่งตามพรบ.คณะสงฆ์
ตำแหน่ง พระอธิการเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เมื่อ พ.ศ.2461 อายุ 26 ปี
มรณภาพ
วันที่ 19 ธันวาคม 2525 รวมอายุ 90 ปี รวม 72 พรรษา
 
สำหรับประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี นั้น เป็นที่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้เขียนที่สามารถจะเขียนได้อย่าง ละเอียดได้ เพราะว่าลูกศิษย์หลายท่านที่จะนำไปทำประวัติ
รวมทั้งคุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียนเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน ได้ไปสอบถามกับหลวงพ่อย้อยด้วยตัวเอง 2-3 ครั้ง
ท่านเพียงแต่บอกว่าไม่ต้องเอาไปลงหรอก ทุกครั้งไป จึงเป็นเรื่องจนปัญญาที่จะหาประวัติอย่างละเอียดของท่านได้ เท่าที่ค้นหาได้จากทะเบียนพระภิกษุวัดอัมพวันตามรายละเอียดที่
ปรากฎข้างต้นนี้ อาจารย์ผู้สั่งสอนเวทย์มนต์คาถา ตำราต่างๆ ให้แก่ท่านคือ หลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ที่เป็นพระพระกรรมวาจาจารย์ ตอนที่ท่านอุปสมบทนั่นเอง
หลวงพ่อย้อยเป็นพระภิกษุผู้ทรงศีล บริสุทธิ์ ที่เจริญด้วยเมตตาอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้พบท่านมาแล้วคงจะได้เคยเห็นว่าเวลาท่านฉันอาหารไม่ว่าเช้าหรือเพล
แทบจะกล่าวได้ว่าทุกเวลาที่ท่านฉันจะมี สุนัขและแมวล้อมรอบตัวท่านและสำรับกับข้าวของท่านจำนวนมาก ท่านไม่เคยไล่ให้หนีออกไปเลย ท่านฉันอาหารไป ท่านก็ให้อาหารสุนัข
แมวไปด้วยทุกครั้ง ยุงที่กัดท่านก็ไม่เคยที่กัดท่านไม่เคยถูกไล่หรือตี มีลูกศิษย์จะตีให้ก็ไม่ยอมให้ตีบอกแต่เพียงว่าเขาอิ่มแล้วเขาก็ไป คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของท่านก็คือ
ท่านไม่เคยขัดศรัทธาของผู้ที่ไปหาท่าน ต้องการให้ท่านทำ หรือช่วยอย่างไร ท่านทำให้ทุกอย่าง ท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์คาถาแต่ใช้ในทางที่ถูกเท่านั้น ช่วยเหลือ,ป้องกันภัย
ไม่ว่าจะลงกระหม่อม ทำน้ำมนต์อาบให้ หรือปลุกเสกเครื่องลางของขลังไว้ป้องกันตัวจากภัย อันตรายต่างๆ ที่ถูกผู้อื่นทำใส่ หรือที่เรียกว่า”คุณไสย” ท่านเป็นทำให้ทั้งนั้น
ไม่เคยขัดคำขอร้องของผู้ไปหาเลย อีกประการหนึ่งท่านมีประสาทหูเสีย (หูหนวก) จึงมีสมาธิดีกว่าปกติ เพราะไม่สามารถฟังเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง
ของขลังของท่านจึงศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธานุภาพมาก แม้กระทั่งว่าท่านเจ้าคุณพระมหานายก วัดบวรนิเวศ ลูกศิษย์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก
สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่าท่านสมเด็จพระญาณสังวร ทรงมีและคาดตระกรุดหลวงพ่อย้อยที่เอวท่านประจำ ปรากฏการณ์ ผลศักดิ์ สิทธิ์และ
อภินิหารเป็นที่เลื่องลือในบรรดาลูกศิษย์และคนทั่วไปที่ได้เคยมีประสบการณ์มาแล้ว
เช่น 1.คุณศุกลรัตน์ ธนรัตน์ติกานนท์ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้เล่าให้ฟังว่า ได้กำลังเดินข้ามถนน
บังเอิญไปคนคนแก่กำลังข้ามจึงได้ อาสาช่วยจูงข้าม ระหว่างข้ามถนนนั้นมีรถตู้วิ่งมาอย่างเร็วเบรคอย่างแรงด้วยความตกใจ จนรถเกือบชนอีกไม่กี่นิ้วก็ถึงตัว
ซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์นั้นคิดว่ายังไงๆ 2 คนต้องถูกรถชนตายอย่างแน่นอน หลังจากเกิดเหตุคุณศุกลรัตน์ ธนรัตน์ติกานนท์
ได้คุยกับคนขับได้ความว่าที่เบรคนั้น เห็นภาพพระแก่ๆ ข้ามถนนจึงเบรค ไม่ได้เห็นตนเองกับคนแก่ที่ได้จูงข้ามเลย ทั้งๆที่นั้นไม่ปรากฎพระรูปใดๆอยู่เลย
แสดงความแปลกใจให้กับคุณศุกลรัตน์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกขึ้นได้ว่าได้แขวนพระเหรียญหลวงพ่อย้อยรุ่น 2 ด้านหลังมีหลวงพ่อขาวไว้ในคอ เพียงองค์เดียว
เจ้าตัวจึงศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อว่า ท่านได้มาช่วยเราปลอดภัย ตั้งแต่นั้นมาพระองค์นี้ไม่เคยห่างกายเลย และยังเป็นที่เคารพศรัทธาตลอดมา
2.ครั้งหนึ่งมีคุณป้าคนหนึ่งเดินทางไป ทัศนาจร นครเวียงจันทน์ และตอนกลับได้ซื้อของจากเวียงจันทน์ข้ามฝั่งมาไทยหลายสิ่งหลายอย่าง ปรากฎว่าในคณะที่ไปด้วยกันนั้นถูกด่านตรวจและยึดสิ่งของไปหมด ครั้นตรวจมาถึงคุณป้าคนนี้คนตรวจกลับถามว่าป้ามาจากไหน คุณป้าตอบว่ามาจากสระบุรี คนตรวจถามเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินผ่านไป โดยไม่ได้ตรวจค้นสิ่งของและยึดของเหมือนคนก่อนๆ ปรากฎว่าเพราะคุณป้าคนนี้มีตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชติดตัวไปด้วย และมีเพียงอย่างเดียว ในขณะที่เขากำลังตรวจคนอื่นอยู่นั้นคุณป้าไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยยกมือจับที่ตระกรุดและนึกถึงหลวงพ่อย้อย พร้อมกับรำพึงขอให้หลวงพ่อย้อยช่วยให้แคล้วคลาดไปสักครั้งเถิด (มาจากเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน คุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียน)
3.อีกรายหนึ่งรถคว่ำ ทุกคนบนรถบาดเจ็บล้มตามกัน แต่ตัวเขาเองไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย และมีมหาจักรพรรตราธิราชเพียงดอกเดียว หลังจากนั้นไม่กี่วันปรากฎว่าเขาผู้นี้ได้ไปหาหลวงพ่อย้อยที่วัด และขอสั่งจองมหาจักรพรรตราธิราชอีกถึง 10 ดอก(มาจากเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน คุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียน)
เคยมีผู้กล่าวว่า ใครมีของขลังของหลวงพ่อย้อยไว้กับตัวไม่ต้องกลัวภัย โดยเฉพาะตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชด้วยแล้ว มีคุณานุภาพมากมายแล้วแต่จะอธิฐานใช้เอา ย่อมเกิดผลให้ทันตาเห็น สมกับที่หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบเท่ากับแก้วสารพัดนึกนั่นเทียว แต่ทั้งนี้ต้องใช้ในทางที่ถูกที่ควร และสิ่งที่เป็นไปได้

ที่มาเนื้อหา
http://www.ampawun.com/L1.htm
85  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่ง เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 06:46:59 pm
บางอย่างก็เป็นมารยาททางสังคมคะ

เดินมาแล้วไม่พูด ก็ไม่ถูก ไปไม่ลา มาไม่ไหว้ เพราะเห็นว่า เป็นเพียงสมมุติ ก็ไม่ถูกคะ
 :smiley_confused1:
86  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ** 7 .. ความเชื่อผิดๆ.. เมื่อเป็นไข้หวัด ** เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 10:14:17 am
** 7 .. ความเชื่อผิดๆ.. เมื่อเป็นไข้หวัด **
 
..เวลาจามให้เอามือปิดปาก ..เวลามีไข้ให้นอนพักผ่อนเยอะๆ ..ไม่ควรออกกำลังกาย หลากความเชื่อแสนคลาสสิกที่ได้ยินกันมานาน
       
       เชื่อว่าหลายคนต้องมีแอบสงสัย -> จริงมั้ยนะกับความเชื่อเหล่านี้!!
       
       เอางี้ดีกว่า เรามาฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันค่ะ ว่าความเชื่อไหนกันที่ถูก แล้วความเชื่อไหนบ้างที่ผิด เผื่อคุณๆ จะได้เอาไว้เป็นแนวปฏิบัติตัวให้หลีกไกลโรคไข้หวัด ในภาวะฝนตกชุกอย่างช่วงนี้ไงคะ
       
        ความเชื่อที่1 : ห้ามออกจากบ้าน ขณะที่ผมยังเปียก

   
        ข้อเท็จจริง ถึงผมไม่เปียกก็เป็นหวัดได้ ถ้ารับเชื้อหวัดเข้าไป
       
       หลายคนมีความเชื่อว่า หากออกจากบ้านในขณะที่ผมเปียก ศีรษะเย็น จะเสี่ยงต่อการเป็นหวัด ทว่าความจริงแล้วผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ Rachel Vreeman คุณหมอด้านกุมารเวชศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย Indiana เปิดเผยว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าผมคุณจะเปียก หรือไม่เปียก คุณก็สามารถเป็นไข้หวัดได้ หากได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดเข้าไป
       
       “เราได้ทำการศึกษา วิจัยกับคน 2 กลุ่ม โดยฉีดเชื้อไวรัสไข้หวัดเข้าไปในจมูกของอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่ม หลังจากนั้นให้คนกลุ่มหนึ่งอยู่ในสภาพอากาศที่เปียกและเย็น อีกกลุ่มอยู่ในสภาพอากาศปกติ ซึ่งผลวิจัยพบว่า คนทั้งสองกลุ่มไม่ได้มีแนวโน้มในการเจ็บป่วยที่แตกต่างกันเลย ดังนั้นการเป็นหวัดจึงมาจากเชื้อไวรัสมากกว่าสภาพอากาศ”
       
        ความเชื่อที่2 : เป็นไข้แล้ว กินอาหารน้อยลงกว่าปกติ

   
        ข้อเท็จจริง ต้องกินอาหารที่ดี และมีประโยชน์ให้มากกว่าปกติ
       
       ข้อนี้ไม่ถึงกับเป็น ความเชื่อที่ผิด แต่คุณหมอVreeman ระบุว่า คนส่วนใหญ่มักปล่อยเลยตามเลย พอป่วยรู้สึกเบื่ออาหารก็จะไม่กิน หรือกินน้อยลง ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ค่ะ
       
       เพราะแท้จริงแล้วเมื่อเป็นหวัด ร่างกายจะต้องการพลังงานจากอาหารมากกว่าปกติ เพื่อนำไปต่อสู้กับเชื้อไข้หวัด
       
       ดังนั้นหากมีไข้ เป็นหวัด จำให้ขึ้นใจว่า ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพยายามดื่มน้ำมากขึ้น ร่างกายจะได้ไม่แย่ไปกว่าเดิมไงล่ะ
       
        ความเชื่อที่3 : ห้ามดื่มนมวัว เดี๋ยวน้ำมูกเยอะ

   
        ข้อเท็จจริง นมวัวไม่ได้ทำให้ปริมาณน้ำมูกเพิ่มขึ้น
       
       สำหรับความเชื่อนี้ คุณหมอVreeman แห่งมหาวิทยาลัย Indiana ฟันธงว่า ไม่เป็นความจริงค่ะ
       
       “คนส่วนใหญ่รวมถึง กุมารเวชศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า นมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัว จะเพิ่มการผลิตเมือก ซึ่งนั่นหมายถึงจะทำให้มีน้ำมูกมากขึ้น
       
       แต่จากผลการศึกษาด้วยวิธีการให้คนกลุ่มหนึ่งดื่นนมวัว อีกกลุ่มให้ดื่นนมถั่วเหลือง ผลก็ยังปรากฏว่า ปริมาณน้ำมูกของคนทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันเลย”
       
        ความเชื่อที่4 : จับหน้าผาก สังเกตอาการไข้

   
        ข้อเท็จจริง ใบหน้าสามารถสังเกตอาการไข้ได้รวดเร็วกว่าที่หน้าผาก
       
       แท้จริงแล้ว การสังเกตตัวเองหรือคนใกล้ตัวว่าเริ่มมีอาการไข้หรือไม่นั้น ควรสังเกตที่ใบหน้ามากกว่าการเอามือแตะหน้าผากอย่างที่หลายคนเคยชิน
       
        Daniel Sessler นักวิจัยแห่ง Cleveland Clinic ระบุ ว่า ใบหน้าของเราจะบอกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงร่างกายได้มากที่สุด (มากกว่าศีรษะเสียอีก) ดังนั้นหากเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อน ก็ไม่ต้องรอให้หน้าผากหรือศีรษะร้อนค่ะ เร่งควาญหาเสื้อหนาๆ มาใส่ให้อบอุ่นได้เลย เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนของอาการไข้หวัดแล้ว
       
        ความเชื่อที่5 : กินซุปไก่ น้ำแกงชั้นยอด ช่วยลดไข้หวัดได้

   
        ข้อเท็จจริง ช่วยได้จริง แต่จะดียิ่งขึ้นถ้าในน้ำซุปมีผักอยู่ด้วย
       
       มีการกล่าวขานว่า ซุปไก่เป็นยารักษาหวัดตามธรรมชาติ ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Nebraska ให้ข้อมูลว่า เป็นความเชื่อที่ถูกต้องแล้ว เพราะไก่มีโปรตีน และกรดอะมิโนตามธรรมชาติ ที่ออกฤทธิ์เหมือนยาขับเสมหะ
       
       แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมที่จะใส่ผัก เข้าไปด้วยนะคะ เพราะผักอย่าง หอม หรือกระเทียม จะทำให้ซุปไก่ มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นค่ะ
       
        ความเชื่อที่6 : เมื่อเป็นไข้ ควรผักผ่อนเยอะๆ และห้ามออกกำลังกาย

   
        ข้อเท็จจริง คุณต้องการการผักผ่อนก็จริง แต่การออกกำลังกายสักเล็กน้อยจะทำให้คุณรู้สึกดียิ่งขึ้น
       
       ข้อนี้เป็นความเชื่อฝังแน่น ที่หลายท่านคงได้ยินมาบ่อยๆ ส่วนข้อเท็จจริงสำหรับกรณีนี้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัย Ball State ได้ ทำการศึกษากับอาสาสมัคร 2 กลุ่มที่เป็นหวัด โดยให้กลุ่มหนึ่งออกกำลังกาย 30 นาทีต่อครั้ง และ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่อีกกลุ่มพักผ่อนเฉยๆ โดยไม่มีการออกกำลังกาย และผลการศึกษาพบว่า แม้การหายจากภาวะป่วยของคนทั้งสองกลุ่มจะใช้เวลาไม่ต่างกัน แต่ในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายจะรู้สึกดีกว่าสบายตัวกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย
       
       อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยชิ้นนี้ระบุด้วยว่า การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ จะเกิดผลดีต่อร่างกายของคุณ แต่หากคุณกำลังป่วย แล้วดันไปออกกำลังกายหักโหม เช่น มากกว่า 90 นาทีต่อครั้ง ถือว่าไม่ดีนะคะ เพราะเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายเราเจ็บป่วยมากกว่าเดิมค่ะ
       
        ความเชื่อที่7 : การใช้มือปิดปากเมื่อจาม

   
        ข้อเท็จจริง ไม่ควรทำ เพราะจะยิ่งทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้มากขึ้น
       
       เรื่องนี้หลายคนอาจ เคยได้ยินกันมาแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เลยต้องเตือนกันอีกทีว่า แม้การใช้มือปิดปากระหว่างไอหรือจามจะดูสุภาพ แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เชื้อโรคแพร่ไปยังผู้อื่นได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อเราไอหรือจามใส่มือ เชื้อโรคที่ติดอยู่ในมือจะสามารถแพร่ไปติดใครต่อใครได้ง่าย ผ่านจากการสัมผัสสิ่งต่างๆ เช่น โทรศัพท์ ปุ่มกดลิฟท์ หรือแม้แต่ลูกบิดประตู
       
       ดังนั้นวิธีที่ดีที่ สุดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อคือ เมื่อเป็นไข้หวัดควรล้างมือบ่อยๆ ใช้กระดาษทิชชูแทนผ้าเช็ดหน้า จะได้ใช้แล้วทิ้งไปเลย แต่หากไม่มีทิชชู เมื่อไอหรือจามควรใช้วิธีจามใส่ข้อศอกด้านในของตัวเอง เพราะเป็นจุดที่แพร่เชื้อโรคได้น้อยกว่ามือของเราค่ะ
87  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: โหด! แม่อินเดียทิ้งลูกแฝดหญิงลงตึก เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 09:54:48 am
กล้องวงจรปิดหลักฐานมัดตัว  แม่ใจยักษ์โยนลูกแฝดแรกเกิดเพศหญิงออกมาจากหน้าต่างของห้องน้ำโรงพยาบาล เหลือแต่แฝดชาย



ที่มาข่าวสนับสนุนภาพ

http://news.clipmass.com/story/%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%94-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9D%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B6%E0%B8%81---20254
88  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย เมื่อ: ธันวาคม 30, 2010, 11:01:09 am
เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ก่อนรถตู้พลิกคว่ำหลายตลบ ประตูหลุดผู้โดยสารกระเด็นออกจากนอกตัวรถร่างร่วงกระแทกพื้นดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย

พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.สน.วิภาดี รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบนทางด่วนโทลเวลย์ ฝั่งขาเข้าช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณู และ ม.เกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง เจ้าหน้าที่พบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายทะเบียน 13-7795 กทม. เลขข้างรถ ต 11827 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีชัยสมรภูมิ เสียหลักพลิกคว่ำจนสภาพรถพังยับเยิน

โดยมีผู้โดยสารชายหญิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 6คน ห่างไปเล็กน้อยพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กทม.จอดอยู่กลางทางด่วนในสภาพหน้ารถพังยับเยิน ตรวจสอบข้างในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตเป็นการด่วน

ขณะเดียวกันบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตช่องทางคู่ขนานฝั่งขาเข้า ช่วงสะพานลอยด้านหน้าสำนักงานปรมาณู และข้างคลองริมรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตชายหญิง ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถตู้ที่กระเด็นตกลงมาจากทางด่วน กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน จำนวน 6 ศพ  นอก จากนี้ยังพบศพกระเด็นไปติดอยู่บนสะพานลอยคนข้ามถนนอีก 1 ศพ และอีก 1 ศพกระเด็นตกลงไปในคลองข้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมแล้วมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นชาย 5 หญิง 3 ส่วนบนพื้นถนนเต็มไปด้วยเศษกระจก เศษเหล็กเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบปิดการจราจร เพื่อเคลียร์พื้นที่ส่งผลให้การจราจรเส้นทางวิภาวดีฝั่งขาเข้านั้นติดขัด อย่างหนักยาวไปจนถึงรังสิต

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถตู้โดยสารคันดังกล่าวกำลังวิ่งไปส่งผู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ ชัยฯ มาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ก็ถูกรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค คู่กรณี ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชนท้ายอย่างจังจนทำให้รถตู้เสียหลักพลิก คว่ำหลายตลบ กระจกแตก ประตูหลุด จนผู้โดยสารกระเด็นออกจากนอกตัวรถจนได้รับบาดเจ็บ และร่วงลงมาเสียชีวิตด้านล่างดังกล่าว

รายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 8 รายประกอบด้วย

1.นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 40/73 ซอยอารีย์ 4 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและสารสนเทศ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง ม.ธรรมศาสตร์

2.นายศาสตรา เช้าเที่ยง เจ้าหน้าที่ประจำ สวทช. สภาพศพห้อยอยู่บนสะพานลอยคนข้าม

3.นายปรัชญา คันธา อายุ 21 ปี อยู่้บ้านเลขที่ 105/29 หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

4.นายอุกฤษฎ์ รัตนโฉมศรี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 1 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นักวิจัยไบโอเทค

5.น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลานสาวของนางนฤมล นิลวรรณ ดารานักแสดงตัวประกอบรุ่นใหญ่

6.นางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี คนขับรถตู้

7.นายเกียรตินัน รอดอารี อายุ 23 ปี

8.น.ส.ตรอง สุดธนกิจ 24 ปี 

ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมด 7 รายประกอบด้วย 1.น.ส.กัญจน์นภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี 2.นายวรัญญู เกตุชู อายุ 20 ปี 3.น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 18 ปี คนขับรถเก๋ง 4.นายมูฮัมหมัด ชารีฟ อายุ 31 ปี 5.นายวิสรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี 6.นายสุนทร ปิตตาทานัง อายุ 43 ปี และ 7.หญิงไทยไม่ทราบชื่อ

ความคืบหน้าล่าสุด นายณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พระเอกชื่อดังจากค่ายเอ็กแซ็กท์ ได้ยอมรับแล้วว่าคนขับซีวิคที่ชนรถตู้จนมีคนเสียชีวิต คือน้องสาวต่างมารดา ชื่อจริง นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา วัย 18 ปี มีชื่อเล่นว่า แพรวา

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูงประมาณ 100กม./ชม. ก่อนที่จะสะบัดแล้วพุ่งชนรถตู้อย่างจัง เบื้องต้น นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ถูกตั้งข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ อย่างไรก็ดี นางสาวอรชร ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยให้การว่า เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน ก็มาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

ที่มา
http://news.sanook.com/991173-%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-8.html
89  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อวยพรส่งท้ายปีเก่า 2553 และ ต้อนรับปีใหม่ 2554 กันเถอะคร้า.... เมื่อ: ธันวาคม 30, 2010, 10:15:09 am


ขอให้ท่านมีความสุข อบอุ่นด้วยธรรม

ไปไหนก็โชคดี ปลอดภัย ห่างจากหมู่มาร

จากใจ Chutina
90  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: 4โจรชั่วทุบพระชราก่อนจับมัดปล้นเงิน4พัน เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 04:38:24 pm
เรื่องนี้ มีความสำคัญ ตามกำลังเลยครับ เพราะเหตุเกิดที่ กทม ถ้าเกิด ที่ 3 จว. ภาคใต้จะถือว่า

เป็นเรื่องปกติ แต่เกิดในกรุง นี่คงปล่อยไว้ไม่ได้ จ้า

  เพราะโดยส่วนตัว ก็ต้องระวังตัวอยู่แล้ว เวลาเข้าห้าง บริเวณที่จอดรถ ต้องคอยดูระมัดระวัง

ตัวอยู่เสมอ แต่กรณ๊อย่างนี้ เกิดกับพระสงฆ์ที่ไม่มีทางสู้ อยู่อีก

  ขอให้กรรมตามสนอง คนพวกนี้ เร็ว ๆ

  :'( :'( :'(
91  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ประเพณีตานข้าวจี่ข้าวหลาม ข้าวใหม่ วันพุธที่ 19 มกราคม 2554 ลำปาง เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 03:09:12 pm
ก็ขอเจินจาวล้านนาเฮาฮ่วมกั๋นอนุรักษ์ฮักษาป๋าเพณีอันดีงามของบ้านเฮาไว้ เน้อ

ก็ขอเชิญชาวล้านนาเราร่วมกันอนุรักษ์รักษาประเพณีอันดีงานของบ้านเราไว้ ด้วย

 :25:
หน้า: 1 2 [3]