ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?  (อ่าน 4102 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

chutina

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุญาต พระอาจารย์ นำความรู้ที่ได้จากพระอาจารย์ มากล่าวบ้างนะคะ ในช่วงที่พระอาจารย์ เข้ากรรมฐานอยู่



 จากหัวข้อที่ตั้งเป็นกระทู้ นะคะว่า สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?

 โดยส่วนตัวเมื่อก่อน ก็คิดอย่างนั้น คะ และ ก็มีความเห็นว่าส่วนตัวว่า สมถะกรรมฐาน ให้ผลเพียงเป็น พรหม หรือ ฌาณ เท่านั้น ก็คิดมาอย่างนี้จริง ๆ

 จนกระทั่งได้สนทนา กับพระอาจารย์ ทางเมล เป็นเวลาพอสมควร ก็ 1 ปี วันนี้ขอพูดตามตรงว่า ที่รู้มาเหมือนไม่ได้รู้จริง คือ ขาด นิสัมมะกะระณังเสยโย คือกระทำการพิจารณาธรรม ที่เรียนมา

  สมถะกรรมฐาน มีอยู่ 40 กองกรรมฐาน ตามภูมิธรรมกรรมฐาน และ หลายครูอาจารย์ ก็มักจะอธิบายว่าเป็นเพียง พรหม ให้ผลเพียง ฌาน แต่ที่จริงแล้ว

  กรรมฐาน ทั้ง 40 กองนั้น กลับเป็น สมถะวิปัสสนากรรมฐาน โดยสมบูรณ์เลยคะไม่ใช่ให้ผลเพียง พรหม เท่านั้น

  ยกตัวอย่าง ง่าย ๆ นะคะ  อานาปานสติ มี 16 ขั้นตอน จัดเป็น มหาสติปัฏฐาน 4 ด้วย เป็นทั้งสมถะ และ วิปัสสนา ใช่หรือไม่คะ

  อาหาเรปฏิกูลสัญญา ก็เป็นปัจเวกขณ ด้วยปัญญา พิจารณา ธาตุ ก็เป็นวิปัสสนา ใช่หรือไม่คะ

  จตุธาตุววัตตถาน ก็เป็น อันเดียวกับ ธาตุบรรพ ในมหาสติปัฏฐาน

  กสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ แสงสว่าง ก็จัดเป็น ธาตุบรรพ ใน มหาสติปัฏฐาน

  อสุภะกรรมฐาน ก็เหมือนกันมีการพิจารณาตามความเป็นจริง ในอาการ 32 ด้วย

  กายคตาสติ ก็พิจารณา อาการ 32 โดยตรง

  แหม ยกแค่ นี้ ดิฉันก็อึ้งแล้ว พิจารณา กำลังหลัก แล้ว บอกว่าให้ผลเพียงเป็นพรหม อันนี้พูดผิดแน่นอน จัดเป็นสมถะฝ่ายเดียว ก็ผิดไปใหญ่

  พอได้ฟัง เหตุและผล ที่ยกมา จึงรู้ทันทีว่า ความสำคัญของ ครูอาจารย์ ที่สอนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องเป็นผู้ปฏิบัติจริง จึงรู้จริง ไม่ใช่จำมาพูดเพียงเท่านั้น

   ดังนั้น ในวันนี้ สำหรับดิฉัน แล้ว กรรมฐาน 40 กองที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้แล้วนั้น ไม่ใช่เป็นเพียง สมถะกรรมฐาน เท่านั้น แต่ต้องเป็น สมถะวิปัสสนากรรมฐาน โดยสมบูรณ์

  ขอบคุณพระอาจารย์ ที่ช่วยชี้แนะเจ้าคะ

   :25: :25: :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ยุวธิดา

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 73
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 09:57:04 am »
0
พิจารณา ดูก็ใช่ เนอะ

ถึงว่าได้ยิน พระอาจารย์ ย้ำแล้ว ย้ำอีกว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับเป็น สมถะ และ วิปัสสนา ในกรรมฐานเอง

 :character0029:
บันทึกการเข้า
เกิดเป็นคนต้องสร้างตนให้มีดี เรียนทั้งทีต้องสร้างดีศรีแก่ตน
เป็นอยุ่ด้วยความพอเพียง ดีกว่าฟุ้งเฟ้อจนเป็นทุกข์

วิชชุดา

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 275
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 10:00:29 am »
0
เห็นด้วยอย่างยิ่ง คะ

 :58: :13:
บันทึกการเข้า
ขอให้ทุกท่าน จงเป็นผู้มีความสุข กันทุกคนนะจ๊ะ

miracle

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 26
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 12:41:28 pm »
0
กระจ่างใจ ดีคะ เคยคิดเหมือนกันว่า กรรมฐาน 40 กองเป็นแค่ สมถะกรรมฐาน
ได้อ่านคำอธิบาย แม้จะสั้น แต่มองเห็นตามทันทีเลยคะว่า เราเข้าใจผิด แท้ที่จิรง เป็นทั้งสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ขอบคุณที่ อธิบายคะ

  คงต้องส่งเมล ส่วนตัวถามพระอาจารย์บ้างแล้วคะ

   :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 01:41:08 pm »
0
ผลสมาบัติ ไม่ใช่ ขณิกะ สมาธิ และ อุปจาระสมาธิ แน่นอนครับ

 ผลสมาบัติ เป็น สมาบัติของพระอริยะสายสุกขวิปัสสก พวก ปัญญาวิมุตติ

ฌานสมาบัติ วิหารสมาบัติ นิโรธสมาบัติ สัญญาเวทยิตนิโรธ เจโตสมาธิอนิิมิต เป็น อัปปนาสมาธิ

ไม่ใช่ ขณิกะสมาธิ และ อุปจาระสมาธิ แน่นอนครับ ส่วนนี้ส่วนของพระอริยะ  พวก เจโตวิมุตติ

 :67: :67: :67:
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

Sitti

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 05:08:31 pm »
0
และคห.ท่านอื่นในกระทู้นั้นก็น่าสนใจครับ

ถ้ายังคิดว่ายากอยู่อีก   ก็แนะนำการปฏิบัติธรรมง่ายๆแต่ได้ผลไว และชัดเจนเช่นกัน คือ

ปฏิบัติธรรม>>>>  ดูกิเลสในจิต   ให้เห็นชัดๆว่ามันพาให้เราทุกข์อย่างไร

เมื่อเห็นแล้วรีบกำจัดมันออกไปจากจิตของเรา  ถ้ายังไม่เก่งปานนั้น เอาหินทับไว้ก่อน(กดข่มไว้ด้วยใจ)

ทำให้มันอ่อนแรงแล้วรีบหาวิธีกำจัดมันออกไปโดยเร็ว

กิเลส คือความชั่วความไม่ดีในจิต มันจะพาให้กาย วาจา ทำผิดทำชั่วไปด้วย เช่น

       =  ความโกรธ ไม่พอใจ  อยากฆ่าอยากทำร้าย อยากด่า อยากบ่นว่าิ  กลั่นแกล้ง
       =  ความโลภ  อยากได้มาเป็นของตน  อยากโขมย โกง  หลอกลวง  เบียดเบียน
       =  ความหลงคิดว่าการเสพกามรส  เพราะหู  ดูงาม  หอมกลิ่น  สัมผัสนุ่ม อร่อยลิ้น ฯลฯเป็นสิ่งดี
       =  พูดจาไม่ระวัง หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ และ โกหก มุสา
       =  หลงใหลในอบายมุขต่างๆ กินเหล้า  เล่นการพนัน เจ้าชู้ คบมิตรชั่ว  เที่ยวๆ  ขี้เกียจ

ทำได้แค่นี้(ระดับศีล ๕) ก็เป็นคนดี ได้แล้ว  หรืออยากเพิ่มระดับ ก็ทำอีก สามข้อได้คือ
       =  จู้จักประมาน ในการกินการใช้ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ที่อาศัย ให้พอเหมาะพอดี
       =  ระวังกาย วาจา ใจ ไม่ให้เพลิดเพลิน ไปกับกามคุณ ๕ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
          คอยสังวรลดละอยู่เสมอๆ อย่าให้เกิดกิเลส
       =  ระวังตัวตนไม่ให้มีอัตตาใหญ่โต ที่ต้องใหญ่ หรู เลิศ ยอด เยี่ยม เบ่งข่มคนอื่น
          พยายามลด ให้น้อยลงๆให้ได้  ให้กลัมมาสู่ธรรมดาสามัญ

ถ้าอยากเก่งก็ทำข้อนี้ให้ได้ 
       =  คือใช้ชีวิตอยู่ให้ได้โดยไม่สะสมเงินทอง ขยันขันแข็ง กินน้อย  ใช้น้อย  มีเหลือสละออกสู่สังคม

ถ้าอยากบรรลุธรรมชั้นสูงขึ้นไป ก็ทำในแต่ละข้อให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ 
ท่านว่า  ศีลพาให้ถึงนิพพาน ( สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ )

ใน กิมัตถิยสูตร อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ข้อ ๑ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดงอานิสงส์ของศีลที่เป็นกุศล คือ กุศลศีล ที่มีกุศลจิตเป็นสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้ ๑๐
ประการ คือ
๑. ศีลที่เป็นกุศลมีอวิปปฏิสาร คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๒. ความไม่เดือดร้อนใจมีความปราโมทย์เป็นผล เป็นอานิสงส์
๓. ความปราโมทย์มีปีติเป็นผล เป็นอานิสงส์
๔. ปีติมีปัสสัทธิ คือความสงบใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๕. ปัสสัทธิ มีสุข คือความสุขใจเป็นผล เป็นอานิสงส์
๖. สุขมีสมาธิเป็นผล เป็นอานิสงส์
๗. สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็นจริงเป็นผล เป็นอานิสงส์
๘. ยถาภูตญาณทัสสนะ มีนิพพิทาวิราคะ คือความหน่ายความคลายเป็นผล เป็นอานิสงส์
๙. นิพพิทาวิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่องหลุดพ้นเป็นผล
เป็นอานิสงส์
๑๐. ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหันต์โดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้

ในมหาปรินิพพานสูตรทีฆนิกาย มหาวรรค ว่า
ผู้มีศีลย่อมได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คือ
๑. ย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ ( ดังที่พระท่านแสดง
อานิสงส์ของศีลในเวลาให้ศีลว่า สีเลน โภคสมปทา )
๒. เกียรติศัพท์อันงามของผู้มีศีล ย่อมฟุ้งขจรไปไกล
๓. ผู้มีศีลเข้าไปสู่สมาคมใดๆ ย่อมเข้าไปอย่างองอาจไม่เก้อเขิน
๔. ผู้มีศีลย่อมไม่หลงทำกาละ ( คือไม่หลงในเวลาตาย )
๕. ผู้มีศีล ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ( สีเลน สุคตึ ยนฺติ )

จากคุณ    : P2wichai
บันทึกการเข้า
สิทธิ มาแว๊ว มาตามคำเชิญ แก๊งค์  อ๊บ